[CR] ประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตกับ Japan 9คืน10วัน แพลนเองล้วนๆเพราะการเดินทางคือการเรียนรู้

JAPAN TRIP 1-10 APR’16
Tokyo-Odaiba-Nikko-Yokohama-Kawaguchiko-Sapporo

สวัสดีค่ะ เรายืมยูสเซอร์เพื่อนมาตั้งกระทู้นะ

อยู่ดีๆก็มีความอยากแบ่งปันเรื่องราวการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของพวกเราสามคน
เรามีความคิดที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นประมาณต้นปี 2015 แล้วก็เก็บเงินรอตั๋วโปร
เราจองตั๋วหางแดงช่วงโปรโมชั่น จองตั้งแต่เดือนมิถุนายน2015 แต่บิน 1เมษายน2016
ตอนนั้นเงินไม่พอ จ่ายได้แค่ตั๋วขาไป เราก็เอาขาไปไว้ก่อนเพราะเชื่อว่าเดี๋ยวมันก็ต้องได้ขากลับล่ะวะ5555



ราคาที่เห็นคือราคาที่รวมทุกอย่างแล้วทั้งภาษีต่างๆ ค่ากระเป๋า และอาหารหนึ่งมื้อ
เพราะฉะนั้นจะเท่ากับ 5730 ต่อคน

เราเพิ่งจะได้ตั๋วขากลับเดือนสิงหาคม 2015 ใจเต้นไปสองเดือนกลัวไม่มีโปรมาอีก
ที่ไหนได้มีตลอดปีแค่รอจังหวะดีๆ55555
แต่เมื่อโปรนั้นออกมาแต่ต้องกลับจาก ซัปโปโร เรากับเพื่อนก็ตัดสินใจ “เอาค่ะ”



ต้องพักเครื่องก็ไม่หวั่นนะจ๊ะ และเช่นกันราคานี้รวมทุกอย่างแล้วหารสามก็จะอยู่ที่คนละ 7,106บาท
(ช่วงนั้นค่าเงินเยนประมาณ 0.28-0.30)
พอได้ตั๋วกลับเราก็เริ่มวางแพลน ศึกษาข้อมูลหลายกระทู้มาก จนกลั่นกรองออกมาทีละนิดๆ
คือ เราดูโรงแรม สถานที่เที่ยวที่จะไป การเดินทาง การคมนาคม ควบคู่ไปกับตั๋วรถไฟที่เหมาะสมและคุ้มค่า

สำหรับตั๋วของเราจะเป็น BKK-NRT และ CTS-BKK

ทีแรกเราจะซื้อ JR PASS เพราะเราคิดว่าใช้นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปซัปโปโรแล้วมันคุ้ม แล้วยังใช้ไปเที่ยวได้อีกหลายที
แต่เราก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า
สถานี JR ไม่เยอะเหมือนสถานีรถไฟใต้ดินนะ
การไปเที่ยวแต่ละที่ในโตเกียวอาจจะต้องเดินไกลมากนะ ถ้าเราถือแค่ JR PASS
และ ถ้าเราจะต้องซื้อ Subway เพิ่ม มันจะคุ้มเหรอ

คิด คิด คิด สิบแปดตลบ คำตอบคือ ไม่คุ้มว่ะ แถมยังเสียเวลาการเดินทางอีกต่างหาก
แล้วถ้าถือแค่ JR PASS จะไปเที่ยวฟูจิ ตอนไปต่อรถไฟเข้าสถานี Kawaguchiko ก็ต้องซื้อตั๋วเพิ่ม

เปลี่ยนแพลน
จนเราได้พบกับ JR Tokyo wide pass





เป็นพาสที่ใช้สำหรับเที่ยวรอบๆโตเกียว ไม่จำกัดการเดินทาง มีอายุ 3 วัน ราคา 10,000YEN
คือเราสามารถใช้พาสนี้ไปเที่ยวฟูจิ ไปลงสถานี Kawaguchiko ได้โดยไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่ม
เฮ้ยยยยยมันดีอ่ะแก๊
ตรงสเปคทุกอย่าง เลยตัดสินใจใช้พาสนี้แทนค่ะ

โดย ตั๋วและพาสที่เราใช้ทั้งหมดจะมีดังนี้
-    Keisei Skyliner one way Trip+Tokyo subway72hour ราคา 3500 yen
-    One day pass in Odaiba 820yen
-    TOBU Ticket one way Asakusa to Nikko 1400yen
-    One day pass “World heritage bus” 500 yen
-    JR Tokyo wide pass 10000 yen
-    ‘Retro R coupon+Kachi rope way+Boat’ 2000 yen
-    Flight ticket NRT-CTS 9050 yen
-    Subway ticket round trip New chitose airport JR-Sapporo JR 2200 yen

รวมราคาตั๋วทั้งหมดและคิดเป็นเงินบาท (เรท0.30) ประมาณคนละ 8800 บาท

อาจจะมีคนคิดว่า มันก็พอๆกันกับ JR PASS แต่ช้าแต่
ถ้าถือเจอาร์พาสจะต้องเสียค่ารถไฟเพิ่มอีกหลายเลยนะ
เช่นพวก one day pass,Retro R coupon หรือการต่อรถไฟเข้าสถานีคาวากูจิโกะ และวิธีย่อยพาสนี้ก็ซื้อเวลาได้มากโข

ต่อไปนี้เราจะค่อยๆเล่ารายละเอียดของการใช้พาสในแต่ละวันนะ

วันที่ 1 เมษายน 2016
วันแรกที่เราไปถึงตื่นเต้นมาก อากาศเย็นๆ ที่ขนาดไปเที่ยวเชียงใหม่ยังไม่ค่อยเจอ5555



สิ่งแรกที่ทำหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจอะไรทุกอย่างเสร็จ
คือ ต่อ pocket wifi  มีnetworkเราก็อุ่นใจอ่ะ5555
เราเช่ามาจาก Bank pocket wifi วันละ 200 (ราคาโปรโมชัน) หารกับเพื่อนก็โอเคเลยนะคะ
อุปกรณ์ใช้ง่ายมาก พกพาสะดวก

จากนั้นเราก็ไปซื้อตั๋วรถไฟ Keisei Skyliner one way Trip+Tokyo subway72hour ราคา 3500 yen
ซื้อเซ็ทนี้จะมีตั๋วให้สองใบ ใบแรกคือ Keisei Skyliner one way Trip



คือตั๋วนี้ใช้สำหรับเดินทางเข้าเมือง ซึ่งไม่ได้จอดทุกสถานี ต้องไปเช็คดีๆนะคะ

สถานีปลายทางของเราคือ Ueno
เราพักที่ OAK HOTEL IKEBUKURO อยู่สถานี Ikebukuro ต้องนั่ง subway ไป
ซึ่งสถานีนี้มีทั้ง subway และ JR
และเราจะเปิดใช้งาน subway72hour (นับเป็นชั่วโมงการใช้งาน)



ตอนนั้นเวลาประมาณ 21:00
เท่ากับว่าเราจะใช้ตั๋วได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2016 เวลา 21:00 ไปจนถึง 4 เมษายน 2016 เวลา 21:00

พอถึง Ueno ให้ไปทาง Ginza line เดินหา G16 เราต้องไปลงสถานี Ginza G9 (G16toG9)
เพื่อต่อรถไฟไปยังที่พัก ออกมาจาก G9 ให้เดินไปทาง Marunouchi Line หา M16 เราต้องไปลงสถานี Ikebukuro M25 ซึ่งสุดสายนี้
((G16-G09 ออกมาจากรถไฟเพื่อเปลี่ยนสาย M16-M25))

ออกมาจากรถไฟ ให้หาทางออก C1 สถานีนี้ใหญ่กว่าสถานีสยามบ้านเราอีก เดินไปค่ะ5555
กว่าจะเดินออกจากสถานีได้ ไส้แทบขาด
ภายในสถานีมีทั้งร้านอาหาร ร้านขนม แต่เราจะหยุดไม่ได้ กลัวเช็คอินสาย
เราเดินออกมาจากสถานีร้านรวงต่างๆก็เรียงรายมาอย่างไม่หยุดยั้ง
พร้อมทั้งฝนตกปอยๆ อากาศจากเย็นธรรมดาเริ่มเป็นเย็นเฉียบ
และแล้ว

เราก็หลงทาง

หาโรงแรมไม่เจอ
คือพอเราขึ้นมาจากสถานีมีซอยย่อย ซอยเล็กซอยน้อยอีกมากมาย
ตามแผนที่ของโรงแรมก็ดูจะงง เปิดอากู๋แมพแม่มยิ่งงงไปใหญ่
ยืนกันอยู่สามคนท่ามกลางฝนตกปอยๆ ไส้ก็จะขาด เหนื่อยยิ่งกว่าทริปใดขนาดวันแรก

และเราก็เจอ นางฟ้า

ชาวญี่ปุ่น อายุไม่น่าเกิน 30 ปี เพื่อนเราตัดสินใจเข้าไปถามทาง
คุยกันอยู่นาน ทำท่าทาง ไม้มือก็แล้ว นางฟ้าคงตระหนักถึงพลังความโง่ของเราทั้งสาม
นางพาเราเดินไปถึงหน้าโรงแรมเลยค่า
ปรบมือรัวๆ เราทั้งสามโค้ง Thank you อยู่สิบกว่าครั้งแล้วนางฟ้าก็เดินจากไป

สรุป เราเช็คอินสายจริงๆ แต่พนักงานก็ใจดีไม่ว่าอะไร แถมยังให้ผงอาบน้ำมานางบอกว่า “For relax”
อยากจะกระโดดกอด

พอเห็นห้องอยากจะกรี๊ดดดดดด คือมันดีมากกกก ชอบ ประทับใจ แต่เราก็ไม่ได้กรี๊ดกันแต่อย่างใด
ต่างรีบพากันวางของ เพื่อความพร้อมในการเยียวยาไส้ที่กำลังจะขาด5555
หาของ-ค่ะ

จากโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากเซเว่น แม่มคือสวรรค์จริงๆนะ
พอท้องอิ่ม ต่อมตื่นเต้นเริ่มกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

ห้องไม่ใหญ่นะมีเตียงซิงเกิลสองเตียง และเตียงเสริมเป็นแบบ Bed sofa มีโต๊ะเครื่องแป้ง วางของ ตู้เย็น และห้องน้ำส่วนตัวที่มีอ่างอาบน้ำ
โคดดดดดดดดดี
ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้อ่า เสียดายเนอะ

เราจองไว้ วันที่ 1-5 ทั้งหมด 4 คืน ความสะดวกที่ครบครันนั้น ส่วนตัวแล้วเราคิดว่ามันคุ้มค่า
จริงๆเห็นครั้งแรกเราก็ยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไร แค่ดีใจที่มันมีของครบ
แต่พอหลังจากเราไปเดินเที่ยวกลับมาแบบปวดเท้า ปวดตัว เมื่อยล้า
แล้วได้มาแช่น้ำอุ่นๆ เราเลยซึ้งในคุณค่าเลยว่า
มันดีว่ะแก๊
นอนค่ะ

วันที่ 2 เมษายน 2016
วันนี้เราไปเที่ยว Asakusa และ Odaiba

เรานั่ง Subway ไปนะ สถานีปลายทางคือ Asakusa
โดยนั่งจากสถานี Ikebukuro สายสีแดง Marunouchi Line M25 นั่งไป M16 สถานี Ginza
จากนั้นเดินหาสายสีเหลือง Ginza Line G09 นั่งไป G19 สถานี Asakusa
((M25-M16 ออกมาจากรถไฟเพื่อเปลี่ยนสาย G09-G19))

พออกจากสถานีมา คน เยอะ มากกกกกกกกก
เดินหาร้านข้าวอยู่นาน เพราะร้านไหนๆคนก็เต็มจนมาเจอร้านหนึ่งอย่ในห้างจำชื่อไม่ได้
จำได้แต่อากาศมันเย็นแล้วพอได้ซดน้ำซุปร้อนๆ ค่อดรู้สึกดีอ่ะแก





เดินเที่ยวบริเวณวัด เจอซากุระเต็ม คนก็เต็มเช่นกัน





มีโอกาศได้เห็นพิธีแต่งงานด้วย พูดไปก็จะหาว่าอวด55555

พิธีแต่งงานเงียบ สงบ และขลัง แปลกใหม่สำหรับเราดีนะ

เดินถ่ายรูปเพลินมาก ซากุระเต็มเลย




เดินออกมาเจอร้านขนมปังเมล่อน คนต่อแถวเยอะมาก เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น เลยไม่ได้ซื้อ
แต่ช้าแต่ เจออีกร้านไม่ค่อยมีคน เลยเข้าไปซื้อมาลองชิมกับเพื่อน
หูยยยยยยยยยยยยยยยย อร่อยอ๊ะ
ขนมปังอุ่นๆ หอมๆกลิ่นเมล่อนนิดๆ ดี๊ดี อยากกินอีก

โอเค พอละ เราต้องไปโอไดบะต่อ
โดยใช้ subway เหมือนเดิมค่ะ
นั่งรถไฟสายสีชมพู Asakusa Line สถานี Asakusa A18 ไปลงสถานี Shimbashi A10
((A18 ไปลง A10))

พอออกมาจากสถานีให้หาตู้ขายตั๋วค่ะ ซื้อ One day pass Odaiba 820 yen

คือ โอไดบะเหมือนเป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง มีหลายสถานี
แต่ละสถานีก็จะมีที่ให้เที่ยวต่างกันไป บางสถานีถ้าเดินเพลินๆก็เดินต่อๆกันได้ แต่ขึ้นลงแค่สองถึงสามสถานี วันเดย์พาสก็คุ้มอยู่นะคะ

ส่วนตัวกับเพื่อนเรา ก็เที่ยวกันเพลินๆ ถ่ายรูปนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย


จนเมื่อเดินมาถึง โซนเกมส์
แฟนเราหมดไปกับตู้หนีบตุ๊กตาแบบไม่รู้ตัว โซนนี้ค่อนข้างอันตราย5555555สำหรับผู้ที่คลั่งการเล่นเกมส์
คือมันน่าเล่นจริงๆ เล่นแล้วมันได้ของจริงๆนะ
นี่ไง บอกแล้วว่าได้จริง

และยังไม่นับรวมโมเดลหุ่นยนต์นั้นที่ราคาถูกแบบไม่น่าเชื่อ
จบวันนี้แฟนเราหอบของแบบพะรุงพะรังอย่างมีความสุข

ขากลับเรานั่ง subway ยาวมาที่พักเลยเพราะไม่แวะไหนแล้ว เมื่อยมาก ขาลากไปหมด
เรานั่งสายสีเหลือง Ginza Line สถานี Shimbashi G08 ไปลง สถานี Ginza G09
แล้วเปลี่ยนสายเป็นสายสีแดง Marunouchi Line สถานี Ginza M16 ไปลง สถานี Ikebukuro M25
((G08-G09 ลงรถไฟเพื่อเปลี่ยนสาย M16-M25))

วันที่ 3 เมษายน 2016
โก ทู Ueno Park
สวนซากุระที่คอยรอ รอคอย คนเยอะกว่าอาซาคุสะหลายเท่า เพราะซากุระมันบานเต็มสวนเลยจริงๆ
ไม่รู้จะบรรยายยังไง

คือ ถ้ามีโอกาสอยากให้ไปสัมผัสเองนะ
กี่ร้อยกี่พันรูปมันไม่เท่าไปยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ

อากาศแม่มโคดดี โคดใช่ ถึงแม้คนจะเยอะ แต่มันไม่ร้อนไง เดินได้สบายๆ

เราเข้าไปเดินที่สวน แล้วก็ออกมาตลาด Takeya Ameyoko คนก็เยอะเช่นกัน
อารมณ์คล้ายๆสำเพ็งบ้านเรา เป็นซอยไม่กว้างมากมีของจุกจิกขาย
และเราก็ได้เจอ เมล่อนสดเสียบไม้
เราดิ่งเข้าไปกับเพื่อนเลยจ้า ได้มาคนละไม้ หวาน เย็น หอม ชื่นใจ

แล้วก็ไปต่อ

วันที่สามนี่ใช้ subway คุ้มมาก เราไป akihabara,Shinjuku,shibuya
เจอ ดองกี้ ที่ชินจุกุ
คิดไปคิดมาต้องกราบร้านนี้นะ
แม่มมีทุกอย่างจริงๆ ทุกอย่างอ่ะค่ะ เข้าใจป่ะ 555555

เรารวมกันซื้อของกับเพื่อนแล้วก็กับแฟนเราเพื่อให้ปลอดภาษี ต้องซื้อห้าพันเยนขึ้นไป
บางสาขามีพนักงานที่พูดไทยได้ด้วยนะ เลิศมาก เหมือนเจอญาติ อยากสวัสดีค่ะงามๆ

แต่ความเป็นจริง คิดไปคิดมา ไม่น่ารวมกันหรอก เพราะเกินอยู่แล้ว
เรียกได้ว่า ดองกี้เหมือนหลุมดำดูดเงินเราสามคนไปมากโข เพราะเราไปหลายสาขา

เจอดองกี้ที่ไหนก็เข้าไปเชยชม แล้วก็ต้องมีใครได้อะไรติดไม้ติดมือมา555555
วันนี้เรากลับค่อนข้างเร็วเพราะเดินเยอะกว่าทุกวัน รวมๆหน่วยกิโล น่าจะไปต่างจังหวัดได้
ชื่อสินค้า:   Japan
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่