สวัสดีค่ะ นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกนะคะ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
โครเอเชียเป็นประเทศที่อยากไปมานานมากๆ แล้ว เพราะเคยดูจากรายการ The Bachelorette season Jef and Emily รู้สึกสวยและน่าเที่ยวมากๆ บอกตัวเองมาตลอดว่าอยากจะไป (เดท?) ที่นี่ให้ได้สักครั้ง
เมื่อหาวัน และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ได้ 1 คน (ซึ่งไม่ใช่ไปเดท T T 555+) แผนการเตรียมตัวก็เริ่มต้นขึ้น เพิ่มเติมนิดนึงว่า พี่ที่ไปด้วยกันมีปัญหาสุขภาพเป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อนด้วย เพิ่งฉีด Steroid เข้าไขสันหลัง 1 สัปดาห์ก่อนไป ใจสู้มากๆ สามารถเที่ยวได้ราบรื่นตลอดทริป เลยอยากจะบอกคนที่มีปัญหาปวดเรื้อรังว่า อย่าให้อาการปวดมาเป็นตัวจำกัดความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆของเรานะคะ
แผนการเที่ยว
แผนของเราคือ เที่ยวจากทางใต้ของ โครเอเชีย ขึ้นมาทางเหนือ เลียบทะเลเอเดรียติกมาเรื่อยๆ
การทำวีซ่าเข้าประเทศโครเอเชีย
VFS Croatia ศูนย์รับทำวีซ่าโครเอเชีย ปัจจุบันมีศูนย์รับทำวีซ่าโครเอเชียในกรุงเทพ แต่ไม่มีสถานฑูต จึงต้องส่งหนังสือเดินทางไปขอวีซ่าที่ประเทศอินโดนีเซียอีกที VFS นี้ตั้งอยู่ที่เดียวกับ VFS Italy กับ Austria คือ ที่สีลม คอมเพล็กซ์ ชั้น 15 เดินทางโดย BTS สถานี ศาลาแดง หรือ MRT สีลม ไม่จำเป็นต้องแลกบัตร เวลาทำการ 8.00-16.00 แนะนำให้ไป 8.00 เพราะถ้าไม่ได้คิวแรก อาจจะต้องรอนาน เพราะส่วนใหญ่เป็นบริษัททัวร์ ซึ่ง 1 คิวเท่ากับ 1 กลุ่มประมาณ 10++ คน ถ้าไปคิวแรก ใช้เวลาประมาณ15 นาที
ที่นี่มีบริการถ่ายรูป 200 บาท และถ่ายเอกสารแผ่นละ 2 บาท
ข้อมูลทั้งหมดสามารถดูได้จากเวบไซต์ (ส่วนภาษาอังกฤษจะละเอียดกว่าภาษาไทย) มีปัญหาสามารถโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 026321541โทรติดง่าย เจ้าหน้าที่ตอบคำถามดี
http://www.vfsglobal.com/croatia/thailand/Thai/Tourist.html
เอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่า
แบบฟอร์มการขอวีซ่าโครเอเชีย สามารถ Download ได้จากเวบไซต์
หนังสือเดินทาง พร้อมสำเนาหน้าแรก 1 ใบ และสำเนาหน้าวีซ่าเชงเก้นที่เคยได้ทุกหน้า
รูปถ่าย 1 รูป จะติดแบบฟอร์มไปเลยก็ได้ หรือถ้าไม่ เจ้าหน้าที่จะติดให้เอง
ประกันการเดินทาง มูลค่าคุ้มครองรวม 2 ล้านขึ้นไป ให้เลือกยุโรป หรือ Worldwide (จขกท. ใช้บริษัท BUPA)
ตั๋วเครื่องบินไปกลับ (จขกท. เดินทาง Bangkok-Austria-Zagreb โดย Austrian airline)
แผนการเดินทาง
เอกสารการจองโรงแรม (จขกท.จองจาก booking.com)
เอกสารการเงินจากธนาคาร (จขกท. ใช้ Statement จากธนาคาร ไม่ต้องสำเนาสมุดบัญชี)
หลักฐานการจ้างงาน
เงินค่าธรรมเนียมวีซ่า ซึ่งรวมทั้งค่าส่งไปดำเนินเรื่องขอวีซ่าที่ประเทศอินโดนีเซีย + 200 บาทค่าส่งหนังสือเดินทางกลับมาที่บ้าน
15 วันผ่านไป ทางศูนย์ VFS ก้อโทรมาแจ้งว่าได้วีซ่าเรียบร้อยแล้วค่ะ พร้อมไปกันเลย
)
ออกเดินทาง
Bangkok --> Vienna --> Zagreb by Austrian airlines จากนั้นนั่งเครื่องภายในประเทศ Croatian airlines ต่อไปยัง Dubrovnik เพื่อเริ่มต้นเที่ยวจากทางใต้กลับขึ้นมาทางเหนือของ Croatia ค่ะ
วันแรก
-มาถึง Zagreb ผ่าน ต.ม.เลยก่อนที่จะบินต่อไป Dubrovnik
-พอรับกระเป๋าออกมาตรงทางออกจะเห็นที่แลกเงินเลย เราแลกเงิน Euro ที่เราแลกจากเมืองไทยมาเป็น Kuna เงินสกุลของโครเอเชีย
-ซื้อซิมการ์ดของโครเอเชียที่ร้านขายของชำเล็กๆ เราเลือก T-mobile เพราะเท่าที่อ่านรีวิวมา บอกว่าสัญญาณดีสุด ทั่วโครเอเชีย ราคา 11 Euro หรือ 85 Kuna เป็น Unlimited 7 วัน (จริงๆ มีอีกยี่ห้อนึงขายร้านเดียวกันชื่อ VIP 10 Euro นะคะอาจจะดีเหมือนกันก้อได้) อันที่ซื้อมา สัญญาณดีมากค่ะ ไม่มีปัญหาเลย ใช้ได้อย่างราบรื่นตลอดทริป
-เดินมา check in ไป Dubrovnik เจ้าหน้าที่จะให้ยืนรอ 5-10 วินาที ตรง Counter ที่เรา check in เลยเพื่อให้รอสแกนกระเป๋าว่าไม่มีปัญหาอะไร
-คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษฟังง่าย และภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ค่อนไปทางดีมากๆ
-ความเฟรนด์ลี่ เราลงความเห็นกับพี่ที่ไปด้วยกันแล้วว่า คนอายุมากจะใจดี เฟรนด์ลี่ ส่วนคนอายุน้อย จะค่อนข้างธุรกิจนิดนึง ไม่เฟรนด์ลี่เท่าไร และบางคนแอบรู้สึกว่า เค้าดูถูกคนเอเชีย
-สนามบิน Zagreb เล็กมาก นอกสนามบินก้อไม่มีอะไร ห่างจากตัวเมืองประมาณครึ่งชั่วโมง ในสนามบิน มีร้านอาหารที่ไม่อร่อยและแพงอยู่ชั้น 2 ส่วนชั้นล่างมีร้านคาเฟ่เล็กๆ 2 ร้าน นั่งได้ มีแซนวิช รสชาติพอกินได้ คนขายใจดีกว่าร้านอาหารข้างบน ตอนเราไปซื้อมีลดราคาให้นิดหน่อยด้วย พวกเราหิวมากแล้วตอนนั้น เลยรู้สึกว่าแซนวิชอร่อยโฮกกก
ข้างนอกสนามบิน มีสนามเด็กเล่นเล็กๆ ร้างมาก เราเบื่อๆ ระหว่างรอ เลยแอบทิ้งพี่ให้เฝ้ากระเป๋า หนีไปเล่นคนเดียว 555++ ขอโต้ดดค่าาา
Dubrovnik
-สามารถเข้าเมืองไปส่วน Old town ได้ 2 วิธีถ้าไม่มีรถ คือ Airport shuttle bus และ Taxi แน่นอนว่า Bus ถูกกว่า แต่ตอนเราวางแผนไม่รู้อะไรบังตา ดันคำนวณผิดเป็น Taxi ถูกกว่า เลยจองมาแล้วกับที่พัก (จนป่านนี้พี่ที่ไปด้วยกันยังไม่ทราบ ยังไงอ่านแล้วอย่าพูดไป เก็บเป็นความลับไว้นะคะ ^^)
-ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ก้อมาถึงตัวเมืองเก่าของ Dubrovnik รถ Taxi มาส่งที่ Buza gate คือ เป็นส่วนที่จอดรถของบริเวณ City wall ถ้าเรามารถบัส จะมาจอดที่ Pile gate ซึ่งเป็นคนละจุดกัน
-Check in เข้าที่พัก เป็นบ้านของคุณตาคุณยาย ที่แบ่งห้องให้เช่า หลานชายคุณตาคุณยายมารับ หน้าตาดี สูง แต่เด็กกว่าเราครึ่งนึง T T เลยต้องตัดใจ
-เก็บของเรียบร้อยก้อเดินออกไปดูบ้านเมืองกัน และตั้งใจว่าจะไปซื้อตั๋วรถบัสต่อไป Split เลย
-จากรูปภาพคือแผนที่ภายในส่วน City wall Dubrovnik จะเห็นถนนหลักใหญ่ตรงกลางคือ Stradun ถ้าไปไม่ถูกให้เดินไปตรงนี้ก่อน
-Stradun street
-ต้งใจว่าจะไปซื้อตั๋วรถที่ Pile gate แต่เพิ่งทราบทีหลังว่า ต้องไปซื้อที่ Main bus station ซึ่งต้องนั่ง Local bus ไป 10-15 นาที ตอนนั้นก้อเงิบไปเล็กน้อย
-ไปคุยกับ Information ที่ Pile gate (ติดกับ Bus stop) ก้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Dubrovnik card ทำให้หลงผิดซื้อ Dubrovnik card 3 days มาค่ะ เอาเป็นว่า ใน Card สามารถใช้ขึ้นรถบัสได้ 4 ครั้งฟรี เราจึงขึ้น Local bus free ไปได้ หลักการใช้ ก้อแค่ยื่นให้คนขับรถ แล้วเค้าจัดการเอง
-Main bus station
-เราสามารถดูตารางรถบัสล่วงหน้าได้จาก website
http://www.buscroatia.com/ แต่ควรคอนเฟิร์มดูที่สถานีอีกทีด้วยนะคะ
-ซื้อตั๋วแล้วก้อรอรถบัสกลับไปยังส่วน City wall
-จากนั้นเราก้อเดินชมเมืองกัน เป็นช่วงพระอาทิตย์ตกพอดี เราตั้งใจจะไปขึ้น Cable car กันเลยช่วงพระอาทิตย์ตก ด้วยเนื่องจากเห็นอากาศดีฝนไม่ตก เราดูพยากรณ์อากาศมาบอกว่า หลังจากนี้ฝนจะตกทุกวัน T T ทำให้การวางแผนต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนพอสมควร
-เดินกลับมายังที่พัก หาอาหารมื้อแรกแบบดีๆกินระหว่างทาง เราตั้งใจกันแต่แรกแล้วว่าจะกิน Seafood เพราะหลายคนบอกว่าดีมาก และห้ามพลาด มีร้านอาหารอยู่ตามทางเดินมากมายให้เลือก
-ในที่สุดเราก้อเลือกได้ร้านอาหารแรก เหตุผลที่เลือกเพราะรูปอาหารที่น่ากิน เจ้าของร้านดูใจดี เชฟดูหล่อ และมีคนนั่งหลายโต๊ะ อาหารอร่อยโอเคเลยค่ะ
-คืนนั้นฝนตกหนัก เราก้อลุ้นกันมากว่า ตอนเช้าจะหยุดหรือเปล่า สุดท้ายก้อหยุด เราเลยตัดสินใจขึ้นไป City wall เลย เพราะไม่รู้จะตกอีกเมื่อไร
-Dubrovnik card 3 days : เหตุผลที่ซื้อตอนแรกเพราะคิดว่า สามารถขึ้น City wall ได้ 3 วัน สรุปเข้าใจผิดค่ะ !!! เราคิดว่าฝนจะตก ถ้าขึ้นได้หลายครั้งก้อดี เลยซื้อ สุดท้ายขึ้นได้ครั้งเดียว T T คนอื่นอาจจะคุ้ม แต่สำหรับเราคำนวณแล้วไม่คุ้มเลยค่ะ ใน Card จะมีบัตรผ่านฟรีเข้า Museum ได้หลายอัน และขึ้นบัสได้ 4 ครั้ง แต่สำหรับเรา Museum เฉยๆ เราเข้าไปทุกอันเพราะเสียดาย ตามจริงเราว่าไม่ค่อยมีไรเท่าไร สรุปว่าถ้ารู้แต่แรกว่าขึ้นได้ครั้งเดียวจะไม่ซื้อ T T
-แต่ในเมื่อมีแล้วก้อต้องใช้ เราเอา 3 days card ไปแลกบัตรผ่านจริงและขึ้นไปบน City wall ค่ะ
-ตอนเดินขึ้นไปตอนแรก ดีใจดูมีแดด พอเดินๆ ไป ถ่ายรูปทำไมมืดจัง โอ้ววว เมฆดำมาเชียว T T เลยต้องรีบๆ เดิน สรุปต้องลงกลางทาง และมาซ่อมในวันถัดมาค่ะ แล้วเลยมารู้ความจริงว่า ต้องเสียเงินอีก 120 kuna เพื่อจะขึ้นไปอีกรอบ ตอนนั้นก้อลังเลกันมากว่าจะขึ้นมั๊ย แต่ก้อตัดสินใจขึ้นเพราะวันแรกเพ่ิ่งเดินไปนิดเดียว T T วันที่สองก้อฟ้ามืดครึ้มเหมือนเดิม แต่โชคดียังได้เดินจนหมดค่ะ T___T ฟ้าฝนไม่เป็นใจ รูปเป็นรูปรวมทั้ง 2 วันนะคะ
สองสาววัยกลางคน Backpack ไป Croatia (1) : Dubrovnik
โครเอเชียเป็นประเทศที่อยากไปมานานมากๆ แล้ว เพราะเคยดูจากรายการ The Bachelorette season Jef and Emily รู้สึกสวยและน่าเที่ยวมากๆ บอกตัวเองมาตลอดว่าอยากจะไป (เดท?) ที่นี่ให้ได้สักครั้ง
เมื่อหาวัน และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ได้ 1 คน (ซึ่งไม่ใช่ไปเดท T T 555+) แผนการเตรียมตัวก็เริ่มต้นขึ้น เพิ่มเติมนิดนึงว่า พี่ที่ไปด้วยกันมีปัญหาสุขภาพเป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อนด้วย เพิ่งฉีด Steroid เข้าไขสันหลัง 1 สัปดาห์ก่อนไป ใจสู้มากๆ สามารถเที่ยวได้ราบรื่นตลอดทริป เลยอยากจะบอกคนที่มีปัญหาปวดเรื้อรังว่า อย่าให้อาการปวดมาเป็นตัวจำกัดความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆของเรานะคะ
แผนการเที่ยว
แผนของเราคือ เที่ยวจากทางใต้ของ โครเอเชีย ขึ้นมาทางเหนือ เลียบทะเลเอเดรียติกมาเรื่อยๆ
การทำวีซ่าเข้าประเทศโครเอเชีย
VFS Croatia ศูนย์รับทำวีซ่าโครเอเชีย ปัจจุบันมีศูนย์รับทำวีซ่าโครเอเชียในกรุงเทพ แต่ไม่มีสถานฑูต จึงต้องส่งหนังสือเดินทางไปขอวีซ่าที่ประเทศอินโดนีเซียอีกที VFS นี้ตั้งอยู่ที่เดียวกับ VFS Italy กับ Austria คือ ที่สีลม คอมเพล็กซ์ ชั้น 15 เดินทางโดย BTS สถานี ศาลาแดง หรือ MRT สีลม ไม่จำเป็นต้องแลกบัตร เวลาทำการ 8.00-16.00 แนะนำให้ไป 8.00 เพราะถ้าไม่ได้คิวแรก อาจจะต้องรอนาน เพราะส่วนใหญ่เป็นบริษัททัวร์ ซึ่ง 1 คิวเท่ากับ 1 กลุ่มประมาณ 10++ คน ถ้าไปคิวแรก ใช้เวลาประมาณ15 นาที
ที่นี่มีบริการถ่ายรูป 200 บาท และถ่ายเอกสารแผ่นละ 2 บาท
ข้อมูลทั้งหมดสามารถดูได้จากเวบไซต์ (ส่วนภาษาอังกฤษจะละเอียดกว่าภาษาไทย) มีปัญหาสามารถโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 026321541โทรติดง่าย เจ้าหน้าที่ตอบคำถามดี
http://www.vfsglobal.com/croatia/thailand/Thai/Tourist.html
เอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่า
แบบฟอร์มการขอวีซ่าโครเอเชีย สามารถ Download ได้จากเวบไซต์
หนังสือเดินทาง พร้อมสำเนาหน้าแรก 1 ใบ และสำเนาหน้าวีซ่าเชงเก้นที่เคยได้ทุกหน้า
รูปถ่าย 1 รูป จะติดแบบฟอร์มไปเลยก็ได้ หรือถ้าไม่ เจ้าหน้าที่จะติดให้เอง
ประกันการเดินทาง มูลค่าคุ้มครองรวม 2 ล้านขึ้นไป ให้เลือกยุโรป หรือ Worldwide (จขกท. ใช้บริษัท BUPA)
ตั๋วเครื่องบินไปกลับ (จขกท. เดินทาง Bangkok-Austria-Zagreb โดย Austrian airline)
แผนการเดินทาง
เอกสารการจองโรงแรม (จขกท.จองจาก booking.com)
เอกสารการเงินจากธนาคาร (จขกท. ใช้ Statement จากธนาคาร ไม่ต้องสำเนาสมุดบัญชี)
หลักฐานการจ้างงาน
เงินค่าธรรมเนียมวีซ่า ซึ่งรวมทั้งค่าส่งไปดำเนินเรื่องขอวีซ่าที่ประเทศอินโดนีเซีย + 200 บาทค่าส่งหนังสือเดินทางกลับมาที่บ้าน
15 วันผ่านไป ทางศูนย์ VFS ก้อโทรมาแจ้งว่าได้วีซ่าเรียบร้อยแล้วค่ะ พร้อมไปกันเลย )
ออกเดินทาง
Bangkok --> Vienna --> Zagreb by Austrian airlines จากนั้นนั่งเครื่องภายในประเทศ Croatian airlines ต่อไปยัง Dubrovnik เพื่อเริ่มต้นเที่ยวจากทางใต้กลับขึ้นมาทางเหนือของ Croatia ค่ะ
วันแรก
-มาถึง Zagreb ผ่าน ต.ม.เลยก่อนที่จะบินต่อไป Dubrovnik
-พอรับกระเป๋าออกมาตรงทางออกจะเห็นที่แลกเงินเลย เราแลกเงิน Euro ที่เราแลกจากเมืองไทยมาเป็น Kuna เงินสกุลของโครเอเชีย
-ซื้อซิมการ์ดของโครเอเชียที่ร้านขายของชำเล็กๆ เราเลือก T-mobile เพราะเท่าที่อ่านรีวิวมา บอกว่าสัญญาณดีสุด ทั่วโครเอเชีย ราคา 11 Euro หรือ 85 Kuna เป็น Unlimited 7 วัน (จริงๆ มีอีกยี่ห้อนึงขายร้านเดียวกันชื่อ VIP 10 Euro นะคะอาจจะดีเหมือนกันก้อได้) อันที่ซื้อมา สัญญาณดีมากค่ะ ไม่มีปัญหาเลย ใช้ได้อย่างราบรื่นตลอดทริป
-เดินมา check in ไป Dubrovnik เจ้าหน้าที่จะให้ยืนรอ 5-10 วินาที ตรง Counter ที่เรา check in เลยเพื่อให้รอสแกนกระเป๋าว่าไม่มีปัญหาอะไร
-คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษฟังง่าย และภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ค่อนไปทางดีมากๆ
-ความเฟรนด์ลี่ เราลงความเห็นกับพี่ที่ไปด้วยกันแล้วว่า คนอายุมากจะใจดี เฟรนด์ลี่ ส่วนคนอายุน้อย จะค่อนข้างธุรกิจนิดนึง ไม่เฟรนด์ลี่เท่าไร และบางคนแอบรู้สึกว่า เค้าดูถูกคนเอเชีย
-สนามบิน Zagreb เล็กมาก นอกสนามบินก้อไม่มีอะไร ห่างจากตัวเมืองประมาณครึ่งชั่วโมง ในสนามบิน มีร้านอาหารที่ไม่อร่อยและแพงอยู่ชั้น 2 ส่วนชั้นล่างมีร้านคาเฟ่เล็กๆ 2 ร้าน นั่งได้ มีแซนวิช รสชาติพอกินได้ คนขายใจดีกว่าร้านอาหารข้างบน ตอนเราไปซื้อมีลดราคาให้นิดหน่อยด้วย พวกเราหิวมากแล้วตอนนั้น เลยรู้สึกว่าแซนวิชอร่อยโฮกกก
ข้างนอกสนามบิน มีสนามเด็กเล่นเล็กๆ ร้างมาก เราเบื่อๆ ระหว่างรอ เลยแอบทิ้งพี่ให้เฝ้ากระเป๋า หนีไปเล่นคนเดียว 555++ ขอโต้ดดค่าาา
Dubrovnik
-สามารถเข้าเมืองไปส่วน Old town ได้ 2 วิธีถ้าไม่มีรถ คือ Airport shuttle bus และ Taxi แน่นอนว่า Bus ถูกกว่า แต่ตอนเราวางแผนไม่รู้อะไรบังตา ดันคำนวณผิดเป็น Taxi ถูกกว่า เลยจองมาแล้วกับที่พัก (จนป่านนี้พี่ที่ไปด้วยกันยังไม่ทราบ ยังไงอ่านแล้วอย่าพูดไป เก็บเป็นความลับไว้นะคะ ^^)
-ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ก้อมาถึงตัวเมืองเก่าของ Dubrovnik รถ Taxi มาส่งที่ Buza gate คือ เป็นส่วนที่จอดรถของบริเวณ City wall ถ้าเรามารถบัส จะมาจอดที่ Pile gate ซึ่งเป็นคนละจุดกัน
-Check in เข้าที่พัก เป็นบ้านของคุณตาคุณยาย ที่แบ่งห้องให้เช่า หลานชายคุณตาคุณยายมารับ หน้าตาดี สูง แต่เด็กกว่าเราครึ่งนึง T T เลยต้องตัดใจ
-เก็บของเรียบร้อยก้อเดินออกไปดูบ้านเมืองกัน และตั้งใจว่าจะไปซื้อตั๋วรถบัสต่อไป Split เลย
-จากรูปภาพคือแผนที่ภายในส่วน City wall Dubrovnik จะเห็นถนนหลักใหญ่ตรงกลางคือ Stradun ถ้าไปไม่ถูกให้เดินไปตรงนี้ก่อน
-Stradun street
-ต้งใจว่าจะไปซื้อตั๋วรถที่ Pile gate แต่เพิ่งทราบทีหลังว่า ต้องไปซื้อที่ Main bus station ซึ่งต้องนั่ง Local bus ไป 10-15 นาที ตอนนั้นก้อเงิบไปเล็กน้อย
-ไปคุยกับ Information ที่ Pile gate (ติดกับ Bus stop) ก้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Dubrovnik card ทำให้หลงผิดซื้อ Dubrovnik card 3 days มาค่ะ เอาเป็นว่า ใน Card สามารถใช้ขึ้นรถบัสได้ 4 ครั้งฟรี เราจึงขึ้น Local bus free ไปได้ หลักการใช้ ก้อแค่ยื่นให้คนขับรถ แล้วเค้าจัดการเอง
-Main bus station
-เราสามารถดูตารางรถบัสล่วงหน้าได้จาก website http://www.buscroatia.com/ แต่ควรคอนเฟิร์มดูที่สถานีอีกทีด้วยนะคะ
-ซื้อตั๋วแล้วก้อรอรถบัสกลับไปยังส่วน City wall
-จากนั้นเราก้อเดินชมเมืองกัน เป็นช่วงพระอาทิตย์ตกพอดี เราตั้งใจจะไปขึ้น Cable car กันเลยช่วงพระอาทิตย์ตก ด้วยเนื่องจากเห็นอากาศดีฝนไม่ตก เราดูพยากรณ์อากาศมาบอกว่า หลังจากนี้ฝนจะตกทุกวัน T T ทำให้การวางแผนต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนพอสมควร
-เดินกลับมายังที่พัก หาอาหารมื้อแรกแบบดีๆกินระหว่างทาง เราตั้งใจกันแต่แรกแล้วว่าจะกิน Seafood เพราะหลายคนบอกว่าดีมาก และห้ามพลาด มีร้านอาหารอยู่ตามทางเดินมากมายให้เลือก
-ในที่สุดเราก้อเลือกได้ร้านอาหารแรก เหตุผลที่เลือกเพราะรูปอาหารที่น่ากิน เจ้าของร้านดูใจดี เชฟดูหล่อ และมีคนนั่งหลายโต๊ะ อาหารอร่อยโอเคเลยค่ะ
-คืนนั้นฝนตกหนัก เราก้อลุ้นกันมากว่า ตอนเช้าจะหยุดหรือเปล่า สุดท้ายก้อหยุด เราเลยตัดสินใจขึ้นไป City wall เลย เพราะไม่รู้จะตกอีกเมื่อไร
-Dubrovnik card 3 days : เหตุผลที่ซื้อตอนแรกเพราะคิดว่า สามารถขึ้น City wall ได้ 3 วัน สรุปเข้าใจผิดค่ะ !!! เราคิดว่าฝนจะตก ถ้าขึ้นได้หลายครั้งก้อดี เลยซื้อ สุดท้ายขึ้นได้ครั้งเดียว T T คนอื่นอาจจะคุ้ม แต่สำหรับเราคำนวณแล้วไม่คุ้มเลยค่ะ ใน Card จะมีบัตรผ่านฟรีเข้า Museum ได้หลายอัน และขึ้นบัสได้ 4 ครั้ง แต่สำหรับเรา Museum เฉยๆ เราเข้าไปทุกอันเพราะเสียดาย ตามจริงเราว่าไม่ค่อยมีไรเท่าไร สรุปว่าถ้ารู้แต่แรกว่าขึ้นได้ครั้งเดียวจะไม่ซื้อ T T
-แต่ในเมื่อมีแล้วก้อต้องใช้ เราเอา 3 days card ไปแลกบัตรผ่านจริงและขึ้นไปบน City wall ค่ะ
-ตอนเดินขึ้นไปตอนแรก ดีใจดูมีแดด พอเดินๆ ไป ถ่ายรูปทำไมมืดจัง โอ้ววว เมฆดำมาเชียว T T เลยต้องรีบๆ เดิน สรุปต้องลงกลางทาง และมาซ่อมในวันถัดมาค่ะ แล้วเลยมารู้ความจริงว่า ต้องเสียเงินอีก 120 kuna เพื่อจะขึ้นไปอีกรอบ ตอนนั้นก้อลังเลกันมากว่าจะขึ้นมั๊ย แต่ก้อตัดสินใจขึ้นเพราะวันแรกเพ่ิ่งเดินไปนิดเดียว T T วันที่สองก้อฟ้ามืดครึ้มเหมือนเดิม แต่โชคดียังได้เดินจนหมดค่ะ T___T ฟ้าฝนไม่เป็นใจ รูปเป็นรูปรวมทั้ง 2 วันนะคะ