ตะเวนเดี่ยวเที่ยวเวียงเชียงใหม่ต่อเวียงลำพูน ตอนที่ 1







                          ทริปตะเวนเดี่ยวเที่ยวเวียงเชียงใหม่ต่อเวียงลำพูนของผม   โดยเน้นเช่ารถมอเตอร์ไซค์ตะเวนขี่เที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมไม่เคยไปตามแผนที่วางไว้   โดยเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเชียงใหม่ และในย่านตัวเมืองเชียงใหม่และลำพูนเป็นหลัก   การเที่ยวของผมในครั้งนี้ไม่ได้เดินทางไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดังของจังหวัดเชียงใหม่ที่นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมปักเป็นหมุดหมายของการเดินทาง  เพราะสถานที่เหล่านั้นผมไปเที่ยวมาหลายรอบแล้วตลอดเวลาที่เที่ยวเชียงใหม่มาราว  20  ปี    กระทู้นี้จึงเป็นการนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้อ่านกระทู้เผื่อใครสนใจอยากแวะไปชมบ้างฆ่าเวลาระหว่างเดินทางไปชมสถานที่ท่องเที่ยวดัง ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่   โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่นำเสนอนี้บางแห่งก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไปแล้วในปัจจุบัน   บางแห่งกำลังเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว  แต่กลับบางแห่งนักท่องเที่ยวหลายคนแทบไม่รู้เลยว่ามันมีอยู่และตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน        การเดินทางเที่ยว  2  เมืองของภาคเหนือในครั้งนี้ผมใช้ช่วงเวลาปลายเดือนตุลาคม  2559  ที่เป็นวันหยุดทำงานของผมในการเดินทาง     ผมวางแผนเที่ยวตั้งแต่เดือนสิงหาคม  จองตั๋วเครื่องบินในราคาประหยัด  และโรงแรมที่พักเสียแต่เนิ่น ๆ  ซึ่งก็เป็นผลดีทำให้เราไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีที่พัก และมีตั๋วเดินทางรึเปล่า     

                          สำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้ใช้เวลา  4  วัน   แบ่งสถานที่ท่องเที่ยวออกเป็น  2  กลุ่ม  ดังนี้
                          วันที่  1 - 2   :   เดินทางถึงเมืองเชียงใหม่   ขี่รถเที่ยวตามรอยเส้นทางธรณีวิทยาลำน้ำปิง
                          วันที่  3 - 4   :   ขี่รถเที่ยวตามรอยเส้นทางโบราณคดีหริภุญชัยและล้านนา  และเดินทางกลับ
                        
                          สรุปค่าใช้จ่ายในทริปการเดินทางเที่ยวเวียงเชียงใหม่ต่อเวียงลำพูน   เป็นเงิน  10,884  บาท  
                              - ค่าเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ - เชียงใหม่             1,837    บาท
                              - ค่าโรงแรมที่พัก  3  คืน                                      3,600    บาท
                              - ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยว + น้ำมัน  4  วัน        1,415    บาท
                              - ค่าใช้จ่ายจิปาถะ                                               4,032    บาท
                                (ค่ากิน + ค่าทำบุญ + ค่าเข้าชมสถานที่ + ค่าซื้อของฝากของที่ระลึก + ค่ายา + ค่าไปรษณีย์ + ค่ารถเดินทางกลับ)

เรียกว่าทริปนี้รายจ่ายสูงกว่าไปเที่ยวพม่า  9  วันเสียอีกเพราะค่าครองชีพที่จังหวัดเชียงใหม่แพงกว่าที่ประเทศพม่าที่เพิ่งไปเที่ยวกลับมา  อีกอย่างผมเป็นคนชอบซื้อของฝากของที่ระลึกเยอะด้วยรอบนี้  ไหนจะเช่าพระธาตุมาบูชาอีกรวม ๆ กันก็เลยใช้จ่ายเงินรอบนี้สูงหน่อย  แต่คิดว่าให้กำไรกับชีวิตในช่วงพักผ่อนก่อนเริ่มทำงานใหม่ครับ   


วันที่  1  :   เดินทางถึงเมืองเชียงใหม่  และขี่รถเที่ยวตามรอยเส้นทางธรณีวิทยาลำน้ำปิง

                                ผมนั่งเครื่องบินของเจ้าหางแดงที่นักท่องเที่ยวชอบในราคาประหยัดไปลงสนามบินเชียงใหม่ในรอบสาย  เครื่องบินออกจากสนามบินดอนเมืองราว ๆ  10  โมงเช้า  บินแค่ชั่วโมง  15  นาทีก็ถึงแล้วสนามบินเชียงใหม่   รวดเร็วทันใจนั่งยังไม่เมื่อยตูดเลยก็ถึงแล้ว  ดีกว่านั่งแช่นอนแช่จนพลิกตูดไปหลายตลบบนรถบัสก็ยังไม่ถึงซะที   






มาถึงสนามบินเชียงใหม่ในเวลาเกือบเที่ยงตรง  แดดเปรี้ยงเลย  ก่อนมาถึงเชียงใหม่ผมได้ติดต่อให้ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ชื่อ  "ไบกี้ (Bikky)"  ที่ตั้งอยู่แถวถนนห้วยแก้วในเมืองเชียงใหม่เอารถมาส่งให้ผมที่สนามบินที  ผมจะเช่ารถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเวพขี่ตะลอนเที่ยวตลอด  4  วันในทริปนี้  พร้อมหมวกกันน็อตที่มีพลาสติกปิดหน้าด้วย    ตอนแรกร้านนี้จะคิดค่าส่งรถที่สนามบิน  50  บาท  และคิดค่าหมวกกันน็อตที่มีพลาสติกปิดหน้าอีก  100  บาท  และผมขอส่งรถช้า  2  ช.ม. เพราะไฟล์บินวันกลับของผมบินบ่าย  3  โมง   แต่ตอนแรกทางร้านจะคิดเงินผมเพิ่มอีกชั่วโมงละ  100  บาทที่ส่งรถช้า   แต่พอผมพูดต่อว่าว่าทำไมเก็บยิบย่อยจัง  และถามเขาว่าในเมืองเชียงใหม่มีร้านให้เช่ามอเตอร์ไซค์ร้านอื่นไหมจะลองติดต่อดูราคาซิว่าแตกต่างกันมากไหม  เท่านั้นแหละครับลูกน้องของร้านไบกี้เขาก็โทรศัพท์ติดต่อคุยกับเจ้าของร้าน   เจ้าของร้านเขาใจดีมากนะครับ  สุดท้ายไม่เก็บอะไรเพิ่มแม้แต่บาทเดียวเลย  ผมจึงจ่ายเงินแค่ค่าเช่ารถ  4  วัน  เพียง  1,200  บาทเท่านั้น   แนะนำเพื่อน ๆ ชาวพันทิปคนไหนสนใจอยากเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยว  ผมว่ารถของร้านไบกี้เนี่ยดีนะครับให้รถใหม่  หมวกกันน็อตใหม่  และเครื่องยนต์ก็ขี่นิ่มเร็วแรงถูกใจผมมาก  และเขายังเข้าใจนักเที่ยว  Backpack  อย่างเราอุตส่าห์ไม่เก็บเงินเพิ่มอีกแน่ะ   วันหลังต้องมาใช้บริการอีกแน่นอน  อมยิ้ม01อมยิ้ม01อมยิ้ม01     สำหรับใครที่จะเช่ารถมอเตอร์ไซค์ของร้านไบกี้ให้มาส่งที่สนามบินควรโทรศัพท์ติดต่อไปบอกเขาก่อนนะครับ  และเวลาที่เราบินถึงด้วย  เพื่อให้เขาจัดการส่งรถมาให้เราทันก่อนที่เราจะถึงสนามบินนะครับ

รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าคันสีขาวที่ผมได้เช่าจากทางร้านไบกี้ที่ใช้ขี่ตลอด  4  วันของทริปนี้




สำหรับจุดรับรถจะอยู่บริเวณลานจอดรถโซน  F  ด้านหน้าของสนามบิน  ให้เราเดินออกจากสนามบินทางประตู  1  แล้วเดินตามทางเดินที่มีหลังคาคลุมยาวมาสุดทางก็จะโต๊ะตั้งบริการของร้านเขานะครับ

เมื่อรถพร้อมคนพร้อมก็แว๊นเลยครับ....   ขี่รถไปจุดหมายแรก  แกรนแคนยอนหางดง   ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินไปทางตอนใต้ของเชียงใหม่ไปไกลมากนัก  ก็แค่ ๆ  16  ก.ม. เท่านั้น   ใช้เวลาขี่รถไปเพียง  30  นาทีก็ถึงแล้ว   



ผมขี่รถตามถนนเลียบคลองชลประทานของเชียงใหม่ไปทางอำเภอจอมทอง   เส้นทางนี้รถจะน้อยกว่าถนนสาย  108  ที่เป็นทางหลัก  แต่วิ่งมาจะถึงทางเลี้ยวเข้าแกรนแคนยอนหางดงก็ยังไม่เห็นป้ายบอกทางเลี้ยวเข้าสักที   จนมาดู  google  map  ถึงรู้ว่าขี่รถเลยไปแล้วซิเรา...  เออให้มันได้อย่างงี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบทำไมไม่ติดปงติดป้ายกันบ้างเลยนะ   หรือว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นของเอกชนก็ต้องให้เจ้าของเรามาติดป้ายเอง    แต่ผมเห็นป้ายบอกทางเข้าติดไว้เฉพาะผู้ขับรถจากอำเภอจอมทองจะเข้าเมืองเชียงใหม่จะมีป้ายบอกทางแยกเข้า  แต่ทำไมฝั่งด้านที่ผมขี่รถมาถึงไม่ทำ  ตูล่ะงงจริง ๆ อมยิ้ม19อมยิ้ม19       ดังนั้น  เพื่อน ๆ คนไหนขี่รถวิ่งจากเมืองเชียงใหม่มาเที่ยวแกรนแคนยอนหางดงทางเส้นนี้  ต้องสังเกตสะพานสีขาวเล็ก ๆ ข้ามคลองชลประทานให้ดี  บนสะพานจะมีป้ายบอกทางเข้าร้านตวงตวงแกรนแคนยอนเท่านั้นที่จะเป็นทำให้เรารู้ได้ว่าเข้านี้นะครับ



ขี่รถข้ามสะพานมาในถนนแคบ ๆ ไม่ไกลน่าจะสัก  700  เมตรก็ถึงแล้วครับแกรนแคนยอนหางดง     จุดจอดรถอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าแกรนแคนยอน  
เราต้องเสียค่าเข้าชมคนละ  50  บาทนะครับ  จะชมนานเท่าไหร่ก็ได้  แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเสียอีกราคาหนึ่งที่แพงกว่าครับ  ภายในมีร้านค้าขายเครื่องดื่มพวกชาและกาแฟ  อาหารตามสั่ง  และมีให้เช่าชุดว่ายน้ำสำหรับเล่นน้ำด้วยนะครับ  มีเก้าอี้นอนอาบแดดสำหรับชมวิวแกรนคอนยอนให้บริการด้วย   




จากจุดชำระเงินค่าเข้าเราก็เดินไปทางซ้ายจะเห็นแกรนแคนยอนแล้วครับ   ผมมาตอนบ่ายแดดกำลังเปรี้ยงเลย  ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมบางตา  ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวฝรั่งที่เข้ามาชม   ตอนนี้ทางแกรนแคนยอนเขาก็ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมและเล่นน้ำในบ่อได้นะครับถึงแม้ว่าเมื่อ  3  เดือนก่อนที่มีคนมาเล่นน้ำแล้วเพิ่งเสียชีวิตไป   ตอนที่ผมไปก็เห็นทางเจ้าของแกรนแคนยอนเขากำลังฝึกเจ้าหน้าที่ของเขาอยู่ในบ่อในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการเล่นน้ำ  รู้สึกตอนนี้เขามีมาตรการป้องกันดีขึ้นและเตรียมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมต่อการช่วยเหลือให้ทันท่วงทีในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวจมน้ำเหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้น   







แกรนแคนยอนแห่งนี้เดิมเป็นบ่อตักดินที่เจ้าของได้สัมปทานในการตักดิน  เผอิญว่ามีนักท่องเที่ยวมาเห็นน้ำในบ่อดินที่มีสีเขียวดังมรกตสวยน่าเล่นและมีคนชอบแอบมาเล่นที่บ่อดินนี้บ่อย ๆ   ตอนหลังทางเจ้าของที่เข้าเลยเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในการเข้ามาเที่ยวชมได้  ลักษณะบ่อดินที่แนวกำแพงสูงและเป็นหลุมมีน้ำท่วมขังมอง ๆ ไปก็ดูคล้ายแกรนแคนยอน   เขาจึงตั้งชื่อว่า  แกรนแคนยอน (Grand canyon)   

เสร็จจากการเที่ยวชมแกรนแคนยอนแล้ว   ผมก็ขี่รถไปหาอะไรทานรองท้องสักหน่อย  เพราะตั้งแต่ออกจากบ้านมายังไม่ได้ทานอะไรเลย  เคยเห็นรายการท่องเที่ยวแนะนำร้านดังที่อยู่ติดแกรนแคนยอนว่ารสชาติใช้ได้และวิวดีมองเห็นแกรนแคนยอนได้ด้วย  เรียกว่านั่งกินข้าวชมวิวไปด้วยในตัว  ดูน่าสนแฮะก็จัดไปครับที่ ร้านตวงตวง  แคนยอนวิว





ร้านนี้ตั้งอยู่ติดทางด้านขวาของแกรนแคนยอน  ภายในร้านทำเป็นระเบียงยื่นไปชมวิวแกรนแคนยอนได้   ร้านนี้ผมเห็นมีชาวเชียงใหม่นิยมมาใช้บริการนั่งทานอะไรเล่นกัน  มาสังสรรค์กันเยอะนะครับ  คงคิดเหมือนผมนั่งทานอะไรอร่อย ๆ เค้าชมวิวเพลิน ๆ ไปด้วย   ผมสั่งอาหารเป็นข้าวผัด  ต้มยำปลา  ส้มตำไทย และน้ำมะนาว   จ่ายค่าเสียหายไป  501  บาท    ราคาอาหารที่นี่แพงเหมือนกันนะครับก็อย่างว่าเขาขายอาหารบวกวิวไปด้วยนั่นเอง



เมื่อทานอาหารอิ่มท้องแล้ว   ผมก็ขี่รถมุ่งไปทางอำเภอจอมทองต่อ  ขี่รถบนถนนเลียบคลองชลประทานสายเดิมไปเที่ยวยังอุทยานแห่งชาติออบขาน   ซึ่งอยู่ห่างจากที่แกรนแคนยอนหางดงไปไม่ไกลมากนักก็ราว ๆ  9  ก.ม.  ขี่ประมาณ  15  นาทีก็ถึงแล้ว     

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่