เรื่องนี้อาจจะยาวซักหน่อย แต่ถ้ามีคนสนใจจะมาลงรายละเอียดเพิ่มเติมนะคะ
ตอนนี้รักษาสิวหน้าเกลี้ยง ไม่มีสิวขึ้นมาเกือบปีแล้วค่า หน้าใสชนิดที่ว่า แม้แต่รูขุมขนก็มองแทบไม่เห็น แต่กระทู้นี้จะเน้นเรื่องสิวนะคะ ไว้กระทู้หน้าจะมาบอกเกี่ยวกับการเสริมความงามแบบต่างๆเท่าที่เราทำเองนะคะ
ประวัติเริ่มต้น ที่มาของสิว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีสิวครั้งแรกตอนม.2 มีอยู่ 4 เม็ดกระจุกกัน บอกตรงๆอายเพื่อนมาก เอาผมปิดหน้าเลย ถามแม่ แม่ก็ไม่สนใจ บอกเอาครีมมาทาซิ เลยไปซื้อ Eucerin มาทา ไม่เห็นหายเลย (จริงๆใช้ผิดนะคะ) แล้วอยู่ๆ มันก็หายไปเอง หลังจากนั้นก็หน้าใสไรสิว ใครๆก็อิจฉาในใบหน้าที่ใสเนียนเรียบ ภูมิใจมากๆ
จนตอนม.6 เริ่มเอนทรานซ์ แม่บังคับให้สอบเข้าคณะที่แม่ต้องการ มันยาก เรียนหนัก เครียด หน้าหมองคล้ำ สิวอุดตันชนิดที่ตาเปล่ามองแทบไม่เห็นขึ้นมา 2 เม็ด โวยวายแม่ ทำหน้าเราพัง แม่พาเข้าคลินิกผิวหนังคะ สมัยนั้นมีดังๆไม่กี่ที่ เป็นคลินิก W ค่ะ ไปถึงหมอบอกหน้าเราไม่ได้เป็นไรมากมายเลย ทำคอร์สหน้าขาวใสบริงค์แล้วกัน ทำทุกอาทิตย์นะ เราก็ไปสม่ำเสมอคะ (ค่าเสียหายคอร์ส 12,000 /10 ครั้ง)
ก่อนไปพบหมอ ไม่เคยมีโฟมล้างหน้า ใช้น้ำเปล่า ไม่มีบำรุง ไม่มีกันแดด อาจมีแป้งฝุ่นบ้าง ตามกระแสวัยรุ่น แต่ก็แค่นั้น พอเข้าคลินิกปุ๊ป ตอนแรกเค้ามีครีมให้ในเซ็ทคะ ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม หลอดเล็กๆ ตอนแรกมี 4 ตัว คือยาละลายหัวสิว เจลฆ่าเชื้อสิว ครีมบำรุง กันแดด แล้วให้ซื้อโฟมล้างหน้าเพิ่ม
ต่อมาหมอเริ่มบอกต้องใช้ มีครีมหน้าขาวใส ครีมลดรอยดำ สรุปแล้ว ต้องใช้ทั้งหมด 7 ขั้นตอน คือแบบไปรร.เช้า ต้องตื่นตีห้าครึ่ง มาเริ่มลงยาละลายหัวสิว แล้วค่อยไปล้างหน้า (ค่าครีมครบชุดเกือบสองพัน)
ตอนนั้นผิวดูดี มีออร่าวิ้งค์กระจายได้ อารมณ์เหมือนผิวเปล่งแสงได้ ผิวดีขนาดที่มีแมวมองมามอบนามบัตรให้ เลยรู้สึกรักที่นี่มา ใช้แต่ผลิตภัณฑ์ที่นี้ เพราะเราไม่มีความรู้ในการเลือกซื้อครีม และเมื่อใช้ของที่นี่หน้าก็ดีจริง
ประวัติสิวบุก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใช้ผลิตภัณฑ์คลินิกW มาเรื่อย จนกระทั่งเราเรียนปี 4 ซึ่งเราย้ายไปเรียนต่างจังหวัด ขณะนั้นเราใช้ครีมทั้งหมด 13 ขั้นตอนคะ ผิวหน้าดีต่อเนื่อง มีบางช่วงนอนดึกงานหนัก สิวโผล่มาบ้าง หมอก็เพิ่มครีมนั้นนี่ไป แต่โดยรวมผิวดีคะ (ค่าครีมสามพันกว่า)
หลังจากเรียนต่างจังหวัดมาได้ประมาณ 2 เดือน ครีมจากคลินิกเริ่มหมดบางตัว สิวๆมันก็ค่อยๆมา ภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน สิวขึ้นเต็มหน้าชนิดที่หาพื้นที่ผิวปกติ หาไม่เจอ
อายคนมากๆ แทบไม่อยากออกไปไหน ต้องหามาร์สหมอมาใส่ แต่ก็อีกแหละ ตรงหน้าผากก็ชัดเจน มีแต่คนทัก เพราะเดิมหน้าดี เป็นที่ประทับใจของคนหลายๆคน ตอนนี้เริ่มใช้เครื่องสำอางเป็นที่พึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่เคยแต่งหน้าเลย มีบ้างเวลานึกครึ้ม นี่พยายมโบกทุกวัน แต่ก็อีกแหละ ไม่เนียนเป็นคราบ สิวปูด
ตอนนั้นคิดว่าแพ้น้ำบาดาล เพราะมาอยู่ต่างจังหวัด เลยพยายามใช้น้ำเปล่าล้างหน้า แต่ก็ไม่ดีขึ้น สิวยังคงมาเรื่อยๆ จะไปซื้อที่คลินิกก็ไม่ได้ไกลมาก แถมเจ้าตัวต้องไปซื้อเอง ฝากเพื่อนซื้อไม่ได้ (มียาบางตัวที่ต้องเจอหมอ กลุ่มนี้แหละที่เป็นตัวปัญหาของเรา)
เลยพยายามหาความรู้ตามเน็ต Benzac Clinda M ว่านหางจรเข้ มันก็เหมือนจะเบาลงบ้าง แต่เวลาใช้แล้วแสบคันหน้ามากๆๆๆๆๆๆ
ประวัติการรักษาสิวแบบผิดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พอเวลาได้กลับกรุงเทพ เพราะเป็นช่วงพักเรียน เรากลับไปคลินิกWอีก คราวนี้ได้เข้าโปรแกรมสิวธรรมดา ตอนนั้นเรายังไม่มีความรู้ด้านเลเซอร์ ยังไม่อยากทำ ไปหาหมอทุกอาทิตย์ ได้ครีม และยาฆ่าเชื้อมาทาน ประมาณสองเดือน ผิวหน้าดีขึ้นเหลือแต่รอย
แต่เมื่อกลับไปเรียนก็เข้าสู่วงจรอุบาทเดิม พอครีมหมอหมด สิวก็บุกอีก
คราวนี้อ่านจากบิวตี้บล๊อคเกอร์ ก็จะเป็นพวกเครื่องสำอางเคาเตอร์แบรนด์ ซื้อคะ SKII IPSA Clinique Lamer Sheisedo ใครว่าอะไรดี ซื้อหมด แต่สั่งจากเน็ตนะคะ เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัด หมดกับตรงนี้ไป 20,000-30,000 บาท แต่ผลคือเราแสบคันหน้ามาก ใช้แล้วหน้าแดง ผดขึ้น ตอนแรกก็โทษผลิตภัณฑ์คะ ว่าเราแพ้
สุดท้ายปิดเทอม กลับไปหาคลินิก W ใหม่ซิคะ แต่เหมือนเดิม พอหมดครีมเค้า หน้าก็พังใหม่
ช่วงหน้าพังอีกรอบ เราไม่มีเวลาไปคลินิกแล้ว เรียนหนักมาก ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ตอนนี้ Smooth E ทั้งโฟมล้างหน้าและครีม ที่เหลือไม่ได้คะ แม้แต่กันแดด หน้าก็แสบคันมาก แต่ใช้ประมาณนี้ หน้าก็พอทนได้นะคะ
ประวัติค้นพบความจริงของสิว
ในที่สุดเรียนจบแล้วคะ พอจบปุ๊ป เป้าหมายแรกเราคือ จะต้องกลับมาหน้าใสให้ได้ ตอนนั้นเพิ่งจบมา หน้าพังมากๆ เพราะไม่ได้นอนพักเลย
จริงๆตอนแรกก็อยากกลับไปคลินิก W นะคะ แต่ไกลบ้าน ที่ใกล้บ้าน รอคิว 2-4 ชั่วโมง ไม่ไหว งานหนักด้วย เลยเลือกคลินิกใกล้บ้านคะ
คลินิกที่เราเลือกคือ The demis ไม่มีการอ่านรีวิวใดๆ แค่ใกล้บ้าน หน้าหมู่บ้าน แค่นั้นจบ เพราะมีความเชื่อว่า ถ้าไปพบหมอประจำ และทำตามอย่างเคร่งครัด หน้าเราต้องดีขึ้น
ไปถึงปุ๊ป หมอซักประวัติตรวจหน้า และวินิจฉัยหน้าเราเป็น "สิวสเตียรอยด์"
เราฟังครั้งแรกแล้วเราตกใจมาก เพราะเราเคยได้ยินว่าใส่ครีมตามเน็ต แต่เราใช้ของคลินิก W ต่อเนื่องอย่างเดียว ครีมอย่างอื่นก็เคาเตอร์แบรน์มีชื่อเสียง ไม่น่ามาใส่พวกนี้ ซึ่งหมอบอกจริงๆสเตียรอยด์มันใช้ได้ แต่ควรใช้ระยะสั้นๆ และอยู่ในการควบคุมของหมอ
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เรานึกถึงครีมกลุ่มที่ต้องเข้าพบหมอทุกครั้ง ซึ่งตรงนี้เป็นครีมที่มีสารที่ต้องอยู่ในการควบคุมของหมอ แต่คลินิกW ไปกี่ที หมอก็เปลี่ยนหน้าตา บอกจะซื้อครีม ก็บอกโอเคครับ แล้วจบ ลุกไปจ่ายเงิน ไม่เคยอ่านประวัติเก่า ไม่เคยสนใจ ว่าเราใช้ครีมกลุ่มนี้มานานแค่ไหนแล้ว ซึ่งเราใช้ครีมกลุ่มที่หมอต้องควบคุมต่อเนื่องมาเกือบ 6 ปี
หมอได้อธิบายอีกว่า สิวสเตียรอยด์ มันจะต่างกับสิวอย่างอื่นคือ ลักษณะสิวจะหน้าตาคล้ายๆกัน ขึ้นทั่วๆกระจายทั้งหน้า และการที่เราใช้ครีมอย่างอื่นแล้วแสบคัน เพราะหน้าเราอ่อนแอมาก ที่สำคัญสิวสเตียรอยด์หัวหนองมันจะอยู่ลึกว่าสิวปกติถึง 3 เท่า ฉะนั้นมันจึงชอบขึ้นหัวใหญ่ๆซ้ำๆในบริเวณเดิมเรื่อยๆ และการฉีดสิว คือฉีดสเตียรอยด์ไปให้ด้านบนมันยุบ แต่หัวมันก็ซ่อนอยู่ข้างล่าง เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
ที่นี่หมอจะรักษาที่ละจุด คือเคลียร์สิวทีเดียวก่อน เพราะหน้าเราตอนนี้อ่อนแอมาก มาใช้ครีมลดรอย หน้าจะยิ่งแสบคัน รักษาสิวต้องใจเย็น ไม่ต้องรีบ
หลักๆตอนนี้คือ ต้องรักษาความสะอาด โฟมล้างหน้าที่ดี ไม่ใช่โฟมที่ล้างแล้วหน้าแห้งเอี๊ยด แต่ควรเป็นล้างแล้วให้ความรู้สึกชุ่มชื้นของผิวอยู่ ตรงนี้เราได้โฟมล้างหน้าของหมอมา แต่ไม่มีฟอง ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ล้างหน้าแล้วรู้สึกอ่อนโยนต่อผิวจริงๆ
บำรุงผิวให้แข็งแรง ครีมที่ดีที่สุดของหน้าคือ Moisturiser cream แค่ให้ความชุ่มขื้นต่อผิวพอ ไม่ต้องใส่นู่นนี่บำรุงให้มันเยอะ ไว้หน้าแข็งแรงก่อน ตัวนี้เราได้ Ezzera คะ
อีกอันเป็นเจลแต้มสิวยี่ห้อ ISIS
ช่วงนี้หมอขอว่าอย่าแต่งหน้า มันจะทำให้รักษาได้ไวขึ้น บอกตรงๆอันนี้ทำยากมาก แต่ก็ทำ แต่เก็บตัว พยายามไม่เจอผู้คน หนีกินข้าวคนเดียว
ขั้นตอนการรักษาของเรา ขั้นแรกคือกรีดสิวคะ ย้ำว่ากรีด คือเจ็บปวดมาก เลือดออกเยอะ ไม่ได้แค่เจาะหัวแบบคลินิก W เราเลยนอนนับสิวที่เค้ากดคะ เกิน 100 เม็ด ก็เลิกนับคะ เยอะไป
ต่อมามาร์สน้ำเกลือธรรมดาคะ 15 นาที คือตอนนี้รู้สึกระบมหน้ามาก หน้าบวมๆตุ่ยๆ
เสร็จปุ๊ปไปทำเลเซอร์ Isolaz ตัวนี้จะอารมณ์ดูดหัวสิวใต้ผิว ปล่อยแสงฆ่าเชื้อด้วย หลังจากนั้นก็ V-beam ลดรอยแดง ไม่ให้รอยกดสิวจนพรุนทั่วหน้า มันแดงมากไป อันนี้เห็นผลจริงคะ ปกติกดสิวที หน้าแดงนานมาก อันนี้ลดลงไปประมาณ 50%
หมอบอกว่า ตัว V-beam ช่วยกันแดดได้คะ ไม่ต้องทาครีมกันแดด เพราะเดี๋ยวจะอุดตัน
วันนี้ได้ยากลับมาทานด้วย คือยาลดการอักเสบ Prednisolone กิน 5 วันคะ เพราะหมอบอกว่ากดหน้าเราจนระบมมาก ให้ทานสั้นๆ แล้วก็ได้ Acnotin มาทานคะ หมอบอกจะทำให้การรักษาไวขึ้น จากเดิมประมาณ 6-8 เดือน อาจจะเหลือแค่ 3 เดือน ประหยัดเงินไปได้เยอะเลย แต่ต้องทานอย่างน้อย 3 เดือนนะคะ กว่ายาจะมีผลในการรักษาสิวจริงๆ ก่อนหน้านั้นจะเจอผลข้างเคียงพอ หน้าแห้ง ปากแห้ง ตาแห้งได้
พวกค่ายาค่าครีมรวมแล้วพันกว่าบาท จำราคาเป๊ะๆไม่ได้ แต่ตัวเลเซอร์ Isolaz 5 ครั้ง V-beam 5 ครั้ง 29,000 บาทคะ
หมอแนะนำเพิ่มเติม หลังล้างหน้า อาจจะใช้น้ำเกลือ เช็คทำความสะอาด เช็คว่าเราล้างหน้าสะอาดจริงมั้ย ซึ่งตรงนี้ทำให้เราทราบว่า เราล้างหน้าได้หยาบมาก คราบครีม คราบฝุ่นดำๆยังมี เดี๋ยวล้างหน้าถูกวิธีแล้ว เช็คกี่ทีก็สำลีสะอาดใส นอกจากนี้อาจจะนำน้ำเกลือแช่เย็นชุบผ้าก๊อซมามาร์คหน้า เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้แก่ผิว และฆ่าเชื้ออีกด้วย เป็นของดีราคาถูกที่แนะนำ
แต่เราทานไปได้แค่ 2 อาทิตย์ ทนผลข้างเคียงของ Acnotin ไม่ไหว ปากแห้งมาก จนเลือดออก เลยบอกหมอขอยอมแพ้ ไม่รีบคะ
สุดท้ายเราไปพบหมอทุกอาทิตย์ ประมาณ 3 เดือน ผลการรักษาของเราดีมากๆ สิวแทบไม่ค่อยขึ้น แถมรอยก็จางลงคะ
ทีนี้หมอก็เริ่มคุยเรื่องรักษารอย ให้หาครีมพวก whitening และ กันแดด มาทาคะ ตรงนี้จะทำให้รอยสิวจางลงกว่าทาพวกกลุ่มวิตามินเอซะอีก แต่หมอให้เลือกผลิตภัณฑ์เองนะคะ แค่ให้ลองเทสก่อนใช้ว่าไม่แพ้
ยังคงทำ V-beam อยู่ ตอนนี้ค่าใช้จ่ายเหยียบแสนแล้ว 29,000 x 3 ครั้ง ยังไม่รวมค่าครีม มาร์สสิว ค่ากดสิว แต่มาพบหมอห่างขึ้นเป็น 2-3 อาทิตย์ครั้ง
ตอนนี้เราเลือกใช้ Set สิวของยูเชอรีนคะ กันแดด biore aqua
แต่ whitening ยังไม่ได้เริ่มใช้เพราะเรามีสิวผดอยู่ หมอขอรักษาสิวผดก่อน ซึ่งเราเป็นผดจากเชื้อราคะ เป็นจากการใช้ยาฆ่าเชื้อสิวนานๆ ตรงนี้มันจะทำลายเชื้อโรคดีของหน้า ทำให้เชื้อราขึ้นง่าย เลยได้ยามาทาฆ่าเชื้อรามาทา ตอนนี้ก็ผดหน้าค่า
สรุปแล้วเคลียร์สิวจากที่นี่ได้จริงๆ ใช้เวลา 6 เดือนคะ แต่ยังมีปัญหาเรื่องสิวฮอร์โมน เดือนละสามสี่เม็ด แต่มันดีขึ้นมาก ไม่ซีเรียส
หมอบอกว่า เมื่อผิวเราแข็งแรงพอ สิวฮอร์โมนจะหายไปเอง ไม่จำเป็นต้องทานยาคุม เพราะมันเป็นการรักษาทางอ้อมคะ หยุดยา สิวก็มาใหม่
จริงๆพวกฮอร์โมนกับหน้ามัน เป็นปัจจัยก่อสิวแค่ 20% เอง ที่เหลือคือการบำรุง และทำความสะอาดหน้าของเรามากกว่าคะ
ก็เชื่อตามหมอ เพราะเค้าคุย บอกสาเหตุ และให้ความรู้ ในการนำไปใช้ดูแลตัวเองคะ ตอนนี้ก็ไปหาหมอเดือนละครั้งคะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เดี๋ยวจะมีภาคต่อนะคะ คลินิกที่ 2 มันจะมีจุดดีเสียต่างกัน เน็ตหมดค่า ไว้มาต่อนะคะ
[CR] การรักษาสิวสเตียรอยด์แบบเข้าคลินิกรัวๆ (รู้เท่าทันคลินิกเสริมความงาม)
ตอนนี้รักษาสิวหน้าเกลี้ยง ไม่มีสิวขึ้นมาเกือบปีแล้วค่า หน้าใสชนิดที่ว่า แม้แต่รูขุมขนก็มองแทบไม่เห็น แต่กระทู้นี้จะเน้นเรื่องสิวนะคะ ไว้กระทู้หน้าจะมาบอกเกี่ยวกับการเสริมความงามแบบต่างๆเท่าที่เราทำเองนะคะ
ประวัติเริ่มต้น ที่มาของสิว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประวัติสิวบุก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประวัติการรักษาสิวแบบผิดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประวัติค้นพบความจริงของสิว
ในที่สุดเรียนจบแล้วคะ พอจบปุ๊ป เป้าหมายแรกเราคือ จะต้องกลับมาหน้าใสให้ได้ ตอนนั้นเพิ่งจบมา หน้าพังมากๆ เพราะไม่ได้นอนพักเลย
จริงๆตอนแรกก็อยากกลับไปคลินิก W นะคะ แต่ไกลบ้าน ที่ใกล้บ้าน รอคิว 2-4 ชั่วโมง ไม่ไหว งานหนักด้วย เลยเลือกคลินิกใกล้บ้านคะ
คลินิกที่เราเลือกคือ The demis ไม่มีการอ่านรีวิวใดๆ แค่ใกล้บ้าน หน้าหมู่บ้าน แค่นั้นจบ เพราะมีความเชื่อว่า ถ้าไปพบหมอประจำ และทำตามอย่างเคร่งครัด หน้าเราต้องดีขึ้น
ไปถึงปุ๊ป หมอซักประวัติตรวจหน้า และวินิจฉัยหน้าเราเป็น "สิวสเตียรอยด์"
เราฟังครั้งแรกแล้วเราตกใจมาก เพราะเราเคยได้ยินว่าใส่ครีมตามเน็ต แต่เราใช้ของคลินิก W ต่อเนื่องอย่างเดียว ครีมอย่างอื่นก็เคาเตอร์แบรน์มีชื่อเสียง ไม่น่ามาใส่พวกนี้ ซึ่งหมอบอกจริงๆสเตียรอยด์มันใช้ได้ แต่ควรใช้ระยะสั้นๆ และอยู่ในการควบคุมของหมอ
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เรานึกถึงครีมกลุ่มที่ต้องเข้าพบหมอทุกครั้ง ซึ่งตรงนี้เป็นครีมที่มีสารที่ต้องอยู่ในการควบคุมของหมอ แต่คลินิกW ไปกี่ที หมอก็เปลี่ยนหน้าตา บอกจะซื้อครีม ก็บอกโอเคครับ แล้วจบ ลุกไปจ่ายเงิน ไม่เคยอ่านประวัติเก่า ไม่เคยสนใจ ว่าเราใช้ครีมกลุ่มนี้มานานแค่ไหนแล้ว ซึ่งเราใช้ครีมกลุ่มที่หมอต้องควบคุมต่อเนื่องมาเกือบ 6 ปี
หมอได้อธิบายอีกว่า สิวสเตียรอยด์ มันจะต่างกับสิวอย่างอื่นคือ ลักษณะสิวจะหน้าตาคล้ายๆกัน ขึ้นทั่วๆกระจายทั้งหน้า และการที่เราใช้ครีมอย่างอื่นแล้วแสบคัน เพราะหน้าเราอ่อนแอมาก ที่สำคัญสิวสเตียรอยด์หัวหนองมันจะอยู่ลึกว่าสิวปกติถึง 3 เท่า ฉะนั้นมันจึงชอบขึ้นหัวใหญ่ๆซ้ำๆในบริเวณเดิมเรื่อยๆ และการฉีดสิว คือฉีดสเตียรอยด์ไปให้ด้านบนมันยุบ แต่หัวมันก็ซ่อนอยู่ข้างล่าง เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
ที่นี่หมอจะรักษาที่ละจุด คือเคลียร์สิวทีเดียวก่อน เพราะหน้าเราตอนนี้อ่อนแอมาก มาใช้ครีมลดรอย หน้าจะยิ่งแสบคัน รักษาสิวต้องใจเย็น ไม่ต้องรีบ
หลักๆตอนนี้คือ ต้องรักษาความสะอาด โฟมล้างหน้าที่ดี ไม่ใช่โฟมที่ล้างแล้วหน้าแห้งเอี๊ยด แต่ควรเป็นล้างแล้วให้ความรู้สึกชุ่มชื้นของผิวอยู่ ตรงนี้เราได้โฟมล้างหน้าของหมอมา แต่ไม่มีฟอง ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ล้างหน้าแล้วรู้สึกอ่อนโยนต่อผิวจริงๆ
บำรุงผิวให้แข็งแรง ครีมที่ดีที่สุดของหน้าคือ Moisturiser cream แค่ให้ความชุ่มขื้นต่อผิวพอ ไม่ต้องใส่นู่นนี่บำรุงให้มันเยอะ ไว้หน้าแข็งแรงก่อน ตัวนี้เราได้ Ezzera คะ
อีกอันเป็นเจลแต้มสิวยี่ห้อ ISIS
ช่วงนี้หมอขอว่าอย่าแต่งหน้า มันจะทำให้รักษาได้ไวขึ้น บอกตรงๆอันนี้ทำยากมาก แต่ก็ทำ แต่เก็บตัว พยายามไม่เจอผู้คน หนีกินข้าวคนเดียว
ขั้นตอนการรักษาของเรา ขั้นแรกคือกรีดสิวคะ ย้ำว่ากรีด คือเจ็บปวดมาก เลือดออกเยอะ ไม่ได้แค่เจาะหัวแบบคลินิก W เราเลยนอนนับสิวที่เค้ากดคะ เกิน 100 เม็ด ก็เลิกนับคะ เยอะไป
ต่อมามาร์สน้ำเกลือธรรมดาคะ 15 นาที คือตอนนี้รู้สึกระบมหน้ามาก หน้าบวมๆตุ่ยๆ
เสร็จปุ๊ปไปทำเลเซอร์ Isolaz ตัวนี้จะอารมณ์ดูดหัวสิวใต้ผิว ปล่อยแสงฆ่าเชื้อด้วย หลังจากนั้นก็ V-beam ลดรอยแดง ไม่ให้รอยกดสิวจนพรุนทั่วหน้า มันแดงมากไป อันนี้เห็นผลจริงคะ ปกติกดสิวที หน้าแดงนานมาก อันนี้ลดลงไปประมาณ 50%
หมอบอกว่า ตัว V-beam ช่วยกันแดดได้คะ ไม่ต้องทาครีมกันแดด เพราะเดี๋ยวจะอุดตัน
วันนี้ได้ยากลับมาทานด้วย คือยาลดการอักเสบ Prednisolone กิน 5 วันคะ เพราะหมอบอกว่ากดหน้าเราจนระบมมาก ให้ทานสั้นๆ แล้วก็ได้ Acnotin มาทานคะ หมอบอกจะทำให้การรักษาไวขึ้น จากเดิมประมาณ 6-8 เดือน อาจจะเหลือแค่ 3 เดือน ประหยัดเงินไปได้เยอะเลย แต่ต้องทานอย่างน้อย 3 เดือนนะคะ กว่ายาจะมีผลในการรักษาสิวจริงๆ ก่อนหน้านั้นจะเจอผลข้างเคียงพอ หน้าแห้ง ปากแห้ง ตาแห้งได้
พวกค่ายาค่าครีมรวมแล้วพันกว่าบาท จำราคาเป๊ะๆไม่ได้ แต่ตัวเลเซอร์ Isolaz 5 ครั้ง V-beam 5 ครั้ง 29,000 บาทคะ
หมอแนะนำเพิ่มเติม หลังล้างหน้า อาจจะใช้น้ำเกลือ เช็คทำความสะอาด เช็คว่าเราล้างหน้าสะอาดจริงมั้ย ซึ่งตรงนี้ทำให้เราทราบว่า เราล้างหน้าได้หยาบมาก คราบครีม คราบฝุ่นดำๆยังมี เดี๋ยวล้างหน้าถูกวิธีแล้ว เช็คกี่ทีก็สำลีสะอาดใส นอกจากนี้อาจจะนำน้ำเกลือแช่เย็นชุบผ้าก๊อซมามาร์คหน้า เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้แก่ผิว และฆ่าเชื้ออีกด้วย เป็นของดีราคาถูกที่แนะนำ
แต่เราทานไปได้แค่ 2 อาทิตย์ ทนผลข้างเคียงของ Acnotin ไม่ไหว ปากแห้งมาก จนเลือดออก เลยบอกหมอขอยอมแพ้ ไม่รีบคะ
สุดท้ายเราไปพบหมอทุกอาทิตย์ ประมาณ 3 เดือน ผลการรักษาของเราดีมากๆ สิวแทบไม่ค่อยขึ้น แถมรอยก็จางลงคะ
ทีนี้หมอก็เริ่มคุยเรื่องรักษารอย ให้หาครีมพวก whitening และ กันแดด มาทาคะ ตรงนี้จะทำให้รอยสิวจางลงกว่าทาพวกกลุ่มวิตามินเอซะอีก แต่หมอให้เลือกผลิตภัณฑ์เองนะคะ แค่ให้ลองเทสก่อนใช้ว่าไม่แพ้
ยังคงทำ V-beam อยู่ ตอนนี้ค่าใช้จ่ายเหยียบแสนแล้ว 29,000 x 3 ครั้ง ยังไม่รวมค่าครีม มาร์สสิว ค่ากดสิว แต่มาพบหมอห่างขึ้นเป็น 2-3 อาทิตย์ครั้ง
ตอนนี้เราเลือกใช้ Set สิวของยูเชอรีนคะ กันแดด biore aqua
แต่ whitening ยังไม่ได้เริ่มใช้เพราะเรามีสิวผดอยู่ หมอขอรักษาสิวผดก่อน ซึ่งเราเป็นผดจากเชื้อราคะ เป็นจากการใช้ยาฆ่าเชื้อสิวนานๆ ตรงนี้มันจะทำลายเชื้อโรคดีของหน้า ทำให้เชื้อราขึ้นง่าย เลยได้ยามาทาฆ่าเชื้อรามาทา ตอนนี้ก็ผดหน้าค่า
สรุปแล้วเคลียร์สิวจากที่นี่ได้จริงๆ ใช้เวลา 6 เดือนคะ แต่ยังมีปัญหาเรื่องสิวฮอร์โมน เดือนละสามสี่เม็ด แต่มันดีขึ้นมาก ไม่ซีเรียส
หมอบอกว่า เมื่อผิวเราแข็งแรงพอ สิวฮอร์โมนจะหายไปเอง ไม่จำเป็นต้องทานยาคุม เพราะมันเป็นการรักษาทางอ้อมคะ หยุดยา สิวก็มาใหม่
จริงๆพวกฮอร์โมนกับหน้ามัน เป็นปัจจัยก่อสิวแค่ 20% เอง ที่เหลือคือการบำรุง และทำความสะอาดหน้าของเรามากกว่าคะ
ก็เชื่อตามหมอ เพราะเค้าคุย บอกสาเหตุ และให้ความรู้ ในการนำไปใช้ดูแลตัวเองคะ ตอนนี้ก็ไปหาหมอเดือนละครั้งคะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เดี๋ยวจะมีภาคต่อนะคะ คลินิกที่ 2 มันจะมีจุดดีเสียต่างกัน เน็ตหมดค่า ไว้มาต่อนะคะ