กล้าไหม? ทำประชาพิจารณ์กัน ก่อนจะไม่เอาถ่านหิน ถามเสียงส่วนใหญ่แล้วหรือยัง?

กล้าไหม? ทำประชาพิจารณ์กัน
ก่อนจะไม่เอาถ่านหิน ถามเสียงส่วนใหญ่แล้วหรือยัง?


ขอบคุณภาพ: manager.co.th

ผลจากการชุมนุมของกลุ่มเอ็นจีโอที่คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ทำให้นายกตู่ประกาศชะลอโครงการออกไป เพื่อรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของคนในพื้นทีก่อน


ขอบคุณภาพ: balanceenergythai.com

การชุมนุมเรียกร้องของเสียงส่วนน้อย(มาก) นี้ ทำให้คนส่วนใหญ่ทั้งคนในพื้นทีกระบี่ รวมไปถึงผู้ใช้ไฟทั่วประเทศ ต้องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะการชะลอการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน หมายถึง เรากำลังจะเข้าสู่วิกฤตขาดแคลนพลังงานในอนาคตอันใกล้ และต้องหันไปนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีที่มีราคาแพงมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าต่อไป


ขอบคุณภาพ: manager.co.th (MGRภาคใต้)

แน่นอนผลกระทบตามมาที่เห็นได้ชัดคือราคาค่าไฟที่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ เพราะก๊าซธรรมชาติกำลังจะหมดไป จากค่าไฟเฉลี่ยหน่วยละ 4 บาทอีกไม่กี่ปีเราอาจจะได้ใช้ค่าไฟราคาสองหลักเหมือนเยอรมันก็ได้
ซึ่งราคาค่าไฟที่เพิ่มขึ้นดูเผินๆ เหมือนจะเพิ่มขึ้นไม่กี่บาท แต่สำหรับคนหาเช้ากินค่ำทั่วไปแล้วอาจหมายถึงกับข้าวที่หายไปหนึ่งมื้อ หรือเสื้อผ้าใหม่อีกตัว ลำพังเงินช่วยเหลือจาก ครม. สามพันบาท คงช่วยเยียวยาอะไรไม่ได้
เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้เป็นคนร่ำรวยเงินทองมีทุนรอนหน้าตักหนา ที่ไม่ต้องทำงานอะไรเลย มีเวลาว่าง มาชุมนุมเล่นๆ ที่หน้าทำเนียบได้ตลอดเวลา ส่วนค่าไฟจะแพงขึ้นก็ไม่ต้องสนใจ เพราะลงทุนเป็นแสนเป็นล้านติดโซล่าเซลล์ส่วนตัว ใช้เองบ้างในเวลาที่ไฟฟ้าติดๆ ดับๆ เหลือใช้ก็ขายราคาแพงๆ คืนให้กับรัฐ เอากำไรส่วนต่างมาซื้อไฟฟ้าราคาถูกใช้อีกที ทำแบบนี้วนๆ ไป ไม่สะทกสะท้าน

การชะลอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ได้ส่งผลเสียกับคนส่วนใหญ่ มากกว่าที่เราคิด เพราะไปตัดสินคิดแทนว่าเขาไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ดังนั้นช่วงเวลานี้คงเหมาะที่สุดแล้ว ที่จะมีการทำประชาพิจารณ์ จะได้รู้กันเสียว่าใครกันแน่ที่ไม่เอาถ่านหิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่