ตอนนี้หลายคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาในการหาชื่อลูกเพราะกันอยู่เลยนะค่ะ
วันนี้ไปอ่านเจอบทความดีๆเกี่ยวข้องกับการตั้งชื่อลูกมงคล เผื่อจะเป็นประโยชน์กับพ่อๆแม่ๆพี่น้องได้ไม่มากก็น้อยค่ะ เลยเอามาฝากกัน
หากต้องการตั้งชื่อลูกให้เป็นมงคลจะตั้งอย่างไรดี พ่อแม่หลายคนก็อยากได้ชื่อที่ทั้งน่ารัก ทันยุคสมัย และที่สำคัญคือถูกต้องตามหลักการตั้งชื่อมงคล โดยเฉพาะในความเชื่อคนไทยมีความเชื่อในเรื่องการใช้ชื่อที่เป็นมงคลกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งถ้าหากมีใครทักว่าชื่อของลูกคุณผิดหลักอย่างนั้นอย่างนี้ก็เป็นเหตุให้คุณแม่เกิดความไม่สบายใจอีก และต้องมาเปลี่ยนชื่อกันหลายรอบให้วุ่นวายในภายหลัง หลักการตั้งชื่อที่มีในปัจจุบันนั้นมีอยู่หลากหลายศาสตร์ แต่ศาสตร์ที่สำคัญๆในการตั้งชื่อนั้นมีอยู่ 5 ศาสตร์ค่ะ
1. "หลักมหาทักษา” เป็นศาสตร์พื้นฐานที่อาจารย์โหรโบราณมักใช้กัน โดยมีหลักการคือ คนที่เกิดในแต่ละวันจะมีตัวอักษรที่เป็นกาลกิณีวันเกิดแตกต่างกันไป ก็ให้หลีกเลี่ยงการใช้อักษรที่เป็นกาลกิณีมาใช้ เพราะอักษรที่เป็นกาลกิณีจะส่งผล ให้มีอุปสรรคปัญหาต่างๆ แก่เจ้าของชื่อนั่นเอง
ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ให้ใช้ชื่อที่หลีกเลี่ยง อักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ศ, ษ, ส, ห, ฬ, อ, ฮ
2. "หลักโหราศาสตร์ไทย" ถือเป็นสุดยอดวิชาในการตั้งชื่อ เนื่องจากเป็นศาสตร์ที่มีความลึกซึ้งและแม่นยำค่อนข้างสูงจึงถูกยกย่องว่าเป็นศาสตร์แห่งโหรไม่ใช่หมอดู โดยมีหลักการพิจารณา ลัคนา ดวงดาวที่ส่งผลดีในดวงชาตา มาตั้งเป็นชื่อเพื่อเป็นการส่งเสริมดวงชาตา และหลีกเลี่ยงดวงดาวที่เสียเพื่อเป็นการอุดจุดเสียของดวงชาตา
3. "หลักนวนามศาสตร์" เป็นศาสตร์ประยุกต์จากหลักโหราศาสตร์ไทยขั้นสูง โดยมีการเอาดวงนวางค์จักรซึ่งเป็นการบ่งบอกไส้ชาตาของดวงชาตาว่าดาวดวงใดส่งผลดีกับดวงชาตาอย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลกับดวงชาตาไปถึงอายุ 70 ปีเลยทีเดียว แล้งจึงนำดาวที่ส่งผลดีมาตั้งอยู่ในชื่อ
4. "หลักเลขศาสตร์" เป็นศาสตร์ที่มีการถอดค่าตัวอักษรและพยัญชนะต่างๆจากชื่อออกมาเป็นตัวเลข และนำมารวมกันกัน จะได้ผลรวมของชื่อ หรือเลขศาสตร์ ซึ่งมีค่าของตัวเลขออกมาดีและไม่ดีแตกต่างกันไปตามการเลือกอักษรที่ประกอบลงไปในชื่อ โดยนิยมใช้กลุ่มเลขศาสตร์ที่มีความเป็นมงคลและเหมาะสมกับหน้าที่การงานเป็นสำคัญ เช่น หากทำงานเกี่ยวกับครูบาอาจารย์ก็ควรใช้ เลขศาสตร์ 14 (คู่วิชาการ) เป็นต้น
5."หลักอายตนะ ๖" เป็นศาสตร์ โบราณ ๖ เป็นการถอดค่าตัวเลขจากกำลังพระเคราะห์ของดาวต่าง ๆ โดยใช้หลักการพื้นฐานเดียวกับหลักภูมิทักษา ซึ่งตัวเลขต่างๆที่คำนวณออกมาได้ จะส่งผลต่อลักษณะจิตใจของเจ้าของชื่อ และความรู้สึกของบุคคลรอบข้างที่มีต่อจ้าของชื่อได้
ทราบกันไปแล้วนะค่ะกับศาสตร์การตั้งชื่อตามหลักโบราณว่ามีอะไรบ้าง หากคุณต้องการตั้งชื่อลูก หรือ เปลี่ยนชื่อมงคลแล้ว นอกจากการคำนึงถึงความเป็นสิริมงคลของชื่อแล้วก็ควรจะคำนึงถึงชื่อที่มีความหมายดีๆ เป็นมงคลด้วยนะค่ะ เพราะการใช้ชื่อที่มีความหมายมงคลก็เป็นหัวใจในการตั้งชื่อเช่นเดียวกันค่ะ
ว่ากันว่าตัวอักษรที่ประกอบอยู่ในชื่อนั้นก็มีพลังในตัวของมันเอง หากนำพลังที่ดีมาใช้ในการตั้งชื่อ ก็จะได้รับผลดี 100% เลยละค่ะ
เครดิตเว็ป www.theluckyname.com
ตั้งชื่อลูกอย่างไรให้เป็นมงคล.......ถูกหลักนามศาสตร์
วันนี้ไปอ่านเจอบทความดีๆเกี่ยวข้องกับการตั้งชื่อลูกมงคล เผื่อจะเป็นประโยชน์กับพ่อๆแม่ๆพี่น้องได้ไม่มากก็น้อยค่ะ เลยเอามาฝากกัน
หากต้องการตั้งชื่อลูกให้เป็นมงคลจะตั้งอย่างไรดี พ่อแม่หลายคนก็อยากได้ชื่อที่ทั้งน่ารัก ทันยุคสมัย และที่สำคัญคือถูกต้องตามหลักการตั้งชื่อมงคล โดยเฉพาะในความเชื่อคนไทยมีความเชื่อในเรื่องการใช้ชื่อที่เป็นมงคลกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งถ้าหากมีใครทักว่าชื่อของลูกคุณผิดหลักอย่างนั้นอย่างนี้ก็เป็นเหตุให้คุณแม่เกิดความไม่สบายใจอีก และต้องมาเปลี่ยนชื่อกันหลายรอบให้วุ่นวายในภายหลัง หลักการตั้งชื่อที่มีในปัจจุบันนั้นมีอยู่หลากหลายศาสตร์ แต่ศาสตร์ที่สำคัญๆในการตั้งชื่อนั้นมีอยู่ 5 ศาสตร์ค่ะ
1. "หลักมหาทักษา” เป็นศาสตร์พื้นฐานที่อาจารย์โหรโบราณมักใช้กัน โดยมีหลักการคือ คนที่เกิดในแต่ละวันจะมีตัวอักษรที่เป็นกาลกิณีวันเกิดแตกต่างกันไป ก็ให้หลีกเลี่ยงการใช้อักษรที่เป็นกาลกิณีมาใช้ เพราะอักษรที่เป็นกาลกิณีจะส่งผล ให้มีอุปสรรคปัญหาต่างๆ แก่เจ้าของชื่อนั่นเอง
ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ให้ใช้ชื่อที่หลีกเลี่ยง อักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ศ, ษ, ส, ห, ฬ, อ, ฮ
2. "หลักโหราศาสตร์ไทย" ถือเป็นสุดยอดวิชาในการตั้งชื่อ เนื่องจากเป็นศาสตร์ที่มีความลึกซึ้งและแม่นยำค่อนข้างสูงจึงถูกยกย่องว่าเป็นศาสตร์แห่งโหรไม่ใช่หมอดู โดยมีหลักการพิจารณา ลัคนา ดวงดาวที่ส่งผลดีในดวงชาตา มาตั้งเป็นชื่อเพื่อเป็นการส่งเสริมดวงชาตา และหลีกเลี่ยงดวงดาวที่เสียเพื่อเป็นการอุดจุดเสียของดวงชาตา
3. "หลักนวนามศาสตร์" เป็นศาสตร์ประยุกต์จากหลักโหราศาสตร์ไทยขั้นสูง โดยมีการเอาดวงนวางค์จักรซึ่งเป็นการบ่งบอกไส้ชาตาของดวงชาตาว่าดาวดวงใดส่งผลดีกับดวงชาตาอย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลกับดวงชาตาไปถึงอายุ 70 ปีเลยทีเดียว แล้งจึงนำดาวที่ส่งผลดีมาตั้งอยู่ในชื่อ
4. "หลักเลขศาสตร์" เป็นศาสตร์ที่มีการถอดค่าตัวอักษรและพยัญชนะต่างๆจากชื่อออกมาเป็นตัวเลข และนำมารวมกันกัน จะได้ผลรวมของชื่อ หรือเลขศาสตร์ ซึ่งมีค่าของตัวเลขออกมาดีและไม่ดีแตกต่างกันไปตามการเลือกอักษรที่ประกอบลงไปในชื่อ โดยนิยมใช้กลุ่มเลขศาสตร์ที่มีความเป็นมงคลและเหมาะสมกับหน้าที่การงานเป็นสำคัญ เช่น หากทำงานเกี่ยวกับครูบาอาจารย์ก็ควรใช้ เลขศาสตร์ 14 (คู่วิชาการ) เป็นต้น
5."หลักอายตนะ ๖" เป็นศาสตร์ โบราณ ๖ เป็นการถอดค่าตัวเลขจากกำลังพระเคราะห์ของดาวต่าง ๆ โดยใช้หลักการพื้นฐานเดียวกับหลักภูมิทักษา ซึ่งตัวเลขต่างๆที่คำนวณออกมาได้ จะส่งผลต่อลักษณะจิตใจของเจ้าของชื่อ และความรู้สึกของบุคคลรอบข้างที่มีต่อจ้าของชื่อได้
ทราบกันไปแล้วนะค่ะกับศาสตร์การตั้งชื่อตามหลักโบราณว่ามีอะไรบ้าง หากคุณต้องการตั้งชื่อลูก หรือ เปลี่ยนชื่อมงคลแล้ว นอกจากการคำนึงถึงความเป็นสิริมงคลของชื่อแล้วก็ควรจะคำนึงถึงชื่อที่มีความหมายดีๆ เป็นมงคลด้วยนะค่ะ เพราะการใช้ชื่อที่มีความหมายมงคลก็เป็นหัวใจในการตั้งชื่อเช่นเดียวกันค่ะ
ว่ากันว่าตัวอักษรที่ประกอบอยู่ในชื่อนั้นก็มีพลังในตัวของมันเอง หากนำพลังที่ดีมาใช้ในการตั้งชื่อ ก็จะได้รับผลดี 100% เลยละค่ะ
เครดิตเว็ป www.theluckyname.com