ก่อนหน้านี้เราเป็นแม่บ้านให้แฟน อยู่บ้านทำงานบ้านเฉยๆเพราะยังไม่มีลูกค่ะ
พอนานไปก็รู้สึกเบื่อ เลยหางานทำแถวบ้าน ซึ่งเป็นงานไม่ตรงสายที่เรียนมา
แต่งานก็สนุกดีค่ะ เพราะเป็นออฟฟิตเล็กๆ อยู่กัน20+คน แถมใกล้บ้านแค่ 500 เมตร
จนมาวันนึงพี่ที่สอนงานเราเค้าลาออก เราเลยรับงานเต็มตัว
ถึงแม้งานจะหนักและยุ่ง แต่เราก็สามารถทำได้ดีเพราะเป็นงานไม่ยากนัก ใช้ความรู้พื้นฐาน ม.ปลาย
ปกติเราก็กินอยู่ธรรมดา เสื้อผ้าตลาดนัด ของกินของใช้ทุกอย่างก็ราคาหลักร้อยค่ะ
จนปีหลังๆเราเริ่มทำธุรกิจของเรา ซึ่งกำลังไปได้ดีเพราะเป็นสายงานที่เราชอบและเรียนจบมา
เราเริ่มซื้อเสื้อผ้าในห้างเพราะอ้วนขึ้น10kg ใน2ปี+เป็นคนตัวสูง เสื้อผ้าที่ขายตามตลาดเราใส่ไม่พอดีตัวเลยซักตัว
กระเป๋า น้ำหอม รองเท้า เครื่องสำอางเริ่มมีแบรนด์ เพราะเราต้องไปเจอลูกค้า เลยอยากแต่งตัวให้ดูดีน่าเชื่อถือ
ซึ่งการใช้ชีวิตเหล่านี้ไม่ได้กระทบอะไรกับการเงินของบริษัท เพราะเราบริหารเงินเป็นระบบ กำหนดเงินเดือนตัวเอง
แต่มันกลับกระทบจิตใจเพื่อนร่วมงานบางคน (ผู้หญิงจะมีเซนส์เรื่องแบบนี้ค่ะ)
เริ่มโดนนินทา เพ่งเล็ง อิจฉา และกลายเป็นโดนจับผิดและใส่ร้ายในเรื่องงาน ว่าเราเอาเวลางานไปทำงานส่วนตัว
ทั้งที่จริงๆเราดูแลแค่หลังเลิกงานและวันหยุด เวลาปกติแฟนเราเป็นคนดูแลทั้งหมด
หัวหน้าเริ่มไม่พอใจ กดดันเรื่องงาน บางครั้งเราไม่ได้ทำงานที่ผิดพลาด แต่ก็ยังหาเรื่องมาตำหนิทุกวัน
เราเริ่มมีความคิดที่จะลาออก เพราะ
1. อยากจะมีเวลาทุ่มเทให้บริษัทเต็มที่ เพราะเราเป็นหัวแรงหลัก แต่กลับมีเวลาดูแลน้อยมาก
ซึ่งตอนแรกคิดไว้ว่าจะลาออกกลางปีหน้าแบบถูกระเบียบ
2. จุดเปลี่ยนที่ทำให้อยากลาออกตอนนี้คือเรื่องความขี้อิจฉาจากเพื่อนร่วมงานและความกดดันจากหัวหน้า
ทำงานมาเกือบ 3 ปี เงินเดือนเรารับสุทธิที่ 10,000 ซึ่งผลกำไรจากบริษัทของเรามันก็เกิน10เท่าของเงินเดือน
มันไม่คุ้มที่เราจะต้องมาโดนอะไรแบบนี้ เราเบื่อสังคมในออฟฟิตเรา
แต่การแจ้งลาออกล่วงหน้านั้น พนักงานทุกคนที่ผ่านมาหลังจากยื่นแล้ว 1 เดือนก่อนออกนี่คือนรกเลย
เพราะหัวหน้าจะไม่พอใจ ไม่พูด ไม่คุย กระทั่งไม่รับไหว้ และจะกดดันทุกอย่าง บางคนมาแอบร้องไห้ในห้องน้ำ
เราไม่อยากเป็นแบบนั้น เงินเดือนออกแล้วไม่ไปเลยได้มั้ยคะ?
โดนกดดันทางจิตใจอย่างหนัก อยากลาออกจากงานแบบไม่แจ้งล่วงหน้า
พอนานไปก็รู้สึกเบื่อ เลยหางานทำแถวบ้าน ซึ่งเป็นงานไม่ตรงสายที่เรียนมา
แต่งานก็สนุกดีค่ะ เพราะเป็นออฟฟิตเล็กๆ อยู่กัน20+คน แถมใกล้บ้านแค่ 500 เมตร
จนมาวันนึงพี่ที่สอนงานเราเค้าลาออก เราเลยรับงานเต็มตัว
ถึงแม้งานจะหนักและยุ่ง แต่เราก็สามารถทำได้ดีเพราะเป็นงานไม่ยากนัก ใช้ความรู้พื้นฐาน ม.ปลาย
ปกติเราก็กินอยู่ธรรมดา เสื้อผ้าตลาดนัด ของกินของใช้ทุกอย่างก็ราคาหลักร้อยค่ะ
จนปีหลังๆเราเริ่มทำธุรกิจของเรา ซึ่งกำลังไปได้ดีเพราะเป็นสายงานที่เราชอบและเรียนจบมา
เราเริ่มซื้อเสื้อผ้าในห้างเพราะอ้วนขึ้น10kg ใน2ปี+เป็นคนตัวสูง เสื้อผ้าที่ขายตามตลาดเราใส่ไม่พอดีตัวเลยซักตัว
กระเป๋า น้ำหอม รองเท้า เครื่องสำอางเริ่มมีแบรนด์ เพราะเราต้องไปเจอลูกค้า เลยอยากแต่งตัวให้ดูดีน่าเชื่อถือ
ซึ่งการใช้ชีวิตเหล่านี้ไม่ได้กระทบอะไรกับการเงินของบริษัท เพราะเราบริหารเงินเป็นระบบ กำหนดเงินเดือนตัวเอง
แต่มันกลับกระทบจิตใจเพื่อนร่วมงานบางคน (ผู้หญิงจะมีเซนส์เรื่องแบบนี้ค่ะ)
เริ่มโดนนินทา เพ่งเล็ง อิจฉา และกลายเป็นโดนจับผิดและใส่ร้ายในเรื่องงาน ว่าเราเอาเวลางานไปทำงานส่วนตัว
ทั้งที่จริงๆเราดูแลแค่หลังเลิกงานและวันหยุด เวลาปกติแฟนเราเป็นคนดูแลทั้งหมด
หัวหน้าเริ่มไม่พอใจ กดดันเรื่องงาน บางครั้งเราไม่ได้ทำงานที่ผิดพลาด แต่ก็ยังหาเรื่องมาตำหนิทุกวัน
เราเริ่มมีความคิดที่จะลาออก เพราะ
1. อยากจะมีเวลาทุ่มเทให้บริษัทเต็มที่ เพราะเราเป็นหัวแรงหลัก แต่กลับมีเวลาดูแลน้อยมาก
ซึ่งตอนแรกคิดไว้ว่าจะลาออกกลางปีหน้าแบบถูกระเบียบ
2. จุดเปลี่ยนที่ทำให้อยากลาออกตอนนี้คือเรื่องความขี้อิจฉาจากเพื่อนร่วมงานและความกดดันจากหัวหน้า
ทำงานมาเกือบ 3 ปี เงินเดือนเรารับสุทธิที่ 10,000 ซึ่งผลกำไรจากบริษัทของเรามันก็เกิน10เท่าของเงินเดือน
มันไม่คุ้มที่เราจะต้องมาโดนอะไรแบบนี้ เราเบื่อสังคมในออฟฟิตเรา
แต่การแจ้งลาออกล่วงหน้านั้น พนักงานทุกคนที่ผ่านมาหลังจากยื่นแล้ว 1 เดือนก่อนออกนี่คือนรกเลย
เพราะหัวหน้าจะไม่พอใจ ไม่พูด ไม่คุย กระทั่งไม่รับไหว้ และจะกดดันทุกอย่าง บางคนมาแอบร้องไห้ในห้องน้ำ
เราไม่อยากเป็นแบบนั้น เงินเดือนออกแล้วไม่ไปเลยได้มั้ยคะ?