อ่านรีวิวตอนแรกได้ที่ http://ppantip.com/topic/35831187


ตอนที่สอง (21 ตุลาคม 2559) : Beitou - Yangmingshan National Park - Shilin Night Market

         ผมเลือกมาพักที่เป่ยโถว (Beitou) เพราะต้องการสูดอากาศบริสุทธิ์นอกเมืองไทเป อีกทั้งเป่ยโถวยังขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่ง Onsen ชั้นเยี่ยมไม่แพ้ Onsen ในประเทศญี่ปุ่น จริงๆ แล้วก็เป็นเพราะญี่ปุ่นนี่แหละสมัยที่เข้ามายึดครองไต้หวันได้พัฒนาเป่ยโถวมาจนมีชื่อเสียงในเรื่องนี้ ซึ่งผมจะขยายความเรื่องนี้อีกทีตอนที่แวะชม Beitou Hot Spring Museum (วันพรุ่งนี้) แต่เช้าวันนี้จะพาไปเที่ยวชมวนอุทยานใกล้เมืองไทเปที่ชื่อว่าหยางหมิงซาน (Yangmingshan) กันก่อน สำหรับขั้นตอนการเดินทางก็ไม่ยากมาก เพราะป้ายรถเมล์ที่จะไปนั้นอยู่หน้าโรงแรมพอดี แค่ข้ามถนนไปฝั่งที่เป็นสวนสาธารณะก็ถึงแล้ว ระหว่างคอยรถเมล์ที่จะพาไปอุทยานหยางหมิงซาน ผมถือโอกาสถ่ายภาพโรงแรมที่พักให้ดูกันชัดๆ เป็นตึกที่ชั้นล่างเป็นร้าน Wellcome  ห้องพักอยู่ชั้น 2 และ 3 ส่วนชั้นที่อยู่เหนือจากนั้นผมเดาว่าคงเป็นอพาร์ตเม้นท์ที่ให้เช่าระยะยาว

ภาพนี้ผมยืนถ่ายจากป้ายรถเมล์ถ้ามองตรงไปเฉียงมาทางซ้ายที่อยู่หลังเต้นท์เห็นหลังคาโผล่มาสีเหลืองๆ นั่นก็คือสถานีรถไฟฟ้า Xinbeitou


ภาพอาคารอันเป็นที่ตั้งของโรงแรม ชั้นล่างเป็นร้าน Wellcome ชั้นบนเป็นอพาร์ตเม้นท์


         ตอนออกจากโรงแรมผมถามพนักงานโรงแรมว่าไปหยางหมินซานจะต้องขึ้นรถสายไหน จำได้ว่าสาย 260 หรือ 219 อะไรทำนองนั้น ที่จำสายรถเมล์ที่พนักงานโรงแรมบอกไม่ได้ เพราะว่าตอนที่ไปรอนั้นเปลี่ยนใจไปขึ้นสายอื่นแทน เนื่องจากรอนานมากรถสายที่ว่านั้นก็ไม่มาซะที พอเห็นว่ามีรถสายอื่นไปหยางหมินซานก็เลยเปลี่ยนใจกระทันหัน ไปใช้บริการรถที่เป็นมินิบัสสาย S9 รถออกจากป้ายหน้าโรงแรมไม่นานก็เป็นทางขับขึ้นเขา ภรรยาผมสอบถามผู้หญิงไต้หวันบนรถเรื่องจุดที่จะลง เธอบอกว่าเธอก็จะไปที่เดียวกัน เดี๋ยวให้ลงพร้อมเธอ รถใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง พอผู้หญิงไต้หวันลง ผมสองคนก็ลงตามเธอไป เธอบอกว่าจุดที่ผมจะไปเป็นจุดที่อยู่ในส่วนอุทยานต้องมาเปลี่ยนรถสาย 108 ที่นี่ รถสายนี้เป็นรถที่วิ่งวนรอบอุทยานหยางหมินซาน พอลงไปก็เห็นคิวยาวรอขึ้นรถบัสสาย 108 ผมบอกภรรยาว่าที่อ่านรีวิวพันทิปมา มีคนแนะว่าการเดินทางในหยางหมินซานควรซื้อตั๋วแบบเหมาวัน คือจะขึ้นลงรถกี่ครั้งก็ได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเสียค่าโดยสารแต่ละเที่ยว ผู้หญิงไต้หวันพาภรรยาผมไปที่ห้องขายตั๋วโดยที่ตัวผมเองยังอยู่ในแถวรอขึ้นรถ เวลาผ่านไปไม่นานรถบัสก็มาโชคดีที่ภรรยากับผู้หญิงไต้หวันกลับมาทันขึ้นรถ แต่ข้อสรุปก็คือเนื่องจากผมจะไปแค่ไม่กี่จุด ทางห้องขายตั๋วจึงแนะว่าถ้าผมมี  Easy Card อยู่แล้ว ก็ใช้ Easy Card สะดวกกว่า และถ้าขึ้นลงไม่กี่จุดก็คงจะประหยัดกว่าด้วย

จุดแรกที่ผมนั่งสาย 108 มาลงเป็นทางที่จะเดินไป Erziping ระยะทาง 1.8 กม.




ระหว่างทางเจอสัตว์ต่างๆ ก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ




ดอกไม้ใบหญ้าข้างทางก็น่าสนใจดี






บรรยากาศตลอดทางค่อนข้างร่มรื่น ถ้าผมอยู่แถวนี้คงขึ้นมาเดินออกกำลังกายสูดอากาศบริสุทธิ์ทุกเช้า








และแล้วในที่สุดก็หลุดออกมาสู่บริเวณที่เปิดกว้าง นั่นก็คือมาถึง Erziping แล้วนั่นเอง










         ปรกติการเดินไปกลับที่ Erziping Trail นี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่เนื่องจากผมใช้เวลาไปกับการถ่ายภาพค่อนข้างมากก็เลยใช้เวลามากกว่าเป็นเท่าตัว กลับมาถึง Information Center (จุดจอดรถบัส) เป็นเวลาเที่ยง ได้บ๊ะจ่างกับกาแฟรองท้องเป็นมื้อเที่ยง พร้อมที่จะขึ้นบัสไปชมจุดต่อไปซึ่งก็คือปากปล่องภูเขาไฟเสี่ยวโหย่วคัง (Xiayoukeng) ซึ่งในบริเวณนั้นจะเห็นควันพุ่งออกมาเป็นจุดๆ ใครที่เคยไป Noboribetsu ที่ฮอกไกโดมาแล้ว คงจะพอนึกภาพออก




         ตอนที่รอรถบัสสาย 108 จาก Erziping เพื่อจะมาที่ Xiayoukeng นั้นสิ่งสำคัญก็คือรถสาย 108 มีวนซ้ายกับวนขวา ถ้าจะไปต่อก็ให้เลือกรถที่ "ป้ายสีแดง" เพราะถ้าไปเลือกรถที่ "ป้ายเขียว" ก็จะพาเรากลับไปที่ลานจอดรถที่เพิ่งจะมา จุดนี้เป็นจุดที่ควรระวังอย่างยิ่ง

         สำหรับจุดที่สามในหยางหมินซานที่ผมไปแวะชื่อว่า Lengshuikeng เป็นบ่อแช่น้ำพุร้อนสาธารณะ มีเปิดให้เข้าไปใช้บริการเป็นรอบๆ ตามเวลาที่กำหนด ใครที่ไม่เข้าไปแช่น้ำพุร้อน จะแค่นั่งแช่เท้าที่นั้นก็ได้ ผมกับภรรยาไม่ได้ตั้งใจจะมาแช่น้ำร้อนอยู่แล้ว ผมเองเดินไปถ่ายรูปบริเวณรอบๆ ส่วนภรรยาก็นั่งแช่เท้ารออยู่ที่ใกล้ๆ จุดที่ลงรถเมล์ จริงๆ แล้วจุดนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ยิ่งถ้าไม่ได้คิดจะมาแช่น้ำร้อนแล้วมาต้องลงก็ได้ ผมใช้เวลาเดินแถวนั้นแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่ต้องมารอรถเพื่อจะไปจุดต่อไปเกือบชั่วโมงกว่ารถจะมา

ภาพที่ถ่ายได้ใกล้ๆ บริเวณนี้





         สำหรับจุดที่สี่ที่แวะคือทุ่งหญ้าชิงเทียนกัง (Qingtiangang) เป็นท้องทุ่งสีเขียวมีเนินสวยงามตัดฟ้าสีเข้มยามแดดจ้า เป็นที่ที่เหมาะกับการถ่ายรูปมาก มีผู้คนพากันมาเดินกันมากมาย












         มีการถ่ายภาพ Pre-Wedding หลายคู่ ผมตามดูคู่บ่าวสาวชาวไต้หวันคู่หนึ่ง ดูแล้วสงสารเจ้าบ่าวมาก ถูกกำหนดให้โพส์ตท่ายากๆ มากมาย ใส่สูทท่ามกลางแดดที่ร้อนพอๆ กับเมืองไทย เลยทีเดียว (อุณหภูมิน่าจะประมาณ 32-33 องศาซี)




         เท่าที่ผมแวะชมสี่จุดบนหยางหมินซานนี้ สำหรับผู้ที่มีเวลาค่อนข้างจำกัด (ครึ่งวัน) ผมอยากแนะว่าให้เที่ยวแค่จุดแรก (Erziping) และจุดที่สี่ (Qingtiangang) ก็น่าจะโอเคแล้ว แต่สำหรับผู้ที่มีเวลามากๆ ผมว่าบนหยางหมินซานนี้มีอะไรให้ค้นหาอีกมากมายทีเดียว ผมเองก็ยังคิดว่าต้องย้อนกลับมาที่นี่อีกแน่ๆ

         หลังจากถ่ายรูปกันจนอิ่มแล้วก็กลับมาขึ้นรถสาย 108 กลับไปที่ลานจอดรถของหยางหมินซานเพื่อนั่งบัสสาย R5 กลับเข้าเมืองไทเป ผมลงรถที่จุดใกล้ๆ สถานีรถไฟฟ้า (MRT) Jiantan Station แล้วนั่ง MRT ไปที่ Shilin Station แวะกินข้าวเย็นและเดินเล่นที่ตลาด Shilin










         ออกจาก Shilin ภรรยายังคาใจเรื่องร้านรองเท้า Family Shoe ที่เมื่อวานไปเดินดูใน Beitou เธอบอกว่าสงสัยว่าเป็นร้านเล็กๆ จึงไม่มีให้เลือกมากนัก เธอบอกว่าวันนี้มีเวลาน่าจะลองไปอีกสาขาเพราะในรีวิวบอกว่าร้านที่อยู่ในห้าง Carrefour Chung Xin Store นี้เป็นร้านใหญ่ และในห้าง Carrefour นี้ ชั้นล่างเป็น Outlet รองเท้า มีร้านต่างๆ มากมาย ผมเดินทางไปตามคำแนะนำในรีวิวคือนั่ง MRT ไปลงที่สถานี Xianse Temple แล้วก็เดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาทีก็ถึงห้าง Carrefour



         เดินดูอยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่ได้สะดุดตาสะดุดใจอะไร ตัดสินใจกลับไปที่พัก นั่ง MRT กลับโรงแรม อ้อ ผมลืมบอกไปว่าที่ผมเลือกโรงแรมที่ Xinbeitou นี้ นอกจากจะเป็นเพราะอยู่ไม่ไกลจากไทเปและหยางหมินซานแล้ว การเดินทางไปไหนมาไหนค่อนข้างสะดวกเพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า และที่เป็นโบนัสพิเศษก็คือโรงแรมนี้มีต่อท่อน้ำแร่ (ร้อน) ตรงเข้าให้แช่ได้ในห้องพักด้วย ราคาก็ไม่โหดแค่คืนละ 2,400 บาทรวมอาหารเช้า

อ่านรีวิวตอนที่สาม ได้ที่ http://ppantip.com/topic/35837907