สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวของตัวเองในอดีต ที่เปลี่ยนลูกคนเล็กไม่เอาไหน ให้กลายเป็นเด็กเรียนสุดเพอร์เฟคกันครับ
- บทที่หนึ่ง: ประถม -
สมัยประถมผมก็คือเด็กโง่ๆคนนึงนี่แหละ เรียนก็ไม่เรียน กีฬาก็ไม่เล่น กิจกรรมก็ไม่ชอบ เอาแต่เล่นวิ่งไล่จับ ซ่อนแอบ โดดยาง บอลลูนตบเผี่ยะ (ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกเปล่า) คือไม่ทำอะไรซักอย่างเลย เพื่อนก็ชอบแกล้ง ชอบล้อเพราะต้องจับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง พอมีเพื่อนผู้ชาย เพื่อนก็พลอยโดนล้อตามไปด้วย ไม่ค่อยมีใครอยากคบ โดนพังของเล่น บังคับพนันเพื่อรีดไถของเล่น (ไพ่ยูกิและเหรียญยูกิของแถมจากขนม) สารพัดต่างๆนานาเกินบรรยาย แม้แต่ครูยังเคยแกล้งผมเลย
ตอนนั้นอยู่ ป.2 ผมจำได้แม่นเลยว่ากำลังจะไปเรียนคอมพิวเตอร์ แต่ครูเอาผมและเพื่อนอีกคนนึงที่ลายมือห่วยทั้งคู่แยกออกมา และจับไปนั่งรวมกับเด็ก ป.1 บอกว่าถ้ายังไม่พัฒนาลายมือให้สวย ก็อยู่ ป.1 ต่อไปนี่แหละ ครูผมและครูห้อง ป.1 ก็นั่งดูเราสองคน เพื่อนผมนี่ร้องไห้งอแง ครูรำคาญเลยปล่อยไปเรียนจนได้ ส่วนผมก็นั่งเฉยๆ ก็งงว่าครูทำอะไร? เอาเรามานั่งแบบนี้แล้วไม่ต้องแจ้งผู้ปกครองหรอ? ไม่เห็นมีทำเรื่องทำราวอะไรเลย สุดท้ายครูมองเราแล้วทำท่ารำคาญเลยปล่อยไปเรียนคอม ณ ตอนนั้นผมคิดในใจว่าครูทำไปทำไม? เค้าต้องการอะไร? หรือว่าครูต้องการแกล้งให้เราร้องไห้เฉยๆ? ตอนนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ ผมว่าผมก็เริ่มฉายแววมาหน่อยนึงแล้ว
จนกระทั่ง ป.4 กำลังเรียนวิชาภาษาอังกฤษ แล้วผมไม่ได้ทำการบ้านมา เลยโกหกครูว่าลืมเอาสมุดมา ครูไม่เชื่อเลยบอกให้ผมเปิดกระเป๋าให้ดู ปรากฏว่าสมุดอยู่ในนั้น... "ปั่ก" ...เสียงสมุดฟาดหน้าผมดังไปทั่วห้องในขณะที่ทุกคนกำลังเงียบ เจ็บนั้นแหละที่จำได้ขึ้นใจ กลับบ้านมานั่งนึกว่าทำไมเราต้องโดนอะไรแบบนี้ด้วย ทำไมเรามาอยู่ห้องเรียนแย่ๆ เจอสังคมแย่ๆแบบนี้ เพื่อนดีๆก็หายากเสียเหลือเกิน ครูก็ยังมาซ้ำเติมกันอีก เราต้องทำยังไงถึงจะได้ย้ายไปอยู่ในที่ดีกว่านี้กันนะ
ท่ามกลางความมืดมิด มีประตูหนึ่งส่องแสงสว่างมาที่เด็กน้อยคนนี้ เสียงความคิดหนึ่งปรากฎขึ้นในหัวผม... "ก็ตั้งใจเรียนสิ" ...ครูผู้นี้เองที่เป็นคนเปิดประตูนั้นเข้ามา แม้ว่าความตั้งใจของครูจะเป็นอย่างไร แต่การกระทำนั้นเปลี่ยนแนวคิดผมไป ผมก็คิดในใจว่าทำไมเราไม่ตั้งใจเรียนแต่แรกนะ พี่ๆผมก็ออกจะเรียนเก่งกันทุกคน หรือเป็นเพราะว่าเราคือน้องคนเล็ก ถูกเอาแต่ใจ เลยเป็นแบบนี้
ผมจำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นนานเท่าไหร่ ที่ผมเริ่มลองพยายามเปิดดิคอังกฤษ-ไทย แล้วไปสะดุดกับคำว่าพหูพจน์ตรงหน้าแรกๆ ผมก็ถามเพื่อนว่าพหูพจน์คืออะไรหรอ เพื่อนก็บอกไม่รู้ ได้แต่นั่งขำที่ว่ามันเป็นคำแปลก อ่านออกเสียงแปลกๆ วิชาอื่นๆผมก็ตั้งใจเรียนมากขึ้น จนผมนึกขึ้นได้ว่า เมื่อก่อนเวลาเราทำข้อสอบ เราจะสุ่มมั่วบ้าง ดูว่าข้อไหนคำเขียนยาวกว่าข้ออื่นบ้าง ไร้สาระสิ้นดีเลยว่าไหม ตอนนี้ผมต้องตั้งใจเรียนแล้ว จบ ป.6 ไปจะได้เรียนในที่ดีๆ เจอสังคมดีๆ ถึงตอนนี้ผมก็พยายามทำตัวนิ่งๆ พยายามไม่สนใจพวกที่มาแกล้ง
จนมาวันหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ชั้น ป.4 หรือ ป.5 ครูกำลังจะประกาศว่าใครสอบได้คะแนนคณิตศาสตร์อันดับหนึ่งของห้อง ทุกคนต่างร้องเสียงเชียร์คนนึงในห้อง ซึ่งได้ท็อปคณิตศาสตร์ประจำ แต่พอสิ้นสุดเสียงครูประกาศ ทั้งห้องเงียบลง ทุกคนต่างนิ่งเมื่อได้ยินชื่อนั้นเป็นชื่อผมแทน ผมเองก็อึ้ง ได้แต่นั่งนิ่งเงียบหลบสายตาคนอื่น เพื่อนที่นั่งข้างๆก็ดีใจและพูดแสดงความยินดีกับผม หลังจากนั้นห้องเรียนก็ดำเนินต่อไปอย่างเดิม ณ เวลานั้นผมดีใจปนสับสนว่าเรามีความสามารถขนาดนี้เชียวหรือ? หรือว่านี่แหละคือผลของความพยายามของเรา
หลังจากนั้น วิชาพละก็มีการทดสอบสมรรถนะร่างกาย แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อผมวิ่งเร็วมากจนครูมากระซิบบอก "เธออยากลองมาเป็นนักกีฬาโรงเรียนไหม" ผมจำไม่ได้หรอกนะว่าคำพูดเป๊ะๆคืออะไร แต่ก็ประมาณนี้แหละ ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ก็แค่ลองไปแข่งดูคงไม่เสียหายหรอก ทุกวันผมต้องมาโรงเรียนเช้ามากๆ มาซ้อมวิ่ง ทั้งวิ่งธรรมดา วิ่งลากถ่วงน้ำหนัก วิ่งแข่งกันเอง ทำให้ผมได้เพื่อนต่างห้องมาบ้างนิดหน่อย และได้รู้จักรุ่นน้องด้วย ผมกลายเป็นนักกีฬาของโรงเรียนมาตั้งแต่ ป.5 ยัน ป.6 ได้รับเกียรติบัตรจากทั้งที่ไปแข่งต่างโรงเรียน และจากโรงเรียนของผมเอง ครูพละคนนี้ผมรักเค้ามาก เป็นครูผู้หญิง ใจดี ไม่เคยดุด่าว่ากล่าว พูดให้กำลังใจเวลาซ้อม ยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงแม้บางครั้งจะไม่ได้เหรียญทอง แต่เค้าก็ยังดีใจที่ทุกคนได้ลองมาแข่ง สมัยผมอยู่ ม.ต้น ผมกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าเค้าก็ยังจำผมได้ ไม่ทราบว่าครูคนนี้ตอนนี้ยังสอนที่เดิมอยู่หรือเปล่า แต่ผมขอรำลึงถึงเอาไว้ ณ ที่นี้ก็แล้วกันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยังมี side story เรื่องนึงด้วย คือตอนที่ผมว่างจากการซ้อม ผมเห็นเพื่อนผู้หญิงกำลังฝึกกระโดดไกลอยู่ ก็เลยไปขอลองกระโดดดู ปรากฎว่าผมกระโดดได้ไกลมาก อาจจะเป็นผลจากการเล่นโดดกระต่าย (หรือกระโดดต่าย (หรือกระต่ายโดด (อะไรซักอย่างนั่นแหละ 55))) กับพวกโดดยางที่เมื่อก่อนเล่นกับเพื่อนผู้หญิงบ่อยๆ เพื่อนคนนั้นตกใจเลยไปบอกครูพละ เค้าเลยจับผมไปแข่งกระโดดไกลด้วยเลย รู้สึกว่ายังไม่มีคนแข่งประเภทชายพอดี เพราะตอนซ้อมผมจำได้ว่ามีแค่เพื่อนผู้หญิงคนนั้นคนเดียว ผมเลยรับหน้าที่นี้ไปโดยปริยาย คิดไปคิดมา ผมว่าทักษะการวิ่งก็น่าจะมาจากพวกที่เล่นอะไรไร้สาระแบบนี้แหละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้side story อีกเรื่องคือ ครูพละคนนี้แหละ อยู่ๆเค้าก็เรียกเราไปหาที่ห้องพักครู เราก็นึกว่าเค้าจะให้เราลงแข่งรายการอะไร แต่ไม่ใช่หรอก ครูให้ผมไปเป็นคนพูดนำพิธีไหว้ครูของเด็กประถมต้น ผมก็งงว่าจริงหรอครับ? ทำไมมันดูไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย แต่ก็รับห้นาที่นี้ไป ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้ลองทำกิจกรรมแปลกๆในโรงเรียนด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้side story เรื่องสุดท้ายแล้วครับเกี่ยวกับครูพละคนนี้ 55 ตอนแข่งกีฬาสี ป.6 ปกติแล้วสีเขียวมักเป็นสีที่รวมตัวของพวกห่วยๆ ไม่ค่อยได้รับรางวัล อยู่ๆปีนั้นผมและเพื่อนๆของผมตระกูลแข่งกีฬาหลายคนโดนสุ่มมาอยู่สีเขียวเฉ๊ย สรุปปีนั้นสีเขียวได้รางวัลกีฬาเลย ผมว่ามันต้องเป็นแผนการของครูเค้าแน่ๆ มันต้องไม่ใช่การสุ่มแน่นอน!!
นอกจากนี้ ตอนเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ครูให้เล่น crossword (scrabble) แข่งกันเองในห้อง ผมก็มั่วๆซั่วๆไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งอีกคู่หนึ่งนี่เป็นคนที่เก่งพอใช้ได้เลยแหละ อยู่ๆเค้าก็ถามผมว่าอยากชนะไหม ผมงงมากว่าเค้าไม่ต้องการชนะหรอ? ก็เลยถามไป เค้าบอกว่าขี้เกียจต้องไปแข่งกับคนอื่น ผมก็ไม่เข้าใจหรอนะ แต่สรุปว่าเค้าตกลงให้ผมชนะไป ทั้งที่คะแนนจริงๆแล้วผมแพ้ทีมเค้า คู่ของผมก็เลยถูกคัดไปเป็นตัวแทนแข่งเกมกระดาน พอถึงตอนรวมตัวจากหลายๆห้อง ครูก็บอกว่ามีเกมอื่นๆด้วยนะ อย่างเช่น A-Math, คำคม (เป็น scrabble แบบต่อสมการ กับต่อเป็นคำภาษาไทย) สุดท้ายผมได้ไปแข่ง A-Math คู่กับเพื่อนใหม่จากห้องอื่น ไปแข่งที่ห้างเซ็งท่านอะไรซักอย่างนี่แหละ ถึงจะได้รางวัลมาไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็ได้ประสบการณ์ที่ดี ได้เกียรติบัตรมาประดับบ้านไว้อีกหลายใบเลย
ตอน ป.6 ผมเคยเห็นประกาศว่าจะมีการจัดแข่งขันเกม 24 ที่ห้างแถวๆโรงเรียนครับ ผมเองก็อยากสมัครไปแข่งเองนะ แต่ไม่รู้ต้องทำยังไงเลยไม่ได้ทำอะไร และทางโรงเรียนก็ไม่ได้ติดต่อเรามา เลยคิดว่าเค้าคงคัดคนไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่าไม่กี่สัปดาห์ก่อนการแข่งขันก็มีครูมาเรียกให้เราลองไปเล่นดู สุดท้ายผมเลยได้เป็นหนึ่งในตัวแทนโรงเรียนไปแข่งเกม 24 ด้วย ถึงแม้จะตกรอบแรก แต่ก็สนุกนะที่ได้มาแข่งแบบใหม่ เจอเครื่องแข่งเกม 24 แบบที่เป็นปุ่มกดตอบ ไฮโซมาก ขอบอก และผมก็ได้เจอเพื่อนใหม่ต่างห้องที่เพิ่งย้ายมาจากโรงเรียนอื่นด้วย ผมยังจำได้เลยว่าวันที่ไปแข่งผมอัดเสียงคุยเล่นลงในโทรศัพท์มือถือ Nokia 6510 เครื่องสีทอง ที่ได้มาจากน้าของผม ยังคิดถึงเพื่อนเหล่านั้นอยู่เลย ที่เรียกเราด้วยคำด่าคำนึง แต่ความรู้สึกมันคนละแบบกับที่เคยได้รับมาก่อน เพราะมันคือคำด่าพูดที่มาจากความเป็นเพื่อนสนิทกัน
ตอนนี้ผมขยายฐานคนรู้จักจากห้องเดิม สู่ห้องอื่นๆ รวมถึงรุ่นน้องที่ไปแข่งด้วยกันทั้งกีฬาและเกมกระดาน ผมมีความสุขมาก ณ ตอนนั้น ได้รู้จักเพื่อนกลุ่มใหม่ซึ่งคอยช่วยเหลือกัน ผลักดันทุกคนให้ไปข้างหน้าด้วยกัน ผมจำได้ว่าครูวิชาภาษาอังกฤษให้ทำโปสการ์ดส่งถึงเพื่อนสนิท ผมส่งให้เพื่อนต่างห้องอย่างไม่ลังเลใจ จริงอยู่ที่เพื่อนดีๆในห้องผมก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่ทุกคน ผมก็ยิ่งเริ่มมองเห็นถึงความสำคัญของการมีเพื่อนที่ดีแล้ว เพื่อนที่ดีไม่ได้หวังผลประโยชน์ ไม่มารีดไถของเล่น ไม่มาแกล้งกัน แต่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ผมเคยใส่เสื้อกันหนาวตัวนึงแล้วรุ่นน้องชมว่าหล่อจังพี่ ผมยังจำได้ขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้เลย เสื้อตัวนั้นก็ยังเก็บเอาไว้ มันเป็นสิ่งที่อธิบายยากนะเวลาที่เราได้รับคำชมจากคนอื่น ซึ่งเมื่อก่อนผมไม่เคยได้รับเลย บางทีเค้าอาจจะพูดเล่นๆไม่ได้จริงจังมาก แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่ดีกับคนอย่างผมที่ไม่เคยได้รับอะไรอย่างนี้มาก่อน ทำให้ผมมองเห็นคุณค่าของเพื่อนที่ดีมากยิ่งขึ้น
ในช่วง ป.6 ผมชอบคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมากเลยครับ เน้นไปที่วิทยาศาสตร์ คาบที่เป็นเหมือนวิชาเลือกแต่ละคน ผมลงวิชาวิทยาศาสตร์ไป ได้เห็นตะเกียงแอลกอฮอล์ บีกเกอร์ หลอดทดลอง เห็นแล้วดูตื่นตาตื่นใจมาก เพราะเราไม่เคยเรียนอะไรแบบนี้มาก่อน เคยแค่เรียนในตำรา แต่นี่คือครูเอาของจริงมาให้ดู ครั้งหนึ่งครูเคยสกัดคลอโรฟิลล์จากใบไม้ ก็เอาใบไม้มาใส่ในหลอดทดลอง แล้วก็ใส่แอลกอฮอล์ลงไปใยหลอดทดลอง จากนั้นก็คีบหลอดไปอังไฟกับตะเกียง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ แอลกอฮอล์ในหลอดทดลองเดือด แล้วทะลักออกมาครับ ไฟก็ลามสิครับ ทุกคนวิ่งหนีกัน แต่ครูก็เอาผ้ามาคลุมดับไฟไว้ได้ แล้วครูก็บอกว่าจริงๆต้องใส่หลอดทดลองไว้ในบีกเกอร์ที่มีน้ำอีกชั้นนึง ไม่ใช่ต้มโดยตรงแบบนี้ ไม่งั้นก้จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตอนนั้นผมนี่อึ้งไปเลย ไม่รู้ว่าเค้าทำพลาดหรือเค้าต้องการสอนให้เรารู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาตร์กันแน่นะ หลังจากนั้นมาผมเลยชอบวิทยาศาสตร์มาก
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายที่ต้องจากโรงเรียน เทอมสุดท้ายผมสอบได้ลำดับที่ 2 ของห้อง แอบเสียใจเล็กๆที่ยังไม่เคยแตะที่ 1 มาก่อน แต่เราก็ภาคภูมิใจแล้วที่มาไกลได้ขนาดนี้
ตอนนี้ผมขอจบพาร์ทแรก (ประถม) ก่อนนะครับ เดี๋ยวพาร์ทสองและสาม (มัธยมต้นและปลาย) จะตามมาทีหลัง
เอารูปมาให้ดูครับ ผมเห็นทีไรรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันที
รูปแรกเป็นรูปอาชีพในอนาคตครับ ตอนนั้นอยู่ ป.6 มีรอยพับจรวดด้วย 55
รูปที่สองเป็นเอกสารที่ครูประจำชั้นเขียนถึงนักเรียนครับ
เส้นทางจากเด็กไม่เอาไหนสู่เด็กเรียนเก่ง
สมัยประถมผมก็คือเด็กโง่ๆคนนึงนี่แหละ เรียนก็ไม่เรียน กีฬาก็ไม่เล่น กิจกรรมก็ไม่ชอบ เอาแต่เล่นวิ่งไล่จับ ซ่อนแอบ โดดยาง บอลลูนตบเผี่ยะ (ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกเปล่า) คือไม่ทำอะไรซักอย่างเลย เพื่อนก็ชอบแกล้ง ชอบล้อเพราะต้องจับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง พอมีเพื่อนผู้ชาย เพื่อนก็พลอยโดนล้อตามไปด้วย ไม่ค่อยมีใครอยากคบ โดนพังของเล่น บังคับพนันเพื่อรีดไถของเล่น (ไพ่ยูกิและเหรียญยูกิของแถมจากขนม) สารพัดต่างๆนานาเกินบรรยาย แม้แต่ครูยังเคยแกล้งผมเลย
ตอนนั้นอยู่ ป.2 ผมจำได้แม่นเลยว่ากำลังจะไปเรียนคอมพิวเตอร์ แต่ครูเอาผมและเพื่อนอีกคนนึงที่ลายมือห่วยทั้งคู่แยกออกมา และจับไปนั่งรวมกับเด็ก ป.1 บอกว่าถ้ายังไม่พัฒนาลายมือให้สวย ก็อยู่ ป.1 ต่อไปนี่แหละ ครูผมและครูห้อง ป.1 ก็นั่งดูเราสองคน เพื่อนผมนี่ร้องไห้งอแง ครูรำคาญเลยปล่อยไปเรียนจนได้ ส่วนผมก็นั่งเฉยๆ ก็งงว่าครูทำอะไร? เอาเรามานั่งแบบนี้แล้วไม่ต้องแจ้งผู้ปกครองหรอ? ไม่เห็นมีทำเรื่องทำราวอะไรเลย สุดท้ายครูมองเราแล้วทำท่ารำคาญเลยปล่อยไปเรียนคอม ณ ตอนนั้นผมคิดในใจว่าครูทำไปทำไม? เค้าต้องการอะไร? หรือว่าครูต้องการแกล้งให้เราร้องไห้เฉยๆ? ตอนนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ ผมว่าผมก็เริ่มฉายแววมาหน่อยนึงแล้ว
จนกระทั่ง ป.4 กำลังเรียนวิชาภาษาอังกฤษ แล้วผมไม่ได้ทำการบ้านมา เลยโกหกครูว่าลืมเอาสมุดมา ครูไม่เชื่อเลยบอกให้ผมเปิดกระเป๋าให้ดู ปรากฏว่าสมุดอยู่ในนั้น... "ปั่ก" ...เสียงสมุดฟาดหน้าผมดังไปทั่วห้องในขณะที่ทุกคนกำลังเงียบ เจ็บนั้นแหละที่จำได้ขึ้นใจ กลับบ้านมานั่งนึกว่าทำไมเราต้องโดนอะไรแบบนี้ด้วย ทำไมเรามาอยู่ห้องเรียนแย่ๆ เจอสังคมแย่ๆแบบนี้ เพื่อนดีๆก็หายากเสียเหลือเกิน ครูก็ยังมาซ้ำเติมกันอีก เราต้องทำยังไงถึงจะได้ย้ายไปอยู่ในที่ดีกว่านี้กันนะ
ท่ามกลางความมืดมิด มีประตูหนึ่งส่องแสงสว่างมาที่เด็กน้อยคนนี้ เสียงความคิดหนึ่งปรากฎขึ้นในหัวผม... "ก็ตั้งใจเรียนสิ" ...ครูผู้นี้เองที่เป็นคนเปิดประตูนั้นเข้ามา แม้ว่าความตั้งใจของครูจะเป็นอย่างไร แต่การกระทำนั้นเปลี่ยนแนวคิดผมไป ผมก็คิดในใจว่าทำไมเราไม่ตั้งใจเรียนแต่แรกนะ พี่ๆผมก็ออกจะเรียนเก่งกันทุกคน หรือเป็นเพราะว่าเราคือน้องคนเล็ก ถูกเอาแต่ใจ เลยเป็นแบบนี้
ผมจำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นนานเท่าไหร่ ที่ผมเริ่มลองพยายามเปิดดิคอังกฤษ-ไทย แล้วไปสะดุดกับคำว่าพหูพจน์ตรงหน้าแรกๆ ผมก็ถามเพื่อนว่าพหูพจน์คืออะไรหรอ เพื่อนก็บอกไม่รู้ ได้แต่นั่งขำที่ว่ามันเป็นคำแปลก อ่านออกเสียงแปลกๆ วิชาอื่นๆผมก็ตั้งใจเรียนมากขึ้น จนผมนึกขึ้นได้ว่า เมื่อก่อนเวลาเราทำข้อสอบ เราจะสุ่มมั่วบ้าง ดูว่าข้อไหนคำเขียนยาวกว่าข้ออื่นบ้าง ไร้สาระสิ้นดีเลยว่าไหม ตอนนี้ผมต้องตั้งใจเรียนแล้ว จบ ป.6 ไปจะได้เรียนในที่ดีๆ เจอสังคมดีๆ ถึงตอนนี้ผมก็พยายามทำตัวนิ่งๆ พยายามไม่สนใจพวกที่มาแกล้ง
จนมาวันหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ชั้น ป.4 หรือ ป.5 ครูกำลังจะประกาศว่าใครสอบได้คะแนนคณิตศาสตร์อันดับหนึ่งของห้อง ทุกคนต่างร้องเสียงเชียร์คนนึงในห้อง ซึ่งได้ท็อปคณิตศาสตร์ประจำ แต่พอสิ้นสุดเสียงครูประกาศ ทั้งห้องเงียบลง ทุกคนต่างนิ่งเมื่อได้ยินชื่อนั้นเป็นชื่อผมแทน ผมเองก็อึ้ง ได้แต่นั่งนิ่งเงียบหลบสายตาคนอื่น เพื่อนที่นั่งข้างๆก็ดีใจและพูดแสดงความยินดีกับผม หลังจากนั้นห้องเรียนก็ดำเนินต่อไปอย่างเดิม ณ เวลานั้นผมดีใจปนสับสนว่าเรามีความสามารถขนาดนี้เชียวหรือ? หรือว่านี่แหละคือผลของความพยายามของเรา
หลังจากนั้น วิชาพละก็มีการทดสอบสมรรถนะร่างกาย แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อผมวิ่งเร็วมากจนครูมากระซิบบอก "เธออยากลองมาเป็นนักกีฬาโรงเรียนไหม" ผมจำไม่ได้หรอกนะว่าคำพูดเป๊ะๆคืออะไร แต่ก็ประมาณนี้แหละ ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ก็แค่ลองไปแข่งดูคงไม่เสียหายหรอก ทุกวันผมต้องมาโรงเรียนเช้ามากๆ มาซ้อมวิ่ง ทั้งวิ่งธรรมดา วิ่งลากถ่วงน้ำหนัก วิ่งแข่งกันเอง ทำให้ผมได้เพื่อนต่างห้องมาบ้างนิดหน่อย และได้รู้จักรุ่นน้องด้วย ผมกลายเป็นนักกีฬาของโรงเรียนมาตั้งแต่ ป.5 ยัน ป.6 ได้รับเกียรติบัตรจากทั้งที่ไปแข่งต่างโรงเรียน และจากโรงเรียนของผมเอง ครูพละคนนี้ผมรักเค้ามาก เป็นครูผู้หญิง ใจดี ไม่เคยดุด่าว่ากล่าว พูดให้กำลังใจเวลาซ้อม ยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงแม้บางครั้งจะไม่ได้เหรียญทอง แต่เค้าก็ยังดีใจที่ทุกคนได้ลองมาแข่ง สมัยผมอยู่ ม.ต้น ผมกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าเค้าก็ยังจำผมได้ ไม่ทราบว่าครูคนนี้ตอนนี้ยังสอนที่เดิมอยู่หรือเปล่า แต่ผมขอรำลึงถึงเอาไว้ ณ ที่นี้ก็แล้วกันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นอกจากนี้ ตอนเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ครูให้เล่น crossword (scrabble) แข่งกันเองในห้อง ผมก็มั่วๆซั่วๆไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งอีกคู่หนึ่งนี่เป็นคนที่เก่งพอใช้ได้เลยแหละ อยู่ๆเค้าก็ถามผมว่าอยากชนะไหม ผมงงมากว่าเค้าไม่ต้องการชนะหรอ? ก็เลยถามไป เค้าบอกว่าขี้เกียจต้องไปแข่งกับคนอื่น ผมก็ไม่เข้าใจหรอนะ แต่สรุปว่าเค้าตกลงให้ผมชนะไป ทั้งที่คะแนนจริงๆแล้วผมแพ้ทีมเค้า คู่ของผมก็เลยถูกคัดไปเป็นตัวแทนแข่งเกมกระดาน พอถึงตอนรวมตัวจากหลายๆห้อง ครูก็บอกว่ามีเกมอื่นๆด้วยนะ อย่างเช่น A-Math, คำคม (เป็น scrabble แบบต่อสมการ กับต่อเป็นคำภาษาไทย) สุดท้ายผมได้ไปแข่ง A-Math คู่กับเพื่อนใหม่จากห้องอื่น ไปแข่งที่ห้างเซ็งท่านอะไรซักอย่างนี่แหละ ถึงจะได้รางวัลมาไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็ได้ประสบการณ์ที่ดี ได้เกียรติบัตรมาประดับบ้านไว้อีกหลายใบเลย
ตอน ป.6 ผมเคยเห็นประกาศว่าจะมีการจัดแข่งขันเกม 24 ที่ห้างแถวๆโรงเรียนครับ ผมเองก็อยากสมัครไปแข่งเองนะ แต่ไม่รู้ต้องทำยังไงเลยไม่ได้ทำอะไร และทางโรงเรียนก็ไม่ได้ติดต่อเรามา เลยคิดว่าเค้าคงคัดคนไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่าไม่กี่สัปดาห์ก่อนการแข่งขันก็มีครูมาเรียกให้เราลองไปเล่นดู สุดท้ายผมเลยได้เป็นหนึ่งในตัวแทนโรงเรียนไปแข่งเกม 24 ด้วย ถึงแม้จะตกรอบแรก แต่ก็สนุกนะที่ได้มาแข่งแบบใหม่ เจอเครื่องแข่งเกม 24 แบบที่เป็นปุ่มกดตอบ ไฮโซมาก ขอบอก และผมก็ได้เจอเพื่อนใหม่ต่างห้องที่เพิ่งย้ายมาจากโรงเรียนอื่นด้วย ผมยังจำได้เลยว่าวันที่ไปแข่งผมอัดเสียงคุยเล่นลงในโทรศัพท์มือถือ Nokia 6510 เครื่องสีทอง ที่ได้มาจากน้าของผม ยังคิดถึงเพื่อนเหล่านั้นอยู่เลย ที่เรียกเราด้วยคำด่าคำนึง แต่ความรู้สึกมันคนละแบบกับที่เคยได้รับมาก่อน เพราะมันคือคำด่าพูดที่มาจากความเป็นเพื่อนสนิทกัน
ตอนนี้ผมขยายฐานคนรู้จักจากห้องเดิม สู่ห้องอื่นๆ รวมถึงรุ่นน้องที่ไปแข่งด้วยกันทั้งกีฬาและเกมกระดาน ผมมีความสุขมาก ณ ตอนนั้น ได้รู้จักเพื่อนกลุ่มใหม่ซึ่งคอยช่วยเหลือกัน ผลักดันทุกคนให้ไปข้างหน้าด้วยกัน ผมจำได้ว่าครูวิชาภาษาอังกฤษให้ทำโปสการ์ดส่งถึงเพื่อนสนิท ผมส่งให้เพื่อนต่างห้องอย่างไม่ลังเลใจ จริงอยู่ที่เพื่อนดีๆในห้องผมก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่ทุกคน ผมก็ยิ่งเริ่มมองเห็นถึงความสำคัญของการมีเพื่อนที่ดีแล้ว เพื่อนที่ดีไม่ได้หวังผลประโยชน์ ไม่มารีดไถของเล่น ไม่มาแกล้งกัน แต่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ผมเคยใส่เสื้อกันหนาวตัวนึงแล้วรุ่นน้องชมว่าหล่อจังพี่ ผมยังจำได้ขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้เลย เสื้อตัวนั้นก็ยังเก็บเอาไว้ มันเป็นสิ่งที่อธิบายยากนะเวลาที่เราได้รับคำชมจากคนอื่น ซึ่งเมื่อก่อนผมไม่เคยได้รับเลย บางทีเค้าอาจจะพูดเล่นๆไม่ได้จริงจังมาก แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่ดีกับคนอย่างผมที่ไม่เคยได้รับอะไรอย่างนี้มาก่อน ทำให้ผมมองเห็นคุณค่าของเพื่อนที่ดีมากยิ่งขึ้น
ในช่วง ป.6 ผมชอบคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมากเลยครับ เน้นไปที่วิทยาศาสตร์ คาบที่เป็นเหมือนวิชาเลือกแต่ละคน ผมลงวิชาวิทยาศาสตร์ไป ได้เห็นตะเกียงแอลกอฮอล์ บีกเกอร์ หลอดทดลอง เห็นแล้วดูตื่นตาตื่นใจมาก เพราะเราไม่เคยเรียนอะไรแบบนี้มาก่อน เคยแค่เรียนในตำรา แต่นี่คือครูเอาของจริงมาให้ดู ครั้งหนึ่งครูเคยสกัดคลอโรฟิลล์จากใบไม้ ก็เอาใบไม้มาใส่ในหลอดทดลอง แล้วก็ใส่แอลกอฮอล์ลงไปใยหลอดทดลอง จากนั้นก็คีบหลอดไปอังไฟกับตะเกียง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ แอลกอฮอล์ในหลอดทดลองเดือด แล้วทะลักออกมาครับ ไฟก็ลามสิครับ ทุกคนวิ่งหนีกัน แต่ครูก็เอาผ้ามาคลุมดับไฟไว้ได้ แล้วครูก็บอกว่าจริงๆต้องใส่หลอดทดลองไว้ในบีกเกอร์ที่มีน้ำอีกชั้นนึง ไม่ใช่ต้มโดยตรงแบบนี้ ไม่งั้นก้จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตอนนั้นผมนี่อึ้งไปเลย ไม่รู้ว่าเค้าทำพลาดหรือเค้าต้องการสอนให้เรารู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาตร์กันแน่นะ หลังจากนั้นมาผมเลยชอบวิทยาศาสตร์มาก
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายที่ต้องจากโรงเรียน เทอมสุดท้ายผมสอบได้ลำดับที่ 2 ของห้อง แอบเสียใจเล็กๆที่ยังไม่เคยแตะที่ 1 มาก่อน แต่เราก็ภาคภูมิใจแล้วที่มาไกลได้ขนาดนี้
ตอนนี้ผมขอจบพาร์ทแรก (ประถม) ก่อนนะครับ เดี๋ยวพาร์ทสองและสาม (มัธยมต้นและปลาย) จะตามมาทีหลัง
เอารูปมาให้ดูครับ ผมเห็นทีไรรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันที
รูปแรกเป็นรูปอาชีพในอนาคตครับ ตอนนั้นอยู่ ป.6 มีรอยพับจรวดด้วย 55
รูปที่สองเป็นเอกสารที่ครูประจำชั้นเขียนถึงนักเรียนครับ