Fantastic Beasts and Where to Find Them
อัศจรรย์เมืองเวทมนตร์และสัตว์ประหลาด
ในแว้บแรกที่รู้ว่านี่คือหนังที่สร้างจากผลงานวรรณกรรมของ J.K. Rowling ที่ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับเวทมนตร์แบบพ่อมดแม่มดเฉกเช่นเดียวกับ Harry Potter ในหัวก็พลันบอกกับตัวเองว่า ไม่ดูดีกว่า ถ้าไม่ชอบ Harry Potter อย่างไร เรื่องนี้ก็คงไม่แตกต่างกันมากหละมั้ง ขอบายดีกว่า
แต่พอได้ดูแล้ว ในฐานะคนที่ไม่ชอบและไม่อินกับ Harry Potter บอกได้เลยว่า แตกต่างกันจริงๆ
สิ่งที่เหมือนกันอย่างชัดเจนคือมีพื้นเรื่องอันเดียวกันนั่นคือ ตัวละครที่เป็นพ่อมดแม่มดนั้นอาศัยอยู่ในโลกที่มีทั้งโลกคนปกติและโลกอีกโลกหนึ่งของบรรดาผู้ใช้เวทมนตร์ซึ่งมีการใช้เรื่องราวหลายๆอย่างร่วมกัน คนที่ชื่นชอบ Harry Potter จึงอาจจะรู้สึกระดี้กระด้ามากเป็นพิเศษเมื่อในหนังเรื่องนี้มีการพูดถึงสิ่งที่มีอยู่แล้วในเรื่องของ Harry Potter นั่นทำให้กลุ่มคนเหล่านี้อาจจะเข้าใจหลายๆอย่างดีกว่าคนที่ไม่ใช่แฟน Harry Potter และมีความผูกพันเป็นพิเศษ แต่นอกเหนือไปกว่านั้นคือการที่หนังเล่าเรื่องราวของโลกเวทมนตร์อีกฉบับหนึ่งซึ่งแลดูกว้างใหญ่กว่าและจริงจังกว่าเรื่องราวของเหล่าบรรดาพ่อมดแม่มดวัยเด็ก มีรายละเอียดที่ต่อยอดและไปไกลมากขึ้น ชวนให้เรารู้สึกว่า นี่สิ โลกเวทมนตร์ที่แท้จริงต้องเป็นแบบนี้
นอกจากนี้เรื่องราวที่จริงจังและหนักแน่นก็ถูกพูดถึงในหนังเรื่องนี้มากขึ้นอย่างชัดเจนโดยเฉพาะประเด็นการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ทั่วไปกับเหล่าบรรดาพ่อมดแม่มด แม้ว่าในภาคนี้อาจจะยังไม่ถูกนำมาเล่นให้ชัดเจนมากเท่าที่ควรนักแต่ก็เป็นการเปิดประเด็นที่ดีและน่าสนใจ โดยเฉพาะความรักของตัวละครระหว่างมนุษย์และแม่มดที่กลายเป็นส่วนที่สร้างความโรแมนติกให้กับหนังได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดีโดยส่วนตัวแล้วแอบมีปัญหากับการทำความเข้าใจศัพท์แสงของวงการพ่อมดแม่มดที่ถูกนำมาใช้ในหนังตลอดทั้งเรื่องจนหลายครั้งต้องปล่อยผ่านไป แล้วให้บริบทของหนังอธิบายเท่าที่เราจะพอเข้าใจได้ นั่นหมายความว่าถ้าเราทำการบ้านมาดีสักหน่อยก็จะเข้าใจเรื่องราวและศัพท์แสงที่ใช้กันในวงการได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยทำให้สนุกกับหนังมากขึ้นได้อีกด้วย
แน่นอนว่าสิ่งที่เป็นจุดขายใหญ่ของหนังคงไม่พ้นงานด้านภาพที่ต้องเอาคนดูให้อยู่หมัดและก็สามารถทำได้เช่นนั้นจริงๆ งาน CG จัดว่าดีตามมาตรฐานทั่วไปของหนังใหญ่ระดับนี้อยู่แล้วเพียงแต่ว่าภาพที่เห็นกลับชวนแปลกตาและดูน่าอัศจรรย์เพิ่มมากขึ้นไปอีกเพราะมีเหล่าบรรดาสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างหน้าตาเหนือจินตนาการ บางตัวก็แอบน่าเกลียดน่ากลัว แต่บางตัวก็น่ารักน่าเอ็นดูดี
ในส่วนของตัวละครของเรื่องกลับรู้สึกชอบตัวละครมนุษย์ที่ถูกจับพลัดจับผลูให้เข้ามามีส่วนร่วมรู้เห็นในความวุ่นวายของโลกเวทมนตร์อย่างไม่ได้ตั้งใจมากกว่าตัวละครนำอย่าง Newt ที่รับบทโดย Eddie Redmayne ซึ่งแลดูแปลกและแอบน่ารำคาญอยู่ไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะในส่วนที่แอบโรแมนติกกันระหว่างตัวละครมนุษย์ผู้โชคร้ายกับแม่มดสาวทรงเสน่ห์ นี่กลายเป็นส่วนที่เราชอบมากที่สุด มากกว่าในส่วนของความแฟนตาซีของสัตว์ประหลาดหรือการใช้เวทมนตร์ของตัวละครเสียอีก
หนังเรื่องนี้จึงสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งคนที่เป็นแฟน Harry Potter ซึ่งคุ้นเคยและชื่นชอบเรื่องราวที่เกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ และคนที่ไม่ได้มีความคุ้นเคยหรือชื่นชอบเรื่องราวทำนองนี้อยู่แล้วแต่ก็สามารถสนุกไปกับเรื่องราวที่สุดแสนจะแฟนตาซีแบบพ่อมดแม่มดนี้ได้เช่นกัน
ขบเคี้ยวหนัง
[CR] Fantastic Beasts and Where to Find Them อัศจรรย์เมืองเวทย์มนต์และสัตว์ประหลาด
Fantastic Beasts and Where to Find Them
อัศจรรย์เมืองเวทมนตร์และสัตว์ประหลาด
ในแว้บแรกที่รู้ว่านี่คือหนังที่สร้างจากผลงานวรรณกรรมของ J.K. Rowling ที่ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับเวทมนตร์แบบพ่อมดแม่มดเฉกเช่นเดียวกับ Harry Potter ในหัวก็พลันบอกกับตัวเองว่า ไม่ดูดีกว่า ถ้าไม่ชอบ Harry Potter อย่างไร เรื่องนี้ก็คงไม่แตกต่างกันมากหละมั้ง ขอบายดีกว่า
แต่พอได้ดูแล้ว ในฐานะคนที่ไม่ชอบและไม่อินกับ Harry Potter บอกได้เลยว่า แตกต่างกันจริงๆ
สิ่งที่เหมือนกันอย่างชัดเจนคือมีพื้นเรื่องอันเดียวกันนั่นคือ ตัวละครที่เป็นพ่อมดแม่มดนั้นอาศัยอยู่ในโลกที่มีทั้งโลกคนปกติและโลกอีกโลกหนึ่งของบรรดาผู้ใช้เวทมนตร์ซึ่งมีการใช้เรื่องราวหลายๆอย่างร่วมกัน คนที่ชื่นชอบ Harry Potter จึงอาจจะรู้สึกระดี้กระด้ามากเป็นพิเศษเมื่อในหนังเรื่องนี้มีการพูดถึงสิ่งที่มีอยู่แล้วในเรื่องของ Harry Potter นั่นทำให้กลุ่มคนเหล่านี้อาจจะเข้าใจหลายๆอย่างดีกว่าคนที่ไม่ใช่แฟน Harry Potter และมีความผูกพันเป็นพิเศษ แต่นอกเหนือไปกว่านั้นคือการที่หนังเล่าเรื่องราวของโลกเวทมนตร์อีกฉบับหนึ่งซึ่งแลดูกว้างใหญ่กว่าและจริงจังกว่าเรื่องราวของเหล่าบรรดาพ่อมดแม่มดวัยเด็ก มีรายละเอียดที่ต่อยอดและไปไกลมากขึ้น ชวนให้เรารู้สึกว่า นี่สิ โลกเวทมนตร์ที่แท้จริงต้องเป็นแบบนี้
นอกจากนี้เรื่องราวที่จริงจังและหนักแน่นก็ถูกพูดถึงในหนังเรื่องนี้มากขึ้นอย่างชัดเจนโดยเฉพาะประเด็นการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ทั่วไปกับเหล่าบรรดาพ่อมดแม่มด แม้ว่าในภาคนี้อาจจะยังไม่ถูกนำมาเล่นให้ชัดเจนมากเท่าที่ควรนักแต่ก็เป็นการเปิดประเด็นที่ดีและน่าสนใจ โดยเฉพาะความรักของตัวละครระหว่างมนุษย์และแม่มดที่กลายเป็นส่วนที่สร้างความโรแมนติกให้กับหนังได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดีโดยส่วนตัวแล้วแอบมีปัญหากับการทำความเข้าใจศัพท์แสงของวงการพ่อมดแม่มดที่ถูกนำมาใช้ในหนังตลอดทั้งเรื่องจนหลายครั้งต้องปล่อยผ่านไป แล้วให้บริบทของหนังอธิบายเท่าที่เราจะพอเข้าใจได้ นั่นหมายความว่าถ้าเราทำการบ้านมาดีสักหน่อยก็จะเข้าใจเรื่องราวและศัพท์แสงที่ใช้กันในวงการได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยทำให้สนุกกับหนังมากขึ้นได้อีกด้วย
แน่นอนว่าสิ่งที่เป็นจุดขายใหญ่ของหนังคงไม่พ้นงานด้านภาพที่ต้องเอาคนดูให้อยู่หมัดและก็สามารถทำได้เช่นนั้นจริงๆ งาน CG จัดว่าดีตามมาตรฐานทั่วไปของหนังใหญ่ระดับนี้อยู่แล้วเพียงแต่ว่าภาพที่เห็นกลับชวนแปลกตาและดูน่าอัศจรรย์เพิ่มมากขึ้นไปอีกเพราะมีเหล่าบรรดาสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างหน้าตาเหนือจินตนาการ บางตัวก็แอบน่าเกลียดน่ากลัว แต่บางตัวก็น่ารักน่าเอ็นดูดี
ในส่วนของตัวละครของเรื่องกลับรู้สึกชอบตัวละครมนุษย์ที่ถูกจับพลัดจับผลูให้เข้ามามีส่วนร่วมรู้เห็นในความวุ่นวายของโลกเวทมนตร์อย่างไม่ได้ตั้งใจมากกว่าตัวละครนำอย่าง Newt ที่รับบทโดย Eddie Redmayne ซึ่งแลดูแปลกและแอบน่ารำคาญอยู่ไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะในส่วนที่แอบโรแมนติกกันระหว่างตัวละครมนุษย์ผู้โชคร้ายกับแม่มดสาวทรงเสน่ห์ นี่กลายเป็นส่วนที่เราชอบมากที่สุด มากกว่าในส่วนของความแฟนตาซีของสัตว์ประหลาดหรือการใช้เวทมนตร์ของตัวละครเสียอีก
หนังเรื่องนี้จึงสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งคนที่เป็นแฟน Harry Potter ซึ่งคุ้นเคยและชื่นชอบเรื่องราวที่เกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ และคนที่ไม่ได้มีความคุ้นเคยหรือชื่นชอบเรื่องราวทำนองนี้อยู่แล้วแต่ก็สามารถสนุกไปกับเรื่องราวที่สุดแสนจะแฟนตาซีแบบพ่อมดแม่มดนี้ได้เช่นกัน
ขบเคี้ยวหนัง