[จังโก้ Vs มะกัน]: เมื่อ’โดนัลด์ ทรัมป์’ เติมเชื้อไฟ!
**********************
ท่ามกลางข่าว โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังสะเทือนไปทั้งวงการทำให้ช่วงรุ่งสางของเช้าวันเสาร์ที่จะถึงนี้อุณหภูมิแถบอเมริกาตอนเหนือน่าจะร้อนรุ่มกว่าเก่า...
เปล่าเลย...ผมไม่ได้กำลังพูดถึงม็อบกลุ่มที่ประท้วง ก็อีกเช่นกันที่ไม่ได้โยงใยไปถึงสภาพอากาศที่เข้าขั้นแปรปรวนวิปริต หากแต่ในช่วงเช้าวันเสาร์นี้สังเวียนแข้งฟุตบอลแดนมะกันกำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรบที่พร้อมไล่ฆ่าฟันกันตลอด 90 นาที....
อะไรเล่าเอยจะบังเอิญขนาดนั้น เพราะ ในวันเสาร์นี้...
ทั้ง "อเมริกา" และ "เม็กซิโก" จะโคจรมาพบกันพอดิบพอดี!
ดังที่ทราบกันดีครับว่า ก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยออกมาสร้างความเดือดดาลขณะหาเสียงด้วยการป่าวประกาศว่าตนเองจะ "กำจัด" ผู้อพยพชาวเม็กซิกันออกไป
แน่นอนว่าในความเป็น "USA" ชนชาติที่อุดมไปด้วยหลากหลายเผ่าพันธุ์ย่อมเป็นธรรมดาที่คนต่างด้าวรวมถึงชาวเม็กซิกันทุกคนจะไม่พอใจ ให้บังเอิญเหลือเกินที่ ทรัมป์ ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งพอดีทำให้อุณหภูมิของแมตช์นี้ร้อนระอุขึ้นกว่าเก่า
อย่างไรก็ตาม ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารชื่อดังที่มีความเป็นมะกันเต็มตัวก็ยืนยันว่า ฟุตบอล กับ การเมือง นั้นแยกออกจากกัน และ ไม่ได้มีความเกี่ยวดองกันแม้แต่นิดเดียว
"เกมพบกับ เม็กซิโก ที่จะถึงนี้มันจะเป็นเรื่องของฟุตบอล เม็กซิโก จะพยายามไล่เตะก้นเราแน่ส่วนเราก็จะพยายามไล่เตะพวกเขาคืนแน่นอน"
"แต่ทั้งหลายทั้งปวงมันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง มันก็แค่เกมฟุตบอลที่เราทั้งสองเคยดวลกันตามปกติ และ เราจะพยายามรับมือกับพวกเขาให้ดี"
ในวันนั้น วันเลือกตั้ง...ขณะที่ผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ ฮาวเวิร์ด กลับเป็นหนึ่งในคนที่เมินเฉย และ ไม่สนใจการเมืองแม้แต่นิดเดียว
"วันเลือกตั้งที่ผ่านมาผมก็แค่ตื่นนอน และ ลุกมาทำกิจวัตรประจำวันของผมเฉยๆ หลังจากนั้นพวกเขาก็นับผลโหวต และ ป่าวประกาศบอกผ่านโทรทัศน์ว่าใครกันที่เป็นประธานาธิบดีในวันถัดไป"
อดีตโกลมือกาว เอฟเวอร์ตัน ยังเผยอีกว่าว่าโดยสวนตัวตนเองนั่นไม่สนใจการเมืองซักเท่าไหร่ ถึงวันนั้นเพื่อนร่วมทีมบางคนอย่าง ไมเคิ่ล แบรดลี่ย์ จะติดตามเฝ้าดูผลการนับคะแนนแทบทั้งวัน
ทว่าสำหรับตนแล้วการเมืองเป็นเรื่องที่เบื่อหน่ายสิ้นดี
"มีเพื่อนร่วมทีมหลายคนเลยที่เข้าขั้นคอการเมืองแต่สำหรับผมไม่เคยเลย ถ้าผมไปลงโหวตผมคงจะไม่โหวต ทรัมป์ หรอกนะอย่างไรก็ตามในตัวเลือกที่มีผมก็คงจะไม่โหวตใครเลยเช่นกัน"
กระนั้นก็เถอะครับ...ถึง ฮาวเวิร์ด จะพยายามบอกว่า "ฟุตบอล" กับ "การเมือง" คือสิ่งที่แยกจากกัน ทว่าในความจริงแล้วไม่ใช่ และ เรียกได้ว่า "ไม่มีทาง" เลย
เนื่องจากเบื้องลึกของจิตใจแล้ว...
ทั้งสองชาติต่างพันธุ์ต่างมีความ "ชิงชัง" กันในจิตใจนั่นเอง
"มันเป็นอะไรที่มากกว่าฟุตบอล" เยอร์เก้น คลิ้นท์มันน์ กุนซือสหรัฐฯ เห็นต่าง "ผมสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่สุดตึงเครียด ผมพูดแบบเป็นกลางเลยในฐานะที่เป็นคนเยอรมัน"
"นี่คือส่วนหนึ่งของเกมที่เต็งไปด้วยอุณหภูมิอันเข้มข้นต้นๆของโลก ทั้งสองชาติคือหนึ่งในคู่ปรับที่ใหญ่สุดของภูมิภาคนี้เหมือนกับ อเมริกาใต้ ที่มี อาร์เจนติน่า-บราซิล หรือ ยุโรปที่มี ฮอลแลนด์-เยอรมัน, อิตาลี-ฝรั่งเศส นั่นแหละ"
"มันเป็นบางสิ่งที่พิเศษของภูมิภาคเรา ผมรับรู้ได้ว่าทั้งสองชาติต่างจะทุ่มเทเพื่อเอาชนะกันและกันซึ่งมันเป็นอะไรที่มากกว่าแค่ผลการแข่งขัน มันมีความจริงจังเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเคารพในกันและกันเช่นกัน"
เช่นเดียวกับ โจวานนี่ ดอส ซานโตส ที่ยอมรับว่านี่คือเกมที่สำคัญที่สุดในชีวิต เปรียบดั่งการห่ำหั่นที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีที่แพ้ใครแพ้ได้แต่ห้ามแพ้ "USA"
"มันมีความเป็นอริกันอย่างสูงระหว่างเราทั้งสองชาติ ผมคิดว่านี่จะเป็นเกมแห่งปีของพวกเราทุกๆคน เราต่างต้องการเอาชนะกันและกัน และ พร้อมจะใส่กันตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่ม"
"บรรดานักเตะเตรียมพร้อมเสมอกับทุกๆเกมเช่นเดียวกับเกมถัดจากนี้ไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดทุกๆคนในทีมต่างรู้ดีว่าบิ๊กแมตช์ที่สำคัญที่สุดที่เราห้ามแพ้ไม่ได้นั่นก็คือ สหรัฐอเมริกา"
กระนั้น ฮวน คาร์ลอส โอโซริโอ้ ในฐานะที่เป็นเฮดโค้ชของทีมชาติเม็กซิโกก็ได้ออกปราม และ เบรคอุนณหภูมิอันร้อนรุ่มของเกมนี้เอาไว้
โอโซริโอ้ นั้นเป็นกุนซือมากฝีมือชาวโคลอมเบียที่มีสถิติแพ้แค่นัดเดียวใน 15 เกมที่คุมทัพ "จังโก้"อีกทั้งยังเคยใช้ชีวิตในแดนลุงแซมมากว่าหลายปีสมัยเป็นนักเรียนนอกเมื่อครั้งวัยรุ่น
ซึ่งในฐานะที่เคยอยู่แดนมะกันรวมถึงคุมทีมในอเมริกามาเนิ่นนาน โอโซริโอ้ ย่อมรู้ดีว่าแม้ประวัติศาสตร์ชาติเผ่าพันธุ์ของทั้งคู่จะไม่ถูกกันแต่ในวงการฟุตบอลแล้ว
ก็มีบางแง่บางมุมที่ทั้งการเมือง และ กีฬาของทั้งสอง..."นั้นแยกออกจากกัน"
"นี่คือเกมที่มากกว่าฟุตบอลมันเป็นประวัติศาสตร์ และ การเมืองที่เข้ามามีส่วนแต่ในท้ายที่สุดแล้วมันก็แค่เกมฟุตบอลเกมหนึ่ง คุณสามารถพบคน อเมริกา และ เม็กซิโก เป็นเพื่อนสนิทกันได้ตามทั่วๆไป"
"แต่ก็อีกนั่นล่ะว่า สหรัฐฯ คือชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกและ แข็งแกร่งที่สุด ส่วนในวงการกีฬาแล้วพวกเขาเอาชนะโอลิมปิก เกมส์ รวมถึงคว้าเหรียญทองได้เกือบทุกรายการ แน่นอนว่านั่นทำให้เราอยากคว่ำพวกเขาโดยเฉพาะในกีฬาฟุตบอลที่เข้าทางประเทศแถบละตินมากกว่า ซึ่งผมก็หวังว่าเราจะคว้าผลลัพธ์ได้ตามความต้องการ"
ศักดิ์ศรี, อาฆาต และ ความแค้นที่สุมทรวง สิ่งเหล่านี้ตายไปอาจกินไม่ได้ทว่าขึ้นชื่อว่า "มนุษย์" ย่อมไม่แปลกที่เราจะมีความพยาบาทครอบงำ...
กับเกมที่จะถึงนี้เชื่อได้เลยครับว่า มันจะเป็น "บิ๊กแมตช์" ของทั้งคู่ที่ยิ่งกว่าอื่นใด และ ที่ผ่านมา หากวีคนี้ยุโรปมี อิงลิช-สก็อตต์, ละติน มี แซมบ้า-อาร์เจนฯ ฝั่งทางตอนเหนือก็ย่อมมี "จังโก้-มะกัน" เป็นตัวชูโรง
ศึกครานี้ใครกันจะได้เฮ หรือ จะลงเอยด้วยการเจ๊า...
เช้าวันเสาร์นี้ 07.45 น.โปรดเปิดโทรทัศน์ หรือ รับชมผ่านเน็ตเพื่อมาเป็น "สักขีพยาน"!
- มาสเตอร์ ริท -
***********************
เสิร์ฟร้อนๆก่อนเกม ชอบก็ติดตามกันได้นะครับที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้: https://www.facebook.com/MasterReed.1992/?fref=nf ขอใสสปอยด์นิดนึง
ส่วนตัวผมนี่จะเป็นครั้งแรกที่จะขอยลความเข้มข้นของคู่นี้ครับ ^^
[จังโก้ Vs มะกัน]: เมื่อ’โดนัลด์ ทรัมป์’ เติมเชื้อไฟ!
**********************
ท่ามกลางข่าว โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังสะเทือนไปทั้งวงการทำให้ช่วงรุ่งสางของเช้าวันเสาร์ที่จะถึงนี้อุณหภูมิแถบอเมริกาตอนเหนือน่าจะร้อนรุ่มกว่าเก่า...
เปล่าเลย...ผมไม่ได้กำลังพูดถึงม็อบกลุ่มที่ประท้วง ก็อีกเช่นกันที่ไม่ได้โยงใยไปถึงสภาพอากาศที่เข้าขั้นแปรปรวนวิปริต หากแต่ในช่วงเช้าวันเสาร์นี้สังเวียนแข้งฟุตบอลแดนมะกันกำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรบที่พร้อมไล่ฆ่าฟันกันตลอด 90 นาที....
อะไรเล่าเอยจะบังเอิญขนาดนั้น เพราะ ในวันเสาร์นี้...
ทั้ง "อเมริกา" และ "เม็กซิโก" จะโคจรมาพบกันพอดิบพอดี!
ดังที่ทราบกันดีครับว่า ก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยออกมาสร้างความเดือดดาลขณะหาเสียงด้วยการป่าวประกาศว่าตนเองจะ "กำจัด" ผู้อพยพชาวเม็กซิกันออกไป
แน่นอนว่าในความเป็น "USA" ชนชาติที่อุดมไปด้วยหลากหลายเผ่าพันธุ์ย่อมเป็นธรรมดาที่คนต่างด้าวรวมถึงชาวเม็กซิกันทุกคนจะไม่พอใจ ให้บังเอิญเหลือเกินที่ ทรัมป์ ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งพอดีทำให้อุณหภูมิของแมตช์นี้ร้อนระอุขึ้นกว่าเก่า
อย่างไรก็ตาม ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารชื่อดังที่มีความเป็นมะกันเต็มตัวก็ยืนยันว่า ฟุตบอล กับ การเมือง นั้นแยกออกจากกัน และ ไม่ได้มีความเกี่ยวดองกันแม้แต่นิดเดียว
"เกมพบกับ เม็กซิโก ที่จะถึงนี้มันจะเป็นเรื่องของฟุตบอล เม็กซิโก จะพยายามไล่เตะก้นเราแน่ส่วนเราก็จะพยายามไล่เตะพวกเขาคืนแน่นอน"
"แต่ทั้งหลายทั้งปวงมันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง มันก็แค่เกมฟุตบอลที่เราทั้งสองเคยดวลกันตามปกติ และ เราจะพยายามรับมือกับพวกเขาให้ดี"
ในวันนั้น วันเลือกตั้ง...ขณะที่ผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ ฮาวเวิร์ด กลับเป็นหนึ่งในคนที่เมินเฉย และ ไม่สนใจการเมืองแม้แต่นิดเดียว
"วันเลือกตั้งที่ผ่านมาผมก็แค่ตื่นนอน และ ลุกมาทำกิจวัตรประจำวันของผมเฉยๆ หลังจากนั้นพวกเขาก็นับผลโหวต และ ป่าวประกาศบอกผ่านโทรทัศน์ว่าใครกันที่เป็นประธานาธิบดีในวันถัดไป"
อดีตโกลมือกาว เอฟเวอร์ตัน ยังเผยอีกว่าว่าโดยสวนตัวตนเองนั่นไม่สนใจการเมืองซักเท่าไหร่ ถึงวันนั้นเพื่อนร่วมทีมบางคนอย่าง ไมเคิ่ล แบรดลี่ย์ จะติดตามเฝ้าดูผลการนับคะแนนแทบทั้งวัน
ทว่าสำหรับตนแล้วการเมืองเป็นเรื่องที่เบื่อหน่ายสิ้นดี
"มีเพื่อนร่วมทีมหลายคนเลยที่เข้าขั้นคอการเมืองแต่สำหรับผมไม่เคยเลย ถ้าผมไปลงโหวตผมคงจะไม่โหวต ทรัมป์ หรอกนะอย่างไรก็ตามในตัวเลือกที่มีผมก็คงจะไม่โหวตใครเลยเช่นกัน"
กระนั้นก็เถอะครับ...ถึง ฮาวเวิร์ด จะพยายามบอกว่า "ฟุตบอล" กับ "การเมือง" คือสิ่งที่แยกจากกัน ทว่าในความจริงแล้วไม่ใช่ และ เรียกได้ว่า "ไม่มีทาง" เลย
เนื่องจากเบื้องลึกของจิตใจแล้ว...
ทั้งสองชาติต่างพันธุ์ต่างมีความ "ชิงชัง" กันในจิตใจนั่นเอง
"มันเป็นอะไรที่มากกว่าฟุตบอล" เยอร์เก้น คลิ้นท์มันน์ กุนซือสหรัฐฯ เห็นต่าง "ผมสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่สุดตึงเครียด ผมพูดแบบเป็นกลางเลยในฐานะที่เป็นคนเยอรมัน"
"นี่คือส่วนหนึ่งของเกมที่เต็งไปด้วยอุณหภูมิอันเข้มข้นต้นๆของโลก ทั้งสองชาติคือหนึ่งในคู่ปรับที่ใหญ่สุดของภูมิภาคนี้เหมือนกับ อเมริกาใต้ ที่มี อาร์เจนติน่า-บราซิล หรือ ยุโรปที่มี ฮอลแลนด์-เยอรมัน, อิตาลี-ฝรั่งเศส นั่นแหละ"
"มันเป็นบางสิ่งที่พิเศษของภูมิภาคเรา ผมรับรู้ได้ว่าทั้งสองชาติต่างจะทุ่มเทเพื่อเอาชนะกันและกันซึ่งมันเป็นอะไรที่มากกว่าแค่ผลการแข่งขัน มันมีความจริงจังเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเคารพในกันและกันเช่นกัน"
เช่นเดียวกับ โจวานนี่ ดอส ซานโตส ที่ยอมรับว่านี่คือเกมที่สำคัญที่สุดในชีวิต เปรียบดั่งการห่ำหั่นที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีที่แพ้ใครแพ้ได้แต่ห้ามแพ้ "USA"
"มันมีความเป็นอริกันอย่างสูงระหว่างเราทั้งสองชาติ ผมคิดว่านี่จะเป็นเกมแห่งปีของพวกเราทุกๆคน เราต่างต้องการเอาชนะกันและกัน และ พร้อมจะใส่กันตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่ม"
"บรรดานักเตะเตรียมพร้อมเสมอกับทุกๆเกมเช่นเดียวกับเกมถัดจากนี้ไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดทุกๆคนในทีมต่างรู้ดีว่าบิ๊กแมตช์ที่สำคัญที่สุดที่เราห้ามแพ้ไม่ได้นั่นก็คือ สหรัฐอเมริกา"
กระนั้น ฮวน คาร์ลอส โอโซริโอ้ ในฐานะที่เป็นเฮดโค้ชของทีมชาติเม็กซิโกก็ได้ออกปราม และ เบรคอุนณหภูมิอันร้อนรุ่มของเกมนี้เอาไว้
โอโซริโอ้ นั้นเป็นกุนซือมากฝีมือชาวโคลอมเบียที่มีสถิติแพ้แค่นัดเดียวใน 15 เกมที่คุมทัพ "จังโก้"อีกทั้งยังเคยใช้ชีวิตในแดนลุงแซมมากว่าหลายปีสมัยเป็นนักเรียนนอกเมื่อครั้งวัยรุ่น
ซึ่งในฐานะที่เคยอยู่แดนมะกันรวมถึงคุมทีมในอเมริกามาเนิ่นนาน โอโซริโอ้ ย่อมรู้ดีว่าแม้ประวัติศาสตร์ชาติเผ่าพันธุ์ของทั้งคู่จะไม่ถูกกันแต่ในวงการฟุตบอลแล้ว
ก็มีบางแง่บางมุมที่ทั้งการเมือง และ กีฬาของทั้งสอง..."นั้นแยกออกจากกัน"
"นี่คือเกมที่มากกว่าฟุตบอลมันเป็นประวัติศาสตร์ และ การเมืองที่เข้ามามีส่วนแต่ในท้ายที่สุดแล้วมันก็แค่เกมฟุตบอลเกมหนึ่ง คุณสามารถพบคน อเมริกา และ เม็กซิโก เป็นเพื่อนสนิทกันได้ตามทั่วๆไป"
"แต่ก็อีกนั่นล่ะว่า สหรัฐฯ คือชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกและ แข็งแกร่งที่สุด ส่วนในวงการกีฬาแล้วพวกเขาเอาชนะโอลิมปิก เกมส์ รวมถึงคว้าเหรียญทองได้เกือบทุกรายการ แน่นอนว่านั่นทำให้เราอยากคว่ำพวกเขาโดยเฉพาะในกีฬาฟุตบอลที่เข้าทางประเทศแถบละตินมากกว่า ซึ่งผมก็หวังว่าเราจะคว้าผลลัพธ์ได้ตามความต้องการ"
ศักดิ์ศรี, อาฆาต และ ความแค้นที่สุมทรวง สิ่งเหล่านี้ตายไปอาจกินไม่ได้ทว่าขึ้นชื่อว่า "มนุษย์" ย่อมไม่แปลกที่เราจะมีความพยาบาทครอบงำ...
กับเกมที่จะถึงนี้เชื่อได้เลยครับว่า มันจะเป็น "บิ๊กแมตช์" ของทั้งคู่ที่ยิ่งกว่าอื่นใด และ ที่ผ่านมา หากวีคนี้ยุโรปมี อิงลิช-สก็อตต์, ละติน มี แซมบ้า-อาร์เจนฯ ฝั่งทางตอนเหนือก็ย่อมมี "จังโก้-มะกัน" เป็นตัวชูโรง
ศึกครานี้ใครกันจะได้เฮ หรือ จะลงเอยด้วยการเจ๊า...
เช้าวันเสาร์นี้ 07.45 น.โปรดเปิดโทรทัศน์ หรือ รับชมผ่านเน็ตเพื่อมาเป็น "สักขีพยาน"!
- มาสเตอร์ ริท -
***********************
เสิร์ฟร้อนๆก่อนเกม ชอบก็ติดตามกันได้นะครับที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ขอใสสปอยด์นิดนึง
ส่วนตัวผมนี่จะเป็นครั้งแรกที่จะขอยลความเข้มข้นของคู่นี้ครับ ^^