อัมพวา ..
ที่ได้ไปที่นั่นในช่วงเดือนแรก ของเมื่อครั้งมีตลาดน้ำยามเย็นในปี 2546
ในวันนั้น อัมพวา ตลาดริมน้ำ มีสภาพต่างจากทุกวันนี้ ราวหน้ามือหลังมือ
เป็นตลาดน้ำที่ “พอจะมีเสน่ห์” มากกว่า ตลาดน้ำแห่งอื่นๆ ในละแวกพื้นที่แถบนั้น
เนื่องจาก ทุกอย่าง ยังคงรูปลักษณ์ และกลิ่นอายเดิมๆ
แม้ในวันแรกๆ ที่มีตลาดน้ำอัมพวา ... สิ่งที่เห็นดูออกจะกระดักกระเดิดมาก เมื่อมองไปในคลอง ที่มีเรือแม่ค้า
... ความไม่น่าดู คือ เรือแม่ค้าแต่ละลำ มีเสาทำด้วยท่อเอสลอน สีฟ้าสะดุดตา กับแผ่นพลาสติกสีแดง เขียนข้อความชนิดของกินที่มีในเรือเหล่านั้น
แม่แม่ค้าหลายคนจะพยายามทำให้เป็นบ้านๆ ด้วยการใส่งอบ ... แต่กับเสาท่อน้ำเอสล่อนกับป้ายสีแดงนั่น ก็ทำให้ขัดหูขัดตาไปมาก
แต่ก็ช่างเถอะ ในภาพรวม ทุกอย่างยังดูดี
บ้านเก่าๆ ทางเดินไม้เก่าๆ
บ้านบางหลังผุ สังกะสีคร่ำคร่า
ร้านรวงยังคงเป็นตลาดที่ไร้จริตเพื่อปรุงแต่งเพื่อการต้อนรับการท่องเที่ยว
ชาวบ้านยังคงนั่งเล่น บนทางเดินเลียบริมน้ำ เหมือนชีวิตปกติแบบบ้านนอกทั่วไป
แม่ค้าสาวๆ หน้าตาบ้านๆ กับข้าวแแกง ท่าทางขวยเขินเมื่อเรายกกล้องขึ้นถ่ายภาพ
เราบอกกับคนที่นั่น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกรรมการผู้จัดการดูแลการทำตลาดน้ำ
ว่า... ให้เวลาไม่เกินหนึ่งปี หรือมากกว่านั้นก็สองปี
ที่นี่จะเละเทะ ไม่ต่างอะไรกับตลาดน้ำดำเนินสะดวก... ที่ Fake...
ไม่ต่างอะไรกับ...ปาย สามชุก
ที่เปลี่ยนไปตกแต่งร้านแบบที่คิดว่า “เรโทร” เพื่อดึงดูดนัำท่องเที่ยว
เด็กสาวคนที่ยืนคุยด้วย บอกว่า “ไม่มีทาง คนอัมพวามีกินมีใช้ .. เราไม่มีทางจะเป็นเหมือนดำเนินสะดวก”
เราย้อนไปว่า “คอยดูก็แล้วกัน ... ถึงวันหนึ่ง เงิน.. ใครไม่อยากได้... ถึงวันนั้น บ้านข้างๆ เขาขายของให้ท่องเที่ยวได้เงิน
ลูกหลานกลับมาเห็น ก็จะบอกให้ เตี่ย อากง อาม่า เลิกขายของแบบเก่า แล้วมาทำร้านแบบที่คิดว่า “ย้อนยุค เพื่อการธุรกิจ”
ปี 2547...
เราได้เห็นว่า อัมพวาเริ่มเป็นอย่างที่ว่า แต่กระนั้น ก็ยังมีแรงยื้อกันอยู่บ้าง
เพราะกว่าที่จะเปลี่ยนรูปแบบจนจำไม่ได้แล้วนั้น เริ่มขึ้นจริงจังในราวปี 2550
-----
ตรงนี้ มีข้อมูล ที่ได้รับรู้มาไม่นานนี้เองว่า ... ตลาดอัมพวานั้น คนที่อยู่มาแต่เดิมโดยมากไม่ใช่เจ้าของบ้าน เป็นบ้านที่เช่าเขาอยู่
เจ้าของบ้านจริงๆ นั้น เป็นคนแก่ คนเก่าๆ ไม่คิดจะทำอะไรกับคนที่เช่า ให้อยู่กันไปเรื่อยๆ
แต่แล้ว เมื่อ ธุรกิจการท่องเที่ยว ... เงินมาถึง... ลูกหลานเจ้าของที่เจ้าของบ้าน ก็มีลูกเล่น
โดยอ้างว่า ให้ย้ายออกไปก่อน จะซ่อมบ้าน .. แต่เมื่อย้ายออกไป ก็กลับเข้ามาอีกไม่ได้
เพราะมีการทำสัญญาให้คนอื่นไปแล้ว
ที่น่าเสียใจคือ คนอื่นที่มาอยู่ใหม่ แทบทั้งนั้น “ไม่ใช่คนอัมพวา”
ซึ่งตอนนี้ จริงๆ เหลือคนที่อยู่ตรงนี้มาเก่าก่อนเพียงไม่กี่หลังแล้ว
-----
จะอย่างไร ก็เป็นสิทธิ ของเจ้าของบ้าน.. ของของเขา.....
แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้ อย่างเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไปถึงที่นั่น 11 โมงเช้า คนบางตามากๆ
จนบ่ายโมง ยังแทบไม่มีคนไปเที่ยว
ทั้งที่เมื่อก่อนคนแน่นตั้งแต่เช้า
.. เพราะอะไร >>>> ????
คำตอบ คือ ความ Fake .....
ก่อนๆ นั้น คนตื่นตาตื่นใจ เพราะมาที่นี่ เหมือนย้อนรอย ได้มาดูตลาดเก่าจริงๆ
ได้เห็นชีวิต บ้านเรือนแบบคนไทย วิถีชีวิตไทยจริงๆ
แต่ในที่สุด .. เมื่อมีการตกแต่งแบบที่คิดว่าย้อนยุค
ดูสวย ดูมีสไตล์.... แต่มันไม่ตอบโจทย์... มันไม่ใช่... ใครมาเห็นก็จะนึกในใจว่า “ไม่ใช่”
สินค้าที่วางขาย ไม่ต่างอะไรกับสินค้าที่มีขายตาม จตุจักร หรือเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ เช่ย ปาย สามชุก
ของกินหลายๆ อย่าง ที่ “แพง” อย่างเช่น กุ้งย่าง เมื่อก่อน ถาดละ 1-200 วัยเสาร์ที่ผ่านมา ถาดละ 4-600
ทั้งที่กุ้งสดราคาไม่ได้แพงขึ้นเลย..... เป็นต้น
ทั้งบรรยากาศที่เสียงเรียกลูกค้า ไม่ต่างอะไรกับตลาดนัด ทั้งเรือชวนเที่ยวล่องลำน้ำ และอื่นๆ
คนอัมพวา วันนี้ บอกเราว่า ที่คนลดน้อยลงไปนั้น เพราะเดี๋ยวนี้ มีตลาดน้ำมาก คนจะเฉลี่ยไป
แต่ สำหรับเรา.. เราบอกได้ว่า ... ไม่ใช่หรอก
เป็นเพราะ “วันนี้ อัมพวา ไม่มีเสน่ห์ ต่างจากเพลงสาวอัมพวาไปแล้ว”
กลายเป็น “ตลาดนัด วันเสาร์อาทิตย์ ที่ทำธุรกิจ ออกไอเดียแต่งร้านที่คิดว่า ancient, retro, antique,......
..... ซึ่งหาดูที่ไหนๆ ก็ได้ ... ทำไมต้องมาที่อัมพวา
ลงภาพเดียว บ้านแบบเก่าๆ ที่เหลือน้อยเต็มทีแล้ว
ซึ่งตรงในภาพที่เห็น ก็ยังเรียกได้ว่า กลิ่นอายบ้านริมน้ำอัมวาแต่เดิมหายไปจนน่าใจหาย
อัมพวา... สนิมเหล็ก เกิดแต่เนื้อในตน ...
ที่ได้ไปที่นั่นในช่วงเดือนแรก ของเมื่อครั้งมีตลาดน้ำยามเย็นในปี 2546
ในวันนั้น อัมพวา ตลาดริมน้ำ มีสภาพต่างจากทุกวันนี้ ราวหน้ามือหลังมือ
เป็นตลาดน้ำที่ “พอจะมีเสน่ห์” มากกว่า ตลาดน้ำแห่งอื่นๆ ในละแวกพื้นที่แถบนั้น
เนื่องจาก ทุกอย่าง ยังคงรูปลักษณ์ และกลิ่นอายเดิมๆ
แม้ในวันแรกๆ ที่มีตลาดน้ำอัมพวา ... สิ่งที่เห็นดูออกจะกระดักกระเดิดมาก เมื่อมองไปในคลอง ที่มีเรือแม่ค้า
... ความไม่น่าดู คือ เรือแม่ค้าแต่ละลำ มีเสาทำด้วยท่อเอสลอน สีฟ้าสะดุดตา กับแผ่นพลาสติกสีแดง เขียนข้อความชนิดของกินที่มีในเรือเหล่านั้น
แม่แม่ค้าหลายคนจะพยายามทำให้เป็นบ้านๆ ด้วยการใส่งอบ ... แต่กับเสาท่อน้ำเอสล่อนกับป้ายสีแดงนั่น ก็ทำให้ขัดหูขัดตาไปมาก
แต่ก็ช่างเถอะ ในภาพรวม ทุกอย่างยังดูดี
บ้านเก่าๆ ทางเดินไม้เก่าๆ
บ้านบางหลังผุ สังกะสีคร่ำคร่า
ร้านรวงยังคงเป็นตลาดที่ไร้จริตเพื่อปรุงแต่งเพื่อการต้อนรับการท่องเที่ยว
ชาวบ้านยังคงนั่งเล่น บนทางเดินเลียบริมน้ำ เหมือนชีวิตปกติแบบบ้านนอกทั่วไป
แม่ค้าสาวๆ หน้าตาบ้านๆ กับข้าวแแกง ท่าทางขวยเขินเมื่อเรายกกล้องขึ้นถ่ายภาพ
เราบอกกับคนที่นั่น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกรรมการผู้จัดการดูแลการทำตลาดน้ำ
ว่า... ให้เวลาไม่เกินหนึ่งปี หรือมากกว่านั้นก็สองปี
ที่นี่จะเละเทะ ไม่ต่างอะไรกับตลาดน้ำดำเนินสะดวก... ที่ Fake...
ไม่ต่างอะไรกับ...ปาย สามชุก
ที่เปลี่ยนไปตกแต่งร้านแบบที่คิดว่า “เรโทร” เพื่อดึงดูดนัำท่องเที่ยว
เด็กสาวคนที่ยืนคุยด้วย บอกว่า “ไม่มีทาง คนอัมพวามีกินมีใช้ .. เราไม่มีทางจะเป็นเหมือนดำเนินสะดวก”
เราย้อนไปว่า “คอยดูก็แล้วกัน ... ถึงวันหนึ่ง เงิน.. ใครไม่อยากได้... ถึงวันนั้น บ้านข้างๆ เขาขายของให้ท่องเที่ยวได้เงิน
ลูกหลานกลับมาเห็น ก็จะบอกให้ เตี่ย อากง อาม่า เลิกขายของแบบเก่า แล้วมาทำร้านแบบที่คิดว่า “ย้อนยุค เพื่อการธุรกิจ”
ปี 2547...
เราได้เห็นว่า อัมพวาเริ่มเป็นอย่างที่ว่า แต่กระนั้น ก็ยังมีแรงยื้อกันอยู่บ้าง
เพราะกว่าที่จะเปลี่ยนรูปแบบจนจำไม่ได้แล้วนั้น เริ่มขึ้นจริงจังในราวปี 2550
-----
ตรงนี้ มีข้อมูล ที่ได้รับรู้มาไม่นานนี้เองว่า ... ตลาดอัมพวานั้น คนที่อยู่มาแต่เดิมโดยมากไม่ใช่เจ้าของบ้าน เป็นบ้านที่เช่าเขาอยู่
เจ้าของบ้านจริงๆ นั้น เป็นคนแก่ คนเก่าๆ ไม่คิดจะทำอะไรกับคนที่เช่า ให้อยู่กันไปเรื่อยๆ
แต่แล้ว เมื่อ ธุรกิจการท่องเที่ยว ... เงินมาถึง... ลูกหลานเจ้าของที่เจ้าของบ้าน ก็มีลูกเล่น
โดยอ้างว่า ให้ย้ายออกไปก่อน จะซ่อมบ้าน .. แต่เมื่อย้ายออกไป ก็กลับเข้ามาอีกไม่ได้
เพราะมีการทำสัญญาให้คนอื่นไปแล้ว
ที่น่าเสียใจคือ คนอื่นที่มาอยู่ใหม่ แทบทั้งนั้น “ไม่ใช่คนอัมพวา”
ซึ่งตอนนี้ จริงๆ เหลือคนที่อยู่ตรงนี้มาเก่าก่อนเพียงไม่กี่หลังแล้ว
-----
จะอย่างไร ก็เป็นสิทธิ ของเจ้าของบ้าน.. ของของเขา.....
แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้ อย่างเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไปถึงที่นั่น 11 โมงเช้า คนบางตามากๆ
จนบ่ายโมง ยังแทบไม่มีคนไปเที่ยว
ทั้งที่เมื่อก่อนคนแน่นตั้งแต่เช้า
.. เพราะอะไร >>>> ????
คำตอบ คือ ความ Fake .....
ก่อนๆ นั้น คนตื่นตาตื่นใจ เพราะมาที่นี่ เหมือนย้อนรอย ได้มาดูตลาดเก่าจริงๆ
ได้เห็นชีวิต บ้านเรือนแบบคนไทย วิถีชีวิตไทยจริงๆ
แต่ในที่สุด .. เมื่อมีการตกแต่งแบบที่คิดว่าย้อนยุค
ดูสวย ดูมีสไตล์.... แต่มันไม่ตอบโจทย์... มันไม่ใช่... ใครมาเห็นก็จะนึกในใจว่า “ไม่ใช่”
สินค้าที่วางขาย ไม่ต่างอะไรกับสินค้าที่มีขายตาม จตุจักร หรือเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ เช่ย ปาย สามชุก
ของกินหลายๆ อย่าง ที่ “แพง” อย่างเช่น กุ้งย่าง เมื่อก่อน ถาดละ 1-200 วัยเสาร์ที่ผ่านมา ถาดละ 4-600
ทั้งที่กุ้งสดราคาไม่ได้แพงขึ้นเลย..... เป็นต้น
ทั้งบรรยากาศที่เสียงเรียกลูกค้า ไม่ต่างอะไรกับตลาดนัด ทั้งเรือชวนเที่ยวล่องลำน้ำ และอื่นๆ
คนอัมพวา วันนี้ บอกเราว่า ที่คนลดน้อยลงไปนั้น เพราะเดี๋ยวนี้ มีตลาดน้ำมาก คนจะเฉลี่ยไป
แต่ สำหรับเรา.. เราบอกได้ว่า ... ไม่ใช่หรอก
เป็นเพราะ “วันนี้ อัมพวา ไม่มีเสน่ห์ ต่างจากเพลงสาวอัมพวาไปแล้ว”
กลายเป็น “ตลาดนัด วันเสาร์อาทิตย์ ที่ทำธุรกิจ ออกไอเดียแต่งร้านที่คิดว่า ancient, retro, antique,......
..... ซึ่งหาดูที่ไหนๆ ก็ได้ ... ทำไมต้องมาที่อัมพวา
ลงภาพเดียว บ้านแบบเก่าๆ ที่เหลือน้อยเต็มทีแล้ว
ซึ่งตรงในภาพที่เห็น ก็ยังเรียกได้ว่า กลิ่นอายบ้านริมน้ำอัมวาแต่เดิมหายไปจนน่าใจหาย