หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] *** Four Days in Taipei ไปไต้หวันกี่ครั้งก็ยังไม่พอ (3) ***
กระทู้รีวิว
บันทึกนักเดินทาง
ไต้หวัน
ภาพถ่าย
พิพิธภัณฑ์
อ่านรีวิวตอนแรกได้ที่
http://ppantip.com/topic/35831187
อ่านรีวิวตอนที่สองได้ที่
http://ppantip.com/topic/35832582
ตอนที่สาม (22 ตุลาคม 2559) : Beitou – Ruifang - Jiufen
วันนี้โปรแกรมคร่าวๆ ก็คือเช้านี้เดินเที่ยวแถวๆ เป่ยโถว (Beitou) เที่ยงเช็คเอาท์โรงแรม แล้วบ่ายก็เดินทางไปจิ่วเฟิ่น (Jiufen) โดยตั้งใจว่าจะไปนอนค้างที่จิ่วเฟิ่น
ที่แรกที่ไปในเป่ยโถว (จริงๆ ต้องพูดว่า Xinbeitou มากกว่า) ก็คือห้องสมุดเป่ยโถว (Beitou Library) เป็นห้องสมุดที่มีการออกแบบได้เรียบง่าย งดงาม และกลมกลืน ที่ว่ากลมกลืนก็คือเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเห็นการใช้วัสดุก่อสร้างอาคารที่เป็นทั้งกระจก ไม้ และเหล็กที่สอดประสานกันอย่างลงตัว
ก่อนจะเข้าไปถ่ายภาพในอาคารจะต้องลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ก่อน
มีระเบียงให้ออกมาเดินเล่น
อาคารสูงที่อยู่ใกล้ๆ ที่ผมถ่ายจากระเบียง
หนังสือสอนเขียนโปรแกรมกับชั้นหนังสือหมวดศาสนา
บรรยากาศภายในห้องสมุด
จุดต่อระหว่างไม้และเหล็ก
มีมุมหนังสือภาษาไทยด้วย
มีการจัดแบ่งพื้นที่ได้น่าสนใจ เช่น บริเวณเล่านิทาน ห้องให้นมลูก etc.
ภาพวาดที่ฝาผนัง
หลังจากใช้เวลาที่ห้องสมุดนานพอสมควร เดินออกมาภายนอกห้องสมุดแล้วก็ต้องตกใจ ผู้คนมาทำอะไรกันแถวห้องสมุด หยุดดูจึงรู้ว่าเป็นเพราะพวกเขากำลังตามล่าโปเกม้อน
ออกจากห้องสมุดเดินผ่านเดินผ่านน้ำตกเล็กๆ
แล้วมาหยุดที่อาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ เอ๊ นี่อะไร อ๋อ Beitou Hot Spring Museum นั่นเอง
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่พูดถึงเรื่องบ่อน้ำร้อนในเป่ยโถว ในอดีตอาคารนี้เป็นที่อาบน้ำสาธารณะ (ออนเซ็น) แห่งแรกในไต้หวันที่ถูกสร้างขึ้นโดยญี่ปุ่นในปี 1913 ในยุคนั้นถือว่าเป็น Onsen สาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเลยก็ว่าได้ แต่ต่อมาภายหลัง (หลังสงครามโลกครั้งที่สอง) ถูกทิ้งร้างเนื่องจากไม่ได้รับความนิยม จนกระทั่งถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับบ่อน้ำร้อนในปัจจุบัน
ทางเข้าด้านหน้าอาคาร เข้าฟรี เปิดวันอังคารถึงวันอาทิตย์ 9.00 – 17.00 น.
ชั้นบนเป็นโถงกว้าง ชั้นล่างแสดงให้เห็นบ่ออาบน้ำในอดีต
กระจกเป็น Stained Glass สีสดใสสวยงามดี
ออกจากพิพิธภัณฑ์ก็เดินต่อไป ตั้งใจจะไปดูบ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่ Thermal Valley แต่เดินไปได้สักพักคุณภรรยายกธงขาวยอมแพ้ เพราะแดดจัดและอากาศก็ร้อนพอๆ กับเมืองไทย ขอกลับโรงแรมอาบน้ำอีกครั้งและจัดกระเป๋าเตรียมตัวเช็คเอาท์เพื่อออกเดินทางดีกว่า การจัดกระเป๋าวันนี้ต้องแยกของออกมาใส่เป้ไว้เพราะจะไปค้างที่จิ่วเฟิ่น จะฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ที่สถานีรถไฟจะได้เดินทางได้คล่องตัว
ระหว่างทางที่เดินไป Thermal Valley
เมื่อปีที่แล้วตอนที่มาจิ่วเฟิ่นผมเดินทางมาจากไทเปด้วยรถบัส แต่คราวนี้ตัดสินใจว่าน่าจะลองเปลี่ยนมาใช้รถไฟดูบ้าง คือผมนั่ง MRT จากเป่ยโถวมาที่ Taipei Main Station เนื่องจากเลยเวลาเที่ยงแล้วก็เลยซื้ออาหารกล่องที่สถานีตั้งใจว่าจะไปกินบนรถไฟ ตอนจะลงไปชานชลาถามเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าอีกสิบนาทีรถไฟจะมา เป็นรถเร็วด้วย โชคดีจัง ลงไปที่ชานชลายืนรอกว่าสิบนาทีแต่ก็ไม่มีรถไฟจอด เมื่อห้านาทีที่แล้วมีรถไฟผ่านมาหนึ่งขบวนแต่ไม่ได้จอดก็เลยเริ่มงงๆ ว่ามันยังไงกันแน่ แต่ดูไปดูมาสงสัยว่าจุดที่เรายืนรออยู่นั้นมันอาจไกลเกินไป รถไฟที่เพิ่งผ่านไปเมื่อกี๊มันเป็นขบวนสั้นๆ หรือว่าเมื่อกี๊มันจอดอยู่ตรงโน้น เราก็เลยไม่รู้ สรุปว่าเราไม่ได้ไปรถไฟเที่ยวนั้น ต้องรอไปอีกกว่าครึ่งชั่วโมง โชคดีที่พบสตรีชาวไต้หวันภรรยาผมส่งภาษาจีนกลางแบบกระท่อนกระแท่นพอรู้เรื่องได้ความว่าเขาก็จะไปจุดหมายเดียวกัน สถานีที่เรากำลังจะไปไม่ใช้จิ่วเฟิ่น รถไฟไปไม่ถึงจิ่วเฟิ่นเราต้องไปลงที่เร่ยฟาง (Ruifang) แล้วนั่งรถบัสต่ออีก 15 นาทีไปจิ่วเฟิ่น เป็นการเดินทางที่ยากลำบากเพราะรถไฟที่จะไปเร่ยฟางคนค่อนข้างแน่น และเป็นรถธรรมดาซึ่งใช้เวลาเดินทางช้ากว่าขบวนที่ผมพลาดไป วันนั้นกว่าจะไปถึงจิ่วเฟิ่นก็เกินบ่ายสาม มื้อกลางวันไม่ทันได้กิน ต้องไปกินกันหลังจากเข้าเช็คอินที่พักในจิ่วเฟิ่นแล้ว ที่พักคืนนื้ที่จองไว้เป็น Bed & Breakfast ที่อยู่ในตลาดโบราณ ค่าห้องคืนละ 2,200 บาท ห้องที่จองเป็นห้องที่อยู่บนชั้นสามดูแล้วคิดว่าเดิมคงเป็นดาดฟ้าแล้วมากั้นห้องเพิ่มทีหลัง เป็นห้องที่มองเห็นทะเลอยู่ไกลๆ แต่กระจกไม่สามารถเปิดได้ ถ่ายผ่านกระจกก็ไม่ชัดเพราะกระจกไม่สะอาด
ทานมื้อกลางวัน (อาหารกล่องที่ซื้อมา) ตอนบ่ายสามกว่า หลังจากนั้นก็ไปเดินตลาดโบราณ (หรือถนนสายเก่าจิ่วเฟิ่น) จิ่วเฟิ่นเคยรุ่งเรืองมากในอดีต (ยุคอาณานิคมญี่ปุ่น) เพราะย่านนั้นมีการทำเหมืองทองแต่ปัจจุบันได้ผันตัวมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเพราะเสน่ห์ของตลาดในถนนสายเก่าจิ่วเฟิ่น จุดเด่นของถนนสายนี้อยู่ตอนที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แล้วโคมไฟกระดาษสีแดงที่ประดับประดาอยู่หน้าร้านต่างก็สว่างขึ้นมา ถ้าใครเคยดูหนังแอนิเมชั่นเรื่อง Spirited Away ของ Studio Ghibli จะเห็นฉากทำนองนี้เพราะที่นี่คือแรงบันดาลที่ทำให้ผู้กำกับ มิยาซากิ ฮายาโอะ ทำภาพเหล่านั้นขึ้นมา เรามาดูภาพที่จิ่วเฟิ่นยามพลบค่ำกันดีกว่า
เมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้า
มาจิ่วเฟิ่นทั้งทีถ้ามีเวลาก็ควรจะไปนั่งดื่มน้ำชาชมวิวรอบๆ นั้น เคยได้ยินมาว่าร้านน้ำชาที่ชื่อว่า A Mei Tea House เป็นร้านที่โด่งดัง เดินไปถามคนไปจนพบร้านน้ำชาที่ว่านี้ โชคดีที่ไม่มีคิวไปถึงก็ได้ขึ้นไปชั้นบนเลย เขาคิดหัวละ 300 $ (330 บาท) ซึ่งเขาจะมีใบชามาให้เราจำนวนหนึ่ง เขาสาธิตให้เราดูว่าสามารถแบ่งชาออกมาได้สามส่วน แต่ละส่วนนำไปชงได้ห้าน้ำ (ห้าครั้ง หรือห้ากา) เขาสาธิตวิธีชงให้ดูด้วย และมีขนม 3-4 อย่างให้ทานกับน้ำชา
ภาพโคมแดงประดับประดาร้านน้ำชายามค่ำคืน
บทเรียนที่ได้รับก็คือจริงๆ แล้วผมควรจะไปนั่งอยู่ร้านอาหารที่อยู่ตรงกันข้ามกับร้านน้ำชา จะดีกว่าเพราะว่าได้เห็นภาพร้านน้ำชาแบบเต็มๆ ไม่ต้องมาเบียดเสียดผู้คนแย่งกันถ่ายรูปแบบที่เห็นในภาพบนนี้
เดินเบียดเสียดกับผู้คนจนหมดแรงแล้วจึงกลับที่พัก นอนหลับฝันดี อามิตตาพุทธ Good Night.
ชื่อสินค้า:
ถนนสายเก่าจิ่วเฟิ่น
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ทริปไต้หวัน ตะลุยของกิน 5 วัน 4 คืน กับครอบครัว
สวัสค่ะ ทุกคน ห่างหายไปนานเลยในการท่องเที่ยว คิดถึงการรีวิวมากค่ะแต่ตอนนี้เรากลับมาแล้ว เราจะมารีวิว ทริปไต้หวัน เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราไปกับทัวร์ค่ะ เพราะไปกับครอบครัวมีแต่ สว. เลยต้องให้ทัวร์จั
Lolyploy
++Review++ Let's Eat & Travel Taiwan ไปเท่าที่จะไปได้ : บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว(Beitou)เดินเล่นริมทะเลตั้นสุ่ย(Tamsui)
วันนี้เป็นการเดินทางวันที่ 3 ในไทเป ใต้หวันเช้านี้อากาศดีเลยไม่มีฝนแม้ท้องฟ้าจะดูครึ้มๆไม่มีแดดก็ตาม อุณหภูมิในวันนี้ยังอยู่ที่ 10 กว่าองศาและอากาศค่อนข้างหนาว เช้านี้มาเดินเล่นแถวซีเหมินติงสักหน่อย ว
DJ.piggypop
"BEITOU ๋HOT SPRING" อาบน้ำแร่สุดฟินที่แท้ทรู @Taiwan
ย่าน ซิน เป่ยโถว: Xin-Beitou เป็นย่านเมืองใหม่ของเป่ยโถวที่มีชื่อเสียงด้านบ่อน้ำพุร้อนตั้งอยู่แค่นอกเมืองไทเป สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาได้ ใช้เวลาเพียง 30นาทีเท่านั้น ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศยอดนิย
สมาชิกหมายเลข 2918409
ไต้หวัน เป่ยโถว
ไต้หวัน เป่ยโถวบรรยากาศบ่อน้ำพุร้อน เป่ยโถวไอน้ำลอยตามลม แปลกตามากๆ🌿🍃🪴https://www.youtube.com/watch?v=G5j0DQ7GJVU19 DEC 2022🌲🌱น้ำพุร้อนเป่ยโถวเดินทางไม่ไกล จากไทเป ราวๆ 30 นาทีโดย MRT เส้นสีแดง ลงสถาน
cubebi
Winter in Taiwan : รีวิวเที่ยวประเทศไต้หวัน 5 วัน
รีวิวเที่ยวประเทศไต้หวัน 5 วัน สัมผัสสเน่ห์ของประเทศไต้หวันในช่วงฤดูหนาวปลายปี แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ พร้อมเรื่องราวดีๆ ของการเดินทาง Plan การเดินทางคร่าวๆ
PongpolW
รีวิวชมบรรยากาศบ่อน้ำร้อน "เป่ยโถว" ที่ไทเป ประเทศไต้หวัน (ฺBeitou Thermal Valley)
รีวิวนี้ผมทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูล และ ประสบการณ์ การเดินทางไปเที่ยวไต้หวัน เมือง ไทเป ตั้งแต่ต้นการเดินทาง จนถึงท้ายสุด โดยใช้งบส่วนตัวของผมเองทั้งหมด หากมีข้อสงสัยหรือ ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ค
เป็ดน้อยในดงหมอก
รีวิว ทริปไต้หวัน Do and Don't เวอร์ชั่นนักท่องเที่ยวธรรมดา
เพิ่งจบทริปไต้หวันมาหมาดๆ เมื่อวานนี้ เลยอยากแชร์มุมมองที่คิดว่า สำคัญสำหรับคนหัดเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองแบบคนธรรมดา เผื่อเป็นประโยชน์กับทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่เจอแบบหลงเอง งมเอง 1. Cash is king.ไปไต้หวัน
เจ้าหญิงน้อยรสส้ม
ทริปไต้หวันผม4คืน5วันประมาณนี้โอเครไหมครับ แน่นไปไหมครับ
29 / 07 / 60 - Taipei Fish Market ,อนุสรณ์สถาน เจียง ไค เชค , วัดหลงชาน 30 / 07 / 60 - Beitou ,Tamsui 31 / 07 / 60 - ทริปเย่หลิว น้ำตกสีทอง ทะเลสองสี ตลาดจิ่วเฟิ่น สถานีรถไฟสือเฟิน 01 / 08 / 60 - รถไ
p_surround
รบกวนตรวจแพลนไต้หวัน 6วัน5คืนค่ะ
1.ต้องตัด/เพิ่ม /เรียงใหม่ยังไงรบกวนชี้แนะด้วยนะคะ 2.เติมเงินeasy card เท่าไหร่ดีคะ 1000บาทจะมากไปมั้ย วันที่ 28-03_2018 8.00น. ซื่อซิม>>> เทอมินัล 1พิกัดที่ 1 : ก่อนผ่านด่านตม. เปิ
puifai_chaBa
ไต้วัน จินถง - จิ่วเฟิ่น
ไต้หวัน EP 3 สถานีจินถง - จิ่วเฟิ่นบรรยากาศ 🧱🏯🌿https://www.youtube.com/watch?v=Z7yCpzW6VIk🌍 🚂 🍃 14 - 15 DEC 2022สถานี รถไฟ จินถงร้านอาหาร ที่จินถง 觀景台咖啡餐廳 จิ่วเฟิ่น🧱🏯สถานี รถไฟ จินถง Jingt
cubebi
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
ไต้หวัน
ภาพถ่าย
พิพิธภัณฑ์
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 17
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] *** Four Days in Taipei ไปไต้หวันกี่ครั้งก็ยังไม่พอ (3) ***
อ่านรีวิวตอนที่สองได้ที่ http://ppantip.com/topic/35832582
ตอนที่สาม (22 ตุลาคม 2559) : Beitou – Ruifang - Jiufen
วันนี้โปรแกรมคร่าวๆ ก็คือเช้านี้เดินเที่ยวแถวๆ เป่ยโถว (Beitou) เที่ยงเช็คเอาท์โรงแรม แล้วบ่ายก็เดินทางไปจิ่วเฟิ่น (Jiufen) โดยตั้งใจว่าจะไปนอนค้างที่จิ่วเฟิ่น
ที่แรกที่ไปในเป่ยโถว (จริงๆ ต้องพูดว่า Xinbeitou มากกว่า) ก็คือห้องสมุดเป่ยโถว (Beitou Library) เป็นห้องสมุดที่มีการออกแบบได้เรียบง่าย งดงาม และกลมกลืน ที่ว่ากลมกลืนก็คือเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเห็นการใช้วัสดุก่อสร้างอาคารที่เป็นทั้งกระจก ไม้ และเหล็กที่สอดประสานกันอย่างลงตัว
ก่อนจะเข้าไปถ่ายภาพในอาคารจะต้องลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ก่อน
มีระเบียงให้ออกมาเดินเล่น
อาคารสูงที่อยู่ใกล้ๆ ที่ผมถ่ายจากระเบียง
หนังสือสอนเขียนโปรแกรมกับชั้นหนังสือหมวดศาสนา
บรรยากาศภายในห้องสมุด
จุดต่อระหว่างไม้และเหล็ก
มีมุมหนังสือภาษาไทยด้วย
มีการจัดแบ่งพื้นที่ได้น่าสนใจ เช่น บริเวณเล่านิทาน ห้องให้นมลูก etc.
ภาพวาดที่ฝาผนัง
หลังจากใช้เวลาที่ห้องสมุดนานพอสมควร เดินออกมาภายนอกห้องสมุดแล้วก็ต้องตกใจ ผู้คนมาทำอะไรกันแถวห้องสมุด หยุดดูจึงรู้ว่าเป็นเพราะพวกเขากำลังตามล่าโปเกม้อน
ออกจากห้องสมุดเดินผ่านเดินผ่านน้ำตกเล็กๆ
แล้วมาหยุดที่อาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ เอ๊ นี่อะไร อ๋อ Beitou Hot Spring Museum นั่นเอง
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่พูดถึงเรื่องบ่อน้ำร้อนในเป่ยโถว ในอดีตอาคารนี้เป็นที่อาบน้ำสาธารณะ (ออนเซ็น) แห่งแรกในไต้หวันที่ถูกสร้างขึ้นโดยญี่ปุ่นในปี 1913 ในยุคนั้นถือว่าเป็น Onsen สาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเลยก็ว่าได้ แต่ต่อมาภายหลัง (หลังสงครามโลกครั้งที่สอง) ถูกทิ้งร้างเนื่องจากไม่ได้รับความนิยม จนกระทั่งถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับบ่อน้ำร้อนในปัจจุบัน
ทางเข้าด้านหน้าอาคาร เข้าฟรี เปิดวันอังคารถึงวันอาทิตย์ 9.00 – 17.00 น.
ชั้นบนเป็นโถงกว้าง ชั้นล่างแสดงให้เห็นบ่ออาบน้ำในอดีต
กระจกเป็น Stained Glass สีสดใสสวยงามดี
ออกจากพิพิธภัณฑ์ก็เดินต่อไป ตั้งใจจะไปดูบ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่ Thermal Valley แต่เดินไปได้สักพักคุณภรรยายกธงขาวยอมแพ้ เพราะแดดจัดและอากาศก็ร้อนพอๆ กับเมืองไทย ขอกลับโรงแรมอาบน้ำอีกครั้งและจัดกระเป๋าเตรียมตัวเช็คเอาท์เพื่อออกเดินทางดีกว่า การจัดกระเป๋าวันนี้ต้องแยกของออกมาใส่เป้ไว้เพราะจะไปค้างที่จิ่วเฟิ่น จะฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ที่สถานีรถไฟจะได้เดินทางได้คล่องตัว
ระหว่างทางที่เดินไป Thermal Valley
เมื่อปีที่แล้วตอนที่มาจิ่วเฟิ่นผมเดินทางมาจากไทเปด้วยรถบัส แต่คราวนี้ตัดสินใจว่าน่าจะลองเปลี่ยนมาใช้รถไฟดูบ้าง คือผมนั่ง MRT จากเป่ยโถวมาที่ Taipei Main Station เนื่องจากเลยเวลาเที่ยงแล้วก็เลยซื้ออาหารกล่องที่สถานีตั้งใจว่าจะไปกินบนรถไฟ ตอนจะลงไปชานชลาถามเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าอีกสิบนาทีรถไฟจะมา เป็นรถเร็วด้วย โชคดีจัง ลงไปที่ชานชลายืนรอกว่าสิบนาทีแต่ก็ไม่มีรถไฟจอด เมื่อห้านาทีที่แล้วมีรถไฟผ่านมาหนึ่งขบวนแต่ไม่ได้จอดก็เลยเริ่มงงๆ ว่ามันยังไงกันแน่ แต่ดูไปดูมาสงสัยว่าจุดที่เรายืนรออยู่นั้นมันอาจไกลเกินไป รถไฟที่เพิ่งผ่านไปเมื่อกี๊มันเป็นขบวนสั้นๆ หรือว่าเมื่อกี๊มันจอดอยู่ตรงโน้น เราก็เลยไม่รู้ สรุปว่าเราไม่ได้ไปรถไฟเที่ยวนั้น ต้องรอไปอีกกว่าครึ่งชั่วโมง โชคดีที่พบสตรีชาวไต้หวันภรรยาผมส่งภาษาจีนกลางแบบกระท่อนกระแท่นพอรู้เรื่องได้ความว่าเขาก็จะไปจุดหมายเดียวกัน สถานีที่เรากำลังจะไปไม่ใช้จิ่วเฟิ่น รถไฟไปไม่ถึงจิ่วเฟิ่นเราต้องไปลงที่เร่ยฟาง (Ruifang) แล้วนั่งรถบัสต่ออีก 15 นาทีไปจิ่วเฟิ่น เป็นการเดินทางที่ยากลำบากเพราะรถไฟที่จะไปเร่ยฟางคนค่อนข้างแน่น และเป็นรถธรรมดาซึ่งใช้เวลาเดินทางช้ากว่าขบวนที่ผมพลาดไป วันนั้นกว่าจะไปถึงจิ่วเฟิ่นก็เกินบ่ายสาม มื้อกลางวันไม่ทันได้กิน ต้องไปกินกันหลังจากเข้าเช็คอินที่พักในจิ่วเฟิ่นแล้ว ที่พักคืนนื้ที่จองไว้เป็น Bed & Breakfast ที่อยู่ในตลาดโบราณ ค่าห้องคืนละ 2,200 บาท ห้องที่จองเป็นห้องที่อยู่บนชั้นสามดูแล้วคิดว่าเดิมคงเป็นดาดฟ้าแล้วมากั้นห้องเพิ่มทีหลัง เป็นห้องที่มองเห็นทะเลอยู่ไกลๆ แต่กระจกไม่สามารถเปิดได้ ถ่ายผ่านกระจกก็ไม่ชัดเพราะกระจกไม่สะอาด
ทานมื้อกลางวัน (อาหารกล่องที่ซื้อมา) ตอนบ่ายสามกว่า หลังจากนั้นก็ไปเดินตลาดโบราณ (หรือถนนสายเก่าจิ่วเฟิ่น) จิ่วเฟิ่นเคยรุ่งเรืองมากในอดีต (ยุคอาณานิคมญี่ปุ่น) เพราะย่านนั้นมีการทำเหมืองทองแต่ปัจจุบันได้ผันตัวมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเพราะเสน่ห์ของตลาดในถนนสายเก่าจิ่วเฟิ่น จุดเด่นของถนนสายนี้อยู่ตอนที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แล้วโคมไฟกระดาษสีแดงที่ประดับประดาอยู่หน้าร้านต่างก็สว่างขึ้นมา ถ้าใครเคยดูหนังแอนิเมชั่นเรื่อง Spirited Away ของ Studio Ghibli จะเห็นฉากทำนองนี้เพราะที่นี่คือแรงบันดาลที่ทำให้ผู้กำกับ มิยาซากิ ฮายาโอะ ทำภาพเหล่านั้นขึ้นมา เรามาดูภาพที่จิ่วเฟิ่นยามพลบค่ำกันดีกว่า
เมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้า
มาจิ่วเฟิ่นทั้งทีถ้ามีเวลาก็ควรจะไปนั่งดื่มน้ำชาชมวิวรอบๆ นั้น เคยได้ยินมาว่าร้านน้ำชาที่ชื่อว่า A Mei Tea House เป็นร้านที่โด่งดัง เดินไปถามคนไปจนพบร้านน้ำชาที่ว่านี้ โชคดีที่ไม่มีคิวไปถึงก็ได้ขึ้นไปชั้นบนเลย เขาคิดหัวละ 300 $ (330 บาท) ซึ่งเขาจะมีใบชามาให้เราจำนวนหนึ่ง เขาสาธิตให้เราดูว่าสามารถแบ่งชาออกมาได้สามส่วน แต่ละส่วนนำไปชงได้ห้าน้ำ (ห้าครั้ง หรือห้ากา) เขาสาธิตวิธีชงให้ดูด้วย และมีขนม 3-4 อย่างให้ทานกับน้ำชา
ภาพโคมแดงประดับประดาร้านน้ำชายามค่ำคืน
บทเรียนที่ได้รับก็คือจริงๆ แล้วผมควรจะไปนั่งอยู่ร้านอาหารที่อยู่ตรงกันข้ามกับร้านน้ำชา จะดีกว่าเพราะว่าได้เห็นภาพร้านน้ำชาแบบเต็มๆ ไม่ต้องมาเบียดเสียดผู้คนแย่งกันถ่ายรูปแบบที่เห็นในภาพบนนี้
เดินเบียดเสียดกับผู้คนจนหมดแรงแล้วจึงกลับที่พัก นอนหลับฝันดี อามิตตาพุทธ Good Night.