The Best Plan Is No Plan - ตะลุยสะหวันนะเขตครั้งแรกแบบจานด่วน


The Best Plan Is No Plan - ตะลุยสะหวันนะเขตครั้งแรกแบบจานด่วน

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านี่คือกระทู้รีวิว ห้องบลู ครั้งแรกของผม ยังไงฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ สำนวนอาจจะไม่ได้สละสลวยอะไรนักครับ


ความเป็นมาของทริปนี้เกิดจากบ่ายๆวันศุกร์อยู่ดีๆพวกเราในออฟฟิสก็เห็นโฆษณาในเฟสบุ๊ค โรงแรมเปิดใหม่ในเมืองสะหวันนะเขต สปป.ลาว เพื่อนบ้านที่น่ารักของเรา  โรงแรมที่ว่านี้ ชื่อสะหวัน คาเฟ่  (Savan Cafe' ) โรงแรมเพิ่งเปิดใหม่สดๆร้อนวันที่ 24 พย ที่ผ่านมา ด้วยภาพโฆษณาที่เราเห็นมันสะดุดตา โรงแรมนี้ ถูกบรรจงสร้างขึ้นมาด้วยคอนเซ็ป สไตล์เซี่ยงไฮ้ยุค 1940-1960 อารมณ์อาจารย์ยิปมัน ประมาณนั้น



ทริปนี้พวกเรามากันแบบรีบๆ กล่าวคือ เพิ่งคุยกันตอนเที่ยงของวันเดินทาง บ่ายสามกว่าๆก็ตัดสินใจกันมาเลย เอาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว  ด้วยจังหวัดที่เราทำงานอยู่นั้น ห่างจากด่านชายแดนมุกดาหารประมาณ 3 ชั่วโมง กว่าเราจะขับรถมาถึงที่นี่ก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว แล้วเราก็ต้องรีบนำรถไปจอดที่รับฝากบริเวณด่านสะพานข้ามโขง แล้วต่อรถท้องถื่นข้ามมายังฝั่งลาว (ด่านที่นี่จะปิด 4 ทุ่มครับ)  


หลังจากรถโดยสารท้องถิ่นพาเรามาถึงที่พัก บริเวณที่คนที่นี่เรียกว่าย่าน ตลาดสะหวันราตรี(เหมือนตลาดโต้รุ่งบ้านเรามีของกินของทานเล่นขาย) หรือ ย่านโบสเซนต์เทเรซา ซึ่งเป็นย่ายไชน่าทาวน์เก่าของที่นี่
(ห่างจากด่านสะพานประมาณ 11กม.) แต่ถ้าข้ามมาทางด่านเรือข้ามโขงที่ ตลาดอินโดจีน นี่ก็ถึงเลยครับ สะดวกดี


พอลงจากรถที่แวะส่งเราที่ หน้าตลาดสะหวันราตรี  เราก็เดินมาอีกประมาณ 50 เมตร  ก็พบว่ามีคนรอรับเราอยู่ที่หน้าโรงแรม  "ใช่ครับ พวกผมเอง" เสียงจากพวกเราที่ตอบรับพี่เล็ก เจ้าของโรงแรมใจดี  พี่เล็กบอกกับพวกเราว่าเราเป็นแขก 3 คน แรก อย่างเป็นทางการของโรงแรมพี่เค้า จุดนี้เลยครับที่พวกผมต่างประทับใจ ที่จะได้เป็นกลุ่มแรก 555+



โรงแรมแห่งนี้พี่เล็กเค้าสร้างขึ้นมาด้วย ความฝันของพี่เค้า  ใช้หัวใจและความรักสรรสร้างขึ้นมา  พี่เค้าเล่าให้พวกเราฝังว่าพอรู้ว่าพวกเราจะมาพัก เค้าก็ตื่นเต้นและเตรียมการอย่างดี  (เราแอบโทรมาสอบถามเส้นทางและราคาก่อนครับตอนบ่ายสามของวันเข้าพัก)



'ความฝัน'-ทำให้เราเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่เสมอ
Savan cafe'-กาแฟ / อาหาร / ห้องพัก / โฮสเทล / อาร์ต แกลลอรี่
ณ สะหวันนะเขต
-- นี่คือคอนเซปอย่างเป็นทางการของที่นี่ --





พอเข้ามาถึงโรงแรม สิ่งแรกที่เราได้พบคือ คาเฟ่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ มีความอบอุ่นเป็นกันเอง เราเข้าเช็คอิน  ราคาห้องพักถูกมากแค่คืนละ 800 บาท สำหรับโรงแรมคอนเซปดีๆแบบนี้  




หลังจากได้รับกุญแจแล้ว เราก็ ขึ้นห้อง เอากระเป๋าไปเก็บ ในรูปนี่คือ บรรยากาศทางเดิน  มันช่างได้อารมณ์จริงๆครับ


กลางโรงแรมจะมี บ่อน้ำสไตล์เก่าๆ (คอร์ท ยาร์ด) เหมาะกับบรรยากาศมากๆ



เปิดเข้ามาในห้องพักเราจะพบกับกลื่นอายของความคลาสสิค ของห้องนอนเป็นอย่างดี



ประตู หน้า ต่าง ระบบไฟ ถูก บรรจงสรรสร้างขึ้นมาอย่างใส่ใจ (เสียดาย จขกท ลืมถ่ายรูปห้องน้ำมา ห้องน้ำใหญ่มากกกกกกก)



เตียงนอนนุ่มๆ เหมาะกับการมาพักผ่อน เปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนที่กินเหล้า ยิ่งนัก



หลังจากพวกเราเก็บของเสร็จก็รีบมาหาอะไรทานที่ตลาด สะหวันราตรี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ



บรรยากาศคล้ายโต้รุ่งตามต่างจังหวัดของบ้านเรา มีร้านประมาณ 15-20 ร้านเห็นจะได้  มีพวก ลูกชิ้น ส้มตำ เบอร์เกอร์ ข้าวเปียก



เราเดินเล่นสักพักไม่ได้ซื้ออะไรทาน เพราะเราเตรียมจะเข้าไปนั่งทานและนั่งชิล ที่ร้าน สุกสะหวัน ซึ่งอยู่ติดตลาดนั่นเอง



บรรยากาศของร้านจะเป็นร้านนั่งชิลๆที่คนลาวนิยมมา สนทนาและดื่มเบียร์กัน เพลงที่เล่นส่วนมากจะเป็นเพลงไทย ปนเพลงสากลบ้าง



และ ที่สำคัญ เหตุผลที่หนุ่มโสดเรามากันคืนนี้ คือ มาตามหารักแท้ ที่อีกฝั่งของแม่น้ำโขง  



สาวๆที่นี่ น่ารักมาก มองไปทางไหนก็ใช่เลย ฮ่าๆๆ



พวกเรานั่งฟังเพลงไป กินเบียร์ลาวไป พร้อมกับปลดปล่อยอารมณ์หว่อง รับลมหนาสเย็นๆ จนถึงเวลาร้านปิด ประมาณ 23.00  เช็คบิลหมดไป สองแสนกว่าๆ ครับ 55+



ไฮไลต์ของที่ร้านนี้ไม่ใช้ ผู้สาวลาวอย่างที่พวกเราตั้งใจไว้ครับ แต่กลับเป็นคุณลุงคนนึงที่แกมาคนเดียว นั่งฟังเพลง และ หยอกล้อกับลูกค้าหลายๆคนที่เข้ามา  พวกเราเลยถามเด็กเสริฟที่ร้าน ได้ความว่าลุงแกเป็นแขกประจำของที่นี่  น้องที่มาด้วยกันเลยขอโอกาสวาดภาพลุงแกเป็นที่ระลึกซะเลย 55+


พอร้านปิด บรรยากาศทุกอย่างเงียบสงัด  ได้ยินแต่เสียงรถที่อยู่ไกลๆ พร้อมกับลมหนาวๆที่พัดผ่านเข้ามาให้พวกเราได้ฟินกับอากาศเย็นๆ




และแน่นอนครับ มันยังไม่จบ ที่นี่มีเธอที่เปิดถึงประมาณตี 1 กว่าๆ แต่พวกเราไม่ได้ไปครับ กลับซื้อเบียร์ไปกินบน ดาดฟ้าของโรงแรม ตามคำแนะนำของเจ้าของโรงแรมนั่นเอง


บรรยากาศบนดาดฟ้านั่น สุดแสนจะบรรยายครับ มองเห็นวิว แม่น้ำโขง พร้อมกับ ไฟของตึกรามบ้านช่อง ฝั่งมุกดาหาร



พวกเราเปิดเพลงจากมือถือเบาๆ ของพี่โจ้ วงพอส พร้อมกับเบียร์ลาวอีกจำนวนหนึ่ง นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศที่หาที่ไหนไม่ได้ พร้อมลมหนาวๆ ที่ทำให้เบียร์มันอร่อยขึ้นไปอีก 15 %  พอเบียร์หมดประมาณตี 3 เราก็แยกย้ายกันไปนอน "พร้อมกับความทรงจำดีๆ ที่ต้องกลับไปอีกอย่างแน่นอนครับ"

สรุป - เมืองสะหวันะเขตเป็นอีกเมืองนึงที่ไปง่าย เหมาะกับการไปพักผ่อนด้วยเวลาอันจำกัด หลายๆคนอยากหลีกหนีความแน่นของแหล่งท่องเที่ยงยอดฮิตในเมืองไทย ที่นี่เป็นอีกที่เลยครับที่ผมขอแนะนำ เมืองมีเสน่ห์ของตัวมันเอง อีกปีสองปี นักท่องเที่ยงคงเยอะกว่านี้เพราะได้ยินข่าวว่าหลายๆกลุ่มก็เตรียมเปิดคาเฟ่เปิดโรงแรม เปิดร้านอาหารครับ  ยังไงลองเดินทางไปค้นหาด้วยตัวคุณเองดูครับ เผลอๆอาจจะอยากใช้ชีวิตอยู่ที่ฝั่งลาวเหมือนคนไทยหลายๆคนก็เป็นได้ครับ

ปล.จขกท ประสบอุบัติเหตุ เล็กน้อยจนไหล่หลุดในตอนเช้าเลยต้องรีบกลับฝั่งไทยตั้งแต่ด่านเปิด เพื่อมาหาหมอที่ไทย เสียดายมากที่ไม่ได้เดินฟินบรรยากาศบ้านเมืองเก่าๆ ในตอนกลางวัน และ จิบกาแฟที่ Sooksavan Cafe' & Bistro 1966 แต่อย่างไรก็ตามสัญญากับตัวเองว่าจะกลับไปอีกอย่างแน่นอนครับ แล้ววันหลัวจะมารีวิวใหม่ครับขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่