ฮัลโหลววว!!! สวัสดีจ้ะพี่จ๋า กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกในชีวิตน้องและเป็นการทำอะไรที่มีสาระในชีวิตน้องครั้งแรกด้วยเช่นกันจ้ะพี่จ๋า 555+ ซึ่งอาจจะจบลงด้วยกระทู้นี้กระทู้สุดท้ายเพราะโดนปิดแอคเค้าท์ฮ่าๆๆๆ มาเริ่มต้นการอ่านด้วยการอ่านคู่มือก่อนนะจ๊ะพี่จ๋า
คู่มือการอ่าน กระทู้น้องอ๊อง
1. น้องอ๊องขอเรียกตัวเองว่าน้องเพื่อให้ดูน่ารักและแบ๊วขึ้นอีกสิบเบอร์นะจ๊ะพี่จ๋า
2. อาจมีการใช้ภาษาแปลกๆในการเขียนกระทู้บ้างเพื่อให้ได้อรรถรสของความอ๊อง สงสัยคำไหนถามได้จร้า
3. อ๊อง ในที่นี้แปลว่าคนบ้าๆบอๆ มึนๆอึนๆเหมือนอาการเมาไม่มีสตินะจ๊ะพี่จ๋า
4. กระทู้อาจมีความยาวควรหาข้าวโพดคั่วและคนอ่านมาเป็นตัวช่วยนะจ๊ะ
5. รูปภาพอาจจะไม่ถูกใจและไม่สวยโดนใจพี่ๆนะจ๊ะเพราะประสบการณ์ถ่ายรูปของน้องคือง่อยเปลี้ยเพลียแรงมากกก!!!
เมื่อพวกพี่อ่านคู่มือกันแล้วมาเริ่มกันเลยจ้ะพี่จ๋า ^^
การไปเที่ยวเชียงใหม่ของน้องนี้มีที่มาและที่ไปและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเกี่ยวข้องด้วยจร้า เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าก่อนหน้านี้น้องไปเที่ยวเชียงใหม่แล้วน้องไปบนหลวงพ่อทันใจเอาไว้ว่าถ้าลูกโปรเจคเสร็จลูกจะถวายพวงมาลัยมะลิ 99 พวง แล้วน้องก็ได้สมหวังดั่งใจจริงๆแต่พอเรียนจบปุ๊บน้องก็ไม่มีโอกาสได้ไปไงจ๊ะพี่จ๋า จนถึงเวลาที่น้องเริ่มอยากทำงานกดสมัครงานไปหลายที่ไม่มีที่ไหนเรียกน้องเลยน่ะพี่จ๋า ก็เลยติ๊งต่างเอาเองว่าสงสัยหลวงพ่ออยากให้ไปหาก่อนแน่ๆ พอได้อย่างนั้นน้องก็ชวนเพื่อนชะนีผู้ร่วมทริปของน้อง แพลนแรกที่อยู่ในหัวน้องคือต้องไปนอนดอยหลวงเชียงดาวให้ได้ ก็จองที่พักเรียบร้อยก็ถึงวันเดินทางจ้ะพี่จ๋า น้องไปจองตั๋วรถไฟฟรีตั้งแต่ตีห้าจ้ะพี่จ๋าได้ตั๋วนั่งมาด้วยจ้ะพี่จ๋า และความอ๊องมันเริ่มต้นตั้งแต่วันแรกเลยจ้ะพี่จ๋า!!!
พอใกล้ถึงเวลารอบรถไฟของน้องน้องก็เตรียมนั่งรถเมไปหัวลำโพงจ้ะพี่ แต่ความพีคมันอยู่ตรงที่รถติดตรงทางไปหัวลำโพงเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งน้องงงงงงง แล้วอีก 5 นาทีรถออกตอนนั้นนึกในใจไม่ทันแน่ๆแม่เอ๊ย ลงไปเรียกวินเพื่อไปหัวลำโพงพอไปถึงปุ๊บมอไซค์จอดปุ๊บรถไฟออกปั๊บตอนนั้นน้องนึกอะไรไม่ออกคิดได้แค่ว่าวิ่งตามรถไฟต้องตามให้ทัน พอเข้าไปถึงคนทั้งชานชาลาที่หัวลำโพงมองมาที่น้องแล้วตะโกนถามน้องว่าไปเชียงใหม่ใช่ไหม น้องได้แต่พยักหน้าเท่านั้นแหล่ะจ้าคนทั้งชานชาลาเชียร์เหมือนน้องเป็นนักกีฬาโอลิมปิกด้วยประโยคที่ว่า " เชียงใหม่ เอ้าวิ่ง วิ่งอีกเร็วอีก วิ่งๆๆๆๆ" แต่ก็ไม่ทันฮ่าๆๆๆๆ แล้วพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยน้องนั่นคือพี่วินมอไซค์จะขับตามรถไฟให้พี่จ๋า พร้อมกับสโลแกนที่พูดด้วยเสียงหล่อๆว่า "ไม่ทันพี่ไม่คิดเงิน" ในใจน้องตอนนั้นนะพี่จ๋าคือถ้าไม่ทันคงต้องโกทูหมอชิตนะคะ สุดท้ายทันจ้ะพี่เอ๊ยยยยยทำให้น้องได้ไปพร้อมเพื่อนชะนีร่วมทางของน้องอีกสองคน แต่พี่วินพระเอกก็ฟาดเงินน้องไปไม่น้อยเช่นกัน แพงกว่าค่าตั๋วรถไฟอีกฮ่าๆๆๆๆๆ
เริ่มต้นด้วยรูปตั๋วรถไฟแห่งความลำบากตรากตรำของน้อง
สมาชิกผู้ร่วมทริปคนแรกของน้องค่ะ ชะนีไนท์สาวไทยหัวใจเปลี่ยว
ตามมาด้วยพีอาร์สาวสวยห้างชื่อดังย่านปิ่นเกล้า ชะนีบีเด็กดื้อไม่ยอมกินผักคะน้าาาาาาาาา
แล้วสิ่งที่น้องคาดฝันว่าจะได้เจอบนรถไฟคือเหล่าบรรดาแบ็คแพ็คเกอร์ทั้งหลายตามที่เคยอ่านรีวิวอื่นๆ แต่น้องกลับไม่เจอเจอแต่คุณลุงคุณป้าเต็มรถไฟไปหมดจ้ะพี่จ๋าแต่ก็เพลินดีได้ฟังเรื่องอะไรเก่าๆของคนแก่ก็เพลินไปอีก แล้วนั่งรถไฟไม่ต้องกลัวหิวจ้ะพี่จ๋ามีทั้งคืนแข่งกันเซเว่นก็แม่ค้า รฟท.นี่ล่ะจ้ะพี่จ๋าสารพัดเมนูจะมีให้กิน แล้วก็มีแรงดึงดูดทำให้เราต้องกินทั้งคืนทั้งๆที่ไม่ได้หิวอะไร ก็แปลกไปอีก นี่ล่ะเสน่ห์รถไฟไทย
บรรยากาศบนรถไฟก็จะเป็นประมาณนี้นะจ๊ะพี่ตอนช่วงกลางวันพอกลางคืนหรอเหยียดขายังไงก็เหยียดไปเถอะจร้าจะตีลังกาหกสูงก็ไม่มีใครว่า
นั่งไปเรื่อยๆพระอาทิตย์ก็เริ่มจะตกดิน ซึ่งบรรยากาศข้างทางแบบว่าดีมากดีแสนดีดีดี๊ดี แต่จะถ่ายยังไงให้สวยน้องพยายามแล้วนะจ๊ะพี่จ๋าแต่ได้เท่านี้ น้องเสียใจ
พอฟ้าเริ่มมืดคนก็เริ่มหลับไหล เพื่อนชะนีของน้องตอนแรกก็คุยกันดีๆพอพระอาทิตย์หลุดขอบฟ้าเท่านั้นหล่ะพี่จ๋า เงียบสนิทเหมือนโดนยาป้ายดูได้จากภาพจ้ะพี่จ๋า ตัวน้องก็คล้อยตามคล้ายว่าจะเป็นอุปทานหมู่ก็หลับไปด้วย
ในฝันกำลังพบเจ้าชายจะจูบให้เจ้าหญิงนิทราตื่นขึ้นมา แล้วก็มีเสียงแทรกเข้ามาในฝันของน้องว่าสถานีปลายทางเชียงใหม่ถึงแล้วครับ คุณพระนี่น้องถึงเชียงใหม่แล้วหรอน้องไม่รู้สึกตัวเลยจริงๆ น้องกลัวว่าเรื่องนี้จะเป็นความฝันเลยเอาหัวโขลกกับหน้าต่างอีกครั้งเพื่อเช็คความมั่นใจ อ้าวเรื่องจริงนี่ น้องก็ขนสำภาระ ลงจากรถไฟเพื่อต่อรถไปบ้านนาเลาเชียงดาว ด๊าวได่ด๊าวได่ดะดิดง ออกจากสถานีรถไฟน้องนึกว่ามีญาติผู้ใหญ่มารับน้องแบบสนามบินเรียกกันเต็มไปหมด จะเป็นใครที่ไหนได้รถแดงไงจะใครล่ะจ๊ะพี่จ๋า น้องก็บอกสถานีปลายทางของน้องไปนั่นคือขนส่งช้างเผือก คุณพี่ก็เสนอราคามาพร้อมกับจับมือน้องแล้วพาเดินไปที่รถ เดี๊ยวๆๆๆๆๆๆๆพี่จ๋าไม่เปิดโอกาสให้น้องถามคนอื่นหน่อยหรือ แต่40บาทก็ไม่เป็นไรให้ได้ คุณพี่รถแดงก็พาน้องแว๊นสนั่นหวั่นไหวนึกว่า วิญญาน พอลวอล์คเกอร์เข้าสิง ปู๊ดป๊าดปาดซ้ายปาดขวาตีลังกาหน้าหลังจนพามาถึงขนส่งช้างเผือก น้องไม่รอช้าก็รีบต่อรถไปโลตัสเชียงดาวเพื่อต่อรถขึ้นดอยอีกที โดยวิธีการเดินทางนะจ๊ะพี่จ๋า ขึ้นรถจากขนส่งช้างเผือกมาลงโลตัสเชียงดาว สายรถคือเชียงใหม่-ท่าตอนนะจ๊ะพี่จ๋า เมื่อถึงโลตัสเชียงดาวพี่จ๋าก็ถามคนแถวนั้นว่าไปเชียงดาวไปขึ้นรถตรงไหน เด๊วน้องจะแปะรูปซอยให้นะจ๊ะพี่จ๋า
ไฟบนรถแดงคุณพี่ทำให้น้องแทบอยากเปิดเพลง EDM เลยจ้ะพี่จ๋าพามึนพร้อมเสียตัวมากกกกกกก
มาต่อรถขึ้นดอยก็เจอ เซอร์ไพรซ์!!! รถไปแล้วจร้า อ่านรีวิวมาบอกว่าอาจมีแค่1ถึง2รอบ ตอนนั้นใจสั่นเลยจ้ะ แต่โชคดีมากเจอคุณป้าขาใหญ่ใจดีบอกว่าไม่ต้องกลัวเด๊วป้าเรียกรถมาให้ ด้วยความที่น้องหิวน้องก็เลยขอไปกินข้าวก่อนป้าก็เซเยสโอเคมาเลยจร้าาาาาาาา
อ่านรีวิวมาได้ข่าวว่าเด็ดแต่ไม่รู้ขาหมูร้านเดียวกันเปล่า น้องก็ลองเลยจร้าเห็นคนเยอะๆ เอาความจริงไหมจ๊ะพี่น้องเดินตามผู้ชายเข้ามาเห็นหน้าขาวๆฮ่าๆๆๆๆๆ ขาหมูที่นี่มีความแปลกเพราะน้ำแดงแต่รสชาติก็ทั่วไป แต่มันของขาหมูอันนี้แบบดีมากกกกกกกกกกกกกกก ถ้าไม่ติดว่าน้องต้องกลับไปเป็นนางแบบน้องจะกินซักกิโล
มีต้มจืดให้ด้วยนะพี่จ๋า ต้มมะระอันนี้ดีกว่าขาหมู เพราะหมูสามชั้นในนั้นดีงามเหลือหลายต้มได้ดีโอ๊ยถ้าโลกนี้ไม่มีคำว่าอาหารบูดนะจ๊ะพี่จ๋าจะห่อกลับบ้าน
พอกินเสร็จน้องก็รีบเดินไปขึ้นรถ ก็เข้าไปในซอยนี้นะจ๊ะพี่จ๋าซอยต่อรถไปเชียงดาว หน้ารถจะเขียนว่าเชียงใหม่เมืองทองมั้งมิแน่ใจ ลุงคนขับรถที่จะขับขึ้นดอยถ้าใครหลายคนเห็นต้องนึกในใจว่าจะไหวไหม ลุงแก่มากผมสีขาวทั้งหัวเดินเหมือนจะไม่ไหวมากับป้าหนึ่งคนน่าจะเป็นภรรยาลุงก็มีลักษณะเหมือนกัน แต่พอขึ้นรถจับเกียร์เหยียบคันเร่งได้เท่านั้นละจ๊ะพี่จ๋า โอ๊ยไม่เหมือนไม่แตะเบรค ทางขึ้นเขาชันมากคดเคี้ยวเลี้ยดลดมาก แต่ลุงขับได้แบบว่านึกว่าอาจารย์ของเจย์โชว์ในโตเกียวดิฟท์ ป้าที่นั่งข้างคุณลุงต้องยิ้มมุมปากใส่น้องแบบคุณอุบลแน่ๆ โอ๊ยน้องยอมจ้ะพี่จ๋าอกคุณแป้นจะไหลออกมา คุณพี่รถแดงว่าฟาสเจอคุณลุงรถดอยเข้าไปคุณลุงแทบใช้วลีเด็ดเลยค่ะ "กราบรถลุง" ค่ารถ 50 บาทแพงกว่า 10บาทแต่ขับได้แบบเกินคุ้มน้องคิดว่าราคาโรลแบ็คไปเลยค่ะ
ลุงปาดซ้ายปาดขวามาได้ไม่นานก็มาถึงเชียงดาวแล้วนะเออ วิวดีจริงดีจังมากจ้ะพี่จ๋าอากาศเย็นหน่อยๆแต่ยังไม่ถึงกับหนาว น้องขึ้นรถจากขนส่งช้างเผือกหกโมงเช้ามาถึงบ้านาเลาแปดโมงก็เร็วพอสมควร มาที่นี่ต้องมีสกิลการฟังที่ดีนิดนึงนะคะ ใครหูไม่ดีหูหนวกหูดับน้ในหูไม่เท่ากันจะฟังยากนิดนึงเพราะคนที่นี่เป็นคนเผ่าลีซอจะมีสำเนียงของเขาคนไหนพูดชัดก็จะชัดฟังง่าย คนไหนไม่ชัดก็ต้องทวนกันหน่อยนะจ๊ะพี่จ๋า
มาถึงก็ต้องเดินเข้าไปที่พักอีกนะจ๊ะพี่จ๋า ความจริงจะมีรถที่ขับเข้าไปยันข้างใน แต่น้องไม่ได้เจอคันนั้นไงเลยเดินฮ่าๆๆๆๆ
วิวดีแสนดี ใครที่ได้ที่พักช่วงบนๆจะโชคดีหน่อยจะเห็นวิวได้ดีกว่าถ่ายรูปสวยหน่อย เช่นบ้านระเบียงดาว แต่ถ้าใครได้ที่พักอยู่ล่างหน่อยก็จะโชคดีตรงที่อากาศรมรื่นหน่อย ตอนเช้าๆสัมผัสหมอกได้ใกล้ชิดกว่านะจ๊ะพี่จ๋า
ชอบวิวอันนี้มากสวยจริงสวยจังบ้านสายหมอกก็จะอยู่ช่วงล่างนะจ๊ะพี่จ๋า ของน้องที่พักที่ได้คือบ้านดอยเคียงดาวจ้ะฮ่าๆๆๆๆๆมาสามคนแต่ได้ที่พักบ้านเจ็ดคน นอนเพลินไปอีกกกกกก
เนื่องจากน้องมาถึงก่อนเวลาเช็ดอิน น้องก็เลยโทรหาพี่ที่บ้านพักขอฝากของหน่อย เพื่อนของน้องที่เคยมาบอกว่าให้ไปจิบกาแฟชมวิวที่บ้านระเบียงดาว ก็เลยไปตรงนี้ก็เป็นมุมยอดฮิตไปเลยจ้ะพี่จ๋า คือดี คืองาม สมกับเป็นมุมป็อบปูล่าจริงๆ เพื่อนชะนีของน้องไม่รอช้า องค์แม่ติช่าประทับร่างทันที พี่เกดเลยสั่งให้กดหนึ่งชัตเตอร์เท่านั้น สตรอง สตรอง และสตรองเจ้าค่ะ
ซึ่งน้องก็เคยสงสัยว่าทำไมโฆษณากาแฟต้องเป็นภูเขาหรือดอย คือน้องเข้าใจว่าการปลูกส่วนใหญ่จะเป็นเขาไงพี่จ๋าแต่ไม่เข้าใจว่ากินจริงๆแล้วมันจะฟินจนพริ้มขนาดนั้นเลยหรอ เหมือนการกินน้ำมะพร้าวกับสับปะรดที่ทะเล แต่พอได้ลองจริงๆมันแบบว่า เฮ้ยมันวิเศษมากคือมันดึงอารมณ์เราได้มากกว่ารสชาติมันทำให้สดชื่นจนเคลิ้มจริงๆนะพี่จ๋า
พอกินกาแฟเสร็จน้องก็หิวข้าว เพราะติดอยู่ในภวังค์ตรงระเบียงดาวนานมากกกกกก็เลยเดินหาร้านของกินไปเรื่อยๆจนเจอความอเมซิ่ง นั่นคือเจ้าแตงกวาดอยลูกยักษ์น้ำหนักต่อหนึ่งลูกเกือบห้ากิโล ใหญ่โตโอ่โถงอะไรขนาดนี้ล่ะแม่คู้ณณณ ตอนแรกน้องคิดว่าเป็นแคนตาลูป แล้วคนอ๊องอย่างน้องมีหรือจะพลาดน้องซื้อกลับไปเป็นของฝากให้แม่โดยลืมนึกไปว่าต้องอยู่เชียงใหม่อีก 2 วันฮ่าๆๆๆๆ
อันนี้ก็เด็ดเกาลัคดอย มันดีแทะเพลิน ใครไปอยากให้ลองจ้ะพี่จ๋า
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแตงกวาดอย ตำแตงดอยแซ่บสะท้านดอยมากค่ะ
กระปุกๆนั้นน้ำพริกลีซอบอกได้คำเดียวถึงพริกถึงขิงมากกินกับแตงกวาแบบว่าเข้ากันสุด พอกินข้าวกลางวันเสร็จเข้าที่พักนอนพักผ่อนค่ะ
ข้าวกลางวันผ่านไปข้าวเย็นมาละจร้า และก็มีน้ำพริกลีซอเช่นกัน น้องว่าเสน่ห์อาหารของที่นี่ตรงที่แต่ละบ้านมีสูตรน้ำพริกไม่เหมือนกันนะพี่จ๋า คือฝันของน้องต้องลองให้ครบทุกบ้านนะจ๊ะะพี่จ๋า
เด๊วเรามาต่อกันใน PART 2
[CR] คนอ๊องไปเที่ยวเชียงใหม่ จึงเกิดเป็น "อ๊องTrip in Chaing-mai" ภาคน้องอ๊องต้องไปแก้บน Part 1
ฮัลโหลววว!!! สวัสดีจ้ะพี่จ๋า กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกในชีวิตน้องและเป็นการทำอะไรที่มีสาระในชีวิตน้องครั้งแรกด้วยเช่นกันจ้ะพี่จ๋า 555+ ซึ่งอาจจะจบลงด้วยกระทู้นี้กระทู้สุดท้ายเพราะโดนปิดแอคเค้าท์ฮ่าๆๆๆ มาเริ่มต้นการอ่านด้วยการอ่านคู่มือก่อนนะจ๊ะพี่จ๋า
คู่มือการอ่าน กระทู้น้องอ๊อง
1. น้องอ๊องขอเรียกตัวเองว่าน้องเพื่อให้ดูน่ารักและแบ๊วขึ้นอีกสิบเบอร์นะจ๊ะพี่จ๋า
2. อาจมีการใช้ภาษาแปลกๆในการเขียนกระทู้บ้างเพื่อให้ได้อรรถรสของความอ๊อง สงสัยคำไหนถามได้จร้า
3. อ๊อง ในที่นี้แปลว่าคนบ้าๆบอๆ มึนๆอึนๆเหมือนอาการเมาไม่มีสตินะจ๊ะพี่จ๋า
4. กระทู้อาจมีความยาวควรหาข้าวโพดคั่วและคนอ่านมาเป็นตัวช่วยนะจ๊ะ
5. รูปภาพอาจจะไม่ถูกใจและไม่สวยโดนใจพี่ๆนะจ๊ะเพราะประสบการณ์ถ่ายรูปของน้องคือง่อยเปลี้ยเพลียแรงมากกก!!!
เมื่อพวกพี่อ่านคู่มือกันแล้วมาเริ่มกันเลยจ้ะพี่จ๋า ^^
การไปเที่ยวเชียงใหม่ของน้องนี้มีที่มาและที่ไปและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเกี่ยวข้องด้วยจร้า เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าก่อนหน้านี้น้องไปเที่ยวเชียงใหม่แล้วน้องไปบนหลวงพ่อทันใจเอาไว้ว่าถ้าลูกโปรเจคเสร็จลูกจะถวายพวงมาลัยมะลิ 99 พวง แล้วน้องก็ได้สมหวังดั่งใจจริงๆแต่พอเรียนจบปุ๊บน้องก็ไม่มีโอกาสได้ไปไงจ๊ะพี่จ๋า จนถึงเวลาที่น้องเริ่มอยากทำงานกดสมัครงานไปหลายที่ไม่มีที่ไหนเรียกน้องเลยน่ะพี่จ๋า ก็เลยติ๊งต่างเอาเองว่าสงสัยหลวงพ่ออยากให้ไปหาก่อนแน่ๆ พอได้อย่างนั้นน้องก็ชวนเพื่อนชะนีผู้ร่วมทริปของน้อง แพลนแรกที่อยู่ในหัวน้องคือต้องไปนอนดอยหลวงเชียงดาวให้ได้ ก็จองที่พักเรียบร้อยก็ถึงวันเดินทางจ้ะพี่จ๋า น้องไปจองตั๋วรถไฟฟรีตั้งแต่ตีห้าจ้ะพี่จ๋าได้ตั๋วนั่งมาด้วยจ้ะพี่จ๋า และความอ๊องมันเริ่มต้นตั้งแต่วันแรกเลยจ้ะพี่จ๋า!!!
พอใกล้ถึงเวลารอบรถไฟของน้องน้องก็เตรียมนั่งรถเมไปหัวลำโพงจ้ะพี่ แต่ความพีคมันอยู่ตรงที่รถติดตรงทางไปหัวลำโพงเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งน้องงงงงงง แล้วอีก 5 นาทีรถออกตอนนั้นนึกในใจไม่ทันแน่ๆแม่เอ๊ย ลงไปเรียกวินเพื่อไปหัวลำโพงพอไปถึงปุ๊บมอไซค์จอดปุ๊บรถไฟออกปั๊บตอนนั้นน้องนึกอะไรไม่ออกคิดได้แค่ว่าวิ่งตามรถไฟต้องตามให้ทัน พอเข้าไปถึงคนทั้งชานชาลาที่หัวลำโพงมองมาที่น้องแล้วตะโกนถามน้องว่าไปเชียงใหม่ใช่ไหม น้องได้แต่พยักหน้าเท่านั้นแหล่ะจ้าคนทั้งชานชาลาเชียร์เหมือนน้องเป็นนักกีฬาโอลิมปิกด้วยประโยคที่ว่า " เชียงใหม่ เอ้าวิ่ง วิ่งอีกเร็วอีก วิ่งๆๆๆๆ" แต่ก็ไม่ทันฮ่าๆๆๆๆ แล้วพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยน้องนั่นคือพี่วินมอไซค์จะขับตามรถไฟให้พี่จ๋า พร้อมกับสโลแกนที่พูดด้วยเสียงหล่อๆว่า "ไม่ทันพี่ไม่คิดเงิน" ในใจน้องตอนนั้นนะพี่จ๋าคือถ้าไม่ทันคงต้องโกทูหมอชิตนะคะ สุดท้ายทันจ้ะพี่เอ๊ยยยยยทำให้น้องได้ไปพร้อมเพื่อนชะนีร่วมทางของน้องอีกสองคน แต่พี่วินพระเอกก็ฟาดเงินน้องไปไม่น้อยเช่นกัน แพงกว่าค่าตั๋วรถไฟอีกฮ่าๆๆๆๆๆ
เริ่มต้นด้วยรูปตั๋วรถไฟแห่งความลำบากตรากตรำของน้อง
สมาชิกผู้ร่วมทริปคนแรกของน้องค่ะ ชะนีไนท์สาวไทยหัวใจเปลี่ยว
ตามมาด้วยพีอาร์สาวสวยห้างชื่อดังย่านปิ่นเกล้า ชะนีบีเด็กดื้อไม่ยอมกินผักคะน้าาาาาาาาา
แล้วสิ่งที่น้องคาดฝันว่าจะได้เจอบนรถไฟคือเหล่าบรรดาแบ็คแพ็คเกอร์ทั้งหลายตามที่เคยอ่านรีวิวอื่นๆ แต่น้องกลับไม่เจอเจอแต่คุณลุงคุณป้าเต็มรถไฟไปหมดจ้ะพี่จ๋าแต่ก็เพลินดีได้ฟังเรื่องอะไรเก่าๆของคนแก่ก็เพลินไปอีก แล้วนั่งรถไฟไม่ต้องกลัวหิวจ้ะพี่จ๋ามีทั้งคืนแข่งกันเซเว่นก็แม่ค้า รฟท.นี่ล่ะจ้ะพี่จ๋าสารพัดเมนูจะมีให้กิน แล้วก็มีแรงดึงดูดทำให้เราต้องกินทั้งคืนทั้งๆที่ไม่ได้หิวอะไร ก็แปลกไปอีก นี่ล่ะเสน่ห์รถไฟไทย
บรรยากาศบนรถไฟก็จะเป็นประมาณนี้นะจ๊ะพี่ตอนช่วงกลางวันพอกลางคืนหรอเหยียดขายังไงก็เหยียดไปเถอะจร้าจะตีลังกาหกสูงก็ไม่มีใครว่า
นั่งไปเรื่อยๆพระอาทิตย์ก็เริ่มจะตกดิน ซึ่งบรรยากาศข้างทางแบบว่าดีมากดีแสนดีดีดี๊ดี แต่จะถ่ายยังไงให้สวยน้องพยายามแล้วนะจ๊ะพี่จ๋าแต่ได้เท่านี้ น้องเสียใจ
พอฟ้าเริ่มมืดคนก็เริ่มหลับไหล เพื่อนชะนีของน้องตอนแรกก็คุยกันดีๆพอพระอาทิตย์หลุดขอบฟ้าเท่านั้นหล่ะพี่จ๋า เงียบสนิทเหมือนโดนยาป้ายดูได้จากภาพจ้ะพี่จ๋า ตัวน้องก็คล้อยตามคล้ายว่าจะเป็นอุปทานหมู่ก็หลับไปด้วย
ในฝันกำลังพบเจ้าชายจะจูบให้เจ้าหญิงนิทราตื่นขึ้นมา แล้วก็มีเสียงแทรกเข้ามาในฝันของน้องว่าสถานีปลายทางเชียงใหม่ถึงแล้วครับ คุณพระนี่น้องถึงเชียงใหม่แล้วหรอน้องไม่รู้สึกตัวเลยจริงๆ น้องกลัวว่าเรื่องนี้จะเป็นความฝันเลยเอาหัวโขลกกับหน้าต่างอีกครั้งเพื่อเช็คความมั่นใจ อ้าวเรื่องจริงนี่ น้องก็ขนสำภาระ ลงจากรถไฟเพื่อต่อรถไปบ้านนาเลาเชียงดาว ด๊าวได่ด๊าวได่ดะดิดง ออกจากสถานีรถไฟน้องนึกว่ามีญาติผู้ใหญ่มารับน้องแบบสนามบินเรียกกันเต็มไปหมด จะเป็นใครที่ไหนได้รถแดงไงจะใครล่ะจ๊ะพี่จ๋า น้องก็บอกสถานีปลายทางของน้องไปนั่นคือขนส่งช้างเผือก คุณพี่ก็เสนอราคามาพร้อมกับจับมือน้องแล้วพาเดินไปที่รถ เดี๊ยวๆๆๆๆๆๆๆพี่จ๋าไม่เปิดโอกาสให้น้องถามคนอื่นหน่อยหรือ แต่40บาทก็ไม่เป็นไรให้ได้ คุณพี่รถแดงก็พาน้องแว๊นสนั่นหวั่นไหวนึกว่า วิญญาน พอลวอล์คเกอร์เข้าสิง ปู๊ดป๊าดปาดซ้ายปาดขวาตีลังกาหน้าหลังจนพามาถึงขนส่งช้างเผือก น้องไม่รอช้าก็รีบต่อรถไปโลตัสเชียงดาวเพื่อต่อรถขึ้นดอยอีกที โดยวิธีการเดินทางนะจ๊ะพี่จ๋า ขึ้นรถจากขนส่งช้างเผือกมาลงโลตัสเชียงดาว สายรถคือเชียงใหม่-ท่าตอนนะจ๊ะพี่จ๋า เมื่อถึงโลตัสเชียงดาวพี่จ๋าก็ถามคนแถวนั้นว่าไปเชียงดาวไปขึ้นรถตรงไหน เด๊วน้องจะแปะรูปซอยให้นะจ๊ะพี่จ๋า
ไฟบนรถแดงคุณพี่ทำให้น้องแทบอยากเปิดเพลง EDM เลยจ้ะพี่จ๋าพามึนพร้อมเสียตัวมากกกกกกก
มาต่อรถขึ้นดอยก็เจอ เซอร์ไพรซ์!!! รถไปแล้วจร้า อ่านรีวิวมาบอกว่าอาจมีแค่1ถึง2รอบ ตอนนั้นใจสั่นเลยจ้ะ แต่โชคดีมากเจอคุณป้าขาใหญ่ใจดีบอกว่าไม่ต้องกลัวเด๊วป้าเรียกรถมาให้ ด้วยความที่น้องหิวน้องก็เลยขอไปกินข้าวก่อนป้าก็เซเยสโอเคมาเลยจร้าาาาาาาา
อ่านรีวิวมาได้ข่าวว่าเด็ดแต่ไม่รู้ขาหมูร้านเดียวกันเปล่า น้องก็ลองเลยจร้าเห็นคนเยอะๆ เอาความจริงไหมจ๊ะพี่น้องเดินตามผู้ชายเข้ามาเห็นหน้าขาวๆฮ่าๆๆๆๆๆ ขาหมูที่นี่มีความแปลกเพราะน้ำแดงแต่รสชาติก็ทั่วไป แต่มันของขาหมูอันนี้แบบดีมากกกกกกกกกกกกกกก ถ้าไม่ติดว่าน้องต้องกลับไปเป็นนางแบบน้องจะกินซักกิโล
มีต้มจืดให้ด้วยนะพี่จ๋า ต้มมะระอันนี้ดีกว่าขาหมู เพราะหมูสามชั้นในนั้นดีงามเหลือหลายต้มได้ดีโอ๊ยถ้าโลกนี้ไม่มีคำว่าอาหารบูดนะจ๊ะพี่จ๋าจะห่อกลับบ้าน
พอกินเสร็จน้องก็รีบเดินไปขึ้นรถ ก็เข้าไปในซอยนี้นะจ๊ะพี่จ๋าซอยต่อรถไปเชียงดาว หน้ารถจะเขียนว่าเชียงใหม่เมืองทองมั้งมิแน่ใจ ลุงคนขับรถที่จะขับขึ้นดอยถ้าใครหลายคนเห็นต้องนึกในใจว่าจะไหวไหม ลุงแก่มากผมสีขาวทั้งหัวเดินเหมือนจะไม่ไหวมากับป้าหนึ่งคนน่าจะเป็นภรรยาลุงก็มีลักษณะเหมือนกัน แต่พอขึ้นรถจับเกียร์เหยียบคันเร่งได้เท่านั้นละจ๊ะพี่จ๋า โอ๊ยไม่เหมือนไม่แตะเบรค ทางขึ้นเขาชันมากคดเคี้ยวเลี้ยดลดมาก แต่ลุงขับได้แบบว่านึกว่าอาจารย์ของเจย์โชว์ในโตเกียวดิฟท์ ป้าที่นั่งข้างคุณลุงต้องยิ้มมุมปากใส่น้องแบบคุณอุบลแน่ๆ โอ๊ยน้องยอมจ้ะพี่จ๋าอกคุณแป้นจะไหลออกมา คุณพี่รถแดงว่าฟาสเจอคุณลุงรถดอยเข้าไปคุณลุงแทบใช้วลีเด็ดเลยค่ะ "กราบรถลุง" ค่ารถ 50 บาทแพงกว่า 10บาทแต่ขับได้แบบเกินคุ้มน้องคิดว่าราคาโรลแบ็คไปเลยค่ะ
ลุงปาดซ้ายปาดขวามาได้ไม่นานก็มาถึงเชียงดาวแล้วนะเออ วิวดีจริงดีจังมากจ้ะพี่จ๋าอากาศเย็นหน่อยๆแต่ยังไม่ถึงกับหนาว น้องขึ้นรถจากขนส่งช้างเผือกหกโมงเช้ามาถึงบ้านาเลาแปดโมงก็เร็วพอสมควร มาที่นี่ต้องมีสกิลการฟังที่ดีนิดนึงนะคะ ใครหูไม่ดีหูหนวกหูดับน้ในหูไม่เท่ากันจะฟังยากนิดนึงเพราะคนที่นี่เป็นคนเผ่าลีซอจะมีสำเนียงของเขาคนไหนพูดชัดก็จะชัดฟังง่าย คนไหนไม่ชัดก็ต้องทวนกันหน่อยนะจ๊ะพี่จ๋า
มาถึงก็ต้องเดินเข้าไปที่พักอีกนะจ๊ะพี่จ๋า ความจริงจะมีรถที่ขับเข้าไปยันข้างใน แต่น้องไม่ได้เจอคันนั้นไงเลยเดินฮ่าๆๆๆๆ
วิวดีแสนดี ใครที่ได้ที่พักช่วงบนๆจะโชคดีหน่อยจะเห็นวิวได้ดีกว่าถ่ายรูปสวยหน่อย เช่นบ้านระเบียงดาว แต่ถ้าใครได้ที่พักอยู่ล่างหน่อยก็จะโชคดีตรงที่อากาศรมรื่นหน่อย ตอนเช้าๆสัมผัสหมอกได้ใกล้ชิดกว่านะจ๊ะพี่จ๋า
ชอบวิวอันนี้มากสวยจริงสวยจังบ้านสายหมอกก็จะอยู่ช่วงล่างนะจ๊ะพี่จ๋า ของน้องที่พักที่ได้คือบ้านดอยเคียงดาวจ้ะฮ่าๆๆๆๆๆมาสามคนแต่ได้ที่พักบ้านเจ็ดคน นอนเพลินไปอีกกกกกก
เนื่องจากน้องมาถึงก่อนเวลาเช็ดอิน น้องก็เลยโทรหาพี่ที่บ้านพักขอฝากของหน่อย เพื่อนของน้องที่เคยมาบอกว่าให้ไปจิบกาแฟชมวิวที่บ้านระเบียงดาว ก็เลยไปตรงนี้ก็เป็นมุมยอดฮิตไปเลยจ้ะพี่จ๋า คือดี คืองาม สมกับเป็นมุมป็อบปูล่าจริงๆ เพื่อนชะนีของน้องไม่รอช้า องค์แม่ติช่าประทับร่างทันที พี่เกดเลยสั่งให้กดหนึ่งชัตเตอร์เท่านั้น สตรอง สตรอง และสตรองเจ้าค่ะ
ซึ่งน้องก็เคยสงสัยว่าทำไมโฆษณากาแฟต้องเป็นภูเขาหรือดอย คือน้องเข้าใจว่าการปลูกส่วนใหญ่จะเป็นเขาไงพี่จ๋าแต่ไม่เข้าใจว่ากินจริงๆแล้วมันจะฟินจนพริ้มขนาดนั้นเลยหรอ เหมือนการกินน้ำมะพร้าวกับสับปะรดที่ทะเล แต่พอได้ลองจริงๆมันแบบว่า เฮ้ยมันวิเศษมากคือมันดึงอารมณ์เราได้มากกว่ารสชาติมันทำให้สดชื่นจนเคลิ้มจริงๆนะพี่จ๋า
พอกินกาแฟเสร็จน้องก็หิวข้าว เพราะติดอยู่ในภวังค์ตรงระเบียงดาวนานมากกกกกก็เลยเดินหาร้านของกินไปเรื่อยๆจนเจอความอเมซิ่ง นั่นคือเจ้าแตงกวาดอยลูกยักษ์น้ำหนักต่อหนึ่งลูกเกือบห้ากิโล ใหญ่โตโอ่โถงอะไรขนาดนี้ล่ะแม่คู้ณณณ ตอนแรกน้องคิดว่าเป็นแคนตาลูป แล้วคนอ๊องอย่างน้องมีหรือจะพลาดน้องซื้อกลับไปเป็นของฝากให้แม่โดยลืมนึกไปว่าต้องอยู่เชียงใหม่อีก 2 วันฮ่าๆๆๆๆ
อันนี้ก็เด็ดเกาลัคดอย มันดีแทะเพลิน ใครไปอยากให้ลองจ้ะพี่จ๋า
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแตงกวาดอย ตำแตงดอยแซ่บสะท้านดอยมากค่ะ
กระปุกๆนั้นน้ำพริกลีซอบอกได้คำเดียวถึงพริกถึงขิงมากกินกับแตงกวาแบบว่าเข้ากันสุด พอกินข้าวกลางวันเสร็จเข้าที่พักนอนพักผ่อนค่ะ
ข้าวกลางวันผ่านไปข้าวเย็นมาละจร้า และก็มีน้ำพริกลีซอเช่นกัน น้องว่าเสน่ห์อาหารของที่นี่ตรงที่แต่ละบ้านมีสูตรน้ำพริกไม่เหมือนกันนะพี่จ๋า คือฝันของน้องต้องลองให้ครบทุกบ้านนะจ๊ะะพี่จ๋า
เด๊วเรามาต่อกันใน PART 2