ไม่เคยรีวิวกระทู้ท่องเที่ยวมาก่อนเลยค่ะ พอดีช่วงนี้เครียดๆเรื่องงาน เลยนึกถึงช่วงที่ไปญี่ปุ่นที่ผ่านมา อยากมารีวิวให้คนที่กำลังจะไป อาจจะมีทริค หรือ ข้อแนะนำอะไรให้นะคะ กระทู้อาจจะตกๆหล่นๆบ้าง ตามประสาคนไม่เคยรีวิว
จะพยายามทำให้รอดถึง Day9 555 เป็นกำลังใจให้ด้วยค่า
ปล. การไปเที่ยวครั้งนี้ เหมาะกับคนไม่เครียด ไม่ได้คิดเป๊ะๆเรื่องเงินนะคะ นี่ไม่ได้เก็บทุกช็อตว่าเท่าไหร่อะไรยังไง เป็นแบบอยากกินอะไรก็กิน ไปไหนก็ไป อยากซื้ออะไรก็ซื้อ เพราะไปต่างประเทศแบคแพคครั้งแรก เผื่อเอาไว้ว่าหลง จ่ายเพิ่ม อะไรยังไง เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่า ทั้งหมดเท่าไหร่ ตอบไม่ได้จริงๆค่ะ (บิลบัตรเครดิตยังไม่มา 555) แต่ถ้าอันไหนพอจำราคาได้ จะใส่ลงไปในรีวิวด้วยนะคะ ที่มารีวิวเพราะว่า มันมีทริคหลายอย่างเลย ที่ตอนเราไป เราหาในกระทู้ไม่เจอจริงๆค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ
ตั๋ว: จองตั๋วไว้ตั้งแต่เดือนมกราค่ะ
ตาม link อาแปะไปจอง ไปกับ ANA ค่ะ ตั๋วนี่เป็นอีกเรื่องที่เป็นปัญหามากๆ เพราะว่าไม่ค่อยได้ไปต่างประเทศ เลยไม่ได้สังเกตว่าเป็นการจองผ่าน Agent ไม่ได้จองผ่านสายการบินตรงๆ และ ไม่ทราบว่าควรจะต้องตรวจสอบชื่อ E-Ticket ที่เค้าส่งมา ว่าให้ตรงกับชื่อใน Passport ถึงแม้ว่า Booking ที่ Confirm มาจากทาง Agent ชื่อ-นามสกุลจะถูกต้องทุกอย่าง เลยทำให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อนบินไม่กี่วัน เพราะชื่อตกไปประมาณ 5 ตัวอักษรได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นได้รับการช่วยเหลือจาก ANA อย่างดีมากถึงมากที่สุด (Agent นี้แย่มากค่ะ) อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็ได้ไป แบบลุ่มๆดอนๆมากว่าเค้าจะให้เช็คอินมั้ย แต่เจ้าหน้าที่ ANA ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีมากๆค่ะ ขอบคุณมา ณ ที่นี้
Depart: NH806 22-10-2016 (6:50 - 15:00)
Arrival: NH805 30-10-2016 (18:15 - 23:35)
Day 1: Suvarnabhumi Airport --> Narita Airport --> Narita Terminal 1 --> Keisei Skyliner --> Ueno Station --> Hotel MyStay Ueno East --> Isomaru Suisan
Day 2: Asakusa --> Tobu Asakusa (For nikko pass) --> Meiji shrine --> Harajuku --> Ichiran Ramen --> Shinjuku --> Odakyo sightseeing (Hakone booking) --> Ameyoko
Day 3: Tokyo Disney Sea
Day 4: Shinjuku station for Hakone Romance Car --> Hakone Yumoto Fujiya Hotel --> กระเช้า --> ไข่ดำ --> Ropeway --> Cruise --> Tempura Soba
Day 5: Bus to Kawaguchiko --> Travel kawaguchiko (Red line) --> Shuhokaku Kogetsu hotel
Day 6: Oshino Hakkai --> Back to tokyo by bus shinjuku station --> Don quijote (Shinjuku) --> Hotel MyStay Ueno East
Day 7: Train to Nikko --> Nikko Station Hotel Classic --> ขึ้นเขา
Day 8: Nikko world heritage --> Train to Tokyo sky tree --> Shopping
Day 9: Ueno Station --> Ameyoko --> เก็บตก Shopping --> Narita Airport
ออกจากบ้านอย่างเร็วเพื่อมาถึงสนามบินให้ทัน Counter check-in เปิด เนื่องจากเรารู้ว่า Booking เรามีปัญหาค่ะ มาถึงก็สะดวกโยธิน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ Noted ไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็น Booking ที่ผิดพลาดเรื่องตัวอักษร เลยสามารถ Check-in ได้ตั้งแต่เวลาประมาณตีสี่กว่าๆ เลยเข้ามานั่งรอใน Lounge ของ King Power ค่ะ
ปล. ถ่ายรูป Business แต่บิน Eco นะคะ ฮี่ๆ
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากค่ะ มีเดิน Duty Free นิดหน่อย นั่ง Lounge แล้วก็ขึ้นเครื่องเลย เครื่องออกตรงเวลามากๆ บินได้ซักพัก แอร์สาวสวยก็แจกอาหารค่ะ เรากะแฟนเลือกกันคนละอย่าง เนื่องจากเป็นมื้อเช้าก็เลยเป็นชุดข้าวต้ม กับ ไข่ออมเล็ต ทานเสร็จก็หลับค่ะ แฟนดูหนังบนเครื่องผ่านจอ PTV มีรูปอาหารมาให้ดูนิดหน่อยค่ะ ออมเล็ตอร่อยดีนะคะ ส่วนข้าวต้ม แฟนบอกว่าใช้ได้ แต่หมี่เย็นในกล่องนั้น รสชาตดีเลยค่ะ
ก่อนลงเครื่องนิดหน่อย แอร์แจกแซนวิชค่ะ เป็นแซนวิชแฮมไก่ ตามรูปเลยค่ะ
ทริคเล็คๆ ไปญี่ปุ่น ถ้าคุณบินไฟล์ทเช้า ให้เลือกนั่งทางฝั่งซ้ายของเครื่องนะคะ แดดไม่ค่อยส่อง เปิดหน้าต่างได้มาก แล้วก็ถ้าโชคดี จะได้เห็นฟูจิซังด้วยนะคะ ของเราเห็นนิดนึง ไกลมากกกกก เพราะวันนั้นหมอกเยอะ แต่คิดว่าใช่ฟูจิซังค่ะ มีรูป แต่มันไกลมากก กลัวโดนถล่มว่าเข้าใจไปเองว่าเป็นฟูจิซังค่ะ 55555
เครือง Landing นาริตะอย่างนิ่มนวลลล เราถึงสนามบินก่อนเวลานิดหน่อยด้วยค่ะ อากาศวันนั้น มีหมอกเยอะเลย เดินไปตามทางเพื่อไปตรวจคนเข้าเมืองเลยค่ะ จุดหมายต่อไปของเราคือไปซื้อพาส 3 Days Skyliner ค่ะ ก่อนซื้อจริงๆไม่ได้คิดเลยว่ามันจะคุ้มมั้ย คิดแค่ว่ามันสะดวกค่ะ เพราะว่าคงจะใช้ Subway เยอะ แล้วเราไม่ได้ซื้อ JR เนื่องจากเดี๋ยวเราจะไปฮาโกเน่ก็ซื้อพาส นิกโก้ก็ซื้อพาส เลยคิดว่าซื้อ Subway แค่นี้ ที่เหลือก็จ่ายเป็นรอบๆเอา คิดว่าก็คุ้มอยู่นะคะ
พอตรวจคนเข้าเมืองเสร็จ ก็ลงไปที่ชั้น B1 เลยค่ะ ไปซื้อตั๋วกัน ค่าตั๋วสองคน 10,800 เยน ค่ะ ไม่รับบัตรเครดิตนะคะ นี่เข้าใจว่ารับบัตร ควักบัตรเต็มที่เลย จริงๆเค้าควรจะรับนะคะ ยอดเงินก็เยอะพอควร เลยต้องจ่ายเงินสดค่ะ จุดนี้ไม่คาดคิดจริงๆ ไม่มีข้อมูลมาก่อนว่าเค้าไม่รับบัตร ก็ควักเงินสดจ่ายไปค่ะ
จุดนี้ระวังนิดนึงนะคะ เพราะเจ้าหน้าที่เค้าทำงานไวมาก เค้าจะเข้าใจว่าคุณจะไปรอบถัดไปที่ว่างเลยค่ะ ถ้าคุณคิดว่าจะเดินต่อในนั้นอีกนิดหน่อย หรือยังทำธุระอะไรไม่เสร็จ ให้คุณแจ้งรอบเค้าไว้ก่อนเลยค่ะ เพราะเค้าจะออกตั๋วรอบถัดไปที่ว่างให้เลย ของเราตอนนั้น ซื้อซิมเน็ตไป ยังเซตไม่เรียบร้อย จังหวะชุลมุน ตั๋วออกมาเป็นรอบถัดไปเลย เลยต้องออกตั๋วใหม่ค่ะ แต่เค้าไม่คิดค่าบริการการออกตั๋วใหม่เพิ่มนะคะ โชคดีไป
ตั๋วจะออกมาเป็น 3 ส่วนนะคะ
1. ใบที่จะใช้กับ Skyliner รอบออกจากนาริตะ อันนี้จะถูกเก็บคืนตอนที่เราออกจากสถานีปลายทาง Ueno
2. ใบที่จะใช้กับ Subway 3 วัน เริ่มใช้ปุ๊บ นับเวลาปั๊บค่ะ 3 วันเป๊ะๆ
3. ใบที่จะใช้กับ Skyliner รอบเข้านาริตะค่ะ อันนี้จะให้มาตั้งแต่วันที่ออกตั๋ว แต่เนื่องจาก Skyliner เป็น Reserved seat เพราะฉะนั้นคุณต้องถือตั๋วไปนี้ ไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ เพื่อออกตั๋วใหม่โดยระบุเวลารอบกลับค่ะ
ห้ามหายนะคะ หายซื้อใหม่เท่านั้นค่ะ
มีรูปตั๋วที่เค้าออกตอนขาไปมาให้ดูค่ะ
หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไฟค่ะ ตรงส่วนนี้ไม่มีอะไรนะคะ สะดวกสบาย มี Lift ให้ค่ะ ลงแล้วนั่งรอเลย นั่งรถไฟไม่ถึงชั่วโมง ก็ถึง Ueno station ค่ะ เนื่องจากเราพักที่ Hotel MyStay Ueno East จึงต้องนั่งต่อไปอีกสถานี Inaricho (Subway) บันไดเยอะมากค่ะ เครียดเลย ว่าวันกลับถ้าของเยอะจะทำยังไง แต่เราแก้ปัญหาได้วันกลับ กับการนั่ง Uber Black Free ค่ะ
ไว้จะอธิบายวันกลับนะคะ ส่วนที่ีเราเลือกโรงแรมนี้เพราะเค้ารับฝากกระเป๋าค่ะ ฝากได้ 3 วันก่อนและหลังค่ะ จริงๆตอนแรกมองที่ APA Keisei เพราะใกล้กว่า แต่ที่นั่นไม่รับฝากกระเป๋า เราเลยเลือกที่นี่ค่ะ ซึ่งคิดไม่ผิด เพราะว่าถ้าเลือกที่ฝากกระเป๋าไม่ได้ นึกภาพไม่ออกเลยว่า เอากระเป๋า 28 นิ้วขึ้นๆลงๆสถานีเก็บล็อกเกอร์วันละประมาณ 600 เยน เป็นอย่างน้อย คงไม่สะดวกมากๆค่ะ (ทริปนี้เน้นความสะดวกค่ะ
)
สถานีค่ะ
รูปบนนั้น ถามทางค่ะ 5555 จริงๆทริปนี้ รอดมาได้เพราะถามตลอดทางค่ะ 55555 แพลนโหลยโท่ยมากค่ะ ที่เห็นกันใน Pantip แบบ เปิด Hyperdia อะไรนี่ ไม่มีเลยค่ะ เลยอยากจะบอกคนที่คิดว่า จะไปอยู่แล้ว แพลนยังไม่เสร็จเลยอะไรงี้ จะบอกว่า อย่าไปกลัวค่ะ ญี่ปุ่นเที่ยวง่ายจริงๆ อย่างที่เค้าว่า แล้วคนญี่ปุ่น ใจดีจริงๆค่ะ
มาถึงโรงแรมแล้วค่ะ Check-in ไม่ยาก รับบัตรเครดิตค่ะ ตอนจอง 3 วันรอบแรกนี้ เราเลือกแบบมีอาหารเช้านะคะ ก็ได้คูปองอาหารเช้ามาค่ะ ไปดูห้องพักกันเลยค่ะ Tokyo ที่พัก แคบทุกที่อยู่แล้ว เหอๆๆๆๆ นี่เลือกห้องกว้างสุดในโรงแรมนี้ละค่ะ กลัวไม่มีที่กางกระเป๋า ชุดนอนที่เค้าให้ไว้บนเตียงใช้ดีนะคะ เราใช้ทุกคืน ประหยัดเสื้อผ้าได้ดีเลย
แชมพู สบู่ เป็นของ Pola ค่ะ อาบแล้วนุ่มมมม 55555 แต่ลืมถ่ายรูปห้องน้ำมา ก็ตาม Standard ค่ะ มีอ่างอาบน้ำเล็กๆให้ มีฝักบัวให้ยืนอาบในอ่าง มี Wifi Free ให้ในห้อง สัญญาณใช้ได้เลยค่ะ แล้วที่ดีมากๆคือมีตู้กดน้ำแข็งให้ด้วย เป็นคนติดน้ำแข็งมากๆ ซื้อน้ำอร่อยๆจาก Family Mart, 7-11 มา ซดฟินๆเย็นๆ อร่อยก่อนนอนทุกคืนเลยค่ะ
หลังจากเก็บกระเป๋าแล้ว ก็ออกไปหาอะไรอร่อยๆค่ะ วันนี้เป็นวันเดียวที่ดูมาค่ะว่าจะไปกินที่ไหน วันที่เหลือวันอื่นๆ ไม่ได้ดูมาเลยค่ะ 555 เลยรู้สึกว่า วันนี้อร่อยสุดดด เราจะไปกินปิ้งย่างร้าน Isomaru Suisan ที่แถวๆ Ameyoko ค่ะ ถามว่าไปยังไง ถาม Reception โรงแรมค่ะ 555 ถามตลอดทริปค่ะ เค้าก็วาดแผนที่มาให้ บวกกับเราจำรีวิวหน้าร้านเอา สุ่มๆเดินค่ะ วันนี้ฟินมากกค่ะ แต่เพราะความฟินมั้งง รูปเลยน้อยมากค่ะ 5555 ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ กินเพลินนน แต่ทานอยู่ไม่กี่อย่างค่ะ มันปู, ปลาหมึก, แก้มทูน่า, ข้าวปั้นย่าง, หอยเชลล์ตัวโต
ปล. คนไทยเยอะมากค่ะ นี่โชคดี ไปถึงนั่งปุ๊บ คนข้างๆเป็นคนไทย เลยถามเค้าว่า ต้องสั่งยังไง อะไรอร่อย เลยได้แก้มทูน่ามาค่ะ ถ้าจำราคาไม่ผิด น่าจะ 800 เยน อร่อยมว้ากกก เนื้อนุ่ม ส่วนหอยเชลล์ เราเฉยๆค่ะ คิดว่าตัวมันโตเฉยๆ ปลาหมึกสดมาก ปิ้งแล้วหอมสุดๆ ส่วนมันปูก็อร่อยค่ะ แนะนำให้สั่งข้าวมาพร้อมๆกันเลย คลุกข้าวอร่อยดีค่ะ นี่สั่งช้าไป เลยไม่พอดีกัน ไม่งั้นอาจจะฟินกว่านี้ 5555 ไปดูรูปกันค่ะ
ราคารวมที่กินไปค่ะ 4204 เยน
หลังจากอิ่มก็เดินเล่นแถวนั้นค่ะ ดึกแล้วประมาณ 2 ทุ่มกว่า Ameyoko ร้านเริ่มปิดแล้วค่ะ ใครจะมาตลาด Ameyoko ร้านค้าจะเปิดประมาณสิบโมงเช้า ประมาณสองทุ่มกว่าๆ ร้านจะเริ่มทยอยปิดแล้วนะคะ เผื่อเวลากันดีๆค่ะ หลังจากนั้นก็เดินเล่น ซื้อน้ำกลับไปกินที่พัก นอน เตรียมเที่ยววันรุ่งขึ้นค่ะ
Day 2 จะตามมาอีกไม่ช้าค่ะ เดี๋ยวขอไปทำธุระ ทานข้าวก่อน แล้วจะมาต่อนะคะ
[CR] [CR]ตะลุยญี่ปุ่น 9 วัน Tokyo Hakone Kawaguchiko Nikko แบบลุ่มๆดอนๆค่ะ :)
ปล. การไปเที่ยวครั้งนี้ เหมาะกับคนไม่เครียด ไม่ได้คิดเป๊ะๆเรื่องเงินนะคะ นี่ไม่ได้เก็บทุกช็อตว่าเท่าไหร่อะไรยังไง เป็นแบบอยากกินอะไรก็กิน ไปไหนก็ไป อยากซื้ออะไรก็ซื้อ เพราะไปต่างประเทศแบคแพคครั้งแรก เผื่อเอาไว้ว่าหลง จ่ายเพิ่ม อะไรยังไง เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่า ทั้งหมดเท่าไหร่ ตอบไม่ได้จริงๆค่ะ (บิลบัตรเครดิตยังไม่มา 555) แต่ถ้าอันไหนพอจำราคาได้ จะใส่ลงไปในรีวิวด้วยนะคะ ที่มารีวิวเพราะว่า มันมีทริคหลายอย่างเลย ที่ตอนเราไป เราหาในกระทู้ไม่เจอจริงๆค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ
ตั๋ว: จองตั๋วไว้ตั้งแต่เดือนมกราค่ะ ตาม link อาแปะไปจอง ไปกับ ANA ค่ะ ตั๋วนี่เป็นอีกเรื่องที่เป็นปัญหามากๆ เพราะว่าไม่ค่อยได้ไปต่างประเทศ เลยไม่ได้สังเกตว่าเป็นการจองผ่าน Agent ไม่ได้จองผ่านสายการบินตรงๆ และ ไม่ทราบว่าควรจะต้องตรวจสอบชื่อ E-Ticket ที่เค้าส่งมา ว่าให้ตรงกับชื่อใน Passport ถึงแม้ว่า Booking ที่ Confirm มาจากทาง Agent ชื่อ-นามสกุลจะถูกต้องทุกอย่าง เลยทำให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อนบินไม่กี่วัน เพราะชื่อตกไปประมาณ 5 ตัวอักษรได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นได้รับการช่วยเหลือจาก ANA อย่างดีมากถึงมากที่สุด (Agent นี้แย่มากค่ะ) อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็ได้ไป แบบลุ่มๆดอนๆมากว่าเค้าจะให้เช็คอินมั้ย แต่เจ้าหน้าที่ ANA ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีมากๆค่ะ ขอบคุณมา ณ ที่นี้
Depart: NH806 22-10-2016 (6:50 - 15:00)
Arrival: NH805 30-10-2016 (18:15 - 23:35)
Day 1: Suvarnabhumi Airport --> Narita Airport --> Narita Terminal 1 --> Keisei Skyliner --> Ueno Station --> Hotel MyStay Ueno East --> Isomaru Suisan
Day 2: Asakusa --> Tobu Asakusa (For nikko pass) --> Meiji shrine --> Harajuku --> Ichiran Ramen --> Shinjuku --> Odakyo sightseeing (Hakone booking) --> Ameyoko
Day 3: Tokyo Disney Sea
Day 4: Shinjuku station for Hakone Romance Car --> Hakone Yumoto Fujiya Hotel --> กระเช้า --> ไข่ดำ --> Ropeway --> Cruise --> Tempura Soba
Day 5: Bus to Kawaguchiko --> Travel kawaguchiko (Red line) --> Shuhokaku Kogetsu hotel
Day 6: Oshino Hakkai --> Back to tokyo by bus shinjuku station --> Don quijote (Shinjuku) --> Hotel MyStay Ueno East
Day 7: Train to Nikko --> Nikko Station Hotel Classic --> ขึ้นเขา
Day 8: Nikko world heritage --> Train to Tokyo sky tree --> Shopping
Day 9: Ueno Station --> Ameyoko --> เก็บตก Shopping --> Narita Airport
ออกจากบ้านอย่างเร็วเพื่อมาถึงสนามบินให้ทัน Counter check-in เปิด เนื่องจากเรารู้ว่า Booking เรามีปัญหาค่ะ มาถึงก็สะดวกโยธิน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ Noted ไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็น Booking ที่ผิดพลาดเรื่องตัวอักษร เลยสามารถ Check-in ได้ตั้งแต่เวลาประมาณตีสี่กว่าๆ เลยเข้ามานั่งรอใน Lounge ของ King Power ค่ะ
ปล. ถ่ายรูป Business แต่บิน Eco นะคะ ฮี่ๆ
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากค่ะ มีเดิน Duty Free นิดหน่อย นั่ง Lounge แล้วก็ขึ้นเครื่องเลย เครื่องออกตรงเวลามากๆ บินได้ซักพัก แอร์สาวสวยก็แจกอาหารค่ะ เรากะแฟนเลือกกันคนละอย่าง เนื่องจากเป็นมื้อเช้าก็เลยเป็นชุดข้าวต้ม กับ ไข่ออมเล็ต ทานเสร็จก็หลับค่ะ แฟนดูหนังบนเครื่องผ่านจอ PTV มีรูปอาหารมาให้ดูนิดหน่อยค่ะ ออมเล็ตอร่อยดีนะคะ ส่วนข้าวต้ม แฟนบอกว่าใช้ได้ แต่หมี่เย็นในกล่องนั้น รสชาตดีเลยค่ะ
ก่อนลงเครื่องนิดหน่อย แอร์แจกแซนวิชค่ะ เป็นแซนวิชแฮมไก่ ตามรูปเลยค่ะ
ทริคเล็คๆ ไปญี่ปุ่น ถ้าคุณบินไฟล์ทเช้า ให้เลือกนั่งทางฝั่งซ้ายของเครื่องนะคะ แดดไม่ค่อยส่อง เปิดหน้าต่างได้มาก แล้วก็ถ้าโชคดี จะได้เห็นฟูจิซังด้วยนะคะ ของเราเห็นนิดนึง ไกลมากกกกก เพราะวันนั้นหมอกเยอะ แต่คิดว่าใช่ฟูจิซังค่ะ มีรูป แต่มันไกลมากก กลัวโดนถล่มว่าเข้าใจไปเองว่าเป็นฟูจิซังค่ะ 55555
เครือง Landing นาริตะอย่างนิ่มนวลลล เราถึงสนามบินก่อนเวลานิดหน่อยด้วยค่ะ อากาศวันนั้น มีหมอกเยอะเลย เดินไปตามทางเพื่อไปตรวจคนเข้าเมืองเลยค่ะ จุดหมายต่อไปของเราคือไปซื้อพาส 3 Days Skyliner ค่ะ ก่อนซื้อจริงๆไม่ได้คิดเลยว่ามันจะคุ้มมั้ย คิดแค่ว่ามันสะดวกค่ะ เพราะว่าคงจะใช้ Subway เยอะ แล้วเราไม่ได้ซื้อ JR เนื่องจากเดี๋ยวเราจะไปฮาโกเน่ก็ซื้อพาส นิกโก้ก็ซื้อพาส เลยคิดว่าซื้อ Subway แค่นี้ ที่เหลือก็จ่ายเป็นรอบๆเอา คิดว่าก็คุ้มอยู่นะคะ
พอตรวจคนเข้าเมืองเสร็จ ก็ลงไปที่ชั้น B1 เลยค่ะ ไปซื้อตั๋วกัน ค่าตั๋วสองคน 10,800 เยน ค่ะ ไม่รับบัตรเครดิตนะคะ นี่เข้าใจว่ารับบัตร ควักบัตรเต็มที่เลย จริงๆเค้าควรจะรับนะคะ ยอดเงินก็เยอะพอควร เลยต้องจ่ายเงินสดค่ะ จุดนี้ไม่คาดคิดจริงๆ ไม่มีข้อมูลมาก่อนว่าเค้าไม่รับบัตร ก็ควักเงินสดจ่ายไปค่ะ
จุดนี้ระวังนิดนึงนะคะ เพราะเจ้าหน้าที่เค้าทำงานไวมาก เค้าจะเข้าใจว่าคุณจะไปรอบถัดไปที่ว่างเลยค่ะ ถ้าคุณคิดว่าจะเดินต่อในนั้นอีกนิดหน่อย หรือยังทำธุระอะไรไม่เสร็จ ให้คุณแจ้งรอบเค้าไว้ก่อนเลยค่ะ เพราะเค้าจะออกตั๋วรอบถัดไปที่ว่างให้เลย ของเราตอนนั้น ซื้อซิมเน็ตไป ยังเซตไม่เรียบร้อย จังหวะชุลมุน ตั๋วออกมาเป็นรอบถัดไปเลย เลยต้องออกตั๋วใหม่ค่ะ แต่เค้าไม่คิดค่าบริการการออกตั๋วใหม่เพิ่มนะคะ โชคดีไป
ตั๋วจะออกมาเป็น 3 ส่วนนะคะ
1. ใบที่จะใช้กับ Skyliner รอบออกจากนาริตะ อันนี้จะถูกเก็บคืนตอนที่เราออกจากสถานีปลายทาง Ueno
2. ใบที่จะใช้กับ Subway 3 วัน เริ่มใช้ปุ๊บ นับเวลาปั๊บค่ะ 3 วันเป๊ะๆ
3. ใบที่จะใช้กับ Skyliner รอบเข้านาริตะค่ะ อันนี้จะให้มาตั้งแต่วันที่ออกตั๋ว แต่เนื่องจาก Skyliner เป็น Reserved seat เพราะฉะนั้นคุณต้องถือตั๋วไปนี้ ไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ เพื่อออกตั๋วใหม่โดยระบุเวลารอบกลับค่ะ ห้ามหายนะคะ หายซื้อใหม่เท่านั้นค่ะ
มีรูปตั๋วที่เค้าออกตอนขาไปมาให้ดูค่ะ
หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไฟค่ะ ตรงส่วนนี้ไม่มีอะไรนะคะ สะดวกสบาย มี Lift ให้ค่ะ ลงแล้วนั่งรอเลย นั่งรถไฟไม่ถึงชั่วโมง ก็ถึง Ueno station ค่ะ เนื่องจากเราพักที่ Hotel MyStay Ueno East จึงต้องนั่งต่อไปอีกสถานี Inaricho (Subway) บันไดเยอะมากค่ะ เครียดเลย ว่าวันกลับถ้าของเยอะจะทำยังไง แต่เราแก้ปัญหาได้วันกลับ กับการนั่ง Uber Black Free ค่ะ ไว้จะอธิบายวันกลับนะคะ ส่วนที่ีเราเลือกโรงแรมนี้เพราะเค้ารับฝากกระเป๋าค่ะ ฝากได้ 3 วันก่อนและหลังค่ะ จริงๆตอนแรกมองที่ APA Keisei เพราะใกล้กว่า แต่ที่นั่นไม่รับฝากกระเป๋า เราเลยเลือกที่นี่ค่ะ ซึ่งคิดไม่ผิด เพราะว่าถ้าเลือกที่ฝากกระเป๋าไม่ได้ นึกภาพไม่ออกเลยว่า เอากระเป๋า 28 นิ้วขึ้นๆลงๆสถานีเก็บล็อกเกอร์วันละประมาณ 600 เยน เป็นอย่างน้อย คงไม่สะดวกมากๆค่ะ (ทริปนี้เน้นความสะดวกค่ะ )
สถานีค่ะ
รูปบนนั้น ถามทางค่ะ 5555 จริงๆทริปนี้ รอดมาได้เพราะถามตลอดทางค่ะ 55555 แพลนโหลยโท่ยมากค่ะ ที่เห็นกันใน Pantip แบบ เปิด Hyperdia อะไรนี่ ไม่มีเลยค่ะ เลยอยากจะบอกคนที่คิดว่า จะไปอยู่แล้ว แพลนยังไม่เสร็จเลยอะไรงี้ จะบอกว่า อย่าไปกลัวค่ะ ญี่ปุ่นเที่ยวง่ายจริงๆ อย่างที่เค้าว่า แล้วคนญี่ปุ่น ใจดีจริงๆค่ะ
มาถึงโรงแรมแล้วค่ะ Check-in ไม่ยาก รับบัตรเครดิตค่ะ ตอนจอง 3 วันรอบแรกนี้ เราเลือกแบบมีอาหารเช้านะคะ ก็ได้คูปองอาหารเช้ามาค่ะ ไปดูห้องพักกันเลยค่ะ Tokyo ที่พัก แคบทุกที่อยู่แล้ว เหอๆๆๆๆ นี่เลือกห้องกว้างสุดในโรงแรมนี้ละค่ะ กลัวไม่มีที่กางกระเป๋า ชุดนอนที่เค้าให้ไว้บนเตียงใช้ดีนะคะ เราใช้ทุกคืน ประหยัดเสื้อผ้าได้ดีเลย แชมพู สบู่ เป็นของ Pola ค่ะ อาบแล้วนุ่มมมม 55555 แต่ลืมถ่ายรูปห้องน้ำมา ก็ตาม Standard ค่ะ มีอ่างอาบน้ำเล็กๆให้ มีฝักบัวให้ยืนอาบในอ่าง มี Wifi Free ให้ในห้อง สัญญาณใช้ได้เลยค่ะ แล้วที่ดีมากๆคือมีตู้กดน้ำแข็งให้ด้วย เป็นคนติดน้ำแข็งมากๆ ซื้อน้ำอร่อยๆจาก Family Mart, 7-11 มา ซดฟินๆเย็นๆ อร่อยก่อนนอนทุกคืนเลยค่ะ
หลังจากเก็บกระเป๋าแล้ว ก็ออกไปหาอะไรอร่อยๆค่ะ วันนี้เป็นวันเดียวที่ดูมาค่ะว่าจะไปกินที่ไหน วันที่เหลือวันอื่นๆ ไม่ได้ดูมาเลยค่ะ 555 เลยรู้สึกว่า วันนี้อร่อยสุดดด เราจะไปกินปิ้งย่างร้าน Isomaru Suisan ที่แถวๆ Ameyoko ค่ะ ถามว่าไปยังไง ถาม Reception โรงแรมค่ะ 555 ถามตลอดทริปค่ะ เค้าก็วาดแผนที่มาให้ บวกกับเราจำรีวิวหน้าร้านเอา สุ่มๆเดินค่ะ วันนี้ฟินมากกค่ะ แต่เพราะความฟินมั้งง รูปเลยน้อยมากค่ะ 5555 ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ กินเพลินนน แต่ทานอยู่ไม่กี่อย่างค่ะ มันปู, ปลาหมึก, แก้มทูน่า, ข้าวปั้นย่าง, หอยเชลล์ตัวโต
ปล. คนไทยเยอะมากค่ะ นี่โชคดี ไปถึงนั่งปุ๊บ คนข้างๆเป็นคนไทย เลยถามเค้าว่า ต้องสั่งยังไง อะไรอร่อย เลยได้แก้มทูน่ามาค่ะ ถ้าจำราคาไม่ผิด น่าจะ 800 เยน อร่อยมว้ากกก เนื้อนุ่ม ส่วนหอยเชลล์ เราเฉยๆค่ะ คิดว่าตัวมันโตเฉยๆ ปลาหมึกสดมาก ปิ้งแล้วหอมสุดๆ ส่วนมันปูก็อร่อยค่ะ แนะนำให้สั่งข้าวมาพร้อมๆกันเลย คลุกข้าวอร่อยดีค่ะ นี่สั่งช้าไป เลยไม่พอดีกัน ไม่งั้นอาจจะฟินกว่านี้ 5555 ไปดูรูปกันค่ะ
ราคารวมที่กินไปค่ะ 4204 เยน
หลังจากอิ่มก็เดินเล่นแถวนั้นค่ะ ดึกแล้วประมาณ 2 ทุ่มกว่า Ameyoko ร้านเริ่มปิดแล้วค่ะ ใครจะมาตลาด Ameyoko ร้านค้าจะเปิดประมาณสิบโมงเช้า ประมาณสองทุ่มกว่าๆ ร้านจะเริ่มทยอยปิดแล้วนะคะ เผื่อเวลากันดีๆค่ะ หลังจากนั้นก็เดินเล่น ซื้อน้ำกลับไปกินที่พัก นอน เตรียมเที่ยววันรุ่งขึ้นค่ะ
Day 2 จะตามมาอีกไม่ช้าค่ะ เดี๋ยวขอไปทำธุระ ทานข้าวก่อน แล้วจะมาต่อนะคะ