สวัสดีค่าาาา สวัสดีพี่ๆน้องๆชาว pantip ทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านกระทู้นี้ . . .
จริงๆนี่ไม่ใช่กระทู้แรกที่เขียนขึ้น ละเจ้าของกระทู้ก็ไม่ได้ยืมล็อกอินใครมาตั้งนะคะ ของตัวเองล้วนๆ วันนี้หมวย (เจ้าของกระทู้ขอใช้สรรพนามแทนตัวเองด้วยคำนี้นะคะ) จะมาบอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่ได้ไปประสบพบเจอมา ในแหล่งท่องเที่ยวที่ฮิตซะเหลือเกินในขณะนี้ นั่นคือ 'วังเวียง' นั่นเอง โดยหมวยไปมาวันที่ 21-24 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ จริงๆขอท้าวความก่อนว่า หมวยอยากไปมานานนนนนมาก ตั้งแต่เห็นรูปเพื่อนคนนึงถ่ายคลิปกระโดดน้ำจากต้นไม้สูงๆ แล้วน้ำนั้นใสเหลือเกิน เลยเข้าไปถามมันว่า 'ที่ไหนวะ อยากไป' มันก็บอกว่า 'วังเวียง' หมวยคิดในใจ วังเวียงมันอยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้ เพราะตอนนั้นยังไม่ดังขนาดนี้ และตอนที่เพื่อนหมวยไปนั้นมันก็น่าจะประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว ที่วังเวียงยังตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งตาน้ำข้าว ไม่ใช่อปป้าเหมือนตอนนี้ค่ะ และเพื่อนหมวยคนนั้น ยังมีส่งรูป(แอบ)ถ่าย มาสปอยความอยากให้เพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ เพราะฝรั่งที่เพื่อนหมวยถ่ายมานั้น งานดี งานพรีเมี่ยม จนทำให้หมวยคิดไว้ว่า ซักวันนึง ฉันต้องไปให้ได้!!!
แต่ผ่านมาหลายปีหมวยก็ยังไม่ได้ไปซ้ากที จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หมวยได้ชักชวนและชักจูงเพื่อนๆในกลุ่มว่า เห้ยยย เดือนกุมภามีวันหยุดยาว ไปกันมั้ยยยยยย หลายเสียงเห็นด้วยค่ะ ตะตะตะแต่ มีเพื่อนหมวยคนนึงติดภารกิจฟิชโช่ ทำให้ไม่สามารถร่วมทริปได้ และหมวยก็ไม่สามารถละทิ้งเค้าไว้ไปมีความสุขกับคนที่เหลือได้หรอกค่ะ หมวยเลยเข้ามาหาข้อมูลว่า ช่วงไหนพอจะไปได้บ้าง หลายๆท่านในห้องบลูฯ ก็บอกว่าปลายฝนต้นหนาว วังเวียงจะสวยและอากาศดี หมวยเลยตอบเพื่อนๆไปว่า 'ไปวันปิยะกันแกรรร แม่น้ำไม่แห้ง และอากาศดี' ทุกคนก็โอเค และหมวยที่มีจิตใจแน่วแน่ กดจองตั๋วของ Lion Air ขากลับจากอุดร-กรุงเทพฯ มาไว้ในครอบครองในราคา 375 บาทค่ะคุณผู้ชมมม และหมวยก็ได้เชิญชวนให้ทุกคนได้เข้าไปกดกัน ปรากฎว่าราคามันเด้งไปที่ 500 กว่าบาท ทุกคนเลยรอ และมีอีหมวยคนเดียวเปล่าเปลี่ยวอุราซะจริงๆ
เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งถึงกลางปี ทุกคนก็เริ่มกลับมาคุยถึงทริปนี้กัน แต่ไม่มีใครกล้ากดจองตั๋วซ้ากกกคน เพราะกลัวทริปล่ม หมวยก็เข้าไปบอกว่า มันไม่ล่มหรอก นี่หมวยนะ หมวยอยากไปมากเลยนะ และหมวยไม่ใช่สายเท แต่เป็นสายเปย์ เห้ยย สายถูกเทซะมากกว่า ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครจองตั๋ว จนกระทั่งเพื่อนรักของหมวยที่สนิทชิดเชื้อกันมานานนม บอกว่า 'ทริปวังเวียงกูไปด้วยย' เหมือนสวรรค์มาโปรด เหมือนดอกไม้เบ่งบานในทุ่งหญ้าแห้งแล้ง เอาวะ ยังไงก็มีเพื่อนไปอีกคนก็ยังดี และนางก็กดจองตั๋วขากลับไฟล์ทเดียวกันมาเรียบร้อย อุ่นใจจริงๆ อีกซักพัก เพื่อนผู้ชายก็โทรมาถามรายละเอียดว่ากลับวันไหน กลับกี่โมง เอออ เดี๋ยวจองตั๋วเลยนะ กรี๊ดดดดด มีบอดี้การ์ดแล้วค่างานนี้ พอเริ่มมีทีมงาน หมวยเลยไปกดดันเพื่อนอีก 2 คนให้ไปด้วยกัน ปรากฎว่าได้ผลค่ะ 2 นางจัดการจองตั๋วเรียบร้อย แต่มีคนนึงกำลังลุ้นมาจะโดนอบรมบ่มนิสัยในช่วงนั้นหรือเปล่า เพราะนางได้ข่าวมาว่าจะมีอบรมปลายเดือนตุลาพอดี หมวยก็ตามจิกตามถามทุกวัน ว่าจดหมายวันอบรมออกหรือยัง จนกระทั่งได้ยินข่าวร้ายค่ะว่า นางต้องเดินทางวันที่ 24 ซึ่งตรงกับวันที่เราจะเดินทางกลับพอดี สรุปทริปนี้เราก็เลยเดินทางกัน 4 คน
แรกเริ่มเดิมที หมวยแพลนไว้ว่า นั่งรถกรุงเทพฯ-อุดร แล้วต่อ อุดร-วังเวียง เหมือนในรีวิวของหลายๆคนนี่แหละค่ะ แต่หมวยใจเย็นเกินไป มาจองเอา 1 เดือนก่อนเดินทาง พอเข้าไปเช็คปรากฎว่าเต็มค่ะ เต็มทุกเจ้า หมวยเริ่มใจบ่ดี เลยหาข้อมูลต่อไปพบว่า มันมีรถกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ของบขส. ด้วยนี่นา หมวยเลยแจ้งเพื่อนร่วมทริปไปค่ะว่าเราต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางกันใหม่ ตอนแรกหมวยกดจอง Online ไป แต่ค่าธรรมเนียมคนละ 45 บาทเลยค่ะ ด้วยความประหยัดมัธยัสถ์ หมวยเห็นว่าตั๋วรถนั้น สามารถจองผ่าน Thai ticket major ได้ หมวยเลยเดินเข้าไปซื้อด้วยความมั่นใจ ปรากฎว่า พี่พนักงานขอ passport หมวยค่ะ หมวยบอกว่าไม่ได้เอามา ใช้บัตรประชาชนแทนได้มั้ย พี่พนักงานบอกว่า ไม่ได้ และถ้าซื้อ 4 ใบก็ต้องขอ passport ของทั้ง 4 คนค่ะ หมวยเริ่มวิตกกังวล แต่หมวยคิดได้ว่า ก็กด online ไปสิ ไม่เห็นจะยากเลย งานนี้คงต้องยอมเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม เพื่อไม่ให้ทริปล่ม เพราะเพื่อนร่วมเดินทางอีก 3 คนนั้น ได้ฝากชีวิตไว้กับหมวยแล้ว หมวยต้องทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุดค่ะ (:
ตัดภาพมาที่วันเดินทาง กำหนดการรถออกจากกรุงเทพฯ คือ สองทุ่มตรงค่ะ หมวยเลิกงานห้าโมงก็รีบกลับบ้านมาอาบน้ำ เก็บของที่เหลืออีกนิดหน่อย พยายามทำเวลา เพราะนัดกับเพื่อนอีกคนไว้ว่า น่าจะเสร็จประมาณ 6 โมง แต่หมวยก็ช้าค่ะ กว่าจะเสร็จปาเข้าไป 6 โมงเกือบครึ่ง ลงไปรอแท๊กซี่ก็ไม่มีซักคัน เพราะวันนั้นรถติดมากกกกกกกก เหลือบไปเห็นรถเมล์ เลยเพื่อนว่า ไปรถเมล์เหอะ ลงตรง BTS หมอชิตแล้วค่อยหาทางไปต่อ ปรากฎว่า การจราจรไม่เป็นใจตั้งแต่เริ่มเลยค่ะ หมวยอยู่แถวรัชโยธิน รถโล่งตลอดจนถึงห้าแยกลาดพร้าวเริ่มไม่ขยับ กว่าจะได้ลงตอนนั้นทุ่มกว่าๆแล้วค่ะ หมวยเริ่มตื่นเต้น กลัวตกรถ เพราะเนื่องด้วยเราจองตั๋ว online ไป ในรายละเอียดบอกว่าให้ไปเอาตั๋วจริงก่อนรถออก 30 นาที ในใจนี่ชิหายละ ลงจากรถเมล์ก็เดินหาพี่วินค่ะ แล้วมาเจอพี่วินจอดอยู่พอดี หมวยเลยตะโกนถามว่า พี่ไปต่อมั้ยคะ พี่เค้าพยักหน้า หมวยเลยบอกว่า ไปขนส่ง เท่าไหร่คะ พี่วินบอกว่า วันนี้รถติด คนละ 80 หมวยก็กำลังจะก้าวขึ้นรถ เพื่อนหมวยจะแยกไปอีกคัน พี่วินคนนั้นบอกหมวยว่า ขึ้นมาเลย ขึ้นมาพร้อมกันเลย จ้าาาาา วิญญาณสก๊อยเก่าเข้าสิง กระโดดขึ้นรถอย่างไม่ลังเล บอกพี่วินว่า พี่คะหนูรีบค่ะ หนูต้องไปถึงก่อนทุ่มครึ่ง พี่แกไม่พูดอะไร แต่ขับอย่างไวเลย พาหมวยผ่าไฟแดงด้วย โอ้มายพระ เท่านั้นยังไม่พอค่ะ พาขึ้นต้องฟุตบาธอีก ตายๆ หมวยนี่ตะโกน ขอโทษนะคะ ตลอดเลยค่ะ แล้วเพื่อนหมวยหันมาบอกว่า พี่วินเค้าไม่รู้ว่าเคยผ่านอะไรมา จย้าาาา เมื่อตอนต้นปีพี่วินนี่เดอะพูห์เคยพาหมวยล้มรถมาครั้งนึงค่ะ ถลอกปอกเปิกไปทั้งแขน ขา และตูด ครั้งนั้นกว่าจะหายระบมก็เกือบ 2 อาทิตย์ จนพ่อสั่งห้ามขึ้นอีกเป็นอันขาด แต่หมวยคิด(ในใจ)ว่า เดี๋ยวไปทำงานสายนะพ่อออออ T T
นอกเรื่องไปไกลละค่ะ 5555 กลับเข้าสู่การเดินทางกันต่อ พอถึงปุ๊บหมวยรีบวิ่งเข้าไปออกตั๋ว พี่พนักงานก็ขอดูรหัสการจอง หมวยเลยถามว่า ต้องใช้ passport ด้วยมั้ยคะ พี่เค้าบอกว่าไม่ต้องค่ะ เอารหัสมาขึ้นรถได้เลย เอิ่มมมมม แล้ว TTM จะเอา passport ไปเพื่อไรฟระะะ แต่ช่างมันเถอะค่ะ พอเอาตั๋วเสร็จหมวยก็แวะเข้าเซเว่น ซื้อเสบียงมากิน เพราะหมวยยังไม่ได้กินข้าว เพื่อนอีก 2 คนก็ตามกันมาติดๆค่ะ ตอนนั้นใกล้จะ 2 ทุ่มแล้ว เลยเดินไปรอกันที่ขึ้นรถหมายเลข 99 เลย พร้อมกับการพักกินข้าวก่อนออกเดินทางค่ะ ค่ารถบขส. กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ อยู่ที่ 900 บาทนะคะ รวมกับค่าธรรมเนียมจอง online และค่าธรรมเนียมของ counter service ก็ตกคนละ 950 บาท/ที่นั่งค่ะ ออกเดินทางกันเล๊ยยยยยย !
หน้าตาของรถค่ะ รอบนี้หมวยได้รถลาว อ่านรายละเอียดเค้าบอกว่า รถจะสลับกันวิ่งระหว่างรถไทยกับรถลาวค่ะ
เบาะที่นั่งกว้างมากเลย อย่าหวังจะได้รูปสวยๆมากนะคะ ไม่มีค่ะ 5555 อันนี้รีบถ่ายมากจริงๆ กระเป๋ายังตั้งเกะกะอยู่เลย
หลังจากรถแล่นออกไปหมวยก็หลับๆตื่นๆ จนถึงจุดพักรถ เอ จำไม่ได้แล้วว่าจังหวัดอะไร ขออภัยค่ะ ลงไปยืดเส้นยืดสาย อีหมวยก็หิวพอดี เพราะตอนก่อนขึ้นลงจะกินก็กินไม่ค่อยลง มันตื่นเต้นกลัวตกรถ ตกพี่วินอยู่เลย 5555 เราสามารถนำตั๋วไปแลกคูปองอาหารได้นะคะ ปรากฎว่า เหลือแค่เส้นหมี่กับวิญญาณหมู และถั่วงอกเหี่ยวๆอยู่ในถ้วยให้กินอย่างเดียวค่ะ ไม่มีสิทธิ์เลือก กินเสร็จก็ไปเข้าห้องน้ำเตรียมตัวนอนต่อ หมวยก็หลับๆตื่นๆอีกเช่นเคย แต่คราวนี้หมวยตื่นมาเพราะรถหยุดค่ะ ด้วยความสอดรู้สอดเห็น เอ้ย อยากรู้อยากเห็นหมวยเลยชะโงกหน้าจากหน้าที่นั่งไปดูค่ะ หมวยเห็นรถเก๋งสีขาวจอดอยู่ เปิดไฟกระพริบ แล้วข้างหน้าคือโล่งมาก มืดมากค่ะ หมวยเลยเปิด google map ดูว่าที่นี่ที่ไหนน้าาา เราอยู่ในเขตจังหวัดขอนแก่นแล้วค่ะ แล้วหมวยก็คิดในใจว่า สงสัยรถเฉี่ยวแน่เลย หันไปมองเพื่อนข้างๆ ตื่นมาถามว่าจอดไมวะ หมวยบอกว่า น่าจะเฉี่ยว มันก็ห้ะ หรอ ส่วนอีก 2 คนไม่รู้หลับหรือตาย ไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ หลับพริ้มสบาย หลับสนิทตลอดคืน น่าอิจฉาจริงๆ
จุดที่รถชนค่ะ หน้าโรงพยาบาลพล จ.ขอนแก่น นี่คือเรื่องที่ไม่คาดฝันเรื่องแรกของทริปนี้ . . .
- ทริปในฝันกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ 'วังเวียง' -
จริงๆนี่ไม่ใช่กระทู้แรกที่เขียนขึ้น ละเจ้าของกระทู้ก็ไม่ได้ยืมล็อกอินใครมาตั้งนะคะ ของตัวเองล้วนๆ วันนี้หมวย (เจ้าของกระทู้ขอใช้สรรพนามแทนตัวเองด้วยคำนี้นะคะ) จะมาบอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่ได้ไปประสบพบเจอมา ในแหล่งท่องเที่ยวที่ฮิตซะเหลือเกินในขณะนี้ นั่นคือ 'วังเวียง' นั่นเอง โดยหมวยไปมาวันที่ 21-24 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ จริงๆขอท้าวความก่อนว่า หมวยอยากไปมานานนนนนมาก ตั้งแต่เห็นรูปเพื่อนคนนึงถ่ายคลิปกระโดดน้ำจากต้นไม้สูงๆ แล้วน้ำนั้นใสเหลือเกิน เลยเข้าไปถามมันว่า 'ที่ไหนวะ อยากไป' มันก็บอกว่า 'วังเวียง' หมวยคิดในใจ วังเวียงมันอยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้ เพราะตอนนั้นยังไม่ดังขนาดนี้ และตอนที่เพื่อนหมวยไปนั้นมันก็น่าจะประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว ที่วังเวียงยังตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งตาน้ำข้าว ไม่ใช่อปป้าเหมือนตอนนี้ค่ะ และเพื่อนหมวยคนนั้น ยังมีส่งรูป(แอบ)ถ่าย มาสปอยความอยากให้เพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ เพราะฝรั่งที่เพื่อนหมวยถ่ายมานั้น งานดี งานพรีเมี่ยม จนทำให้หมวยคิดไว้ว่า ซักวันนึง ฉันต้องไปให้ได้!!!
แต่ผ่านมาหลายปีหมวยก็ยังไม่ได้ไปซ้ากที จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หมวยได้ชักชวนและชักจูงเพื่อนๆในกลุ่มว่า เห้ยยย เดือนกุมภามีวันหยุดยาว ไปกันมั้ยยยยยย หลายเสียงเห็นด้วยค่ะ ตะตะตะแต่ มีเพื่อนหมวยคนนึงติดภารกิจฟิชโช่ ทำให้ไม่สามารถร่วมทริปได้ และหมวยก็ไม่สามารถละทิ้งเค้าไว้ไปมีความสุขกับคนที่เหลือได้หรอกค่ะ หมวยเลยเข้ามาหาข้อมูลว่า ช่วงไหนพอจะไปได้บ้าง หลายๆท่านในห้องบลูฯ ก็บอกว่าปลายฝนต้นหนาว วังเวียงจะสวยและอากาศดี หมวยเลยตอบเพื่อนๆไปว่า 'ไปวันปิยะกันแกรรร แม่น้ำไม่แห้ง และอากาศดี' ทุกคนก็โอเค และหมวยที่มีจิตใจแน่วแน่ กดจองตั๋วของ Lion Air ขากลับจากอุดร-กรุงเทพฯ มาไว้ในครอบครองในราคา 375 บาทค่ะคุณผู้ชมมม และหมวยก็ได้เชิญชวนให้ทุกคนได้เข้าไปกดกัน ปรากฎว่าราคามันเด้งไปที่ 500 กว่าบาท ทุกคนเลยรอ และมีอีหมวยคนเดียวเปล่าเปลี่ยวอุราซะจริงๆ
เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งถึงกลางปี ทุกคนก็เริ่มกลับมาคุยถึงทริปนี้กัน แต่ไม่มีใครกล้ากดจองตั๋วซ้ากกกคน เพราะกลัวทริปล่ม หมวยก็เข้าไปบอกว่า มันไม่ล่มหรอก นี่หมวยนะ หมวยอยากไปมากเลยนะ และหมวยไม่ใช่สายเท แต่เป็นสายเปย์ เห้ยย สายถูกเทซะมากกว่า ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครจองตั๋ว จนกระทั่งเพื่อนรักของหมวยที่สนิทชิดเชื้อกันมานานนม บอกว่า 'ทริปวังเวียงกูไปด้วยย' เหมือนสวรรค์มาโปรด เหมือนดอกไม้เบ่งบานในทุ่งหญ้าแห้งแล้ง เอาวะ ยังไงก็มีเพื่อนไปอีกคนก็ยังดี และนางก็กดจองตั๋วขากลับไฟล์ทเดียวกันมาเรียบร้อย อุ่นใจจริงๆ อีกซักพัก เพื่อนผู้ชายก็โทรมาถามรายละเอียดว่ากลับวันไหน กลับกี่โมง เอออ เดี๋ยวจองตั๋วเลยนะ กรี๊ดดดดด มีบอดี้การ์ดแล้วค่างานนี้ พอเริ่มมีทีมงาน หมวยเลยไปกดดันเพื่อนอีก 2 คนให้ไปด้วยกัน ปรากฎว่าได้ผลค่ะ 2 นางจัดการจองตั๋วเรียบร้อย แต่มีคนนึงกำลังลุ้นมาจะโดนอบรมบ่มนิสัยในช่วงนั้นหรือเปล่า เพราะนางได้ข่าวมาว่าจะมีอบรมปลายเดือนตุลาพอดี หมวยก็ตามจิกตามถามทุกวัน ว่าจดหมายวันอบรมออกหรือยัง จนกระทั่งได้ยินข่าวร้ายค่ะว่า นางต้องเดินทางวันที่ 24 ซึ่งตรงกับวันที่เราจะเดินทางกลับพอดี สรุปทริปนี้เราก็เลยเดินทางกัน 4 คน
แรกเริ่มเดิมที หมวยแพลนไว้ว่า นั่งรถกรุงเทพฯ-อุดร แล้วต่อ อุดร-วังเวียง เหมือนในรีวิวของหลายๆคนนี่แหละค่ะ แต่หมวยใจเย็นเกินไป มาจองเอา 1 เดือนก่อนเดินทาง พอเข้าไปเช็คปรากฎว่าเต็มค่ะ เต็มทุกเจ้า หมวยเริ่มใจบ่ดี เลยหาข้อมูลต่อไปพบว่า มันมีรถกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ของบขส. ด้วยนี่นา หมวยเลยแจ้งเพื่อนร่วมทริปไปค่ะว่าเราต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางกันใหม่ ตอนแรกหมวยกดจอง Online ไป แต่ค่าธรรมเนียมคนละ 45 บาทเลยค่ะ ด้วยความประหยัดมัธยัสถ์ หมวยเห็นว่าตั๋วรถนั้น สามารถจองผ่าน Thai ticket major ได้ หมวยเลยเดินเข้าไปซื้อด้วยความมั่นใจ ปรากฎว่า พี่พนักงานขอ passport หมวยค่ะ หมวยบอกว่าไม่ได้เอามา ใช้บัตรประชาชนแทนได้มั้ย พี่พนักงานบอกว่า ไม่ได้ และถ้าซื้อ 4 ใบก็ต้องขอ passport ของทั้ง 4 คนค่ะ หมวยเริ่มวิตกกังวล แต่หมวยคิดได้ว่า ก็กด online ไปสิ ไม่เห็นจะยากเลย งานนี้คงต้องยอมเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม เพื่อไม่ให้ทริปล่ม เพราะเพื่อนร่วมเดินทางอีก 3 คนนั้น ได้ฝากชีวิตไว้กับหมวยแล้ว หมวยต้องทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุดค่ะ (:
ตัดภาพมาที่วันเดินทาง กำหนดการรถออกจากกรุงเทพฯ คือ สองทุ่มตรงค่ะ หมวยเลิกงานห้าโมงก็รีบกลับบ้านมาอาบน้ำ เก็บของที่เหลืออีกนิดหน่อย พยายามทำเวลา เพราะนัดกับเพื่อนอีกคนไว้ว่า น่าจะเสร็จประมาณ 6 โมง แต่หมวยก็ช้าค่ะ กว่าจะเสร็จปาเข้าไป 6 โมงเกือบครึ่ง ลงไปรอแท๊กซี่ก็ไม่มีซักคัน เพราะวันนั้นรถติดมากกกกกกกก เหลือบไปเห็นรถเมล์ เลยเพื่อนว่า ไปรถเมล์เหอะ ลงตรง BTS หมอชิตแล้วค่อยหาทางไปต่อ ปรากฎว่า การจราจรไม่เป็นใจตั้งแต่เริ่มเลยค่ะ หมวยอยู่แถวรัชโยธิน รถโล่งตลอดจนถึงห้าแยกลาดพร้าวเริ่มไม่ขยับ กว่าจะได้ลงตอนนั้นทุ่มกว่าๆแล้วค่ะ หมวยเริ่มตื่นเต้น กลัวตกรถ เพราะเนื่องด้วยเราจองตั๋ว online ไป ในรายละเอียดบอกว่าให้ไปเอาตั๋วจริงก่อนรถออก 30 นาที ในใจนี่ชิหายละ ลงจากรถเมล์ก็เดินหาพี่วินค่ะ แล้วมาเจอพี่วินจอดอยู่พอดี หมวยเลยตะโกนถามว่า พี่ไปต่อมั้ยคะ พี่เค้าพยักหน้า หมวยเลยบอกว่า ไปขนส่ง เท่าไหร่คะ พี่วินบอกว่า วันนี้รถติด คนละ 80 หมวยก็กำลังจะก้าวขึ้นรถ เพื่อนหมวยจะแยกไปอีกคัน พี่วินคนนั้นบอกหมวยว่า ขึ้นมาเลย ขึ้นมาพร้อมกันเลย จ้าาาาา วิญญาณสก๊อยเก่าเข้าสิง กระโดดขึ้นรถอย่างไม่ลังเล บอกพี่วินว่า พี่คะหนูรีบค่ะ หนูต้องไปถึงก่อนทุ่มครึ่ง พี่แกไม่พูดอะไร แต่ขับอย่างไวเลย พาหมวยผ่าไฟแดงด้วย โอ้มายพระ เท่านั้นยังไม่พอค่ะ พาขึ้นต้องฟุตบาธอีก ตายๆ หมวยนี่ตะโกน ขอโทษนะคะ ตลอดเลยค่ะ แล้วเพื่อนหมวยหันมาบอกว่า พี่วินเค้าไม่รู้ว่าเคยผ่านอะไรมา จย้าาาา เมื่อตอนต้นปีพี่วินนี่เดอะพูห์เคยพาหมวยล้มรถมาครั้งนึงค่ะ ถลอกปอกเปิกไปทั้งแขน ขา และตูด ครั้งนั้นกว่าจะหายระบมก็เกือบ 2 อาทิตย์ จนพ่อสั่งห้ามขึ้นอีกเป็นอันขาด แต่หมวยคิด(ในใจ)ว่า เดี๋ยวไปทำงานสายนะพ่อออออ T T
นอกเรื่องไปไกลละค่ะ 5555 กลับเข้าสู่การเดินทางกันต่อ พอถึงปุ๊บหมวยรีบวิ่งเข้าไปออกตั๋ว พี่พนักงานก็ขอดูรหัสการจอง หมวยเลยถามว่า ต้องใช้ passport ด้วยมั้ยคะ พี่เค้าบอกว่าไม่ต้องค่ะ เอารหัสมาขึ้นรถได้เลย เอิ่มมมมม แล้ว TTM จะเอา passport ไปเพื่อไรฟระะะ แต่ช่างมันเถอะค่ะ พอเอาตั๋วเสร็จหมวยก็แวะเข้าเซเว่น ซื้อเสบียงมากิน เพราะหมวยยังไม่ได้กินข้าว เพื่อนอีก 2 คนก็ตามกันมาติดๆค่ะ ตอนนั้นใกล้จะ 2 ทุ่มแล้ว เลยเดินไปรอกันที่ขึ้นรถหมายเลข 99 เลย พร้อมกับการพักกินข้าวก่อนออกเดินทางค่ะ ค่ารถบขส. กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ อยู่ที่ 900 บาทนะคะ รวมกับค่าธรรมเนียมจอง online และค่าธรรมเนียมของ counter service ก็ตกคนละ 950 บาท/ที่นั่งค่ะ ออกเดินทางกันเล๊ยยยยยย !
หน้าตาของรถค่ะ รอบนี้หมวยได้รถลาว อ่านรายละเอียดเค้าบอกว่า รถจะสลับกันวิ่งระหว่างรถไทยกับรถลาวค่ะ
เบาะที่นั่งกว้างมากเลย อย่าหวังจะได้รูปสวยๆมากนะคะ ไม่มีค่ะ 5555 อันนี้รีบถ่ายมากจริงๆ กระเป๋ายังตั้งเกะกะอยู่เลย
หลังจากรถแล่นออกไปหมวยก็หลับๆตื่นๆ จนถึงจุดพักรถ เอ จำไม่ได้แล้วว่าจังหวัดอะไร ขออภัยค่ะ ลงไปยืดเส้นยืดสาย อีหมวยก็หิวพอดี เพราะตอนก่อนขึ้นลงจะกินก็กินไม่ค่อยลง มันตื่นเต้นกลัวตกรถ ตกพี่วินอยู่เลย 5555 เราสามารถนำตั๋วไปแลกคูปองอาหารได้นะคะ ปรากฎว่า เหลือแค่เส้นหมี่กับวิญญาณหมู และถั่วงอกเหี่ยวๆอยู่ในถ้วยให้กินอย่างเดียวค่ะ ไม่มีสิทธิ์เลือก กินเสร็จก็ไปเข้าห้องน้ำเตรียมตัวนอนต่อ หมวยก็หลับๆตื่นๆอีกเช่นเคย แต่คราวนี้หมวยตื่นมาเพราะรถหยุดค่ะ ด้วยความสอดรู้สอดเห็น เอ้ย อยากรู้อยากเห็นหมวยเลยชะโงกหน้าจากหน้าที่นั่งไปดูค่ะ หมวยเห็นรถเก๋งสีขาวจอดอยู่ เปิดไฟกระพริบ แล้วข้างหน้าคือโล่งมาก มืดมากค่ะ หมวยเลยเปิด google map ดูว่าที่นี่ที่ไหนน้าาา เราอยู่ในเขตจังหวัดขอนแก่นแล้วค่ะ แล้วหมวยก็คิดในใจว่า สงสัยรถเฉี่ยวแน่เลย หันไปมองเพื่อนข้างๆ ตื่นมาถามว่าจอดไมวะ หมวยบอกว่า น่าจะเฉี่ยว มันก็ห้ะ หรอ ส่วนอีก 2 คนไม่รู้หลับหรือตาย ไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ หลับพริ้มสบาย หลับสนิทตลอดคืน น่าอิจฉาจริงๆ
จุดที่รถชนค่ะ หน้าโรงพยาบาลพล จ.ขอนแก่น นี่คือเรื่องที่ไม่คาดฝันเรื่องแรกของทริปนี้ . . .