ไม่ว่าสุดท้ายเราจะเป็นแฟน
“Harry Potter” หรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับคนวัย 20 ปลายๆ ขึ้นไปแล้ว คงพอบอกได้ว่า พวกเราเติบโตมาโดยมี Harry Potter และโลกเวทย์มนตร์ของเขา เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ ซึ่งเราก็คิดว่าทุกอย่างมันคงเหลือเป็นเพียงแค่ความทรงจำเท่านั้นไปแล้ว เมื่อ
“Harry Potter and the Deathly Hallows – Part 2” หนังภาคสุดท้ายของแฟรนไชร์ส์นี้ ออกฉายเมื่อปี 2011 แต่ก็นั่นแหละ… ในเมื่อทั้งฉบับหนังสือและหนังทำเงินมากมายได้ขนาดนี้ จะทิ้งไปเฉยๆ ก็น่าเสียดาย (เงิน) นั่นจึงที่มาในการพาเรากลับสู่โลกเวทย์มนตร์ที่คุ้นเคยอีกครั้ั้งใน
“Fantastic Beasts and Where to Find Them”
แม้จะตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อได้ยินข่าวว่าจะมีหยิบ
“Fantastic Beasts and Where to Find Them” ซึ่งเป็นชื่อหนังสือเรียนใน
“Hogwarts” มาทำเป็นหนัง แต่อีกใจหนึ่งก็หวั่นๆ ไม่ได้ เพราะเราก็รู้สึกลึกๆ ว่าการกลับมาครั้งนี้ เป้าหมายที่แท้จริงคือเพื่อ
“เงิน” (ใช่มั้ย Warners) แม้จะอุ่นใจขึ้นหน่อยว่า
“J.K. Rowling” ผู้ให้กำเนิด Harry Potter มานั่งแท่นเป็นผู้เขียนบทด้วยตนเอง แต่ก็อีกนั่นแหละ… การเขียนหนังสือกับการเขียนบทหนัง ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว และมันการันตีไม่ได้ว่า คนเขียนหนังสือดี จะเขียนบทหนังได้ดีเหมือนกัน
กระนั้น ทั้งหมดนี้ก็คงโล่งใจไปได้ เพราะ Fantastic Beasts and Where to Find Them ออกสตาร์ทได้โอเคทีเดียว มันอาจไม่ใช่หนังที่ถึงขั้นสุดยอดอะไรมากมาย เนื้อเรื่องก็ค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับ Harry Potter ฉบับหนังสือ ซึ่งก็พอเข้าใจว่า เป็นผลจากข้อจำกัดของหนัง ที่ไม่สามารถใส่รายละเอียดมากมายได้แบบหนังสือ แต่โดยรวมมันก็เป็นหนังที่ดูสนุก ชวนให้อยากติดตามต่อในภาคถัดๆ ไป (Warners ยิ้ม) ที่สำคัญ Fantastic Beasts and Where to Find Them คือการยืนยันว่า
“J.K. Rowling” เป็นนักเขียนที่มีความสามารถในการต่อยอดเรื่องราวและจินตนาการสูงมาก อีกทั้งเธอยังเข้าใจด้วยว่า แฟนๆ Harry Potter ต้องการอะไร เข้าใจแบบที่แฟนๆ เหล่านั้นอาจยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ถ้าจะพูดถึงเสน่ห์ของ Harry Potter ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังสือชุดนี้ประสบความสำเร็จเรื่อยมาจนถึงฉบับหนัง โดยเฉพาะในหมู่คนที่เริ่มอ่านตั้งแต่เด็ก นั่นคือมันทำให้เรารู้สึกเหมือนได้
“โต” ไปพร้อมๆ กับ Harry Potter ผ่านพ้นช่วงเด็ก วัยรุ่น จนถึงเริ่มเป็นผู้ใหญ่ไปด้วยกัน 7 เล่มของ Harry Potter ไม่ได้หมายถึงแค่อายุที่มากขึ้นของตัวละครในแต่ละเล่มเท่านั้น แต่การดำเนินเรื่องและเนื้อหาก็โตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยในแต่ละเล่ม จากวรรณกรรมเยาวชนใสๆ ในเล่มแรกๆ กลายเป็นวรรณกรรมที่มีเรื่องราวซับซ้อน ดราม่า และดำมืดไม่น้อยในเล่มหลังๆ คิดว่า J.K. Rowling น่าจะเข้าใจจุดนี้อย่างดี นั่นทำให้เธอเลือกที่จะวาง
“Fantastic Beasts and Where to Find Them” ให้เป็นโลกเวทย์มนตร์ในแบบฉบับของ
“ผู้ใหญ่ (ตอนต้น)”
สมมติเราเริ่มอ่าน Harry Potter ตั้งแต่เด็ก ผ่านวัยรุ่นมาพร้อมกับ Harry Potter ตอนนี้เราจะมีอายุอยู่ในช่วงเบญเพสจนถึง 20 ปลายๆ ซึ่งมันก็เป็นอายุที่ใกล้เคียงกับ
“Newt Scamander” (Eddie Redmayne) ตัวละครหลักของ Fantastic Beasts and Where to Find Them นั่นเอง และ J.K. ก็ไม่ลืมที่จะใส่สิ่งที่คนในวัยนี้ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตการงาน การพยายามเดิมตามความฝันก่อนที่จะหมดไฟ ความรู้สึกที่เริ่มแปลกแยกในสังคม ไปจนถึงเรื่องความรักในแบบฉบับที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ทุกอย่างดู “
โต” กว่าใน Harry Potter แต่ก็เป็นการโตที่ไม่ทำให้เรารู้สึกแปลกแยก หากกลับทำให้เราอินยิ่งขึ้น เพราะเราค่อยๆ โตมาพร้อมๆ กับตัวละครในโลกเวทย์มนตร์ของ J.K. แล้ว
“Fantastic Beasts and Where to Find Them” จึงเหมือนกับการได้กลับมาพบเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยอีกครั้ง ซึ่งแม้ว่าวันนี้เพื่อนคนนี้จะโตจนบางอย่างอาจไม่เหมือนเดิมในวัยเด็ก แต่ลึกๆ เราก็สัมผัสได้ว่านี่คือเพื่อนคนเดิมที่เราเคยรู้จัก และเรายินดีที่จะสานต่อมิตรภาพนั้นต่อไป
แม้ผลงานการเขียนบทหนังครั้งแรกของ J.K. จะไม่ได้ถึงกับสุดยอด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชม คือความสามารถในการต่อยอดเรื่องราวของ J.K. มีหลายครั้งที่นักเขียนพยายามต่อยอดเรื่องราวของตัวเองออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง
“ออกทะเล” แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในโลกเวทย์มนตร์ของ J.K. มันเหมือนกับว่าเธอเป็นพระเจ้าในโลกนี้ และเธอมีภูมิหลังให้ทุกตัวละคร ทุกสถานที่ ทุกเหตุการณ์ในโลกเวทย์มนตร์ของเธออยู่แล้ว Fantastic Beasts and Where to Find Them เดิมเป็นเพียงหนังสือเรียนเล่มเล็กๆ และ Newt ก็เป็นเพียงตัวประกอบของตัวประกอบของตัวประกอบฯ ใน Harry Potter เท่านั้น แต่ J.K. กลับสามารถหยิบเอาเรื่องราวเล็กๆ นี้มาขยายต่อให้กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แถมยังกลับมา
“เติมเต็ม” Harry Potter ภาคหลักให้สมบูรณ์่ยิ่งขึ้นไปอีก แบบที่บางทีตอนแรกเราก็คาดไม่ถึง
ตัวอย่างการเติมเต็มที่ว่า อย่างเช่น
….(Spoil เน้นๆ)…
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใน Fantastic Beasts and Where to Find Them ได้แนะนำให้เรารู้จักกับ “Obscurus” ซึ่งเป็นพลังด้านมืดที่ทำตัวเป็นกาฝาก และกัดกินร่างโฮสต์ โดยมักเกิดกับพ่อมดแม่มดเด็กที่ถูกสังคมหรือคนรอบข้างกดดันจนไม่กล้าใช้เวทย์มนตร์ เกิดเป็นความรู้สึกเก็บกด เมื่อมากๆ เข้าจึงทำให้ Obscurus เข้ายึดร่าง เด็กที่มี Obscurus จะมีพลังมหาศาล แต่ขณะเดียวกัน Obscurus ก็จะกัดกินร่างเด็กคนนั้น จนส่วนใหญ่มักอยู่ได้ไม่เกินวัยเด็ก ซึ่งในหนังตัว Obscurus คือไคล์แมกซ์และตัวร้ายหลักในภาคนี้
แม้จะเหมือนเป็นแนวคิดใหม่ที่ J.K. เพิ่งใส่มา แต่พอลองดูดีๆ แล้ว จะพบว่านี่กลับไปเติมเต็มเรื่องราวของ “Ariana Dumbledore” น้องสาวของ “Albus Dumbledore” ซึ่งเคยกล่าวมีกล่าวถึงไว้ใน Harry Potter เล่มท้ายๆ ได้อย่างสมบูรณ์ (แม้จะยังไม่คอนเฟิร์มก็ตาม)
Ariana นั้นเคยถูกมักเกิ้ลทำร้าย ทำให้ป่วย ควบคุมเวทย์มนตร์ไม่ได้ และพยายามปฏิเสธการใช้เวทย์มนตร์มาโดยตลอด จนตอนหลังเมื่อ Albus Dumbledore ได้รู้จักกับ “Gellert Grindelwald” จนมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนโลกนี้ด้วยกัน แต่ Gellert ก็ไม่ลงรอยกับ “Aberforth” น้องชายอีกคนของ Albus จนนำไปสู่การต่อสู้ และจบลงที่ฉบับหนังสือบอกไว้แค่ว่า Ariana โดนลูกหลงจากเหตุการณ์นั้นเสียชีวิต และทำให้ Albus กับ Aberforth ไม่ลงรอย เช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์ระหว่าง Albus กับ Gellert ที่เป็นเหมือนเพื่อนรักเพื่อนแค้นมานับตั้งแต่นั้นๆ
จากภูมิหลังเล็กๆ ที่กล่าวไว้ในหนังสือ Harry Potter เป็นไปได้ว่า J.K. กำลังให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่าจริงๆ แล้ว Ariana นั้นมี Obscurus อยู่ในตัว อันเป็นผลจากความทรงจำที่ถูกมักเกิ้ลกลั่นแกล้ง ทำให้เธอกลัวการใช้เวทย์มนตร์จนเกิดเป็นพลังมืดในร่าง และสาเหตุที่เธอเสียชีวิตจริงๆ อาจไม่ใช่เพราะลูกหลง แต่เป็นเพราะเธอระเบิดพลัง Obscurus ออกมา เพื่อปกป้องพี่ชายเธอ และทำให้ Obscurus กัดกินร่างกายเธอจนเสียชีวิต ซึ่งมันก็ไปลงล็อคพอดีว่าทำไมใน Fantastic Beasts ตัว Gellert Grindelwald (ที่คงสถานะตัวร้ายหลักประจำแฟรนไชรส์ Fantastic Beasts) จึงสนใจ Obscurus นัก เพราะเขาเคยเห็นมันมาก่อนแล้วนั่นเอง และถ้าการคาดคะเนนี้ถูกต้อง นั่นความสัมพันธ์ระหว่าง Albus กับ Gellert จะยิ่งซับซ้อนและน่าติดตามมากขึ้นไปอีก
ยิ่งคิดยิ่งต้องคารวะในจินตนาการอันสุดๆ ของ J.K. Rowling จริงๆ
[CR] [Review] Fantastic Beasts and Where to Find Them – เพื่อนเก่าที่คุ้นเคย (Spoil จุดเชื่อมโยง Harry)
ไม่ว่าสุดท้ายเราจะเป็นแฟน “Harry Potter” หรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับคนวัย 20 ปลายๆ ขึ้นไปแล้ว คงพอบอกได้ว่า พวกเราเติบโตมาโดยมี Harry Potter และโลกเวทย์มนตร์ของเขา เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ ซึ่งเราก็คิดว่าทุกอย่างมันคงเหลือเป็นเพียงแค่ความทรงจำเท่านั้นไปแล้ว เมื่อ “Harry Potter and the Deathly Hallows – Part 2” หนังภาคสุดท้ายของแฟรนไชร์ส์นี้ ออกฉายเมื่อปี 2011 แต่ก็นั่นแหละ… ในเมื่อทั้งฉบับหนังสือและหนังทำเงินมากมายได้ขนาดนี้ จะทิ้งไปเฉยๆ ก็น่าเสียดาย (เงิน) นั่นจึงที่มาในการพาเรากลับสู่โลกเวทย์มนตร์ที่คุ้นเคยอีกครั้ั้งใน “Fantastic Beasts and Where to Find Them”
แม้จะตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อได้ยินข่าวว่าจะมีหยิบ “Fantastic Beasts and Where to Find Them” ซึ่งเป็นชื่อหนังสือเรียนใน “Hogwarts” มาทำเป็นหนัง แต่อีกใจหนึ่งก็หวั่นๆ ไม่ได้ เพราะเราก็รู้สึกลึกๆ ว่าการกลับมาครั้งนี้ เป้าหมายที่แท้จริงคือเพื่อ “เงิน” (ใช่มั้ย Warners) แม้จะอุ่นใจขึ้นหน่อยว่า “J.K. Rowling” ผู้ให้กำเนิด Harry Potter มานั่งแท่นเป็นผู้เขียนบทด้วยตนเอง แต่ก็อีกนั่นแหละ… การเขียนหนังสือกับการเขียนบทหนัง ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว และมันการันตีไม่ได้ว่า คนเขียนหนังสือดี จะเขียนบทหนังได้ดีเหมือนกัน
กระนั้น ทั้งหมดนี้ก็คงโล่งใจไปได้ เพราะ Fantastic Beasts and Where to Find Them ออกสตาร์ทได้โอเคทีเดียว มันอาจไม่ใช่หนังที่ถึงขั้นสุดยอดอะไรมากมาย เนื้อเรื่องก็ค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับ Harry Potter ฉบับหนังสือ ซึ่งก็พอเข้าใจว่า เป็นผลจากข้อจำกัดของหนัง ที่ไม่สามารถใส่รายละเอียดมากมายได้แบบหนังสือ แต่โดยรวมมันก็เป็นหนังที่ดูสนุก ชวนให้อยากติดตามต่อในภาคถัดๆ ไป (Warners ยิ้ม) ที่สำคัญ Fantastic Beasts and Where to Find Them คือการยืนยันว่า “J.K. Rowling” เป็นนักเขียนที่มีความสามารถในการต่อยอดเรื่องราวและจินตนาการสูงมาก อีกทั้งเธอยังเข้าใจด้วยว่า แฟนๆ Harry Potter ต้องการอะไร เข้าใจแบบที่แฟนๆ เหล่านั้นอาจยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ถ้าจะพูดถึงเสน่ห์ของ Harry Potter ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังสือชุดนี้ประสบความสำเร็จเรื่อยมาจนถึงฉบับหนัง โดยเฉพาะในหมู่คนที่เริ่มอ่านตั้งแต่เด็ก นั่นคือมันทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ “โต” ไปพร้อมๆ กับ Harry Potter ผ่านพ้นช่วงเด็ก วัยรุ่น จนถึงเริ่มเป็นผู้ใหญ่ไปด้วยกัน 7 เล่มของ Harry Potter ไม่ได้หมายถึงแค่อายุที่มากขึ้นของตัวละครในแต่ละเล่มเท่านั้น แต่การดำเนินเรื่องและเนื้อหาก็โตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยในแต่ละเล่ม จากวรรณกรรมเยาวชนใสๆ ในเล่มแรกๆ กลายเป็นวรรณกรรมที่มีเรื่องราวซับซ้อน ดราม่า และดำมืดไม่น้อยในเล่มหลังๆ คิดว่า J.K. Rowling น่าจะเข้าใจจุดนี้อย่างดี นั่นทำให้เธอเลือกที่จะวาง “Fantastic Beasts and Where to Find Them” ให้เป็นโลกเวทย์มนตร์ในแบบฉบับของ “ผู้ใหญ่ (ตอนต้น)”
สมมติเราเริ่มอ่าน Harry Potter ตั้งแต่เด็ก ผ่านวัยรุ่นมาพร้อมกับ Harry Potter ตอนนี้เราจะมีอายุอยู่ในช่วงเบญเพสจนถึง 20 ปลายๆ ซึ่งมันก็เป็นอายุที่ใกล้เคียงกับ “Newt Scamander” (Eddie Redmayne) ตัวละครหลักของ Fantastic Beasts and Where to Find Them นั่นเอง และ J.K. ก็ไม่ลืมที่จะใส่สิ่งที่คนในวัยนี้ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตการงาน การพยายามเดิมตามความฝันก่อนที่จะหมดไฟ ความรู้สึกที่เริ่มแปลกแยกในสังคม ไปจนถึงเรื่องความรักในแบบฉบับที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ทุกอย่างดู “โต” กว่าใน Harry Potter แต่ก็เป็นการโตที่ไม่ทำให้เรารู้สึกแปลกแยก หากกลับทำให้เราอินยิ่งขึ้น เพราะเราค่อยๆ โตมาพร้อมๆ กับตัวละครในโลกเวทย์มนตร์ของ J.K. แล้ว
“Fantastic Beasts and Where to Find Them” จึงเหมือนกับการได้กลับมาพบเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยอีกครั้ง ซึ่งแม้ว่าวันนี้เพื่อนคนนี้จะโตจนบางอย่างอาจไม่เหมือนเดิมในวัยเด็ก แต่ลึกๆ เราก็สัมผัสได้ว่านี่คือเพื่อนคนเดิมที่เราเคยรู้จัก และเรายินดีที่จะสานต่อมิตรภาพนั้นต่อไป
แม้ผลงานการเขียนบทหนังครั้งแรกของ J.K. จะไม่ได้ถึงกับสุดยอด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชม คือความสามารถในการต่อยอดเรื่องราวของ J.K. มีหลายครั้งที่นักเขียนพยายามต่อยอดเรื่องราวของตัวเองออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง “ออกทะเล” แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในโลกเวทย์มนตร์ของ J.K. มันเหมือนกับว่าเธอเป็นพระเจ้าในโลกนี้ และเธอมีภูมิหลังให้ทุกตัวละคร ทุกสถานที่ ทุกเหตุการณ์ในโลกเวทย์มนตร์ของเธออยู่แล้ว Fantastic Beasts and Where to Find Them เดิมเป็นเพียงหนังสือเรียนเล่มเล็กๆ และ Newt ก็เป็นเพียงตัวประกอบของตัวประกอบของตัวประกอบฯ ใน Harry Potter เท่านั้น แต่ J.K. กลับสามารถหยิบเอาเรื่องราวเล็กๆ นี้มาขยายต่อให้กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แถมยังกลับมา “เติมเต็ม” Harry Potter ภาคหลักให้สมบูรณ์่ยิ่งขึ้นไปอีก แบบที่บางทีตอนแรกเราก็คาดไม่ถึง
ตัวอย่างการเติมเต็มที่ว่า อย่างเช่น….(Spoil เน้นๆ)…
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยิ่งคิดยิ่งต้องคารวะในจินตนาการอันสุดๆ ของ J.K. Rowling จริงๆ
http://www.zeawleng.in.th/
https://www.facebook.com/iamzeawleng/