แชร์ประสบการณ์ทำงานบริษัทญี่ปุ่น ตึกช้าง โซนB ตำแหน่ง Sale Support

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การสมัครงานและการทำงานที่บริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่งที่ตึกช้าง โซน B เราขอไม่บอกนะคะว่าอยู่ชั้นอะไร บริษัทอะไร เป็นความลับนิดนึงค่ะ ตอนนี้เราเองออกจากบริษัทมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วค่ะ อยากแชร์ประสบการณ์ให้ผู้ที่สนใจได้ฟังจ้าเริ่มจากการเปิดสมัครหางานเว็บไซต์หางานต่างๆค่ะ อันเนื่องมากจากที่เราจบสาขาการเงิน แต่เคยทำงานด้านการตลาดมา 2 ปี เราเลยส่งใบสมัครตำแหน่งจำพวกการเงินและด้านการตลาดทั่วไป ไปประมาณ 4-5 ที่ค่ะ รอบริษัทต่างๆโทรมาใช้เวลาประมาณสองอาทิตย์ค่ะ เราขอเอ่ยบริษัทที่จะกล่าวถึงว่าบริษัทซีนะคะ ฝ่ายบุคคลบริษัทซีโทรมานัดสัมภาษณ์ค่ะ ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจค่ะ (ถ้าได้จะได้เงินเดือนมากกว่าเดิมแอบดีใจเบาๆยังไม่ทันได้งานเลย 55+) เราขอแทนชื่อฝ่ายบุคคลว่าพี่ลินะคะ
พี่ลิ : สวัสดีค่ะขอสายคุณพลอย (สมมุติชื่อเป็นเรา) พี่ชื่อลินะคะโทรมาจากบริษัทซีค่ะจะขอนัดทดสอบข้อเขียนและปฎิบัติ ในวันที่... ในตำแหน่ง Sale Support  เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท ค่ะผ่านโปร 6 เดือน เงินเดือนจะปรับเป็น 16,000 บาท (เราก็คิดในใจโหวว 3 เดือน ปรับแค่พันเดียวเองหรอ) พี่ลิ ตอบกลับทันทีเหมือนรู้ทันเรา พี่ลิ: ผ่านโปรนี่แล้วแต่หัวหน้างานจะพิจารณานะคะว่าจะปรับเพิ่มเท่าไร ทั้งนี้การพิจารณารับเข้าทำงานก็ขึ้นอยู่กับผลทดสอบข้อเขียนและปฎิบัติด้วยนะคะ  เราเลยตอบตกลงไปในทันใด ตามนั้นเลยค่ะ วันสัมภาษณ์ค่อยไปต่อรองอีกที อาจจะได้มากกว่านี้เราแอบคิดในใจ ไม่กล้าต่อความมากเดี๋ยวเค้าจะไม่รับเข้าทำงานส๊ะ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาวันสอบข้อเขียนและปฏิบัติ พี่ลินัด 9 โมงค่ะ เราไป 8 โมงค่ะ ด้วยความตื่นเต้นค่ะกลัวหลงผิดบริษัท เพราะตึกช้าง บริษัทยิบย่อยเยอะมาก ตอนเช้าถนนด้านหน้าตึกช้างค่อนข้างวุ่นวายมากค่ะ เส้นพหลโยธินกำลังมีงานก่อสร้างและวันนี้ก็เป็นเช้าวันแรกของการทำงานด้วยคนค่อนข้างเยอะ ไปถึงเราก็ขึ้นลิฟท์ไปค่ะระวังนิดนึงนะคะ มีโซน A กับโซนB อย่าขึ้นผิดฝั่งค่ะ เดี๋ยวจะหาชั้นที่จะไปไม่เจอ บริษัท C นี่อยู่ชั้น 22 ค่ะ (แอบใบ้) ไปถึงประมาณ 8.30 น. บริษัทเงียบมาก ด้านหน้ามีป้ายสีฟ้าเขียนอักษรภาษาอังกฤษว่าบริษัทC และมีโต๊ะรับรองสำหรับแขกที่จะมาติดต่องาน หรือสมัครงาน เราก็ไปนั่งรอด้านนั้นค่ะเพราะประตูใหญ่ทางเข้า เขาไม่ให้คนนอกเข้าไป ด้านหน้ามีกล้องวงจรปิดค่ะ สักพักฝ่ายบุคคลก็เดินออกมา ไม่ใช่พี่ลินะคะ เป็นอีกคนค่ะ ชื่อบัส อายุรุ่นเดียวกับเรา ประมาณ24-25 บอกให้เรารอสักครู่ จากนั้นเราก็ได้เข้าไปทดสอบข้อเขียน เป็นการวัดเชาว์ความรู้ทั่วไป และก็บวกลบคณิตศาสตร์ ไม่ยากค่ะ  ภายในห้องจะมีลักษณะแบ่งเป็น2แถว มีคอมพิวเตอร์หันหลังชนกัน  บรรยากาศที่ทำงานค่อนข้างเงียบมากค่ะได้ยินแต่เสียงถ่ายเอกสาร จะมีหัวหน้าหรือฝ่ายการตลาดซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นนั่งเรียงกันบริเวณฝั่งขวามือ เดินมาส่วนหนึ่งของออฟฟิศนี้จะเป็นฝั่งพนักงานบัญชี รวมๆแล้วบริษัทมีคนประมาณ 30 คนเห็นจะได้ค่ะ เราก็คิดในใจออฟฟิศน่าอยู่ดีแหะเล็กๆคงจะทำงานง่าย หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์พี่ลิคนเดิมโทรไปนัดทำสัญญากับเราเงินเดือนตามที่บอกไว้ข้างต้นไม่มีเพิ่ม เราก็ไปตามน้ำเลยค่ะ ตามนั้นก็ได้เพราะช่วงนี้ตกงานอยู่ทำเลยละกัน 55+  มาถึงเริ่มงานวันแรกค่ะ ไปประมาณ8 โมงเพราะย้ายพอมาใกล้ตึกที่ทำงาน ไปถึงเข้าประตูรับแขกค่ะ เพราะยังไม่ได้ทำการแสกนนิ้วมือ HR พาเราไปนั่งโต๊ะทำงานของเรามีพี่เลี้ยงที่นั่งใกล้เคียงหนึ่งคนค่ะ สมมุติชื่อว่าพี่นู นะคะ พี่นู จะเป็นคนเทรนงานป้อนงานให้เราค่ะ เรานั่งอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง พี่ลิ ก็เดินมาเรียกเราไปทำสัญญา(คืองงทำสัญญากับเริ่มงานวันแรกเลย เหอะๆ) พี่ลิบอกว่าเค้าเป็นหัวหน้าHR และจะเป็นคนประเมินเราในช่วงที่ยังไม่ผ่านโปร ส่วนเงินเดือนจะดูที่ประสิทธิภาพการทำงานของเราและแกก็พาเราไปรู้จักทุกห้อง ทุกคน ทุกฝ่ายค่ะ บางคนก็ทำงานมา2-3 ปี บางคนก็เพิ่งเข้ามาพร้อมๆกับเราค่ะ มาพูดถึงเรื่องการทำงาน สำหรับตำแหน่ง Sale Support ระบุไว้ตอนสมัคร ดังนี้ค่ะ 1.ทำใบเสนอราคา ใบสั่งซื้อ 2.ติดต่อประสานงานกับลูกค้า และ 3.งานอื่นๆตามที่ได้รับมอบหมาย เริ่มเลยเราก็ทำใบเสนอราค่ะจะมีลูกค้าจากโรงงานต่างๆทั่วประเทศ ส่งชื่อชิ้นงานส่วนประกอบเครื่องจักรมาให้เรา เราจะมีแคตตาล็อก ประมาณสามเล่มใหญ่ๆ ไว้เปิดหารหัสชิ้นงาน เพื่อดูราคา แล้วเราจะมีหน้าที่ส่งเมล์ตอบกลับไปให้ลูกค้า ซึ่งเครื่องคอมสำหรับส่งเมลจะอยู่มุมขวาของออฟฟิศ ตำแหน่งนี้จะมีประมาณ 10 คนค่ะ บางทีก็เดินชนกันแย่งกันส่งเมล  และจะมีอีกมุมโต๊ะสำหรับใส่ชื่อลูกค้าที่เราส่งไปแร้ว รวบรวมไว้ บางทีก็ต้องมาแย่งกันตรงจุดนี้อีกจุด ซึ่งตรงจุดนี้เองก็จะมีหนึ่งคนสำหรับเป็นศูนย์ใหญ่รับเมลจากลูกค้าปริ้นมาส่งพวกเราๆซึ่งเป็น Sale Support   (คนรับเมลนี้ก็ตำแหน่ง Sale Support เช่นกันค่ะ แต่จะคอยเปลี่ยนกันในแต่ละวัน ซึ่งถ้าถึงวันที่ใครรับเมลนี่ต้องมาแต่ 7 โมงบ้างก็มีค่ะ กลัวงานไม่ทันเสร็จ) ก็จะเป็นแบบนี้ทั้งวันค่ะ ไม่ได้หยุดหายใจเลย กฎของบริษัท C ซึ่งเป็นบริษัทของญี่ปุ่นคือการตรงต่อเวลาสำคัญมาก ห้ามสายเกินสามครั้ง บริษัท C แห่งนี้จะหยุดแค่วันเสาร์เว้นเสาร์ พนักงานต้องคอยหมุนเวียนมาทำงาน  ส่วนเวลาเลิกงานจะเป็นเวลา 16.30 น.  ตอนแรกๆก็แปลกใจค่ะได้โอกันหรอทำไมถึงยังไม่มีใครกลับบ้านกันเลย มารู้ตอนเพื่อนบอกค่ะ คนญี่ปุ่นจะชอบคนที่มุ่งมั่นทำงาน มาก่อนกลับหลัง (เราก็คิดในใจโหวว !!!เวลาทำงานก็เต็มที่ตลอดเวลาแร้ว นี่กลับยังจะมาแบบนี้อีก..) ที่สำคัญของบริษัทC อีกข้อก็คือห้าม!!!เด็ดขาดเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือ นอกจากธุระสำคัญจริงๆเน้นว่าจริงๆค่ะ ห้ามเล่นไลน์ หน้าจอคอมต้องมีแต่เรื่องงานเท่านั้น !!(โหววรอบที่สอง อะไรจะปานนั้น) บางคนเด็กใหม่ก็มีฝ่าฝืนกันบ้างค่ะ ถ้ามีคนเห็นเค้าก็จะเรียกไปเตือนประมาณว่านายญี่ปุ่นไม่ชอบ (เฮ้อออ...น้อ) ช่วงพักกลางวัน เลิกเที่ยง พอดีเป๊ะค่ะ เรากับเพื่อนอีก4-5คนจะออกมาจากห้องทำงาน จากนั้นแต่ละคนจะรีบเช็คโทรศัพท์กันในทันที (ก็ไม่ได้เล่นมาตั้งครึ่งวันเนอะ55+) จากนั้นก็จะลงลิฟท์จากชั้น 22 มากินข้าวด้านล่างตึกช้างโซน B ซึ่งจะเป็นร้านอาหารอยู่ประมาณ 2-3 ร้าน คนเยอะมากค่ะ จับจองพื้นทีกันเอาเอง หลังจากนั้นเราก็จะพักผ่อนตามอัธยาศรัย  นั่นก้อคือกดโทรศัพท์ แล้วที่นี่พีคมากค่ะ ยืนเล่นกันนอกห้อง ถ้าเข้าห้องจะเล่นไม่ได้ เราก้อต้องยืนกันหน้าลิฟท์ต่อไปจนกว่าจะบ่ายโมง (โหวววทำงานก็เหนื่อยแล้ว นั่งพักยังไม่ได้อีก) พอบ่ายโมงก้อเข้าไปทำงานเหมือนเดิมค่ะ ลูกค้าส่งเมลมา หาราคา ส่งเมลกลับ เปิด PO ในที่ทำงานจะเงียบมากค่ะ ถึงมากที่สุด ได้ยินแค่เสียงเครื่องปริ้นท์ กับเครื่องถ่ายเอกสาร(อ่อ เราลืมบอกไป พนักงานแต่ละคนจะไม่มีเครื่องปริ้นท์ส่วนตัวนะคะ ต้องสั่งปริ้นท์แล้วเดินไปเอาเองตรงมุมออฟฟิศ ที่เดียวกับที่เราแย่งกันส่งเมลล์กับเพื่อน สนุกสนานกันไปค่ะ ><) วุ่นวายแบบนี้ไปจน 5โมงเย็น เห็นจะได้ค่ะ เวลาเลิกงานคือ 16.30 แต่เลิกงาน 17.00 เฮ้ออ เพลียค่ะ โอก้อไม่ได้นะคะ...ตอนมาตอนกลับเราลืมเล่าค่ะต้องสวัสดีนายญี่ปุ่นและคนไทยทุกคนที่โต๊ะด้วยนะคะ เป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งค่ะ เวลาใครจะกลับบ้านนี่เราจะรู้เลยเพราะเค้าต้องมาทักทายเราตอนกลับด้วยเหมือนกัน ส่วนในเวลางานวันเสาร์เราก็จะมาทำเสาร์เว้นเสาร์ผลัดกันกับเพื่อน วันเสาร์จะหาของกินยากมากค่ะเราก็จะอาศัยเซเว่นข้างๆตึกเป็นที่พึ่งพา ชีวิตอยู่ยากค่ะ พอมีของกินแล้วไม่มีที่นั่งกินอีกต้องไปอาศัยบริษัทอื่นหรือหน้าโต๊ะที่ทำงานของบริษัทอื่นเป็นที่พักชั่วคราว เพราะบริษัท Cของเราห้ามเอาของไปกินห้ามเล่นโทรศัพท์ (ย้ำอีกรอบค่ะห้าม!!) แม้วันเสาร์จะเป็นวันที่ค่อนข้างสบายๆแต่ที่นี่ก้องานเยอะเท่าเดิมค่ะ ทุกคนยังคงเคร่งเครียดในการทำงานไม่มีแม้แต่การคุยกันในที่ทำงาน มีบ้างค่ะ แค่ตอนคุยงานแค่นั้นจริงๆเท่าที่สังเกตมา ส่วนเวลาเลิกงานก็ปกติค่ะ 17.00 น. เกินเวลางานจริงตลอด ที่นี่มีเรื่องพิเศษอีกเรื่องคือ จะมีเงินกองกลางให้พนักงานไปนัดมีสติ้งกันได้ค่ะงบคนประมาณ 100-200 บาท/คนเพื่อให้พนักงานมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน (ก็ต้องงั้นอ่ะค่ะก็เล่นยไม่คุยกันเลยเวลาทำงานเนอะ) เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆค่ะ ในระยะเวลาเกือบสามเดือนที่เราทำงานอยู่ ชีวิตเหมือนจะดี(ตรงไหนเนี่ย)><  กฎเกณฑ์เยอะเกินไปค่ะความเห็นส่วนตัวเราเลยตัดสินใจลาออกก่อนที่จะพ้นโปร เราเลยได้รู้อะไรหลายๆอย่างจากเพื่อนร่วมงานคือทุกคนเงินเดือนเยอะมาก ทั้งๆที่เพิ่งมาทำ แผนกเดียวกันด้วยซ้ำ บางคน 1,9000-25,000 โอ้ววเราทำแทบได้ยืนอยู่ที่ 15,000 เพื่อนบอกว่าแล้วแต่นายด้วยว่าชอบใครไม่ชอบใครเงินเลยไม่เท่ากัน สตาร์ท 12,000 ยังมี เรารู้สึกแย่มากค่ะกับการทำงานของที่นี่ กฎเกณฑ์เยอะมากแถมเงินยังน้อยกว่าบริษัทคนไทยทั่วไป  ตอนนี้ออกจากงานบริษัท C มาเป็นเวลา เกือบ1ปีแล้วค่ะ อยากแชร์ประสบการณ์ให้ฟังค้า เผื่อมีท่านใดสนใจงานด้านนี้เพราะบริษัทแห่งนี้คนเข้าออกเยอะมาก  ตำแหน่ง Sale support ก็เช่นกัน คนออกมาพร้อมๆกับเราก็มีค่ะ ทำให้ตำแหน่งและบริษัทนี้เปิดรับพนักงานตลอดเวลา เราว่าเหตุผลหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินออกมาเหมือนเราก็คือทนกฎเกณฑ์ที่เป๊ะเว่อร์ขนาดนี้ไม่ได้ อยากให้ผู้สนใจได้อ่านค่ะ เพราะก่อนที่เราสมัครเราก็หาข้อมูลบริษัทนี้แต่ไม่เจอข้อมูลอะไรเลยเลยค่ะ จนวันที่ได้เข้ามาทำเราเลยตั้งใจว่าจะแชร์ไว้เผื่อใครชอบงานด้านนี้บริษัทแห่งนี้ คิดดีๆนะคะ งานจิปาถะมากค่ะ /หากพิมพ์ผิดพลาดประการใดเราขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่