ขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่ากับการกระทำความผิดไร้พรมแดน
สำนักงานส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าและพันธุ์พืช (LEEO-WEN) ขอร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรฝรั่งเศสที่สามารถจับกุมผู้ลักลอบขนชิ้นส่วนสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ได้ ซึ่งผู้กระทำความผิดครั้งนี้มีเดินทางมาจากภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกเดินทางผ่านยุโรปเพื่อมาที่ประเทศเวียดนาม
พบว่าผู้กระทำความผิดเป็นชาวเอเชียพร้อมของกลางชิ้นส่วนตัวนิ่ม 50 กิโลกรัม (มีค่าเท่ากับตัวนิ่มกว่า 400 ตัว) ถูกจับกุมที่สนามบินชาร์ลส เดอ โกล สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนที่ผ่านมาที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรฝรั่งเศสสามารถจับผู้กระทำความผิดรูปแบบนี้ได้
ในกรณีการจับกุมครั้งนี้นอกจากจะสะท้อนว่าขบวนการผิดกฎหมายในเอเชียกำลังพยายามอาศัยช่องโหว่ในการบังคับใช้กฎหมายของแอฟริกาเพื่อจับสัตว์ที่มีราคาในตลาดมืดมาขายแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่าตัวนิ่มกำลังตกเป็นเป้าหมายของตลาดค้าสัตว์ผิดกฎหมายตามความเชื่อว่าเนื้อและหนังของมันเป็นยาอายุวัฒนะที่มีราคาสูงถึง 500 เหรียญสหรัฐในเวียดนามและจีน และหากส่งมาทั้งตัวจะมีราคาถึง 2,000 เหรียญสหรัฐ
LEEO-WEN พบว่าขบวนการค้าสัตว์ป่าราคาสูงส่วนใหญ่มักมีศูนย์กลางที่เอเชียตะวันเฉียงใต้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องในการลักลอบจับและค้าสัตว์ป่าทั้งช้าง ตัวนิ่ม ลิง เสือ เสือดาว สิงโต แรด และสัตว์สงวนอื่นๆ ซึ่ง LEEO-WEN ได้นำข้อมูลต่างๆ รายงานไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหล่านี้กำลังเริ่มขาดแคลนสินค้าที่จะส่งขาย ทั้งตัวนิ่ม ช้าง เสือ และสัตว์หายากอื่นๆ ในเอเชีย ทำให้ขบวนการเหล่านี้หันไปจับสัตว์สายพันธุ์ใกล้เคียงในแอฟริกามากขึ้น ทั้งที่สัตว์เหล่านี้แทบจะหมดไปจากประเทศจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อเดือนกลางปีที่ผ่านมา LEEO-WEN ร่วมกับตำรวจจากประเทศ
ในทวีปเอเชีย แอฟริกา ยุโรปและสหรัฐอเมริกาชื่อว่า ปฏิบัติการคอบร้า (Operation COBRA III) การปฏิบัติการคอบร้านำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมากทั้งตัวนิ่ม งาช้าง เสือ นอแรด และสัตว์สงวนอื่นๆ ทำให้คณะทำงานเห็นถึงผลสำเร็จที่เกิดขึ้นและมีแนวคิดทีจะจัดปฏิบัติการร่วมกันอีกต่อไป
ปฏิบัติการคอบร้าเป็นปฏิบัติการการบังคับใช้กฎหมายรูปแบบใหม่ที่ข้ามเส้นแบ่งพรมแดน มีการจัดทำห้องทำงานร่วมกันที่สามารถสื่อสารโต้ตอบกันได้ทันที โดยมีทีมภาคสนามใน 4 ทวีปทั่วโลกคอยสอดส่องและรวบรวมข้อมูลต่างๆ เรียกว่า คณะทำงานสืบสวนพิเศษ (Special Investigation Group: SIG) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการให้ข้อมูล ฝึกอบรมและสนับสนุนจาก LEEO-WEN และภาคีสมาชิก
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า “เรามีความยินดีหากประเทศที่เกี่ยวข้องสนใจอยากเข้าร่วมปฏิบัติการ SIG การทำงานร่วมกันและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศจะช่วยกันหยุดอาชญากรรมองค์กร และสามารถกำจัดธุรกิจที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ให้หมดไป”
ขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่ากับการกระทำความผิดไร้พรมแดน
สำนักงานส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าและพันธุ์พืช (LEEO-WEN) ขอร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรฝรั่งเศสที่สามารถจับกุมผู้ลักลอบขนชิ้นส่วนสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ได้ ซึ่งผู้กระทำความผิดครั้งนี้มีเดินทางมาจากภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกเดินทางผ่านยุโรปเพื่อมาที่ประเทศเวียดนาม
พบว่าผู้กระทำความผิดเป็นชาวเอเชียพร้อมของกลางชิ้นส่วนตัวนิ่ม 50 กิโลกรัม (มีค่าเท่ากับตัวนิ่มกว่า 400 ตัว) ถูกจับกุมที่สนามบินชาร์ลส เดอ โกล สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนที่ผ่านมาที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรฝรั่งเศสสามารถจับผู้กระทำความผิดรูปแบบนี้ได้
ในกรณีการจับกุมครั้งนี้นอกจากจะสะท้อนว่าขบวนการผิดกฎหมายในเอเชียกำลังพยายามอาศัยช่องโหว่ในการบังคับใช้กฎหมายของแอฟริกาเพื่อจับสัตว์ที่มีราคาในตลาดมืดมาขายแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่าตัวนิ่มกำลังตกเป็นเป้าหมายของตลาดค้าสัตว์ผิดกฎหมายตามความเชื่อว่าเนื้อและหนังของมันเป็นยาอายุวัฒนะที่มีราคาสูงถึง 500 เหรียญสหรัฐในเวียดนามและจีน และหากส่งมาทั้งตัวจะมีราคาถึง 2,000 เหรียญสหรัฐ
LEEO-WEN พบว่าขบวนการค้าสัตว์ป่าราคาสูงส่วนใหญ่มักมีศูนย์กลางที่เอเชียตะวันเฉียงใต้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องในการลักลอบจับและค้าสัตว์ป่าทั้งช้าง ตัวนิ่ม ลิง เสือ เสือดาว สิงโต แรด และสัตว์สงวนอื่นๆ ซึ่ง LEEO-WEN ได้นำข้อมูลต่างๆ รายงานไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหล่านี้กำลังเริ่มขาดแคลนสินค้าที่จะส่งขาย ทั้งตัวนิ่ม ช้าง เสือ และสัตว์หายากอื่นๆ ในเอเชีย ทำให้ขบวนการเหล่านี้หันไปจับสัตว์สายพันธุ์ใกล้เคียงในแอฟริกามากขึ้น ทั้งที่สัตว์เหล่านี้แทบจะหมดไปจากประเทศจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อเดือนกลางปีที่ผ่านมา LEEO-WEN ร่วมกับตำรวจจากประเทศ
ในทวีปเอเชีย แอฟริกา ยุโรปและสหรัฐอเมริกาชื่อว่า ปฏิบัติการคอบร้า (Operation COBRA III) การปฏิบัติการคอบร้านำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมากทั้งตัวนิ่ม งาช้าง เสือ นอแรด และสัตว์สงวนอื่นๆ ทำให้คณะทำงานเห็นถึงผลสำเร็จที่เกิดขึ้นและมีแนวคิดทีจะจัดปฏิบัติการร่วมกันอีกต่อไป
ปฏิบัติการคอบร้าเป็นปฏิบัติการการบังคับใช้กฎหมายรูปแบบใหม่ที่ข้ามเส้นแบ่งพรมแดน มีการจัดทำห้องทำงานร่วมกันที่สามารถสื่อสารโต้ตอบกันได้ทันที โดยมีทีมภาคสนามใน 4 ทวีปทั่วโลกคอยสอดส่องและรวบรวมข้อมูลต่างๆ เรียกว่า คณะทำงานสืบสวนพิเศษ (Special Investigation Group: SIG) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการให้ข้อมูล ฝึกอบรมและสนับสนุนจาก LEEO-WEN และภาคีสมาชิก
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า “เรามีความยินดีหากประเทศที่เกี่ยวข้องสนใจอยากเข้าร่วมปฏิบัติการ SIG การทำงานร่วมกันและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศจะช่วยกันหยุดอาชญากรรมองค์กร และสามารถกำจัดธุรกิจที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ให้หมดไป”