[หนังโรงเรื่องที่ 160] The Girl with All the Gifts - ซอมบี้+ปรัชญา=อร่อยเป็นบ้า ; (Colm McCarthy, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A+++ (จากสเกล D-A)
*ผู้เขียนเป็นแฟนหนังซอมบี้
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : ในโลกที่แพร่ระบาดไปด้วยซอมบี้ (Hungries) ก็ยังมีฐานทัพของกลุ่มผู้รอดชีวิตทำการวิจัยหาเซรุ่มรักษาโรคอยู่ โดยทำการทดลองด้วยร่างกายของเหล่าเด็กๆที่ถูกเรียกว่า 'รุ่นที่สอง' ที่เป็นลูกครึ่งระหว่างซอมบี้-มนุษย์ (คือมีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ แต่ยังก็มีความหิวกระหายเนื้อสิ่งมีชีวิตเหมือนซอมบี้) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนางเอกของเราอย่าง 'เมลานี่'(Sennia Nanua) เด็กสาววัยใสที่ฉลาดหลักแหลมและมีความสามารถในการควบคุมตัวสูงที่สุดในบรรดาตัวทดลอง..
สารภาพเลยว่า โฮลี่ชิท! คือคำสบถแรกหลังจากหนังจบ ... หนังที่เราไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายดันกลายเป็นหนึ่งในเรื่องที่ปังที่สุดในปีนี้แทน อยากจะกราบอัญชลี-วันทา-อภิวาทผู้ประพันธ์นิยาย,คนเขียนบท,ผู้กำกับ,ตากล้อง,ป้าแม่บ้าน,เด็กส่งน้ำ และอื่นๆอีกมากมายที่ช่วยเข็นหนังดีๆเรื่องนี้ออกมาจนได้ โดยเฉพาะตอนจบนี่โคตร badass นี่ไม่เคยเห็นหนังซอมบี้เรื่องไหนที่ขึ้นสวยลงสวยได้ขนาดนี้ คือมันเป็นฟีลลิ่งที่เติมเต็มทุกความต้องการของคอหนังซอมบี้อย่างเราจริงๆ
ความดีงามอย่างแรกของหนังคือ 'เส้นเรื่อง' ที่ถูกวางไว้อย่างแยบคายโดยการวางบริบทโลกให้อยู่ในสถานะ 'ดิสโทเปีย' ที่มีซอมบี้เพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด แต่ในขณะเดียวกันมนุษย์ก็ยังมีโครงข่ายรัฐบาลและกองทัพอยู่ ซึ่งฐานทัพหลักที่เราจะได้เห็นตลอดเรื่องนั้นก็มีระบบการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ตามธรรมเนียมก็ต้องมีเหตุให้มันแตกพ่ายต่อการบุกของซอมบี้ในที่สุด (ก็ถ้าค่ายไม่แตกก็ไม่มีเรื่องให้เล่นสิเนอะ)
หนังทำได้ดีในพาร์ทของ 'หนังซอมบี้' ทั้งการวางบรรยากาศที่อึดอัด-น่าระแวงจากสิ่งที่เรามองไม่เห็น และความระทึกลุ้นจากการเอาตัวรอดจากบรรดาซอมบี้ที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีเยี่ยม ถึงแม้ว่าฉากเหล่านี้จะมีไม่บ่อยเท่าไหร่แต่มันก็สามารถสร้าง 'บรรยากาศ' (vibe) ได้ดีจนน่าจดจำ และยังมีโบนัสเป็นดราม่าระหว่างบุคคลในกลุ่มผู้รอดชีวิตที่พอจะเป็น 'เครื่องปรุง' ที่ช่วยเติมแต่งรสชาดของหนังได้อย่างพอเหมาะพอควรไม่มากเกินไป ที่สำคัญคือข้อขัดแย้งเหล่านี้มันก็เป็น 'เชิงจรรยา' (ethic) ที่น่าขบคิดต่อซะด้วยสิ .. ซึ่งสำหรับในหัวข้อนี้จะขอยกไปพูดในวรรคต่อไปครับ
ในแง่ของแง่คิดที่หนังพยายามตั้งคำถามกับคนดูก็ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้ดีเยี่ยมผ่านตัวละครสาวน้อย 'เมลานี่', ลูกครึ่งซอมบี้-มนุษย์ที่เปรียบเสมือนผ้าขาวที่อุดมไปด้วยคำถามของการ 'คงอยู่' (existence)ของตัวเองเสมอ เธอถูกปฏิบัติเยี่ยงสัตว์ป่าโดย 'จ่าปาร์ค'(Paddy Considine)ที่หวาดกลัวเธอ และถูกตีราคาเป็นแค่วัตถุดิบเซรุ่มในสายตาของนักวิจัยอย่าง 'ด.ร.แคโรไลน์'(Glenn Close) แต่ในขณะเดียวกันเธอมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับครูสาว 'จัสตินู'(Gemma Arterton) ที่ปฏิบัติกับเธอเยี่ยงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ... แล้วสรุปเธอเป็นอะไรกันแน่?
ด้วยความขัดแย้งทางมุมมองที่สุดขั้วของบรรดาสมาชิกในกลุ่ม ก็ย่อมก่อให้เกิดการถกเถียงอยู่บ่อยครั้ง จนมันสร้างคำถามที่ท้าทายศีลธรรมของคนดูอย่างเราๆขึ้นมาว่า "ถ้าการที่เมลานี่มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนคนทั่วไป แต่เธอมีพฤติกรรมการหากินที่ไม่เหมือนคนอื่น มันจะชอบธรรมมั้ยถ้าเธอจะถูกคร่าชีวิตเพียงเพื่อจะสร้างเซรุ่มสำหรับเผ่าพันธุ์อื่น?", ยิ่งเราเห็นด้านความเป็นมนุษย์ของเมลานี่มากเท่าไหร่ คำถามนี้ก็ยิ่งตอบยากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเราอาจจะมองเจตนารมณ์ของดอกเตอร์ที่มุ่งมั่นจะชำแหละเธอว่าเป็นผู้อุทิศตนแก่มนุษยชาติ .. หรืออาจจะเป็นมนุษย์เลือดเย็นที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิดก็ได้
สรุปแล้วจุดแข็งของ The Girl with All the Gifts ก็คือการเอาเรื่องที่ซับซ้อนน่าขบคิดมาถ่ายทอดได้อย่างกลมกล่อม ภายใต้การเดินเรื่องที่ไม่น่าเบื่อชวนง่วง และการเล่าเรื่องผ่านภาพและไดอะล็อคที่ละเอียดอ่อน ดังนั้นผู้เขียนขอการันตีเลยว่าความบันเทิงจากหนังเรื่องนี้นั้น มาจากความทับซ้อนของตรรกะทั้งหลายที่หนังประทังเข้ามาให้เราขบคิดแบบรัวๆ ซึ่งยิ่งคิดมันก็ยิ่งลึกขึ้น จนมันเกิดความ 'ลึกซึ้ง' ที่ทำให้เราจดจำหนังได้ไปอีกนานแสนนาน .. อย่าพลาดครับ อย่าพลาดที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงเชียว ขอรับประกัน
ป.ล.ชอบธีมเพลงส่วนตัวของเมลานี่มากๆ (ที่มันจะออกมาเฉพาะฉากที่เกี่ยวกับด้านซอมบี้ของเมลานี่) คือมันขยี้จนเรารู้สึกติดหูไปเลย ถ้าได้ลองดูหนังก็เข้าใจฟีลนี้เอง
ตัวอย่างหนัง
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
[Movie Review] The Girl with All the Gifts - ซอมบี้+ปรัชญา=อร่อยเป็นบ้า by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 160] The Girl with All the Gifts - ซอมบี้+ปรัชญา=อร่อยเป็นบ้า ; (Colm McCarthy, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A+++ (จากสเกล D-A)
*ผู้เขียนเป็นแฟนหนังซอมบี้
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : ในโลกที่แพร่ระบาดไปด้วยซอมบี้ (Hungries) ก็ยังมีฐานทัพของกลุ่มผู้รอดชีวิตทำการวิจัยหาเซรุ่มรักษาโรคอยู่ โดยทำการทดลองด้วยร่างกายของเหล่าเด็กๆที่ถูกเรียกว่า 'รุ่นที่สอง' ที่เป็นลูกครึ่งระหว่างซอมบี้-มนุษย์ (คือมีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ แต่ยังก็มีความหิวกระหายเนื้อสิ่งมีชีวิตเหมือนซอมบี้) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนางเอกของเราอย่าง 'เมลานี่'(Sennia Nanua) เด็กสาววัยใสที่ฉลาดหลักแหลมและมีความสามารถในการควบคุมตัวสูงที่สุดในบรรดาตัวทดลอง..
สารภาพเลยว่า โฮลี่ชิท! คือคำสบถแรกหลังจากหนังจบ ... หนังที่เราไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายดันกลายเป็นหนึ่งในเรื่องที่ปังที่สุดในปีนี้แทน อยากจะกราบอัญชลี-วันทา-อภิวาทผู้ประพันธ์นิยาย,คนเขียนบท,ผู้กำกับ,ตากล้อง,ป้าแม่บ้าน,เด็กส่งน้ำ และอื่นๆอีกมากมายที่ช่วยเข็นหนังดีๆเรื่องนี้ออกมาจนได้ โดยเฉพาะตอนจบนี่โคตร badass นี่ไม่เคยเห็นหนังซอมบี้เรื่องไหนที่ขึ้นสวยลงสวยได้ขนาดนี้ คือมันเป็นฟีลลิ่งที่เติมเต็มทุกความต้องการของคอหนังซอมบี้อย่างเราจริงๆ
ความดีงามอย่างแรกของหนังคือ 'เส้นเรื่อง' ที่ถูกวางไว้อย่างแยบคายโดยการวางบริบทโลกให้อยู่ในสถานะ 'ดิสโทเปีย' ที่มีซอมบี้เพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด แต่ในขณะเดียวกันมนุษย์ก็ยังมีโครงข่ายรัฐบาลและกองทัพอยู่ ซึ่งฐานทัพหลักที่เราจะได้เห็นตลอดเรื่องนั้นก็มีระบบการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ตามธรรมเนียมก็ต้องมีเหตุให้มันแตกพ่ายต่อการบุกของซอมบี้ในที่สุด (ก็ถ้าค่ายไม่แตกก็ไม่มีเรื่องให้เล่นสิเนอะ)
หนังทำได้ดีในพาร์ทของ 'หนังซอมบี้' ทั้งการวางบรรยากาศที่อึดอัด-น่าระแวงจากสิ่งที่เรามองไม่เห็น และความระทึกลุ้นจากการเอาตัวรอดจากบรรดาซอมบี้ที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีเยี่ยม ถึงแม้ว่าฉากเหล่านี้จะมีไม่บ่อยเท่าไหร่แต่มันก็สามารถสร้าง 'บรรยากาศ' (vibe) ได้ดีจนน่าจดจำ และยังมีโบนัสเป็นดราม่าระหว่างบุคคลในกลุ่มผู้รอดชีวิตที่พอจะเป็น 'เครื่องปรุง' ที่ช่วยเติมแต่งรสชาดของหนังได้อย่างพอเหมาะพอควรไม่มากเกินไป ที่สำคัญคือข้อขัดแย้งเหล่านี้มันก็เป็น 'เชิงจรรยา' (ethic) ที่น่าขบคิดต่อซะด้วยสิ .. ซึ่งสำหรับในหัวข้อนี้จะขอยกไปพูดในวรรคต่อไปครับ
ในแง่ของแง่คิดที่หนังพยายามตั้งคำถามกับคนดูก็ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้ดีเยี่ยมผ่านตัวละครสาวน้อย 'เมลานี่', ลูกครึ่งซอมบี้-มนุษย์ที่เปรียบเสมือนผ้าขาวที่อุดมไปด้วยคำถามของการ 'คงอยู่' (existence)ของตัวเองเสมอ เธอถูกปฏิบัติเยี่ยงสัตว์ป่าโดย 'จ่าปาร์ค'(Paddy Considine)ที่หวาดกลัวเธอ และถูกตีราคาเป็นแค่วัตถุดิบเซรุ่มในสายตาของนักวิจัยอย่าง 'ด.ร.แคโรไลน์'(Glenn Close) แต่ในขณะเดียวกันเธอมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับครูสาว 'จัสตินู'(Gemma Arterton) ที่ปฏิบัติกับเธอเยี่ยงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ... แล้วสรุปเธอเป็นอะไรกันแน่?
ด้วยความขัดแย้งทางมุมมองที่สุดขั้วของบรรดาสมาชิกในกลุ่ม ก็ย่อมก่อให้เกิดการถกเถียงอยู่บ่อยครั้ง จนมันสร้างคำถามที่ท้าทายศีลธรรมของคนดูอย่างเราๆขึ้นมาว่า "ถ้าการที่เมลานี่มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนคนทั่วไป แต่เธอมีพฤติกรรมการหากินที่ไม่เหมือนคนอื่น มันจะชอบธรรมมั้ยถ้าเธอจะถูกคร่าชีวิตเพียงเพื่อจะสร้างเซรุ่มสำหรับเผ่าพันธุ์อื่น?", ยิ่งเราเห็นด้านความเป็นมนุษย์ของเมลานี่มากเท่าไหร่ คำถามนี้ก็ยิ่งตอบยากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเราอาจจะมองเจตนารมณ์ของดอกเตอร์ที่มุ่งมั่นจะชำแหละเธอว่าเป็นผู้อุทิศตนแก่มนุษยชาติ .. หรืออาจจะเป็นมนุษย์เลือดเย็นที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิดก็ได้
สรุปแล้วจุดแข็งของ The Girl with All the Gifts ก็คือการเอาเรื่องที่ซับซ้อนน่าขบคิดมาถ่ายทอดได้อย่างกลมกล่อม ภายใต้การเดินเรื่องที่ไม่น่าเบื่อชวนง่วง และการเล่าเรื่องผ่านภาพและไดอะล็อคที่ละเอียดอ่อน ดังนั้นผู้เขียนขอการันตีเลยว่าความบันเทิงจากหนังเรื่องนี้นั้น มาจากความทับซ้อนของตรรกะทั้งหลายที่หนังประทังเข้ามาให้เราขบคิดแบบรัวๆ ซึ่งยิ่งคิดมันก็ยิ่งลึกขึ้น จนมันเกิดความ 'ลึกซึ้ง' ที่ทำให้เราจดจำหนังได้ไปอีกนานแสนนาน .. อย่าพลาดครับ อย่าพลาดที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงเชียว ขอรับประกัน
ป.ล.ชอบธีมเพลงส่วนตัวของเมลานี่มากๆ (ที่มันจะออกมาเฉพาะฉากที่เกี่ยวกับด้านซอมบี้ของเมลานี่) คือมันขยี้จนเรารู้สึกติดหูไปเลย ถ้าได้ลองดูหนังก็เข้าใจฟีลนี้เอง
ตัวอย่างหนัง
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..