เล่าเรื่อง5ปี ใน15,000ตัวอักษร ของการกำเนิด "หน่อยโซ่ตึง" ช่างปั้นแฟริ่งอีกคนของเมืองไทย

กราบสวัสดี เพื่อนๆพันทิพย์และชาวสองล้อทั่วประเทศ

แนะนำตัวก่อนนะครับ กระผมชื่อ หน่อย (หน่อย โซ่ตึง) ปัจจุบันทำอาชีพ ออกแบบและผลิตแฟริ่งบิ้กไบค์และแผ่นชิลด์หน้า

แต่เดิม ฝันผมคือ ผมอยากมี CBR1000RR SP  นับจากตั้งเป้าหมายชีวิตผมก็มุ่งหน้าหาเงินเต็มที่
เล่าย่อๆเริ่มแรกเลยผมเป็นเด็กแว๊นนี้ละ แต่ก็มีสไตล์ต่างจากเพื่อนๆ คือผมชอบขี่รถไกลๆ ฐานะทางบ้านแย่ครับ ยากจนเข้าขั้นนอกจากกินข้าวแล้ว ไม่มีเงินไปทำอย่างอื่นเลย มีแต่แม่ พ่อเสียตั้งแต่เด็กๆ ปมด้อยมีเยอะเลยครับ ....

นี่รถคันแรกราคา 14,000 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เล่าข้ามไปตอนอายุ23เลย
เรื่องที่จะเล่านี้เป็นเรื่องหลังจากผม ปลดประจำการทหารบกจาก รร.จปร. มานะครับ
แต่เดิมผมเป็นพนักงานประจำ ทั่วๆไปนี้ละ เงินเดือนเก้าพัน  

พนักงานดรีมเวิร์ดครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ตอนนี้ชีวิตเริ่มมีทางเดินแล้วหลังจากผ่านการเป็นทหารโลกก็เปลี่ยนเป็นคนละใบ สมัครงานง่าย ไปยื่นที่ไหนๆเขาก็รับหมด
แต่ดูจากเงินเดือน แล้วฝันผมไกลเกินเอื้อมแน่ๆ

ตอนปลดทหารได้เงินมาก้อนนึง ก็ไปซื้อคันนี้มาเริ่มต้นความฝัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จะทำอะไรดีให้ผมมีเงินมากพอจะดูแลแม่ มีบ้าน และ มีบิ้กไบค์ของตัวเองให้ได้ (สมัยที่คิดนั้นบิ้กไบค์ซื้อเงินสดอย่างเดียวและยังไม่มีขายแพร่หลายในไทย)

ทำงาน 8โมงเลิก5โมงผมรู้สึกว่าไม่พอ ต้องทำอีก หาเงินเพิ่มอีก ผมก็เปลี่ยนงาน ไปเป็นแมสเซ็นเจอร์ เงินเดือนไม่มี ค่าแรงบิลละ26บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ก็หาเงินได้มากขึ้น แต่ว่าเหนื่อยและเสี่ยงอันตรายมาก (วันนึงวิ่ง34ที่ขึ้นไป 34x26= 884บาท)
วิ่งแมสมาได้ระยะนึงก็มีเงินเก็บก้อนนึง  ในเวลาเดียวกันก็เริ่มมีสังคมบิ้กไบค์รุ่นเล็กๆเกิดขึ้นในเมืองไทยแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

พอได้เข้าสังคมก็ได้เห็นรถหน้าตาแปลกๆที่ไม่ใช่รถแต่ง น๊อตสี เกียร์โยง อะไรพวกนั้น แต่เป็นรถที่มีแฟริ่งแต่ง ทำให้รถคันนั้นดูต่างจากรุ่นเดียวกันไปเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นั้นคือจุดเริ่มต้นของ "หน่อย โซ่ตึงSHOP"
ผมนอนคิดถึงมันทุกวัน ทุกคืน ถึงรถที่แตกต่าง (มันเป็นแนวคิดของคนจนน่ะครับ ด้วยเงินที่น้อยกว่าคนอื่น ทำอย่างไรให้เราโดดเด่นเท่าเขา)
สิ่งที่ผมคิดได้คือ ผมจะขี่รถที่มี แฟริ่งแต่ง !!

เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ลาออกจากแมสเซ็นเจอร์ เพื่อตัดทางหนีตัวเอง  ตอนนี้ไม่มีงานทำแล้ว ถ้าทำแฟริ่งแต่งไม่สำเร็จ ก็จะหาเงินไม่ได้ และ ชีวิตจะถอยหลังลงคลอง

ก็มุ่งหน้าสู่การฝึกทำแฟริ่งบิ้กไบค์ทันที คนมีความรู้เรื่องการหล่อไฟเบอร์กลาสเป็น 0 เลย
มุ่งหน้าสู้ความบรรลัยอย่างเต็มรูปแบบ  ทำผิดพลาด ทำไม่สำเร็จ ทำเสีย ทำทิ้งทำขว้าง จนเงินเก็บเริ่มใกล้หมด

หน้ากากแต่งจร้า55555+  หน้ากากแต่งจริงๆนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ผ่านมา4เดือนเกือบ5เดือน ก็ฝีมือดีขึ้น เริ่มปั้นแบบได้ดีขึ้นหลังจากทำซ้ำทำเสียมาเยอะแยะมากมาย
(ในระหว่าง120วันนี้ เป็นอะไรที่ทรมานมาก ไยแก้ว ไฟเบอร์มันคันมากๆๆๆๆ ผิวหนังระคายเคืองไปหมด คันทั้งวัน ทั้งคืน แม้กระทั่งอาบน้ำขัดผิวอย่างดี แถมเช็คแอลกอฮอร์ที่ร่างกายก่อนนอนก็ยัง คัน แล้วไฟเบอร์ก็ปลิ้วไปในอากาศไปโดนเสื้อผ้าที่ราวตากผ้า ทำให้เสื้อผ้าทั้งบ้าน ใส่แล้วคันไปหมด
เสื้อผ้าของแม่ก็โดนไปด้วย แม่ด่าเละะะะะะะะะะ )

เล่าย่อๆนะ ถ้าละเอียด มันดาม่ามากๆ ถึงขั้นร้องไห้เลยละ
ต้นเดือนที่5ของเส้นทางสร้างแฟริ่ง
บร้ะ เริ่มเห็นแสงสว่างแล้ว แต่โมเดลนี้ยังไม่โดนใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

โมเดลต่อมา  หน้าตาเหมือนขยะไม่มีผิด= =a
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เก็บงานแล้วออกมาแบบนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

และเลือกใช้ชิลด์หน้าของ YAMAHA R1 2008 เมื่อทำสีประกอบเข้ารถแล้วได้แบบนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ความรู้สึกมันสุดจะบรรยาย ไม่สามารถบรรยายได้จริงๆ

ความภูมิใจแรกของสายงานนี้  แต่ความรู้สึกดีไม่ได้มีแค่นั้น เมื่อผมเอารถออกไปตามสถานที่รวมพลต่างๆ
โอโห! รถผมเนื้อหอมมากๆๆๆเลย  มีแต่คนมาถามหน้าของอะไร ซื้อที่ไหน เท่าไหร่ครับ ตอนนั้นมี2แบรนด์ที่ทำอยู่ก่อน
คือ K-Win และ KPT (แรงบรรดาลใจผมทั้งคู่เลย)
ผมเป็นแบบที่3 ในไทย
โอ้ว........แม่เจ้า มีงานทำก็มีเงินใช้ ชีวิตก็เริ่มกลับมาดี ฝีมือก็พัฒนาขึ้นตามเวลา
เนื่องจากโดยสันดานเป็นคนที่ไม่เคยรอความหวังอยู่แล้ว หนองน้ำไม่มาหาควายฉันใด หน่อยโซ่ตึงก็ไม่รอลูกค้ามาหาเองฉันนั้น

รับติดตั้งไปทั่วประเทศครับ  ไปทุกจังหวัดที่มีคนอยากได้งานผม  ไกลสุดที่ไปตอนนั้นคือโคราช (ผมอยู่ปทุมธานีคลองห้า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นี้คือ 5 เดือนที่เป็นจุดเริ่มต้น  


หลังจากก็สามารถสร้างงาน ออกมาได้เรื่อยๆ แต่ด้วยความที่เป็นงานทำมือ และ ทำได้เองคนเดียว ทำให้ผมแบกรับภาระทางร่างกายหนักเกินคนจะทนไหว
แน่ล่ะ ทำงานไม่หลับไม่นอน จนป่วยเป็นทอลซิลอักเสบ ไข้ทะลุ40องศา หลายรอบเลย ป่วยทีนอน7-14วัน รายได้เป็น 0
แต่ทั้งยังงั้น ภาพความจนมันก็ทับหนังตา จนไม่อาจหลับได้อย่างสบายใจ
เอาวะ! ขอทำงานจนป่วยตายดีกว่ายากจน จนตาย !!!  
เมื่อผลงานมีมากขึ้น รายได้มากขึ้น  ก็พร้อมที่จะไปต่อ
รถคันต่อมา CBR500R
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เริ่มเติมฝัน ทำลายปมด้อยในใจ เดินทางไปทั่วทุกที่ ที่อยากจะไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แต่ทว่าเวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน เรียกได้ว่า โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พอมีชื่อเสียงมากขึ้น
เริ่มมีกิจกรรมทางสังคม มีทริปทำบุญ สร้างห้องน้ำทาสีโรงเรียนให้เด็กน้อย
มีไปลงครอสเรียน ลงสนามฝึก  บลาๆๆๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ดำเนินเรื่อยไปจนถึงขั้นลงแข่งแบบสมัครเล่น  ในคอลั้มนี้มี2หน้ากระดาษ ภาพทั้งหมดเป็นภาพรวม
แม่เจ้า!! ผมได้ลงภาพเดี่ยว อยู่กลางหน้าแรก โอโห!! เมื่อหนังสือวางขายผมไม่รู้ด้วยนะ แต่มีคนเห็นแล้วทักเฟสมาบอก
เรียกได้ว่าสัปดาห์นั้น เฟสเด้งเรื่องนี้บ่อยมาก ฮ่าๆ เขิลจุงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สินค้าที่ผมทำขายก็มีแฟริ่งบิ๊กไบค์ แผ่นชิลด์หน้า ตัวยกท้าย ท้ายสั้น ซึ่งผมดูแลลุกค้า ให้ประกัน1ปีหากงานมีปัญหา
ก็เลยได้รับความเชื่อใจจากสังคมพอสมควร  รายได้ค่อนข้างนิ่ง

ก็เลยได้ไปต่อ  CBR650F
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ฝันในใจคงยังเป็น CBR1000RR SP แต่ว่าตั้งแต่ได้รับCBR650F ผมเริ่มสนใจการสร้างรากฐานชีวิตมากกว่าจะเอาเงินไปหมดกับรถ

ผมซื้อที่ดินอยู่ ซื้อกระบะ ให้แม่นั่ง เริ่มซาๆเรื่องรถไป
แต่ว่า มันก็ยังวนเวียนอยู่ในใจนะ  จะพูดไงดีละ จุดเปลี่ยนความฝันผมมันเริ่มจากการมีทักษะนี้ละ
ผมฝึกวนกรวยทุกวันจันทร์ที่แหลมแท่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ณ เวลานี้ทักษะผมเริ่มดีมากในระดับที่ลงแข่งแทร๊คเดย์ได้แล้ว ก็ไปลองซักตั้ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คว้าถ้วยเงินกลับบ้านมาด้วย

ตรงนี้สำคัญครับอยากให้เข้าใจ เมื่อมีทักษะมากขึ้น โลกมันจะกว้างขึ้น พบเจอคนที่เหนือๆมากมาย จากเดิมที่คิดว่า สมรรถนะรถคือตัวบ่งชี้ว่าใครเหนือ ใครด้อย  มันกลายเป็นว่า รถอะไรก็ได้ถ้าคนขี่มีทักษะมากพอจะดึงเอา ขีดสุดของรถรุ่นนั้นๆออกมาใช้ได้ แม้แต่250ccยังชนะ 1000ccได้ในสนาม
บวกกับอายุที่มากขึ้น ความคิดเริ่มหันเหไปทางการสร้างรากฐานให้ชีวิต(พวกบ้าน พวกการดูแลแม่) ทำให้ความฝันCBR1000RRเริ่มจางๆไป

แล้วในเวลานั้นพอดีๆก็มีเพื่อนๆเอารถมาให้ขี่มากมาย ได้ลองตัวพันหลายๆรุ่น ได้ขี่ไปไกลๆ ผ่านเขา ผ่านโค้ง ผ่านทางตรง รถติด บลาๆ
เริ่ม "บรรลุถึงขีดจำกัด ข้อเด่น ข้อด้อยของรถ"  (ประสบการณ์ผม400,000กิโลเมตร นับรวมจากโซนิคมาเลย) เริ่มรู้สึกว่า สิ่งที่ตัวเราต้องการที่สุดไม่ใช่ CBR1000RR
ด้วยนิสัยที่รักการขี่แบบประหลาดๆ วนกรวยๆ หักเลี้ยวแคบๆ กลับรถแคบๆ เข้าโค้งแบบหักๆหุบๆที่คนอื่นเขาไปกันไม่ได้ เริ่มเกิดความคิดว่า
"หรือที่เราต้องการจริงๆคือรถที่ตอบสนองการใช้งานได้ทุกทาง"

หลังจากลองขี่มาหลากหลายรุ่น (รถที่มีขายในบ้านผมได้ขี่เกือบทุกรุ่นเลยล่ะ) เริ่มเกิดความคิดว่า ทำไมบ้านเราไม่มี CBR600RR ZX636 R6 K6 ขาย

จนมีโอกาสได้ลองรถพี่ชาย  GSX K8 2008 600CC
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แม่เจ้า!!! ช่วงว่างในความคิด ความคาใจที่ไม่รู้ว่าคืออะไร ผมเจอมันแล้ว!! เจอแล้ว!!!!!  คราสนี้นี่เองที่เป็นที่สุดในใจผม
คราสใกล้เคียงกับรถผมนี้เอง!! ที่ต่างกันคือ DNA ของตัวรถ  ผมก็ไปหาคำตอบ ดำดิ่งสู่ก้นบึงประวัติศาสตร์ เริ่มจากการศึกษาประวัติSuzuki

จนได้คำตอบว่า (ย่อสั้นๆ) อ๋อ!! รถสปอร์ตมันสมถรรนะสูงราคาสูงและทำร้ายร่างกายคนขี่พอสมควร ไม่เหมาะกับการใช้งาน (ในแง่การตลาดคือรถกึ่งทัวริ่งอย่างCBR650F จะขายได้กับคนหมู่มากกว่า เด็กขี่ได้ คนแก่ขี่ดีว่างั้นเถอะ)

เขียนมาถึงนี้ 8717ตัวอักษร เพื่อนำเรื่องให้เรื่องนี้ละ 55555+
ผมก็ทำการบ้านอย่างหนักหน่วง (ด้วยนิสัยที่มุ่งหน้าแล้วไม่ถอยหลังก็ทำการสร้างรถตัวเป็นสปอร์ตซะ)

เริ่มจากหาแฟริ่ง(แฟริ่งรถแข่ง) cbr600rr 2013มาใส่ แต่มันไม่ง่ายแบบที่คิด มันใส่ได้จริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แต่สัดส่วนมันไม่ได้เลย ด้วยDNAที่ต่างกัน ทำให้มีข้อแตกต่างมากมาย (ซึ่งทำให้รถออกมาทุเรศมาก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หน้าเชิด แฮนสูง ตูดชี้ฟ้า (เพื่อนเรียกเวอร์ชั่นนี้ รถดากพญานาค)
เมื่อGen1 ไม่ผ่าน

คราวนี้เล่นแฟริ่งแท้เลยครับ  (อย่าถามนะหมดเงินไปเท่าไหร่ 55555+)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เต็ม1หมื่นตัวอักษร ไปดูภาพต่อที่เม้นแรกครับ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่