[CR] KLM Business class สู่เยอรมันและเนเธอร์แลนด์ ครั้งหนึ่งที่ต้องลอง

ภาพถ่ายทั้งหมดในกระทู้นี้มาจาก
Fuji XT1 18-55 และ Fix 35 mm
IPhone 6 Plus

       เนื่องจากในระหว่างวันที่ 7-12 พฤศจิกายน 2559 ผมได้มีโอกาสเดินทางไปยังประเทศเยอรมันและเนเธอร์แลนด์ โดยสายการบิน KLM (Business class) การเดินทางของผมครั้งนี้จะเป็นการเดินทางไปทำงานซะมากกว่าแต่ก็มีเก็บบรรยากาศ และภาพสวยๆ มาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันครับ

       ผมเดินทางวันที่ 7 พฤศจิกายน 2559 เวลาประมาณ 12.15 แต่มาถึงสนามบินตั้งแต่ 8 โมงเช้าเพราะคุณภรรยาต้องไปส่งลูกไปโรงเรียนแต่ลูกอยากเห็นเครื่องบินเลยพาวนมาดูเครื่องบินก่อนไปโรงเรียน (ลูกผมอายุ 3 ขวบครับ) เดี๋ยวเพื่อนๆ จะงงว่าทำไมอยากดูเครื่องบิน เนื่องจากมาถึงตั้งแต่ 8 โมงเช้าแต่เครื่องออกเที่ยงกว่าๆ นู่น เลยไม่สามารถทำการ check in ได้ ก็นั่งรอต่อไปจนถึงเวลาประมาณ 9 โมงก็สามารถเข้า check in ได้ครับ หากเราบิน business class นั้น เราจะได้ตั๋ว premium lane มาซึ่งเราจะสามารถเดินเข้าไปตรวจสัมภาระที่ชั้นเดียวกับที่ check in ได้เลย ไม่ต้องขึ้นบันไดไปชั้นลอยเพื่อต่อคิวเช็คสัมภาระ หลังจากตรวจสัมภาระเสร็จก็เดินตรงดิ่งไปยัง KLM lounge ซึ่งจะอยู่ชั้น 3 บริเวณ Concourse F ฝั่งตรงข้าม KLM lounge เยื้องๆ หน่อยจะเจอ EVA lounge ซึ่งดูหน้าทางเข้าแล้วสีสันสวยงามมาก น่าเข้าเป็นที่สุด แต่ตั๋วของเรามัน KLM นี่นา (รอบหน้ามีโอกาสจะขอมาซ่อมที่ EVA lounge) เอาหละ ตัดภาพมาที่ KLM lounge กันดีกว่า เรามาดู line อาหารกันว่ามีอะไรบ้าง เนื่องจากเป็นสายการบินของ Dutch ดังนั้นอาหารก็จะเป็นแนวโซนฝรั่งซะส่วนใหญ่ ก็แบบว่าจะมีแต่ขนมปังกับซีสอะไรประมาณนี้
















       เอาหละลังจากดู line อาหารกันเรียบร้อยแล้วเตรียมตัวขึ้นเครื่องกัน พอขึ้นเครื่องมาก็จะเจอแอร์ชาวยุโรปมาเลย ไม่มีสาวๆ โซนเอเชียให้ดูเลย ใครไม่ชอบโซนยุโรปอาจจะต้องไปเลือกสายการบินอื่นนะครับ ^^ เนื่องจากตอนที่ผมขึ้นเครื่องมานั้นคนค่อนข้างนั่งไปเยอะแล้วเลยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศที่นั่งมาให้ดู แต่ที่นั่งนั้นสามารถปรับนอนได้ 180 องศากันเลยทีเดียว ถามว่านอนสบายไหมขอตอบว่า ... ไม่ค่อยสบายเลยอะ แบบว่าผมนอนแล้วปวดหลังแต่ก็น่าจะดีกว่านั่งแบบนอนไม่ได้ พอขึ้นเครื่องมาปุ๊บ ก็จะมีแอร์เดินมาเสริฟเครื่องดื่มเลย มีน้ำเปล่า น้ำส้ม แล้วก็น้ำฟู่ๆ (champagne) แบบว่าผมก็เป็นคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ซะด้วยสิ แต่ก็ขอลองหน่อยละกัน หยิบน้ำฟู่ๆ มาเลย หลังจากชิมคำแรก มันซ่ามากแล้วก็ออกขมหน่อยๆ แบบว่ากินไม่เป็น แต่ก็ฝืนกินไปครึ่งแก้ว แล้วก็ตั้งทิ้งไว้ แอร์เดินไปมาหลายรอบไม่เก็บไปสักที คงคิดว่าจะกินต่อมั้งแต่แบบว่า ไม่ไหวแล้วเลยบอกน้องแอร์ว่าเก็บไปเลยครับ หลังจากเครื่องขึ้นก็จะมีเมนูมาเสริฟให้ก่อนเลยครับ ก็มานั่งเลือกว่าจะสั่ง starter, main course และ dessert อะไรดี ส่วนเครื่องดืมนั้นมีไวน์ให้เลือกเพียบเลย แล้วก็น้ำอัดลม น้ำผลไม้สั่งได้เต็มที่ครับ




       หลังจากนั่งดูเมนูไปสักพักก็เสริฟของกินเล่นก่อนเลย ซึ่งจะให้เลือกระหว่างถั่วกับซีส กระผมเลือกถั่วอย่างไม่ต้องคิดเลย แบบว่าเสริฟซีสกันเป็นถ้วยๆ เลย มาเป็นก้อนลูกเต๋าเลย กินไม่ไหวอะท่าจะเลี่ยนเกิน ทริปนี้มาตั้ง 5 วันน่าจะชีสเต็มกระเพาะแน่ๆ หลังจากนี้ก็มาแล้วครับ starter ก่อนจะเสริฟก็สั่งน้ำส้ม cocktail ไปสักหน่อยก็อร่อยดีนะครับ และแล้ว starter ก็มา แบบว่าชื่อเมนูยาวมาก smoked halibut rose and salmon egg with beetroot and apple salad Japanese cucumber and pistachio ส่วนรสชาติหรอ เอิ่มแบบว่าไม่ถูกปากผมเลย แต่ไม่รู้ถูกปากคนอื่นหรือเปล่า หลังจากจบ starter แล้วเรามาดู main course กันดีกว่า มีให้เลือก 3 เมนู ผมเลือก Dutch beef meatballs in red wine source. Duchesse potatoes and roasted mixed vegetable แล้วก็ไม่พลาดที่จะลอง Red wine ทั้งที่กินไม่เป็นแต่อยากลอง รสชาติกัน meat balls นั้นอร่อยเลยทีเดียว เห็นคนเขาบอกว่ากินเนื้อต้องกินกับ red wine แต่ผมก็ลองกินด้วยกันดู ไม่เห็นมันจะอร่อยเลย รสชาติไวน์มันขมๆ ฝาดๆ ยังไงก็ไม่รู้หรือว่าลิ้นผมไม่ถึง เอาเป็นว่าไม่ถูกปากละกัน ขอกลับไปกิน soft drink เหมือนเดิมดีกว่า ถูกปากแน่นอน








       ถัดมาก็จะเป็นเมนูของหวานมีให้เลือก 4 อย่างด้วยกัน แต่แบบว่ากระเพราะเริ่มแน่น จะไม่กินก็เสียดายเลยสั่ง Orange truffle cake มา รสชาติสุดยอดมากครับ อร่อยเวอร์ ของคาวที่กินมาเมื่อกี้ตกกระป๋องไปเลย แบบว่าสั่งแต่ของหวานกินแทน main course กับ starter ได้ไหมหว่า หลังจากจบของหวานไปก็เป็นชากับกาแฟ ระหว่างที่กินชาอยู่นั้นน้องแอร์ก็ถือกล่องช็อกโกแลตมาและก็มาเปิดให้เลือกหยิบตามใจชอบ อยากหยิบหลายชินจังแต่เกรงใจกระเพราะมาก ตอนนี้เริ่มแน่นอย่างสุดๆ หลังจากกินเสร็จก็นั่งดูหนังไปเรื่อยๆ มีเวลาอยู่บนเครื่องตั้ง 12 ชม นี่นา ดูไปตั้ง 5 เรื่องก็ไม่ยอมหลับสักที หมอนที่ใช้นี่นิ่มมากนอนไปนอนมาเอ๊ะอะไรมันทิ่มหัวหว่า เลยพลิกหมอนมาดูเจออะไรไม่รู้แหลมๆ ยื่นออกมาเลยลองดึงออกมาดู ปรากฏว่าคือขนห่าน ใช่แล้วหมอนเขาไม่ได้ยัดด้วยนุ่น เขายัดด้วยขนห่าน เพิ่งจะเคยนอนขนห่านครั้งแรก มันนุ่นสุดยอด




       หลังจากกลิ้งเกลือกอยู่บนที่นั่งตัวเองกว่า 10 ชม อาหารเบาๆ ก่อนลงเครื่องก็มาเสริฟ์ จะเป็นแซนวิชกับ cheese เอามากินกับ cracker ส่วนผมนั้นไม่สามารถกินชีสเล่นๆ ได้เหมือนคนอื่นๆ ก็เลยกินแกล้มกับ cracker รสชาติก็ใช้ได้เลย เค็มๆ มันๆ แต่อย่าไปดมกลิ่นมันนะครับ ผมดมแล้วกลิ่นมันเหม็นมาก แต่แปลกพอเวลาเอาข้าปากกลับไม่ได้กลิ่นเหม็นที่ได้กลิ่นตอนดม รสชาติก็โอเคนะครับ กินไปกินมาก็อร่อยดี และแล้วก็มาถึง Amsterdam เวลาประมาณ 18.20 ก็รอต่อเครื่องไป Hamburg เครื่องออกตอน 20.40 ก็ไปนั่งกินน้ำที่ lounge เพราะไหนๆ บิน business มีให้กินฟรีจะได้ไม่ต้องเสียตังซื้อ ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็เลยเก็บภาพเครื่องบินมาฝาก





       และแล้วก็ถึง Humburg สักที ถึงเวลา 21.45 ก็นั่งรถไปเข้าที่พัก และตอนเช้าก็ต้องนั่งรถแทกซี่ไปที่เมือง Grosshansdorf เพื่อไปทำงาน รายละเอียดงานไม่ขอบอกละกันนะครับ แต่ระหว่างทางที่อยู่บนแทกซี่ก็พยายามเก็บภาพมาฝากเพื่อน แต่ไม่เยอะเท่าไหร่ มาที่นี่หิมะตกแรงมากเรา คนที่นี่บอกว่านี่มันผิดปกติเพราะปกติตอนนี้ไม่ใช่หน้าหิมะ หรือหิมะจะมาต้อนรับเรา เอาซะหนักเลย ออกไปถ่ายรูปไม่ได้เลย หลังจากคุยงานเสร็จสักประมาณ 13.30 ก็ออกไปกินข้าวกันจากนั้นผมก็นั่งแทกซี่กลับไปสนาบินเพื่อจะเดินทางกลับไปยัง Amsterdam







       ถึง Amsterdam ก็ประมาณ 21.30 ก็เข้าที่พักและนอนเพื่อเตรียมตัวอบรมในวันที่ 9-10 พฤศจิกายน 2559 พอมาอยู่ที่ Amsterdam หิมะไม่ตกแต่ฝนกลับตกแทน นี่จะไม่ให้ถ่ายรูปกันเลยใช่ไหมเนี้ย ฝนตกก็จะออกไหนๆ ก็มาแล้ว ตอนเย็นก็ยืมร่มโรงแรมแล้วก็เดินฝ่าฝนออกไป แบบว่าหนาวจะตายยังจะออกไปอีก อยากรู้ไหมว่าผมแต่ตัวยังไง ผมใส่เสื้อยืด 1 ตัว ถัดมาคือเสื้อเชิ๊ต เสื้อหนาว และแจ๊คเก็ตกันลม ผ้าพันคอ หมวก ลองจอน กางเกงยีนส์ เอิ่ม แบบว่าเอาไม่อยู่อะ หนาวมาก ลมก็แรง เดินนี่มือกับหูชาหมดเลย เจ็บไปหมดแต่แบบว่าไหนๆ ก็มาแล้วต้องเดินเที่ยวสักหน่อย ก็ได้รูปมาที่เห็นเท่านี้แหละครับ





       วันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 ผมก็ต้องเดินทางจาก Amsterdam ไปยัง Rossendaal โดยใช้บริการรถไฟ ซึ่งรถไฟที่นี่นั่งง่ายมากครับ search จาก website ได้เลยจะมีบอกเวลารถและราคาเรียบร้อยเลย และบอกว่าจะต้องเปลี่ยนรถไฟที่ชานชลาไหน ดีมากจริงๆ ครับ เมื่อไปถึง Rossendaal ประมาณ 9 โมงเช้า ก็ไปคุยงานหลังจากคุยเสร็จประมาณ 12.30 ก็ไปทานข้างเที่ยงแล้วก็นั่งรถไฟกลับมายัง Amsterdam วันนี้โชคดีมากฝนไม่ตก ผมก็เลยมีเวลาไปเดินถ่ายรูป เลยมีรูปมาให้เพื่อนๆ ชมกันครับ


















กระทู้เต็มครับใครมีวิธีช่วยแจ้งหน่อยครับว่าจะโพสเพิ่มยังไง หรืว่าต้องตั้งใหม่
ชื่อสินค้า:   KLM Royal Dutch Airlines
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่