[CR] เลิกงานแล้วไปเที่ยวกัน คืนวันศุกร์ถึงเช้าวันจันทร์ * - กรุงเทพ - เชียงใหม่ - *



          หลายคนคิดว่าเที่ยวไกล ๆ อาจจะต้องรอเวลาวันหยุดยาว ๆ ถึงจะเที่ยวได้  
วันนี้พวกเราจะพาทุกคนไปเที่ยวให้ดูโดยใช้ระยะเวลาแค่คืนวันศุกร์ถึงเช้าวันจันทร์


          หลังจากเรียนเสร็จในวันศุกร์พวกเราก็ได้นัดกันไปเที่ยวเชียงใหม่โดยการเดินทางของพวกเราเริ่มจากสถานีรถไฟบางซื่อ
เป็นจุดต้นทางของการเดินทาง  ค่าตั๋วรถไฟชั้น 3 พัดลม ราคา 270 บาท  
         ในวันนั้นกรุงเทพมีฝนตกหนักเกิดน้ำท่วมในสถานีหัวลำโพงทำให้รถไฟหลาย ๆ เที่ยวเกิดการล่าช้า แต่ในเที่ยวการเดินทางของพวกเราก็โชคดีที่ไม่ได้มาช้าเหมือนเที่ยวอื่น ๆ และแล้วก็ได้นั่งรถไฟออกจากสถานีบางซื่อกรุงเทพมหานคร เวลา 22.30



         การเดินทางของเรานั่งรถไฟใช้เวลาประมาณ 13 – 14  ชม. เป็นการนั่งรถไฟไกล ๆ ครั้งแรกของพวกเราทั้งสี่คน  ถึงจะเมื่อยไปหน่อยแต่ก็ได้อะไรหลาย ๆ อย่างนับว่าเป็นประสบการณ์ใหม่จริง ๆ  เช่น วิวสองข้างทาง  อาหารที่มีแม่ค้าพ่อค้ามาขายบนรถไฟในช่วงที่พักในแต่ละสถานีและอาหารบนรถไฟเองก็มี  แต่ที่พวกเราชอบมากที่สุดก็คือบรรยากาศช่วงเช้า ๆ  ที่มองไปข้างทางแล้วเจอหมอกบนทุ่งนา ป่า ภูเขา เป็นภาพที่น่าจดจำมากครับ





( อาหารบนรถไฟนี่ก็อร่อยเหมือนกันนะอุ่นแล้วอุ่นอีก 555+ )


             *-*  แล้วพวกเราก็มาถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ *-*

              บอกเลยว่าตอนนั้นเหนื่อยและเมื่อยเลเวลเกือบจะ99 แต่ด้วยความตื่นเต้นตั้งแต่ได้เห็นเมืองจากสองข้างก็ลืมความเหนื่อยไปเลย  ในสถานีรถไฟของเชียงใหม่นั้นเป็นสถานีรถไฟของเมืองแห่งการท่องเที่ยวจริง ๆ ครับ  โดยจะเห็นได้จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวให้คำปรึกษาสอบถาม  แผนที่แนะนำที่ท่องเที่ยวแจกฟรี  และทัวส์นำเที่ยว เยอะไปหมด  และพวกเราก็ได้เหมารถแดงไปโรงแรมที่หาไว้ อยู่แถว ๆ ถนนนิมมานเหมินทร์



              มาถึงที่พัก พวกเราพักที่โรงแรม ราคาห้อง 500 บาท ต่อคืน พักได้ห้องละ 2 คน ในห้องก็ดูสะอาดดี มีแอร์ มีเตียงสองเตียง มองวิวหน้าต่างก็เห็นภูเขาและหมอกสวยมาก ถือว่าโอเคเพราะทริปเราเน้นประหยัดด้วย ฮ่า ๆ บรรยากาศแถว ๆ โรงแรมก็เงียบสงบ ร่มรื่นดี  ร้านอาหาร  ร้านบุฟเฟ่ เยอะไปหมด  



             หลังจากที่พักจนหายเหนื่อย  ตามที่วางแผนกันไว้ว่าจะแว๊นน มอเตอร์ไซด์ชมและเที่ยวในตัวเมืองกันในวันแรกที่เชียงใหม่  พวกเราก็ได้ไปเช่ารถมอเตอร์ไซด์ของร้านที่อยู่เยื้อง ๆ ของโรงแรม ค่าเช่าก็ 250 – 300 บาท ต่อคันและก็ได้คำแนะนำจากร้านเช่ารถว่าให้ลองขับไปชมเมืองในคูเมืองสี่เหลียมดูจะมีวัดและสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ  


      
             เท่ ได้รถแล้วเราก็ไปแว๊นนซ์กันเถอะ หัวเราะ


            ที่แรกที่เราขับรถมอเตอร์ไซด์เที่ยวในตัวเมืองก็คือ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนขับรถตาม Google map  แต่ที่สังเกตได้จากไกล ๆ คือยอดเจดีย์ทองคำ  เป็นวัดที่สวยงามมากครับ มีพระพุทธสิหิงค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินล้านนา โบสถ์และวิหารเป็นการตกแต่งแบบศิลปะล้านนาโดยแท้และยังมีประวัติที่น่าสนใจ




           อมยิ้ม17 แวะกินข้าวเติมพลังก่อนแพ๊บบ หิวว อมยิ้ม36


              ที่ต่อมาที่ที่สองที่เราขับมอเตอร์ไซด์เที่ยวในเมืองเชียงใหม่คือ วัดเจดีย์หลวงวรวิหารเป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่ที่น่าสนใจมากคือวิหารหลวงและพระเจดีย์หลวงที่ใหญ่มากมองเห็นได้แต่ไกลเหมือนกับวัดพระสิงห์มหาวรวิหาร แต่ในวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จะมีเจ้าหน้านี้ดูแลการจอดรถ จอดไม่เกิน 2 ชั่วโมง จอดฟรี แต่การแต่งตัวถ้านักท่องเที่ยวแต่งตัวไม่เหมือนสมก็จะมีชุดให้เปลี่ยนถือว่าดูแลได้ดีมากครับ อมยิ้ม01



(ถ้าลองนึกย้อนกลับไปคนสมัยก่อนเขาสร้างกันยังไงเนี่ยใหญ่โตขนาดนี้ *0*)


              และก็มาที่ที่สามของการขับมอเตอร์เที่ยวชมในตัวเมืองเชียงใหม่ซื่งก็คือ พระบรมราชาอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษา  อยู่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ และตรงข้ามกับศาลแขวงเชียงใหม่เดิมที่มีสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่สวย สถานที่แห่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่อยู่กลางเมืองเชียงใหม่



          คร่อกฟี้  หลังจากนั่งรถไฟแล้วก็มาเที่ยวต่อเลย พอกลับมาโรงแรมด้วยความเหนื่อยเล่นนอนกันกว่าจะตื่นก็สองทุ่มกว่าเกือบยาวจนไม่ได้ไปเที่ยวต่อซะแล้ววว  หลังจากนั้นก็ขับรถออกไปเที่ยวถนนคนเดินกัน วันนั้นเป็นวันเสาร์ถนนคนเดินจะอยู่ที่ถนนวัวลาย แต่ถ้าเป็นวันอาทิตย์จะอยู่ที่ถนนท่าแพ  จะขายของให้ช๊อปกันตั้งแต่ 17.00  น. –  22.00 น. เป็นถนนคนเดินที่ยาวและของขายมากครับ




           พระจันทร์ แล้วเราก็กลับมาพักเอาแรงพร้อมที่จะลุยในวันที่สองของเชียงใหม่ คร่อกฟี้
               ตื่น 06.00 น. ทำธุระส่วนตัวและเก็บกระเป๋ามาฝากไว้ที่ด้านล่างของโรงแรมเพราะต้องออกก่อนเที่ยงเลยคิดว่าเอาลงมาฝากไว้เลยดีกว่าและก็ได้ออกจากโรงแรมประมาน 6.45 น. เช้ากำลังพอดีเลยครับ แต่ก็คิดไว้ว่าอากาศจะยังไม่หนาวขนาดนี้เลยไม่ได้เตรียม  หมวก ถุงมือ อุปกรณ์กันหนาวไป มีแต่เสื้อกันหนาว แล้วก็ขับมอเตอร์ไซด์ขึ้นดอย เต็ม ๆ เลยครับ หนาวมากก มือแข็งแทบบิดจะไม่ไหว ถ้ารู้อย่างงี้พกถุงมือมาสักคู่ก็น่าจะดี แต่ด้วยความถึก สู้ครับ ลุย !

    

               ตอนนั้นขับผ่านจุดชมวิวเห็นพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นพอดีและด้านล่างก็เห็นตัวจังหวัด  ไม่คิดเลยว่าเวลามันจะเหมาะอะไรอย่างนี้สำหรับทริปของพวกเราในครั้งนี้  เพราะไม่รู้เลยอะไรมาก่อนเลย  ทั้งเวลา  สภาพอากาศ  ลุยไปข้างหน้าอย่างเดียวครับผม  



              มาถึงจุดชมวิวอีกจุดครับ นี่เป็นจุดของชมดอยปุย  เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าประทับใจมากครับ  จากคนที่อยู่งกรุงเทพ ไม่ได้เจออากาศแบบนี้มานาน  พอได้มาสัมผัสแบบนี้แล้ว ฟินสุด ๆ ไปเลยครับ มีภูเขาล้อมรอบด้วยหมอกและมองลงไปก็จะเห็นหมู่บ้านดอยปุย



            
             จากนั้นพวกเราก็ขับลุยต่อเพื่อนที่จะไปหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยนให้ได้  ในการเดินทางนั้นเส้นทางถนนต่อจากนี้อาจจะดูอันตรายไปอยู่บ้างนะครับเพราะถนนไม่ค่อยดีและยังมีลื่นเพราะมีหมอกหนามาก  ต้องขับอย่างระวังมาก ๆ อ่านจากป้ายทำไมไม่กี่กิโลเมตรเองแต่พอขับจริง ๆ ทำไมรู้สึกไกลจัง พวกเราสายลุยอยู่แล้วว ฮ่าๆๆ



             หลังจากนั้นก็ออกเดินทางต่อและแวะพักรถ เข้าห้องน้ำที่จุดบริการของศูนย์บริการนักท่องอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย เงียบมากครับหรือเพราะอาจจะยังไม่ถึงหน้าเทศกาล  แต่ก็มีเจ้าหน้าดูแลอยู่ครับผม




            มาถึงจุดหมายจุดแรกที่วางแผนเอาไว้แล้วนั่นก็คือ  หมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1400 ม. บรรยากาศเงียบสงบมากครับ พอเข้าไปจะมีร้านกาแฟพวกเราก็สั่งกาแฟไว้แล้วก็เดินสำรวจรอบ ๆ กลับมานั่งจิบกาแฟ อากาศดีมาก ๆ เลยครับ คุ้มค่ากับการขับรถมอเตอร์ไซด์มาไกล(แต่มีคนปั่นจักรยานและวิ่งมาถึงนี่ด้วยนะครับ สุดยอดดมาก !)





            แต่ที่จริงในเส้นทางนี้จะมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าดูคือต้นดอกเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยที่สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนแต่ว่าในตอนที่เราไปยังไม่ใช่ช่วงหน้าเทศกาลที่ดอกจะบานสีชมพูสะพรั่งมาก  พวกเราก็เลยไม่ได้เข้าไปดูข้างในจริง ๆ




           ก่อนจะถึงดอยปุยแวะพักรถที่สวนสองแสนจะมีร้านกาแฟหนึ่งร้านข้างทาง  พวกเราก็เข้าไปสั่งแล้วก็มารอตรงโต๊ะ บาร์ โอ้โห ! มันสุดยอดมาครับมองไปเห็นวิวรอบ ๆ



            
           แล้วเราก็มาถึง  หมู่บ้านดอยปุย แล้วครับหลังจากที่มองเห็นจากจุดชมวิวแล้วก็ได้มาถึงจริง ๆ คึกคักมากครับที่หมู่บ้านดอยปุยคนเยอะมากครับ ร้านขายของเยอะไปหมด  มีสวนน้ำตกอยู่ข้างใน ๆ ด้วยครับ เสียค่าเข้าชม 10บาท ต่อคน  



** ยังไม่หมดเท่านี้นะครับ **
ชื่อสินค้า:   เชียงใหม่ - ดอยสุเทพ - ดอยปุย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่