(มโนวันพีช)เกี่ยวกับอาวุธโบราณโพไซดอนและจอยบอย

หมายเหตุ:ขอย้ำก่อนว่าข้อมูลทั้งหมดนี้เกิดจากการมโนของผมล้วนๆโดยเอาข้อมูลทั้งหมดที่พอจะรวบรวมได้+ความรู้สึกของตัวเองมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ต่างๆนาๆ ดังนั้นถ้าใครไม่ชอบเรื่องมโนก็ข้ามไปได้ครับ แต่ถ้าจะอ่านขอให้อ่านให้จบก่อนเม้นนะครับ อาจจะยาวไปซะหน่อยเนื่องจากพยายามอธิบายให้ละเอียดที่สุด อย่าให้ใครเขามาว่าเราว่าคนไทยอ่านหนังสือแค่ 8 บรรทัด

สำหรับเรื่องนี้ก็ตามหัวกระทู้คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับจอยบอยและอาวุธโบราณโพไซดอน ซึ่งทุกคนก็คงทราบกันดีว่าคือองค์หญิงชิราโฮชิ ซึ่งปัจจุบันแม้จะมีการเปิดเผยแล้วว่าเธอคืออาวุธโบราณโพไซดอน แต่รายละเอียดต่างๆของเธอรวมทั้งจอยบอยนั้นยังคงเป็นปริศนาอยู่(ส่วนนึงที่ผมชอบชิราโฮชิเป็นพิเศษนอกเหนือจากความน่ารักของนางแล้วก็คือเป็นตัวละครที่มีอะไรหลายอย่างให้น่าค้นหา ซึ่งในอนาคตเธอน่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวละครหลักที่จะเป็นกุญแจสำคัญไปสู่บทสรุปของเรื่องแน่ๆ)

มาเข้าเรื่องกันเลย เป็นไปได้ไม๊ว่าจริงๆแล้วชิราโฮชิกับองค์หญิงเงือกที่มีชีวิตอยู่ในช่วง 100 ปีที่ว่างเปล่าจะเป็นคนๆเดียวกัน และเธออาจไม่ใช่นางเงือกตามธรรมชาติ แต่ถูกสร้างจากฝีมือมนุษย์พร้อมกับพวกเจ้าทะเลตั้งแต่เมื่อ 800 ปีที่แล้ว ซึ่งคนที่สร้างเธอก็คงเป็นจอยบอย

เรื่องราวอาจจะเป็นอย่างนี้ เมื่อช่วง 100 ปีที่ว่างเปล่าที่เกิดสงครามระหว่างชนเผ่าโบราณกับศัตรู(ซึ่งภายหลังได้สถาปนาตัวเองเป็นรัฐบาลโลก) เผ่าโบราณคนหนึ่งก็คือจอยบอยและพรรคพวกจำนวนหนึ่งได้หลบหนีภัยสงครามลงมายังใต้ทะเล เนื่องจากเผ่าโบราณมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้พวกเขาสามารถดำน้ำหนีได้(ในขณะที่พวกศัตรูยังไม่มีวิทยาการที่สามารถดำน้ำได้) และในตอนนั้นเองที่พวกเขาได้ค้นพบเกาะเงือก จอยบอยและพรรคพวกได้ขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์ริวงูในตอนนั้น พวกเขาได้เล่าเรืองราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังและทางราชวงศ์ริวงูก็ได้ตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือพวกเขา

ระหว่างที่ซ่อนตัวอยู่ที่เกาะเงือกนั้น จอยบอยได้ทำการติดต่อกับพวกเผ่าโบราณคนอื่นๆเพื่อคิดหาวิธีโต้กลับพวกศัตรู และข้อสรุปก็คือการสร้างอาวุธโบราณที่ทรงพลัง 3 ชิ้นด้วยกันประกอบด้วย พลูตัน พลังแห่งเทคโนโลยี มียุทธศาสตร์การรบทางบก ยูเรนัส พลังแห่งธรรมชาติ มียุทธศาสตร์การรบทางอากาศ(ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลของยูเรนัสออกมาดังนั้นตรงนี้จึงเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น) และโพไซดอน พลังแห่งชีวิต มียุทธศาสตร์การรบทางทะเล โดยที่จอยบอยซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลได้รับมอบหมายให้สร้างโพไซดอน เขาและพรรคพวกจึงได้สร้างสัตว์อสูรทะเลที่มีขนาดใหญ่มหึมา มีความแข็งแกร่งชนิดที่ว่าปืนใหญ่ก็ทำอะไรไม่ได้ และมีความดุร้ายมากเพื่อใช้เป็นกำลังรบ ซึ่งสัตว์อสูรเหล่านั้นก็คือพวกเจ้าทะเล

แต่ถ้าใครๆก็สามารถสื่อสารและควบคุมเจ้าทะเลได้ตามใจชอบและเกิดเอาไปใช้ในทางที่ผิดอาจทำให้โลกถึงคราวพินาศได้ เขาจึงต้องสร้างสื่อกลางที่ใช้ในการควบคุมเจ้าทะเลขึ้นมา โดยสร้างออกมาในรูปแบบของนางเงือกเนื่องจากเผ่าเงือกนั้นมีความเร็วสูงสุดในท้องทะเลและสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบกซึ่งจะทำให้มียุทธศาสตร์ในการรบได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสื่อกลางนั้นก็คือชิราโฮชิ(ซึ่งตรงนี้ก็จะได้คำตอบว่าทำไมถึงมีแต่ชิราโฮชิเพียงคนเดียวที่สามารถสื่อสารกับเจ้าทะเลได้ ในขณะที่เงือกตัวอื่นๆ ทำได้เต็มที่คือแค่สื่อสารกับพวกวาฬ) และส่งเธอไปให้ทางราชวงศ์ริวงูเลี้ยงดูเหมือนนางเงือกปกติทั่วๆไป และตัวเขาเองก็ไปหาเธอเป็นพักๆ ส่วนเจ้าทะเลก็ปล่อยให้ขยายพันธุ์จนกว่าจะได้กำลังรบที่มากพอ

ระหว่างที่จอยบอยและพรรคพวกอาศัยอยู่ที่เกาะเงือกนั้น พวกเขาก็ได้ช่วยพัฒนาเกาะเงือกและแบ่งปันเทคโนโลยีของพวกเขาได้ชาวเงือกหลายอย่าง และนั้นทำให้จอยบอยได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและได้รับการยกย่องจากพวกเผ่าเงือกเป็นอย่างมาก ทั้งจากประชาชนและทางฝั่งราชวงศ์ริวงูเอง

เวลาผ่านไปหลายปี ชิราโฮชิเติบโตขึ้น เจ้าทะเลได้ขยายพันธุ์จนมีจำนวนกำลังรบที่มากเพียงพอ เมื่อจอยบอยเห็นว่ามีกำลังรบเพียงพอแล้ว เขาจึงได้เริ่มใช้พวกเจ้าทะเลในการต่อกรกับศัตรูร่วมกับอาวุธโบราณอีก 2 ชิ้น โดยที่มีชิราโฮชิเป็นสื่อกลางในการควบคุมเหล่าเจ้าทะเล ซึ่งในการทำสงครามนั้น อาวุธโบราณทั้ง 3 ได้แสดงพลังของมันออกมาได้อย่างทรงพลัง ทำให้สถานการณ์ของพวกเผ่าโบราณเริ่มพลิกกลับมาได้เปรียบทันที

จากการที่จอยบอยและชิราโฮชิได้รับชัยชนะกลับมาทุกครั้ง ทำให้เขายิ่งได้รับความเคารพจากเผ่าเงือกมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะกับทางราชวงศ์ริวงูที่ยอมรับในตัวเขาเป็นอย่างมาก และในตอนนั้นจอยบอยก็ได้รู้ถึงอดีตของพวกเผ่าเงือกว่า ในอดีตพวกเขาเคยอาศัยอยู่เหนือทะเลมาก่อน แต่ถูกคุกคามจากพวกมนุษย์จนต้องหนีลงมาใต้ทะเล จอยบอยได้ยินดังนั้นจึงได้สร้างเรือโนอาห์ลำยักษ์ขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อพาเหล่าเงือกขึ้นไปเหนือทะเลเมื่อสงครามจบลง และเขาได้ให้สัญญากับชาวเงือก และราชวงศ์ริวงูว่าหากจบสงครามแล้วเขาจะพาพวกเงือกทุกคนขึ้นไปอยู่เหนือทะเลตามเดิม

เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ด้วยดี แต่ทว่าก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น โจรสลัดมนุษย์เงือกคนหนึ่งชื่อฟาน เดอ เดคเค่นที่ 1 ได้เห็นถึงพลังของชิราโฮชิและเกิดอยากครอบครองมัน เขาจึงไปบอกความลับเรื่องโพไซดอนกับพวกศัตรูและร่วมมือกับพวกศัตรู ซึ่งอาจรวมถึงบอกวิธีการดำน้ำและเดินทางมาที่เกาะเงือกด้วย

และเมื่อพวกศัตรูรู้ถึงจุดอ่อนของโพไซดอนแล้วว่าชิราโฮชิคือสื่อกลางในการควบคุมเจ้าทะเลอีกทั้งรู้วิธีที่จะเดินทางมายังเกาะเงือก ทำให้สถานการณ์พลิกกลับทันที ในการสู้รบครั้งหนึ่งหลังจากนั้น จอยบอยและชิราโฮชิกลับถูกพวกศัตรูลอบโจมตีตลบหลังจากใต้ทะเลจนไม่ทันตั้งตัว ซึ่งพวกศัตรูได้พุ่งเป้ามาที่ชิราโฮชิทันทีเพื่อแย่งชิงตัวเธอ แม้จอยบอยและเธอจะพยายามต้านอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งกำลังรบอันมหาศาลของพวกศัตรูได้ ในขณะที่ทางฝั่งพลูตันและยูเรนัสก็เริ่มต้านกำลังรบที่มหาศาลของพวกศัตรูไม่ไหว(น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ)

เมื่อจอยบอยเห็นว่าต่อให้ดิ้นรนไปก็หมดหนทางที่จะชนะแล้ว ดีไม่ดีหากยังฝืนต่ออาจทำให้เกาะเงือกต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วยและยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปใหญ่ แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ต้องการให้ศัตรูได้ครอบครองโพไซดอน เขาได้ตัดสินใจผนึกชิราโฮชิเอาไว้ทำให้เธอย้อนวัยกลับมาเป็นเงือกทารกและอยู่ในสภาพของไข่อีกครั้งโดยอาจจะสร้างสถานการณ์ว่าเธอตายในสงครามเพื่อให้พวกศัตรูล้มเลิกที่จะตามหาตัวเธอ ก่อนที่จะเอาไข่ใบนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งพร้อมกับทำลายแหล่งข้อมูลและเทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างชิราโฮชิและเจ้าทะเลทิ้งทั้งหมดเพื่อไม่ต้องการให้พวกศัตรูได้มันไป(ซึ่งในภายหลังอาจมีการสืบค้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวจากพวกเจ้าทะเลและได้พยายามสร้างเทคโนโลยีดังกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งสุดท้ายได้กลายมาเป็นต้นแบบของเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมที่สร้างมนุษย์ทดลองที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ปกติที่เวก้าพังค์และจัดจ์เคยทำวิจัยร่วมกันมา ไม่สามารถทำถึงขั้นสร้างอาวุธโพไซดอนขึ้นมาได้อีก)

พร้อมกันนั้นเขาก็ได้เขียนโพเนกรีฟเพื่อขอโทษที่เขาไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้เอาไว้กับเกาะเงือกและราชวงศ์ริวงูไว้ได้ แต่ในอนาคตจะต้องมีใครสักคนมาสานต่อเจตจำนงค์ของเขาจนสำเร็จแน่ๆ พร้อมกับย้ายพวกเจ้าทะเลทั้งหมดไปไว้ยังทะเลคามเบลท์ซึ่งเป็นเขตลมสงบทำให้เรือใบไม่สามารถแล่นผ่านทะเลนี้ได้ เพื่อให้พวกมันขยายพันธุ์ต่อไปตามธรรมชาติและไม่ให้มีใครมายุ่งกับพวกมันและแบ่งเจ้าทะเลบางส่วนไว้เพื่อปกป้องไข่(ซึ่งทะเลคามเบลท์ผมคิดว่าอาจจะเกิดจากอาวุธโบราณชิ้นสุดท้ายคือยูเรนัส) ส่วนฟาน เดอ เดคเค่นรุ่นที่ 1 ได้พยายามตามหาตัวชิราโฮชิแต่ก็ไม่พบ เขาจึงได้ส่งต่อเจตจำนงค์เรื่องนี้ไปให้ยังลูกหลานของเขาให้ช่วยค้นหาต่อไป

เวลาผ่านไปกว่า 800 ปี โจรสลัดคนหนึ่งชื่อ โกล ดี โรเจอร์ได้เดินทางมายังเกาะเงือกและได้ค้นพบไข่ใบดังกล่าวและพบว่าคืออาวุธโบราณโพไซดอน เขาจึงได้นำไข่ใบนั้นติดตัวขึ้นเรือไปด้วยจนสามารถพิชิตแกรนด์ไลน์ได้สำเร็จและได้รู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ช่วง 100 ปีที่ว่างเปล่า เขาจึงต้องการสานต่อเจตจำนงค์ของเผ่าโบราณและจอยบอยให้สำเร็จ แต่ก็ติดปัญหาคือชิราโฮชิยังไม่ถือกำเนิดขึ้นมา พวกเขาจึงต้องรอการเกิดของชิราโฮชิเสียก่อน แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่เกิดมาซะที ในขณะที่อาการป่วยของโรเจอร์เริ่มทรุดหนักลงเรื่อยๆ เมื่อตัวเองเห็นว่าไม่น่ารอต่อไหวเลยตัดสินใจเข้ามอบตัวกับรัฐบาลเพื่อประกาศยุคทองของโจรสลัดและหาคนมาสานต่อเจตจำนงค์ของตัวเอง(ซึ่งตรงนี้ก็จะสามารถอธิบายได้ถึง gap ช่วง 1 ปี หลังจากที่โรเจอร์พิชิตแกรนด์ไลน์ไปจนถึงตอนโดนประหารได้ด้วยว่าทำไมในเมื่อรู้ความจริงแล้วถึงไม่สามารถสานต่อเจตจำนงค์ของเผ่าโบราณได้สำเร็จ)

ส่วนไข่ใบนั้นก็คงให้เรย์ลี่เป็นคนเอากลับไปเก็บไว้ที่เกาะเงือกตามเดิมและเขาก็ได้บอกเรื่องราวทั้งหมดให้โอโตะฮิเมะและเนปจูนฟัง และนั่นทำให้โอโตะฮิเมะเริ่มรวบรวมรายชื่อเพื่อรอเวลาแห่งพันธะสัญญาและรับเลี้ยงไข่ใบนั้นไว้ตามคำขอของเรย์ลี่ ส่วนเรย์ลี่ในขณะที่กำลังเดินทางออกจากเกาะเงือกก็อาจเกิดเหตุเรือแตกและถูกฮัจจิช่วยชีวิตไว้และพามาส่งที่เกาะชาบอนดี้ เลยมาทำงานเป็นช่างคลุมเรือที่นั่น

หลังจากโรเจอร์ถูกประหารไปแล้ว 8 ปี ชิราโฮชิก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้ง แต่เธอก็ไม่หลงเหลือความทรงจำเมื่อช่วง 100 ปีที่ว่างเปล่าอีกเลย แม้แต่กระทั่งวิธีในการควบคุมเจ้าทะเล เนื่องจากความทรงจำทั้งหมดของเธอถูกรีเซตไปตอนที่จอยบอยผนึกเธอไว้ เธอได้ใช้ชีวิตในฐานะเจ้าหญิงเงือกตามปกติ จนเมื่อเธออายุ 6 ขวบ พลังของเธอได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งจากการที่เห็นโอโตะฮิเมะแม่ของเธอถูกเผ่ามังกรฟ้าจับเป็นตัวประกัน และได้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์เมื่อเธออายุ 16 จากสงครามเกาะเงือก และตอนนี้เธอก็รู้ตัวแล้วว่ามีพลังที่ว่าแต่ยังไม่รู้ว่าคือโพไซดอนและยังควบคุมมันไม่ได้

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมคิดขึ้นมาเอง(พูดง่ายๆคือมโนแหละ)โดยการรวบรวมข้อมูลต่างๆที่พอจะรวบรวมได้และพยายามคิดวิเคราะห์ออกมา สุดท้ายแล้วมันอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ ไม่มีใครรู้ครับนอกจาก อ.โอดะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  การ์ตูนญี่ปุ่น การ์ตูน Manga มังงะ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่