รถบ้านตะลอนเกาะใต้ New Zealand กับ #NZHEY945 by Maemeenoi

อมยิ้ม06เที่ยวเกาะใต้ด้วยงบบานปลาย นั่งนอนบนรถ อบอุ่นหัวใจอมยิ้ม06



อมยิ้ม17สวัสดีครับ
กระทู้เล่าเรื่องราวอันแรกของ แม่หมีน้อยผจญภัย มีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ ที่นี่เลยนะครับ เราจะพาทุกท่านไปเที่ยวเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ และยังเป็นทริปแห่งความทรงจำดีๆอีกด้วย เพราะตัวเจ้าของกระทู้นั้น มาศึกษาอยู่ที่นี้ จึงทำให้พี่ๆรวมตัวกันเพื่อมาเที่ยวหา แล้วทริปนี้จึงเกิดขึ้นนั่นเองครับ ส่วนพวกพี่นั้นมาด้วยวีซ่ากลุ่มครับ มันดูจะของ่ายกว่าและประหยัดกว่า มาด้วยกันกลับด้วยกันครับ

อมยิ้ม07 แจ้งไว้ก่อนเลยนะครับว่า ทริปนี้ล้วนผจญภัยบนรถบ้านซะส่วนใหญ่ครับอีกอย่างมีเวลาซึ่งค่อนข้างจำกัดมากๆ เลยจะได้มุมมองที่แตกต่างกับท่านอื่นๆ บางภาพก็อาจจะมีเงาสะท้อนของกระจกรถนิดหน่อยนะครับ อีกอย่างสถานที่ท่องเที่ยวก็ล้วนแล้วฟรีทั้งหมด ประหยัด และฟรีเท่านั้นครับ นำเงินมาซื้ออาหารแทนครับ

อมยิ้ม36เริ่มกันเลยดีกว่าครับ

ทริปจะใช้เวลาทั้งหมดบนรถบ้านแค่ 5 วัน 4 คืนนะครับ จึงจะดูมีความเร่งรีบกันตลอดๆ แถมกว่าจะได้นอนกันทีดึกดื่น มัวแต่เม้ามอยกันไป แล้วก็ตื่นสายอีก จึงเป็นทริปขับรถของจริงครับ ขับทั้งกลางวันกลางคืน แต่ก็ยังได้ภาพถ่ายที่น่าจดจำมากมายครับ


อมยิ้ม36Christchurch to Greymouthอมยิ้ม36

Day 0: ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน พวกพี่ๆทั้ง 5 คนเดินทางมาถึง สนามบิน Auckland ช่วงบ่ายๆครับ แล้วตัวเจ้าของกระทู้ไปเจอพวกพี่ๆที่สนามบินครับ หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็เดินทางต่อได้เลยครับ ด้วยสายการบิน Jet Star เป็นสายการบินที่ไม่เหมาะกับคนขายาวอย่างยิ่งครับ เพราะขาเราจะรวมตัวกับเบาะคนข้างหน้าได้เลยครับ.. ใช้เวลาแค่ชั่วโมงนิดๆ เหมือนนั่งเครื่องจาก กรุงเทพฯไปเชียงใหม่เลย หลังจากถึง สนามบินนานาชาติ Christchurch ก็ค่อนข้างเย็นแล้ว ต้องรอรับรถในเช้าวันต่อมาครับ
พวกเราเลือกพักผ่อนในคืนนี้ที่ Apollo Motel ซึง อยู่แถว Upper Riccarton ในย่านนี้และรอบๆเมืองจะมี Motel ซึ่งติดกันเป็นพรืด เต็มรอบเมืองไปหมด ลองหาดูอันที่สะดวกต่อตัวเราได้ครับ ส่วนตัว Apollo Motel ราคาค่อนข้างพอรับได้ แล้วก็พนักงานพูดจาดีครับ  ตัว Motel ซึ่งจะไม่ไกลจากห้าง Countdown คล้ายห้าง Lotus ของบ้านเราน่ะครับ สาขานี้เปิดถึง สี่ทุ่มเเลยครับ ไปจัดอาหารคาวหวานตามสะดวกจร้า หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันเข้านอนครับ  
อมยิ้ม33Tip. ถ้าใครมาถึงดึกอย่างพวกเราแล้วไม่มีรถเช่าหรือคนมารับก็สามารถขึ้นรถบัสสายสีม่วง (Purple Line) ออกจากสนามบินเข้าเมืองได้นะครับ จะมีป้ายและทางบอกอยู่นะครับว่าอยู่ทางไหน มีรอยเท้าให้เดินตามไปอยู่ครับ


สนามบินนานาชาติ Christchurch ตอนกำลังไปรับกระเป๋าที่สายพาน เป็นสนามบินที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปครับ แต่รับรองเลยว่าวิวด้านหลังของสนามบินนั้นสวยบาดตาบาดใจเลยครับ

Day 1: ตื่นเกือบเช้าเก้าโมงด้วยความมึนงง เราแบ่งสมาชิกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มนึงไปรับรถบ้านที่สนามบิน ส่วนอีกกลุ่มให้รีบแต่งหน้าแต่งตัวและเก็บของเตรียมขึ้นรถนั่นเองครับ วิธีไปสนามบินก็โดยสารรถบัสคันเดิมไปติดต่อที่สนามบินครับ ถ้าติดต่อกับบริษัทรถไว้ ทางนั้นจะมีเจ้าหน้ามารับอยู่ตรงที่รอรถเมย์พอดีครับ เพราะศูนย์รับรถจะอยู่ไกลไปอีกครับ แต่ด้วยความง่วงภาพถ่ายจึงไม่ค่อยมีเลยครับ ฮ่าๆ รถที่เราใช้ในครั้งนี้เป็นของยี่ห้อ Britz เป็น Volkswagen หกที่นั่งครับ ใหญ่มากกก
อมยิ้ม33Tip. ตอนรับรถแนะนำให้ซื้อตัวประกันด้วยนะครับ มันจะมีประกันเสริมที่ครอบคลุมตั้งแต่รถกลิ้งจนของในรถเสียหายครับ + จะได้ตัว GPS ที่แถม Wifi hotspot มาด้วยครับ

ตอนเช้าของสนามบินครับ มีสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์บินมาถึง Christchurch กันลยทีเดียว


มีสอนวิธีใส่ Snow Chain โซ่ไว้ขับบนหิมะด้วยครับ เหมือนจะรวมในประกันที่เเราซื้อด้วย ก็ตั้งใจดูนะครับเผื่อไปติดอยู่บนหิมะครับ

(ขอบคุณภาพจากพี่โบว์นะครับ)
ตัวรถที่ใหญ่มากเทียบกับตัวคนซึ่งสูงประมาณ 190cm ครับ ต้องขับซักพักนึงถึงจะชินมือชินเท้า พอนั่งจะรู้สึกสูงส่งมากครับ

GPS ที่เราตั้งชื่อตามยี่ห้อว่าอิ TOMTOM ตัว GPS ค่อนข้างดีครับ มีน้อยครั้งที่พาไปในสถานที่ที่ไม่มีจริงครับ (หลงทาง) อย่างเช่นตอนหาที่พักรถนั่นเอง



เริ่มขับรถออกจากเมืองโดยใช้ถนน Old West Coast Rd. โดยการนำทางของอิ TOMTOM เราจะค่อยๆเห็นความเป็นชนบทของประเทศนี้ครับ
ทั้งสองข้างทางเราจะได้เห็นทุ่งหญ้า ทุ่งนากว้างใหญ่ มีทั้งแกะและวัวสลับกันไป ส่วนความสวยงามมันอยู่ที่เทือกเขาที่ตระหง่านอยู่ด้านหน้าของพวกเรา มันตราตรึงมากครับ ไม่ใช่ทุกวันจะได้เห็นเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุมแบบนี้ พวกเราทุกคนในรถต่างก็มีความตื่นตาตื่นใจมากๆ ครับ



หลังจากขับรถมาได้ซักพักนึง ก็เจอร้านพายชื่อดังแห่งเมือง Sheffield ชื่อ The Famous Sheffield Pie Shop ราคาไม่แพงครับ 5-10$ ต่อชิ้น ต้องแวะทานซะหน่อยครับ
อมยิ้ม33 Tip: ในร้านนี้เหมือนจะไม่มีห้องน้ำนะครับ แต่ถ้าเลยไปอีกซักพักจำได้ว่าจะมีปั๊มที่มีห้องน้ำอยู่นะครับ เรื่องที่จอดรถ ขับเลยร้านไปนิดนึงจะมีที่จอดกว้างๆ ด้านขวา ข้างทางรถไฟอยู่ครับ




มีพายหลากหลายรสชาติให้เลือกสรรนะครับ ส่วนตัวชอบพายเบคอนไข่ ซื้อแล้วกลับมาทานในรถบ้าน แถมพักรถชมวิวทางรถไฟไปด้วยเลยครับ
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางกันต่อไป ตามเส้นทางไปเรื่อยๆครับ พวกเราโชคดีมากเลยครับ ที่อากาศสดใสร่าเริงขนาดนี้ รูปเลยมีฟ้าที่สดใสตามมา





เราเริ่มเข้าใกล้เทือกเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังเห็นแกะมากมายตามทุ่งหญ้าข้างทาง
อมยิ้ม33 Tip: ขับรถกันอย่างนมนาน อาจมีง่วงบ้างเบื่อบ้าง เพราะทางค่อนข้างไกลและอาจจะเห็นแค่แกะมากมายจนเพลียลูกตา การเล่าเรื่องตลกๆหรือความทรงจำในอดีตก็เป็นเรื่องที่สนุกสนานเติมสีสันให้สนุกขึ้นไปอีกได้ครับ ฮ่าๆ

หลังจากเล่าเรื่องราวตลก*ปกฮากันไปแล้ว พวกเราก็จะเข้าสู่ช่องเขาที่สวยงามมากครับ อย่ามัวแต่มองวิวนะครับ คือมันสวยมากจริงๆ แต่ถนนก็ค่อนข้างอันตรายด้วย เหวทั้งนั้น! แถมไปด้วยโค้งหักศอกมากมายกันเลยทีเดียว




อมยิ้ม11

พอเริ่มเข้ามาแถว Korowai-Torlesse Tussocklands Park ตามแผนที่นะครับ ภูเขาก็มีความแห้งแล้ง สีน้ำตาล แต่ก็มีหิมะปกคลุมอยู่ไกลๆ แม้พวกเราจะมาปลายหนาวแล้วก็ตาม


หลังจากเราหลุดออกมาจากหุบเขาก็จะเจอที่โล่งกว้างและเต็มไปด้วยกองหินมากมาย นั่นก็แสดงว่าเราถึง Castle Hill กันแล้วนะครับ ดูมีความกว้างใหญ่มาก เราจึง...ไม่แวะครับ ช่วงที่ไปมีคนไทยพึ่งโดนทุบกระจกพอดีบวกกับดูเดินไกลมากกลัวจะไปไม่ทันพระอาทิตย์ตก เพราะตอนถึงที่นี่ก็บ่ายสองกว่าแล้วคร้าบ บ เราเลยขอบายจ้าา..





อมยิ้ม33 Tip: ภูมิอากาศของเกาะใต้นิวซีแลนด์ จะค่อนข้างหนาวและแห้ง โดยเฉพาะ แถบเทือกเขาแอลป์ของเกาะใต้ มีความเป็นทุนดร้ามากครับ คนขี้หนาวควรพกลองจอห์น ถุงเท้ามาหนาๆหน่อยครับ กลางคืนไปนอนในแคมป์ ขนาดต้นเดือนกันยายน อุณหภูมิยังลงถึง 1-2 องศา ได้ครับ


หลังจากขับมาได้ซักพักใหญ่ก็เจอป้าย Arthur's Pass National Park ก็ขอลงมาถ่ายรูปนิดหน่อย และก็อวดโฉมเจ้า HEY945 รถคู่ใจของพวกเรานั่นเองครับ ปรากฎว่ามีแนวโน้มที่ฝนจะตกอย่างมาก เราจึงรีบวิ่งไปขึ้นรถต่อจ้า สรุป...ไม่เหลือ ฝนตกอย่างหนักเลย แบบฟ้าปิดฝนพรำ ถนนเปียก แล้วก็เหว โหดมันส์ฮาจริงๆ





มาแล้วครับ ฟ้าหม่น เมฆหมอก ฝนพรำ 55555 ภายใต้เลขห้ามีน้ำตาไหลริน... อมยิ้ม08



อมยิ้ม33 Tip: ตามทางจะเห็นป้ายส้มๆเตือนเสมอครับ ว่าถนนจะลื่นเมื่อเปียก ส่วนใหญ่จะเตือนในช่วงที่เป็นเนิน หรือโค้งเขานั่นเอง ให้เราได้คอยระวังอีกด้วยครับ บางทีก็จะมีกรวดหินที่กลิ้งมาตามผาหิน ก็ต้องคอยระวังด้วยนะจ๊ะ


หลังจากขับขี่รถกันอย่างเกร็งนิ้วเท้าแทบกุดมาตลอดทาง ก็มาถึง The Otira Gorge Rd. State Highway 73 ซึ่งเราเลยจุดชมวิวก่อนหน้านี้ที่จะเห็นถนนเส้นยาวๆน่ะครับ จะค่อนข้างชันนิดหน่อย ด้วยถนนที่เปียกกับรถคันยักษ์แล้วก็เลย ฟิ้ววว.. เลยจร้า อิอิ ส่วนในภาพตรงนี้สมัยก่อนน่าจะเกิดหินถล่มอยู่บ่อยๆ คนที่นี่เขาเลยสร้างคล้ายที่เทหินและน้ำ ตรงนี้ขึ้นมาครับ



ต่อไปเราก็ขับไปเรื่อยๆๆ หวาดกลัวถนนที่ดูเงา มัน และลื่นไถล ต้องคอยจิกเบาะเกาะกันไป แต่ด้วยความที่ พี่หมี (คนขับแสนแกร่งของเรา) ขับอย่างตั้งใจ จึงผ่านพ้นหุบเขาหฤหรรษ์ด้วยความปลอดภัยและครบ 32 ยิ้ม หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรอีกเลย มัวแต่หาที่พักฟรีครับ

อมยิ้ม33 Tip: ในตัวอิ TOMTOM มันจะมีแอฟตัวนึงชื่อ CamperMate ซึ่งเราสามารถใช้ในการหาที่พัก ทั้งฟรี และแบบเสียตังค์ แถมยังโชว์ด้วยว่า สถานที่ไหนบริการห้องน้ำสาธารณะอีกด้วยครับ (ส่วนใหญ่เราจะเลือกฟรีครับ เพราะไฟรถยังเหลืออยู่เยอะเลยย...)

จนแล้วจนรอด เราก็ถึงเมือง Greymouth ในช่วงเย็นๆแล้วครับ พวกเราก็ตระเวนหาที่จอดรถฟรีกัน สรุปได้ที่จอดวิวสวยมากครับ ข้างทะเลกันเลยครับ แต่ที่น่าตื่นเต้นคือมันฟรี แต่ไม่มีแม้กระทั่งไฟถนนและห้องน้ำนะครับ เวลาจะหาต้องคอยระวังนิดนึงนะครับ...ก่อนที่เราจะมาถึงจุดจอดรถก็แอบเล็งเห็นบาร์นั่งชิวๆใกล้ที่จอดรถ หลังจากลงตัวแล้วก็เริ่มทำอาหารกันไป เสร็จสรรพ เกือบสามทุ่ม จึงตระเวนหาที่เที่ยวชิวๆยามค่ำคืน ปรากฏว่า ร้านนั้นก็ปิดไปแล้ว แถมปิดเงียบทั้งเมือง เสมือน Silent Hill เหมือนแบบเมืองโดนอพยพคนไปหมดแล้วยังไงยังงั้น....




ขอทิ้งท้ายภาพวันแรกด้วยภาพ Dinner ในรถบ้านอันแสนอบอุ่นของเรา มีทั้งไข่เจียว ปลากระป๋อง และ sprout ผัดเศษเบคอนแสนอร่อย เป็นคืนที่ฝนตก หนาวมาก แต่ก็อุ่นใจ และฝันดีครับ...


(ขอบคุณภาพจากพี่ข้าวนะคร้าบ)
เพี้ยนเพลีย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่