[หนังโรงเรื่องที่ 162] Kimi no na wa ; Your Name - ปรากฏการณ์บนจอเงินไทย ; (Makoto Shinkai, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A++++++ (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของคนสองคนที่ต่างก็ถวิลหากันและกัน .. ฝ่ายชายคือ 'ทาคิ ทาจิบานะ' เด็กหนุ่มชาวเมืองผู้มีชีวิตที่เร่งรีบและผิวเผิน และฝ่ายเด็กสาวที่เบื่อหน่ายความเป็นชนบทอย่าง 'มิทซึฮะ มิยามิซึ', ทั้งสองต่างมีชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้ว แต่ก็มาเชื่อมโยงกันโดยการ 'สลับร่าง' กันเป็นครั้งคราว ท้ายที่สุดมันก็ก่อให้เกิดสายสัมพันธ์บางๆที่เชื่อมโยงทั้งสองคนไว้จนนำไปสู่การออกตามหาซึ่งกันและกัน.
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่า นี่อาจเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการหนังโรงได้เลยกับการที่อนิเมชั่นญี่ปุ่นจะตีตลาดหนังโรงได้รุนแรงขนาดนี้ แรงจนกระทั่งโรงหนังเครือใหญ่ๆทั่วประเทศต้องประกาศ 'เพิ่มโรง' กันยกใหญ่ นี่ตอนแรกดูรอบในพาราก้อนยังตกใจ คือโรงเยอะมาก (เกือบ 40% ของโรงทั้งหมด) เรียกได้ว่าเบียดหนัง blockbuster อย่าง Inferno/Dr.Strange ตกโรงไปเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าที่เขาอวยๆกันนั้นก็ถูกต้องแล้ว หนังมีความดีงามในหลายๆแง่มุมที่ควรค่าแก่การพูดถึง แต่โดยส่วนตัวแล้วนั้นผู้เขียนไม่ได้ประทับใจในเรื่องของ 'ความซึ้ง-น้ำตาแตก' แบบที่หลายๆคนพูดถึงกัน แต่ผู้เขียนกลับชอบ 'องค์ประกอบหนัง' ต่างๆที่ถูกร้อยเรียงมาอย่างงดงามมากกว่า ดังนั้นในรีวิวอันนี้เราจะขอพูดถึง
3 หัวข้อ ที่น่าประทับใจของหนังเรื่องนี้กันดีกว่า
1.
งานภาพที่สวยงามมมมมมมมมมมมม-อลังการมาก! ต้องชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้กำกับและความทุ่มเทของสตูดิโอจริงๆที่สามารถสรรค์สร้างงานศิลปะชิ้นนี้ออกมาได้ดีขนาดนี้ ยิ่งถ้าใครที่เคยมีประสบการณ์ดูการ์ตูน/อนิเมะญี่ปุ่นมาก่อนก็จะรู้ว่างานระดับนี้มันไม่ธรรมดาขนาดไหน เผลอๆจะแพงไม่แพ้หนังฮอลลีวู้ดด้วยซ้ำ ไหนจะเฟรมเรท(fps)ที่ลื่นระดับหัวทิ่มอีก สัมผัสได้เลยว่าผู้กำกับพยายาม 'ปล่อยของ' ขนาดไหน ... สารภาพเลยว่าเห็นฉาก Opening แวบแรกนี่ถึงกับกลั้นหายใจในความงามเลยล่ะ
หนึ่งในเวทมนตร์ของ 'มาโคโตะ ชินไค' ก็คือการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมกับการเล่าเรื่องของตัวเองได้ดีผ่านงานภาพและเพลงประกอบที่มี 'ความขลัง' แบบเมจิคัลนิดๆ คือมันเหยียบอยู่บนเส้นกั้นระหว่างความสมจริงและความแฟนตาซีได้อย่างลงตัวแบบไม่เอนไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป ... และงานซาวน์วิชวลในเรื่องก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะฉากดาวหางนี่แบบขนลุกเกรียวเลย ซาวน์+ภาพแน่นมาก
2.
พลังการดำเนินเรื่อง ที่สูงส่งและขับเคลื่อนหนังไปข้างหน้าได้อย่างน่าชื่นชม เกินคาดอย่างยิ่งเนื่องจากตอนแรกเก็งไว้ว่าหนังมันจะเบากว่านี้ คือเดาว่าน่าจะมีความ casual ในลักษณะหนังการ์ตูนสลับร่างชาย-หญิง (แบบหวานมันฉันคือเธออะไรแบบนี้) แต่ที่ไหนได้มันดันมี 'พล็อต' ที่สเกลใหญ่วังอลังการกว่าเดิม-น่าลุ้นกว่าเดิมคลายออกมาตอนกลางเรื่องอีก ขอบอกเลยว่าพาร์ทครึ่งหลังของเรื่องนี้นั่งหลังไม่ติดเบาะแล้วจ้าาา คือมันไดนามิกมากๆจนสามารถ 'เอาคนในโรงอยู่' ชนิดว่าพร้อมใจกันกลั้นหายใจลุ้นหนังกันเลยทีเดียว ... ความจริงที่น่าเศร้าคือความรู้สึกนี้เราไม่สามารถสัมผัสได้จากหนังฟอร์มยักษ์ที่พึ่งดูมาเมื่อวานด้วยซ้ำ แต่กลับมาพบว่ามันถูกซ่อนอยู่ในเพชรเม็ดงามชิ้นนี้แทน
3.
การใช้วัตถุดิบที่คุ้มค่า เสน่ห์อีกอย่างของหนังเรื่องนี้คือการที่มันสามารถ 'หยิบจับ' ทุกอย่างที่ตัวเองพูดถึงมาใช้ได้อย่างครบถ้วนไม่มีอะไรตกหล่นหรือถูกใส่เข้ามาแบบไร้คุณค่าเลย อีกทั้งการผูกโยงเรื่องราวของสายสัมพันธ์คนสมัยใหม่ (สมาร์ทโฟน/ชีวิตคนเมือง) เข้ากับ folklore ของชาวเมืองที่สืบต่อกันมายาวนานได้อย่างกลมกลืนผ่านทางพิธีกรรมทางศาสนา, ศาลเจ้า และความเชื่อในสายสัมพันธ์ของชีวิต ... สมดังวรรคหนึ่งของหนังที่พูดไว้ว่า
"มูซึบิคือวิถีเก่าแก่ในการอัญเชิญเทพเจ้าท้องถิ่น. การทอสานเส้นด้ายก็คือมูซึบิ การเชื่อมโยงคนเราเข้าด้วยกันก็คือมูซึบิ การไหลเวียนเปลี่ยนผ่านของเวลาก็คือมูซึบิ ... ดังนั้นการเหล่าด้ายที่เราถักทอก็คือศิลปะของพระเจ้าที่แสดงถึงการไหลเวียนของเวลา, มันบรรจบและเกิดเป็นรูปร่าง บิดเบี้ยว-เกี่ยวพัน-หลุดออก-แตกหักแล้วก็เชื่อมโยงกันอีกครั้ง ... มูซึบิ--การถักทอ ก็คือกาลเวลา" (Kimi no Na Wa, 2016)
จากประโยคข้างบนจะเห็นได้ว่าหนังหยิบจับเอาใจความจากความเชื่อโบราณเข้ามาเป็น 'แก่นสาร' ของหนังได้อย่างเฉียบแหลม และให้เวลากับเราอยู่กับมิทซึฮะที่มากพอจนเราสามารถเรียนรู้วิถีเหล่านั้นจนจับต้องได้ นั่นคือสิ่งที่ผู้เขียนชื่นชมและอยากจะจับเอามาบอกเล่าต่อมากที่สุดครับ
กล่าวโดยรวมแล้วก็ต้องบอกว่า Kimi no na wa ; Your Name นั้นเป็นหนึ่งในชิ้นงานที่ดังเขาว่าจริงๆ และส่วนตัวก็รู้สึกดีที่คอหนังบ้านเราได้มีโอกาสเปิดใจให้กับงานอนิเมชั่นดีๆบ้าง ... มาถึงจุดนี้แล้วก็คงไม่ต้องถามแล้วล่ะว่าควรจะไปดูในโรงมั้ย น่าเสียดายสำหรับบางคนที่เลือกดูในเน็ตไปแบบไม่ถูกต้อง จนพลาดโอกาสสำคัญที่จะได้สัมผัส 'ความงดงาม' ในโรงภาพยนต์ที่น้อยครั้งจะผ่านมาให้เราได้ดูกัน
อย่ามัวรีรอ พรุ่งนี้รีบจองตั๋วด่วนๆครับ รับรองว่า "ตั๋วหนังไม่แพง"
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า
"ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
[Movie Review] Kimi no na wa ; Your Name - ปรากฏการณ์บนจอเงินไทยby ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 162] Kimi no na wa ; Your Name - ปรากฏการณ์บนจอเงินไทย ; (Makoto Shinkai, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A++++++ (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของคนสองคนที่ต่างก็ถวิลหากันและกัน .. ฝ่ายชายคือ 'ทาคิ ทาจิบานะ' เด็กหนุ่มชาวเมืองผู้มีชีวิตที่เร่งรีบและผิวเผิน และฝ่ายเด็กสาวที่เบื่อหน่ายความเป็นชนบทอย่าง 'มิทซึฮะ มิยามิซึ', ทั้งสองต่างมีชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้ว แต่ก็มาเชื่อมโยงกันโดยการ 'สลับร่าง' กันเป็นครั้งคราว ท้ายที่สุดมันก็ก่อให้เกิดสายสัมพันธ์บางๆที่เชื่อมโยงทั้งสองคนไว้จนนำไปสู่การออกตามหาซึ่งกันและกัน.
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่า นี่อาจเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการหนังโรงได้เลยกับการที่อนิเมชั่นญี่ปุ่นจะตีตลาดหนังโรงได้รุนแรงขนาดนี้ แรงจนกระทั่งโรงหนังเครือใหญ่ๆทั่วประเทศต้องประกาศ 'เพิ่มโรง' กันยกใหญ่ นี่ตอนแรกดูรอบในพาราก้อนยังตกใจ คือโรงเยอะมาก (เกือบ 40% ของโรงทั้งหมด) เรียกได้ว่าเบียดหนัง blockbuster อย่าง Inferno/Dr.Strange ตกโรงไปเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าที่เขาอวยๆกันนั้นก็ถูกต้องแล้ว หนังมีความดีงามในหลายๆแง่มุมที่ควรค่าแก่การพูดถึง แต่โดยส่วนตัวแล้วนั้นผู้เขียนไม่ได้ประทับใจในเรื่องของ 'ความซึ้ง-น้ำตาแตก' แบบที่หลายๆคนพูดถึงกัน แต่ผู้เขียนกลับชอบ 'องค์ประกอบหนัง' ต่างๆที่ถูกร้อยเรียงมาอย่างงดงามมากกว่า ดังนั้นในรีวิวอันนี้เราจะขอพูดถึง 3 หัวข้อ ที่น่าประทับใจของหนังเรื่องนี้กันดีกว่า
1.งานภาพที่สวยงามมมมมมมมมมมมม-อลังการมาก! ต้องชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้กำกับและความทุ่มเทของสตูดิโอจริงๆที่สามารถสรรค์สร้างงานศิลปะชิ้นนี้ออกมาได้ดีขนาดนี้ ยิ่งถ้าใครที่เคยมีประสบการณ์ดูการ์ตูน/อนิเมะญี่ปุ่นมาก่อนก็จะรู้ว่างานระดับนี้มันไม่ธรรมดาขนาดไหน เผลอๆจะแพงไม่แพ้หนังฮอลลีวู้ดด้วยซ้ำ ไหนจะเฟรมเรท(fps)ที่ลื่นระดับหัวทิ่มอีก สัมผัสได้เลยว่าผู้กำกับพยายาม 'ปล่อยของ' ขนาดไหน ... สารภาพเลยว่าเห็นฉาก Opening แวบแรกนี่ถึงกับกลั้นหายใจในความงามเลยล่ะ
หนึ่งในเวทมนตร์ของ 'มาโคโตะ ชินไค' ก็คือการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมกับการเล่าเรื่องของตัวเองได้ดีผ่านงานภาพและเพลงประกอบที่มี 'ความขลัง' แบบเมจิคัลนิดๆ คือมันเหยียบอยู่บนเส้นกั้นระหว่างความสมจริงและความแฟนตาซีได้อย่างลงตัวแบบไม่เอนไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป ... และงานซาวน์วิชวลในเรื่องก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะฉากดาวหางนี่แบบขนลุกเกรียวเลย ซาวน์+ภาพแน่นมาก
2.พลังการดำเนินเรื่อง ที่สูงส่งและขับเคลื่อนหนังไปข้างหน้าได้อย่างน่าชื่นชม เกินคาดอย่างยิ่งเนื่องจากตอนแรกเก็งไว้ว่าหนังมันจะเบากว่านี้ คือเดาว่าน่าจะมีความ casual ในลักษณะหนังการ์ตูนสลับร่างชาย-หญิง (แบบหวานมันฉันคือเธออะไรแบบนี้) แต่ที่ไหนได้มันดันมี 'พล็อต' ที่สเกลใหญ่วังอลังการกว่าเดิม-น่าลุ้นกว่าเดิมคลายออกมาตอนกลางเรื่องอีก ขอบอกเลยว่าพาร์ทครึ่งหลังของเรื่องนี้นั่งหลังไม่ติดเบาะแล้วจ้าาา คือมันไดนามิกมากๆจนสามารถ 'เอาคนในโรงอยู่' ชนิดว่าพร้อมใจกันกลั้นหายใจลุ้นหนังกันเลยทีเดียว ... ความจริงที่น่าเศร้าคือความรู้สึกนี้เราไม่สามารถสัมผัสได้จากหนังฟอร์มยักษ์ที่พึ่งดูมาเมื่อวานด้วยซ้ำ แต่กลับมาพบว่ามันถูกซ่อนอยู่ในเพชรเม็ดงามชิ้นนี้แทน
3.การใช้วัตถุดิบที่คุ้มค่า เสน่ห์อีกอย่างของหนังเรื่องนี้คือการที่มันสามารถ 'หยิบจับ' ทุกอย่างที่ตัวเองพูดถึงมาใช้ได้อย่างครบถ้วนไม่มีอะไรตกหล่นหรือถูกใส่เข้ามาแบบไร้คุณค่าเลย อีกทั้งการผูกโยงเรื่องราวของสายสัมพันธ์คนสมัยใหม่ (สมาร์ทโฟน/ชีวิตคนเมือง) เข้ากับ folklore ของชาวเมืองที่สืบต่อกันมายาวนานได้อย่างกลมกลืนผ่านทางพิธีกรรมทางศาสนา, ศาลเจ้า และความเชื่อในสายสัมพันธ์ของชีวิต ... สมดังวรรคหนึ่งของหนังที่พูดไว้ว่า
จากประโยคข้างบนจะเห็นได้ว่าหนังหยิบจับเอาใจความจากความเชื่อโบราณเข้ามาเป็น 'แก่นสาร' ของหนังได้อย่างเฉียบแหลม และให้เวลากับเราอยู่กับมิทซึฮะที่มากพอจนเราสามารถเรียนรู้วิถีเหล่านั้นจนจับต้องได้ นั่นคือสิ่งที่ผู้เขียนชื่นชมและอยากจะจับเอามาบอกเล่าต่อมากที่สุดครับ
กล่าวโดยรวมแล้วก็ต้องบอกว่า Kimi no na wa ; Your Name นั้นเป็นหนึ่งในชิ้นงานที่ดังเขาว่าจริงๆ และส่วนตัวก็รู้สึกดีที่คอหนังบ้านเราได้มีโอกาสเปิดใจให้กับงานอนิเมชั่นดีๆบ้าง ... มาถึงจุดนี้แล้วก็คงไม่ต้องถามแล้วล่ะว่าควรจะไปดูในโรงมั้ย น่าเสียดายสำหรับบางคนที่เลือกดูในเน็ตไปแบบไม่ถูกต้อง จนพลาดโอกาสสำคัญที่จะได้สัมผัส 'ความงดงาม' ในโรงภาพยนต์ที่น้อยครั้งจะผ่านมาให้เราได้ดูกัน
อย่ามัวรีรอ พรุ่งนี้รีบจองตั๋วด่วนๆครับ รับรองว่า "ตั๋วหนังไม่แพง"
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..