หลังจากที่เคยได้ตั้งกระทู้เกี่ยวกับการสักไปเยอะแยะ บัดนี้สมควรแก่เวลาแล้วที่จะรีวิวสินค้าที่เกี่ยวข้องบ้าง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดูแลรอยสักทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำความสะอาด ยาทา ครีมบำรุง และกันแดด งานนี้ใช้เองจริง แม้ไม่ได้ซื้อเองทั้งหมด (ขอแบ่งเพื่อนมาลอง) ไม่มีการเป็นสปอนเซอร์ ไม่มีม้าแต่อย่างใดแจร้ แต่จะไม่ตัดเกรดหรือให้คะแนนนะ เพราะมันวัดยากมาก ตัวแปรมีเยอะ ทั้งขนาดงาน ทั้งช่วงเวลา จะบรรยายการใช้งานและความรู้สึกของการใช้แทน และบอกราคากับแหล่งซื้อหา เผื่อใครสนใจอยากลองจะได้ไปตามหาได้
Gentle Tattoo Soap
แรกสุดเลยเมื่อสักแล้วก็ต้องทำความสะอาดใช่มั้ย ความจริงช่างจะแนะนำว่าไม่ต้องลงสบู่อะไร แค่ล้างน้ำผ่านๆ เอามือลูบๆคราบหนองออกให้หมดเป็นอันใช้ได้ แต่ด้วยความที่เราซ่าเองแหละ (สักมาเยอะขึ้นชักห้าว) เราไปเห็นว่าโพรดักท์ตัวนี้เป็นตัวที่ช่างสักนิยมใช้เพื่อทำความสะอาดในระหว่างสัก ใครที่เคยสักจะรู้ว่าเวลาสักๆไปช่างจะเอาน้ำยาอะไรสักอย่างมาพ่นๆใส่ผิวตรงที่สัก มีฟองด้วย แล้วก็ปาดออก มันก็คือเจ้าสบู่สีเขียวตัวนี้แหละ แต่ว่าเขาผสมน้ำเจือจาง อัตราก็แล้วแต่ชอบ มีตั้งแต่ 1:4 และ 1:5 เราเลยคิดว่าในเมื่อใช้กับแผลสดๆได้ ก็น่าจะใช้กับแผลที่กำลังฮีลได้ดิ เลยลองซื้อมาดู ทำไว้ใช้เองที่บ้านก็ใส่ขวดโฟมปั๊มเอาจะสะดวกมาก กดปั๊มโฟมออกมากี่ปั๊มก็แล้วแต่ขนาดรอยสัก ปั๊มลงไปใกล้ๆแล้วปล่อยให้มันชะแผลเอง ไม่ต้องไปถูอะไรมากแบบตอนฟอกสบู่อาบน้ำปกติ สำหรับสบู่นี้หาซื้อได้ตามร้าน tattoo supply ทั่วไปเลย ทั้งแบบหน้าร้านหรือส่งไปรษณีย์ก็มีหมด เราเองไปซื้อร้านนึงแถวข้าวสาร ขวดนึงจุอยู่นะ 500 มล. ขาย 500 บาทถ้วน หารกันกับเพื่อนก็คุ้มค่ามาก ใช้ได้นานจนลืม ที่สำคัญแบรนด์นี้ทำโดยคนไทยเองนี่แหละ
Bepanthen First Aid
ทำความสะอาดแล้วก็ต้องทายาต่อ สำหรับ Bepanthen ก็เป็นอะไรอยู่คู่มือคนรักรอยสักมานาน ตั้งแต่สมัยก่อนที่เขาทำแต่ ointment ทาก้นเด็กอย่างเดียว จนตอนหลังที่ทำแบบตัวทาแผลมาด้วย ถ้าจะใช้ต้องเลือกให้ถูกนะ กล่องจะมีสีต่างกันและสังเกตที่คำว่า first aid เป็นหลัก เนื้อครีมก็สีขาวและข้นพอสมควร ไม่มีกลิ่นอะไร อาบน้ำและซับแผลแห้งแล้วก็ทาบางๆให้ทั่ว ทาวันละสองหน หลังอาบน้ำ ง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก ทาไปจนถึงช่วงที่สะเก็ดเริ่มลอกแล้วก็หยุดทา เปลี่ยนไปใช้ตัวบำรุงแทน สนนราคาจะอยู่ที่ 150-165 ถ้าซื้อตาม Watson หรือ Boots ราคาเต็มมั่งลดมั่ง ไม่มีถูกหรือแพงไปกว่านี้
Fucidin
ตัวนี้ก็ใช้ทาแผล ช่างคนฝรั่งเศสที่ไปสักด้วยเขาแนะนำมา ไอ่นี่ก็บ้ายุไง เป็นช่างต่างชาติคนแรกที่เคยสักด้วย ช่างพูดอะไรเชื่อหมด หลังจากสักเสร็จก่อนกลับบ้านก็จัดแจงแวะ Boots เลยฮะ ตัวนี้เนื้อครีมสีขาว ไม่มีกลิ่น และจะมีกรดอ่อนๆด้วย จึงใช้แค่วันละหนเท่านั้น ทาบางๆเช่นกัน ห้ามพอก เราเองใช้ตัวเดียวโดดๆเลย ทำตามช่างสั่งเป๊ะไม่ออกนอกลู่ แต่เพื่อนเราเคยลองว่าใช้ตัวนี้ตอนเย็น ส่วนตอนเช้าใช้ Bepanthen เสริมกัน ก็โอเคนะ ไม่มีอะไรเสียหาย ทาไปถึงช่วงสะเก็ดเริ่มล่อนก็หยุด เพราะมันแรง ให้ไปใช้ตัวบำรุงผิวทาต่อแทน สำหรับตัวนี้ต้องดูกล่องดีๆ เอาที่มีแถบคาดสีแดงนะ มันจะมีแถบสีอื่นๆอีก ที่เคยเจอก็มีส้ม น้ำเงิน เห็นว่ามีแบบที่เอาไว้ทาสิวด้วย แต่การทาแผลสักต้องเอาแถบแดงเท่านั้น เราซื้อมา 240 บาทถ้วน ไม่มีลด ซื้อตามร้านยาอื่นๆอาจจะถูกกว่านี้หน่อย
Helosan
ตัวนี้ฟีลจะผสมกันระหว่างยาทาและครีมบำรุงนะในความรู้สึกเรา เป็นของสวีเดนมั้งถ้าจำไม่ผิด ไปขอแบ่งจากเพื่อนมา ให้มันบีบใส่ตลับพลาสติคลายดิสนีย์โง่ๆที่ซื้อจากสำเพ็ง เราว่าเนื้อครีมมันค่อนข้างหนัก เลยมองเป็นของบิวตี้มากกว่าจะเป็นยา ทาตอนที่แผลยังไม่ตกสะเก็ดดีแล้วไม่ชอบเท่าไหร่ เลยเอาไว้ทาตอนที่สะเก็ดเริ่มลอกแล้วแทน ก็รู้สึกดีขึ้นมาก แต่ยังไม่วายชอบเข้าไปซุกใต้สะเก็ดที่เป็นแผ่นๆ ซุกอยู่แบบนั้นทั้งวัน ทำให้รู้สึกเหมือนมันไม่แห้งสะอาดน่ะ คือไม่ได้ส่งผลเสียอะไรเลยกับแผลนะ แค่เวลามองไปเจอครีมส่วนนึงซุกอยู่ใต้สะเก็ดทีไรก็อดอี๋ตัวเองไม่ได้ ถ้าทาไว้ตรงรอยสักที่เปิดเผยแล้วออกนอกบ้าน คนคงมองไม่ดีอะ เรื่องราคาอันนี้ไม่รู้จริงๆ เพื่อนเป็นฝรั่งคงซื้อจากนอกแหละมั้ง ไม่เคยถามราคา ตบมาใช้อย่างเดียว
Parachute coconut oil
มาถึงการบำรุงบ้าง คือเราก็บอยๆอะนะ ไม่ได้สนใจประทินประเทืองผิวอะไรแบบหญิงสาวทั่วไป เวลาผิวแห้งทีก็ได้น้ำมันมะพร้าวนี่ละ หยดออกมา 4-5 หยดลูบตัวหมาดๆหลังอาบน้ำเป็นอันจบ แผลสักพอมันตกสะเก็ดไปครึ่งทางแล้วมันจะโคตรคันเลย บางครั้งคันจนอยากนอนบนพื้นซีเมนต์แล้วแถกไถตัวแบบไอ้ด่างแถวบ้านด้วยซ้ำ ช่างหลายคนแนะนำว่าเวลาทาโลชั่นให้เลือกโลชั่นที่ไม่มีกลิ่น ซึ่งในไทยหายากโคตร (เท่าที่พอรู้จักก็มือของคีลส์ ซึ่งจะทุ่มทุนซื้อโลชั่นราคานั้นมาทาแผลสักก็ไม่ไหวนะ) เราเลยคิดว่าเอาน้ำมันมะพร้าวทาก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา ธรรมชาติดีออก ไม่น่าส่งผลไม่ดีอะไรกับสีสันมั้ง ว่าแล้วก็จัดเลย มีน้ำมันมะพร้าวแบรนด์อินเดียติดบ้านอยู่แล้ว ซื้อมาจากทางโน้นราคาถูกมากๆเลย ที่เน้นว่าเป็นแบรนด์นี้เพราะกลิ่นมันหวานหอมจากธรรมชาติ ไม่หืนเลยแม้แต่น้อย ทาแล้วสบายใจ ทุกวันนี้รอยสักที่หาดีแล้วเราก็ยังเอามาทาบำรุงตลอด ทาแล้วสีสันสดใสงดงามเหมือนใหม่ ใครที่สักงานสีนอกร่มผ้าเยอะๆเหมาะมากที่จะทาน้ำมัน เพาะมันจะขับให้สีสดชัดเจน สวยมากๆ
Tropicalife grape seed oil
ตัวนี้เกิดจากความจับพลัดจับผลูมาก คือร้านนี้เขาดังมานานใช่มะ พวกน้ำมันอะไรเนี่ย พอดีมีวันนึงไปธุระทางนั้น ขากลับเห็นว่าร้านมันอยู่ทางผ่าน เลยแวะดูเล่นๆหน่อย ไม่ได้กะซื้ออะไร แต่เดินวนอยู่นานรู้สึกว่าออกไปมือเปล่าก็ดูแย่เนาะ เลยแค่นซื้อมาได้เป็นน้ำมันเมล็ดองุ่นนี้แล ซื้อไซส์ 275 มล.มา น่าจะตก 300 นิดๆหรือไงแหละ รู้สึกไม่แพงมาก เลยถอยมาเป็นอันนี้ ฮ่าๆๆ เทียบกับน้ำมันมะพร้าวแล้วจะหืนกว่าในระดับนึงเลย แต่อันนี้เอาไว้ทาหน้าตอนหน้าหนาวมากๆจะเหมาะกว่าน้ำมันมะพร้าว ส่วนผลในการทารอยสักเราว่าไม่แตกต่าง ใช้ได้ดีเหมือนกันทั้งคู่ ด้วยความที่เป็นน้ำมันที่สกัดมาจากของที่ไม่พื้นฐานเท่าไหร่ (พื้นฐานของเรามีสองมะ คือมะพร้าวกับมะกอก) เลยได้ฟีลหรูหราตอนใช้งานดี โอ้ววว บำรุงรอยสักด้วย grape seed oil ฟินไปอีกแบบ จริงๆอยากลอง argan oil เหมือนกัน แต่ใจไม่ถึง มันแอบแพง เพิ่มเงินอีก 3-4 ร้อยได้รอยสักใหม่เล็กๆอีกอันเลยนะน่ะ ฮ่าๆๆ
Hustle Butter
เป็นอีกผลิตภัณฑ์ดูแลรอยสักที่กำลังมาแรงมากกกก พอดีช่วงต้นปีเราค้นหาข้อมูลเพื่อทำเพจเครื่องสำอาง cruelty-free ด้วยความที่เป็นคนรักรอยสัก ก็ตั้งใจว่าจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่ไม่ทดลองกับสัตว์ด้วย เลยต้องหาข้อมูลและทำให้ได้รู้จักกับตัวนี้ เนื้อครีมจะเป็นคล้าย raw shea butter ผสมกับปิโตรเลียมเจลลี ในอัตรา 70:30 ไม่รู้จะอธิบายไงหว่ะ ลองจินตนาการตามนั้นละกันอะ กลิ่นหวานแบบจางมากๆ ทาแล้วชุ่มชื้นดีมาก เหมาะสำหรับทาในทุกขั้นตอนของการสักเลย ตั้งแต่ขณะสักอยู่ถึงตอนรักษาแผลและทาเพื่อบำรุงผิว หาซื้อก็ไม่ยากไม่ง่าย ตามร้าน tattoo supply ดังๆมีขายหมด แบบกระปุกน่าจะขายที่ 6-7 ร้อยกว่าๆ ส่วนแบบซองก็มี เคยเจอราคา 100-165 แล้วแต่ร้าน พวกที่หิ้วมาเองก็ขายได้ถูกหน่อย ส่วนของเราเคยฝากคนหิ้วมาไม่กี่ซองเพื่อทดลองใช้ก่อน ตกซองละ 85 บาทเท่านั้น
Tattoo Goo Color Guard
เพิ่งถอยมาสดๆ singๆ เมื่อวานจากงาน Bangkok Tattoo Convention หน้าที่หลักคือไว้กันแดด จริงๆตัวนี้เคยได้ลองก่อนครั้งนึงตอนไปเล่น flow มันต้องใส่ขาสั้นแล้วนึกขึ้นได้ว่าเฮ้ย เรามีรอยสักนิหว่า แล้วแดดก็ส่องถึงด้วย เลยยืมเพื่อนในแก๊งค์มาทาดูหน่อย มันจะเป็นแบบแท่งทาๆถูๆ เนื้อมันจะคล้ายลิปมันประมาณนึงนะ แต่กลิ่นดีอะ ออกแนวมะพร้าวผสมฟรุตตี้ที่ไม่ได้อบอวลมาก กลิ่นกรุ่นเบาๆ ไม่รำคาญดี แต่มันจะเหนอะหนะที่ผิวอะ ไม่ซึมซาบ ถ้าอยู่ทะเลนี่ทรายคงติดตัวตรึม เรื่องว่าจะกันแดดได้ดีหรือไม่นั้นเราตอบลำบาก เพราะส่วนตัวไม่ใช่คนที่ตากแดดมาก ไม่ได้นิยมเล่นกีฬาอะไรที่ออกแดดเป็นประจำอยู่แล้ว และอ่านส่วนผสมว่า effective ดีมั้ยก็ไม่เป็นด้วย แต่เขาเคลมไว้ว่า spf 30 uva/uvb อาศัยความเชื่อใจล้วนๆเพราะเป็นแบรนด์จากนอกที่คนรักรอยสักทั่วไปก็ใช้กันอะนะ ที่สำคัญแบรนด์นี้ไม่ทดลองกับสัตว์ด้วย แต่เอาจริงๆใช้ครีมกันแดดทั่วไปก็พอแล้วละ แบรนด์ที่ทำ after care product ก็ไม่ใช่จะทำกันแดดออกมาดีเสมอไป สำหรับราคาที่ได้มาถือว่าเจ๋งมาก เพราะเขาขายให้ในราคาสำหรับช่างสักและร้านที่ 180 บาทโองลีฮะ ราคาซื้อขายกันปกติจะอยู่ที่ 350 โน่นแน่ะ ดีใจ ได้ของดีคุ้มราคา ไม่รู้ว่าพี่คนขายแกคิดว่าเราเป็นช่างสักหรือเมียช่างรึไง (จริงๆก็แอบอยากมีผัวหรือเมียเป็นช่างสักอยู่นะ) เลยขายให้ราคานี้มา พร้อมกับบทสนทนาหลายอย่างที่ชวนให้สงสัยว่าพี่แกมองเราเป็นช่าง
จบละ ถือเป็นการรีวิวสั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความ เน้นแบ่งปันความรู้สึกในการใช้งานมากกว่าจะมาฟันธงตัดเกรดจริงจังอะไร อย่างที่บอกว่า factor มันเยอะมาก ไม่สามารถสรุปผลการทดลองได้แบบไม่มีค่าความเบี่ยงเบน ฮ่าๆๆ (พูดเหมือนคนเก่งวิชาวิจัย ตอนเรียน stat นี่ตกเป็นบ้าเป็นหลัง) ใครที่สนใจตัวไหนหรือมีโพรดักท์อะไรในใจที่เล็งๆไว้ จะมาสอบถามหรือแลกเปลี่ยนก็ยินดี รวมทั้งการถามคำถามหลังไมค์เรื่องการสักก็ยังคงยินดีรับเหมือนเดิม แต่ขอร้องว่าไปอ่านไอ้ Tattoo 101 ให้จบก่อน เพราะอธิบายไว้ละเอียดมากๆแล้ว จนไม่น่าจะสงสัยอะไรอีกเท่าไหร่ หลังไมค์มาก็น่าจะเป็นการเอา reference มาให้ดูมากกว่าว่าถ้าเอาลายนี้ไปสักเด๊ะๆเลยจะเข้าข่ายก็อปมั้ย หรือส่งเฟซ/ไอจีร้านมาให้ดูว่าฝีมือโอเคมั้ย ขอ second opinion อะไรก็ว่าไป ถ้ามาแบบว่า "เราอยู่จังหวัด.....แนะนำร้านสักมินิมัลให้หน่อย" แบบนี้ไม่เอาน้า ต้องหาเอง เราบ่ได้เป็น directory ร้านสักเมืองไทยเน่อ
ปล.1 อย่าสักพระบรมฉายาลักษณ์เลยขอร้อง ถ้าอยากสักจริงๆ ทนไม่ไหว อยากมากๆๆๆ ไป Divine Tattoo ข้าวสารเท่านั้น แพงก็ต้องจ่าย งานเขางามน้ำตาไหลจริงๆ เราเจอช่างอื่นจากร้านที่มีชื่อเสียงเก่าแก่พอสมควรสักพระบรมฉายาลักษณ์ออกมาแล้ว เห็นสภาพแล้ว face palm รัวๆเลยฮะ ไม่ไหวมากๆ อยากล้องห้าย
[CR] รีวิว tattoo after care products ที่เคยใช้มา
Gentle Tattoo Soap
แรกสุดเลยเมื่อสักแล้วก็ต้องทำความสะอาดใช่มั้ย ความจริงช่างจะแนะนำว่าไม่ต้องลงสบู่อะไร แค่ล้างน้ำผ่านๆ เอามือลูบๆคราบหนองออกให้หมดเป็นอันใช้ได้ แต่ด้วยความที่เราซ่าเองแหละ (สักมาเยอะขึ้นชักห้าว) เราไปเห็นว่าโพรดักท์ตัวนี้เป็นตัวที่ช่างสักนิยมใช้เพื่อทำความสะอาดในระหว่างสัก ใครที่เคยสักจะรู้ว่าเวลาสักๆไปช่างจะเอาน้ำยาอะไรสักอย่างมาพ่นๆใส่ผิวตรงที่สัก มีฟองด้วย แล้วก็ปาดออก มันก็คือเจ้าสบู่สีเขียวตัวนี้แหละ แต่ว่าเขาผสมน้ำเจือจาง อัตราก็แล้วแต่ชอบ มีตั้งแต่ 1:4 และ 1:5 เราเลยคิดว่าในเมื่อใช้กับแผลสดๆได้ ก็น่าจะใช้กับแผลที่กำลังฮีลได้ดิ เลยลองซื้อมาดู ทำไว้ใช้เองที่บ้านก็ใส่ขวดโฟมปั๊มเอาจะสะดวกมาก กดปั๊มโฟมออกมากี่ปั๊มก็แล้วแต่ขนาดรอยสัก ปั๊มลงไปใกล้ๆแล้วปล่อยให้มันชะแผลเอง ไม่ต้องไปถูอะไรมากแบบตอนฟอกสบู่อาบน้ำปกติ สำหรับสบู่นี้หาซื้อได้ตามร้าน tattoo supply ทั่วไปเลย ทั้งแบบหน้าร้านหรือส่งไปรษณีย์ก็มีหมด เราเองไปซื้อร้านนึงแถวข้าวสาร ขวดนึงจุอยู่นะ 500 มล. ขาย 500 บาทถ้วน หารกันกับเพื่อนก็คุ้มค่ามาก ใช้ได้นานจนลืม ที่สำคัญแบรนด์นี้ทำโดยคนไทยเองนี่แหละ
Bepanthen First Aid
ทำความสะอาดแล้วก็ต้องทายาต่อ สำหรับ Bepanthen ก็เป็นอะไรอยู่คู่มือคนรักรอยสักมานาน ตั้งแต่สมัยก่อนที่เขาทำแต่ ointment ทาก้นเด็กอย่างเดียว จนตอนหลังที่ทำแบบตัวทาแผลมาด้วย ถ้าจะใช้ต้องเลือกให้ถูกนะ กล่องจะมีสีต่างกันและสังเกตที่คำว่า first aid เป็นหลัก เนื้อครีมก็สีขาวและข้นพอสมควร ไม่มีกลิ่นอะไร อาบน้ำและซับแผลแห้งแล้วก็ทาบางๆให้ทั่ว ทาวันละสองหน หลังอาบน้ำ ง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก ทาไปจนถึงช่วงที่สะเก็ดเริ่มลอกแล้วก็หยุดทา เปลี่ยนไปใช้ตัวบำรุงแทน สนนราคาจะอยู่ที่ 150-165 ถ้าซื้อตาม Watson หรือ Boots ราคาเต็มมั่งลดมั่ง ไม่มีถูกหรือแพงไปกว่านี้
Fucidin
ตัวนี้ก็ใช้ทาแผล ช่างคนฝรั่งเศสที่ไปสักด้วยเขาแนะนำมา ไอ่นี่ก็บ้ายุไง เป็นช่างต่างชาติคนแรกที่เคยสักด้วย ช่างพูดอะไรเชื่อหมด หลังจากสักเสร็จก่อนกลับบ้านก็จัดแจงแวะ Boots เลยฮะ ตัวนี้เนื้อครีมสีขาว ไม่มีกลิ่น และจะมีกรดอ่อนๆด้วย จึงใช้แค่วันละหนเท่านั้น ทาบางๆเช่นกัน ห้ามพอก เราเองใช้ตัวเดียวโดดๆเลย ทำตามช่างสั่งเป๊ะไม่ออกนอกลู่ แต่เพื่อนเราเคยลองว่าใช้ตัวนี้ตอนเย็น ส่วนตอนเช้าใช้ Bepanthen เสริมกัน ก็โอเคนะ ไม่มีอะไรเสียหาย ทาไปถึงช่วงสะเก็ดเริ่มล่อนก็หยุด เพราะมันแรง ให้ไปใช้ตัวบำรุงผิวทาต่อแทน สำหรับตัวนี้ต้องดูกล่องดีๆ เอาที่มีแถบคาดสีแดงนะ มันจะมีแถบสีอื่นๆอีก ที่เคยเจอก็มีส้ม น้ำเงิน เห็นว่ามีแบบที่เอาไว้ทาสิวด้วย แต่การทาแผลสักต้องเอาแถบแดงเท่านั้น เราซื้อมา 240 บาทถ้วน ไม่มีลด ซื้อตามร้านยาอื่นๆอาจจะถูกกว่านี้หน่อย
Helosan
ตัวนี้ฟีลจะผสมกันระหว่างยาทาและครีมบำรุงนะในความรู้สึกเรา เป็นของสวีเดนมั้งถ้าจำไม่ผิด ไปขอแบ่งจากเพื่อนมา ให้มันบีบใส่ตลับพลาสติคลายดิสนีย์โง่ๆที่ซื้อจากสำเพ็ง เราว่าเนื้อครีมมันค่อนข้างหนัก เลยมองเป็นของบิวตี้มากกว่าจะเป็นยา ทาตอนที่แผลยังไม่ตกสะเก็ดดีแล้วไม่ชอบเท่าไหร่ เลยเอาไว้ทาตอนที่สะเก็ดเริ่มลอกแล้วแทน ก็รู้สึกดีขึ้นมาก แต่ยังไม่วายชอบเข้าไปซุกใต้สะเก็ดที่เป็นแผ่นๆ ซุกอยู่แบบนั้นทั้งวัน ทำให้รู้สึกเหมือนมันไม่แห้งสะอาดน่ะ คือไม่ได้ส่งผลเสียอะไรเลยกับแผลนะ แค่เวลามองไปเจอครีมส่วนนึงซุกอยู่ใต้สะเก็ดทีไรก็อดอี๋ตัวเองไม่ได้ ถ้าทาไว้ตรงรอยสักที่เปิดเผยแล้วออกนอกบ้าน คนคงมองไม่ดีอะ เรื่องราคาอันนี้ไม่รู้จริงๆ เพื่อนเป็นฝรั่งคงซื้อจากนอกแหละมั้ง ไม่เคยถามราคา ตบมาใช้อย่างเดียว
Parachute coconut oil
มาถึงการบำรุงบ้าง คือเราก็บอยๆอะนะ ไม่ได้สนใจประทินประเทืองผิวอะไรแบบหญิงสาวทั่วไป เวลาผิวแห้งทีก็ได้น้ำมันมะพร้าวนี่ละ หยดออกมา 4-5 หยดลูบตัวหมาดๆหลังอาบน้ำเป็นอันจบ แผลสักพอมันตกสะเก็ดไปครึ่งทางแล้วมันจะโคตรคันเลย บางครั้งคันจนอยากนอนบนพื้นซีเมนต์แล้วแถกไถตัวแบบไอ้ด่างแถวบ้านด้วยซ้ำ ช่างหลายคนแนะนำว่าเวลาทาโลชั่นให้เลือกโลชั่นที่ไม่มีกลิ่น ซึ่งในไทยหายากโคตร (เท่าที่พอรู้จักก็มือของคีลส์ ซึ่งจะทุ่มทุนซื้อโลชั่นราคานั้นมาทาแผลสักก็ไม่ไหวนะ) เราเลยคิดว่าเอาน้ำมันมะพร้าวทาก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา ธรรมชาติดีออก ไม่น่าส่งผลไม่ดีอะไรกับสีสันมั้ง ว่าแล้วก็จัดเลย มีน้ำมันมะพร้าวแบรนด์อินเดียติดบ้านอยู่แล้ว ซื้อมาจากทางโน้นราคาถูกมากๆเลย ที่เน้นว่าเป็นแบรนด์นี้เพราะกลิ่นมันหวานหอมจากธรรมชาติ ไม่หืนเลยแม้แต่น้อย ทาแล้วสบายใจ ทุกวันนี้รอยสักที่หาดีแล้วเราก็ยังเอามาทาบำรุงตลอด ทาแล้วสีสันสดใสงดงามเหมือนใหม่ ใครที่สักงานสีนอกร่มผ้าเยอะๆเหมาะมากที่จะทาน้ำมัน เพาะมันจะขับให้สีสดชัดเจน สวยมากๆ
Tropicalife grape seed oil
ตัวนี้เกิดจากความจับพลัดจับผลูมาก คือร้านนี้เขาดังมานานใช่มะ พวกน้ำมันอะไรเนี่ย พอดีมีวันนึงไปธุระทางนั้น ขากลับเห็นว่าร้านมันอยู่ทางผ่าน เลยแวะดูเล่นๆหน่อย ไม่ได้กะซื้ออะไร แต่เดินวนอยู่นานรู้สึกว่าออกไปมือเปล่าก็ดูแย่เนาะ เลยแค่นซื้อมาได้เป็นน้ำมันเมล็ดองุ่นนี้แล ซื้อไซส์ 275 มล.มา น่าจะตก 300 นิดๆหรือไงแหละ รู้สึกไม่แพงมาก เลยถอยมาเป็นอันนี้ ฮ่าๆๆ เทียบกับน้ำมันมะพร้าวแล้วจะหืนกว่าในระดับนึงเลย แต่อันนี้เอาไว้ทาหน้าตอนหน้าหนาวมากๆจะเหมาะกว่าน้ำมันมะพร้าว ส่วนผลในการทารอยสักเราว่าไม่แตกต่าง ใช้ได้ดีเหมือนกันทั้งคู่ ด้วยความที่เป็นน้ำมันที่สกัดมาจากของที่ไม่พื้นฐานเท่าไหร่ (พื้นฐานของเรามีสองมะ คือมะพร้าวกับมะกอก) เลยได้ฟีลหรูหราตอนใช้งานดี โอ้ววว บำรุงรอยสักด้วย grape seed oil ฟินไปอีกแบบ จริงๆอยากลอง argan oil เหมือนกัน แต่ใจไม่ถึง มันแอบแพง เพิ่มเงินอีก 3-4 ร้อยได้รอยสักใหม่เล็กๆอีกอันเลยนะน่ะ ฮ่าๆๆ
Hustle Butter
เป็นอีกผลิตภัณฑ์ดูแลรอยสักที่กำลังมาแรงมากกกก พอดีช่วงต้นปีเราค้นหาข้อมูลเพื่อทำเพจเครื่องสำอาง cruelty-free ด้วยความที่เป็นคนรักรอยสัก ก็ตั้งใจว่าจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่ไม่ทดลองกับสัตว์ด้วย เลยต้องหาข้อมูลและทำให้ได้รู้จักกับตัวนี้ เนื้อครีมจะเป็นคล้าย raw shea butter ผสมกับปิโตรเลียมเจลลี ในอัตรา 70:30 ไม่รู้จะอธิบายไงหว่ะ ลองจินตนาการตามนั้นละกันอะ กลิ่นหวานแบบจางมากๆ ทาแล้วชุ่มชื้นดีมาก เหมาะสำหรับทาในทุกขั้นตอนของการสักเลย ตั้งแต่ขณะสักอยู่ถึงตอนรักษาแผลและทาเพื่อบำรุงผิว หาซื้อก็ไม่ยากไม่ง่าย ตามร้าน tattoo supply ดังๆมีขายหมด แบบกระปุกน่าจะขายที่ 6-7 ร้อยกว่าๆ ส่วนแบบซองก็มี เคยเจอราคา 100-165 แล้วแต่ร้าน พวกที่หิ้วมาเองก็ขายได้ถูกหน่อย ส่วนของเราเคยฝากคนหิ้วมาไม่กี่ซองเพื่อทดลองใช้ก่อน ตกซองละ 85 บาทเท่านั้น
Tattoo Goo Color Guard
เพิ่งถอยมาสดๆ singๆ เมื่อวานจากงาน Bangkok Tattoo Convention หน้าที่หลักคือไว้กันแดด จริงๆตัวนี้เคยได้ลองก่อนครั้งนึงตอนไปเล่น flow มันต้องใส่ขาสั้นแล้วนึกขึ้นได้ว่าเฮ้ย เรามีรอยสักนิหว่า แล้วแดดก็ส่องถึงด้วย เลยยืมเพื่อนในแก๊งค์มาทาดูหน่อย มันจะเป็นแบบแท่งทาๆถูๆ เนื้อมันจะคล้ายลิปมันประมาณนึงนะ แต่กลิ่นดีอะ ออกแนวมะพร้าวผสมฟรุตตี้ที่ไม่ได้อบอวลมาก กลิ่นกรุ่นเบาๆ ไม่รำคาญดี แต่มันจะเหนอะหนะที่ผิวอะ ไม่ซึมซาบ ถ้าอยู่ทะเลนี่ทรายคงติดตัวตรึม เรื่องว่าจะกันแดดได้ดีหรือไม่นั้นเราตอบลำบาก เพราะส่วนตัวไม่ใช่คนที่ตากแดดมาก ไม่ได้นิยมเล่นกีฬาอะไรที่ออกแดดเป็นประจำอยู่แล้ว และอ่านส่วนผสมว่า effective ดีมั้ยก็ไม่เป็นด้วย แต่เขาเคลมไว้ว่า spf 30 uva/uvb อาศัยความเชื่อใจล้วนๆเพราะเป็นแบรนด์จากนอกที่คนรักรอยสักทั่วไปก็ใช้กันอะนะ ที่สำคัญแบรนด์นี้ไม่ทดลองกับสัตว์ด้วย แต่เอาจริงๆใช้ครีมกันแดดทั่วไปก็พอแล้วละ แบรนด์ที่ทำ after care product ก็ไม่ใช่จะทำกันแดดออกมาดีเสมอไป สำหรับราคาที่ได้มาถือว่าเจ๋งมาก เพราะเขาขายให้ในราคาสำหรับช่างสักและร้านที่ 180 บาทโองลีฮะ ราคาซื้อขายกันปกติจะอยู่ที่ 350 โน่นแน่ะ ดีใจ ได้ของดีคุ้มราคา ไม่รู้ว่าพี่คนขายแกคิดว่าเราเป็นช่างสักหรือเมียช่างรึไง (จริงๆก็แอบอยากมีผัวหรือเมียเป็นช่างสักอยู่นะ) เลยขายให้ราคานี้มา พร้อมกับบทสนทนาหลายอย่างที่ชวนให้สงสัยว่าพี่แกมองเราเป็นช่าง
จบละ ถือเป็นการรีวิวสั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความ เน้นแบ่งปันความรู้สึกในการใช้งานมากกว่าจะมาฟันธงตัดเกรดจริงจังอะไร อย่างที่บอกว่า factor มันเยอะมาก ไม่สามารถสรุปผลการทดลองได้แบบไม่มีค่าความเบี่ยงเบน ฮ่าๆๆ (พูดเหมือนคนเก่งวิชาวิจัย ตอนเรียน stat นี่ตกเป็นบ้าเป็นหลัง) ใครที่สนใจตัวไหนหรือมีโพรดักท์อะไรในใจที่เล็งๆไว้ จะมาสอบถามหรือแลกเปลี่ยนก็ยินดี รวมทั้งการถามคำถามหลังไมค์เรื่องการสักก็ยังคงยินดีรับเหมือนเดิม แต่ขอร้องว่าไปอ่านไอ้ Tattoo 101 ให้จบก่อน เพราะอธิบายไว้ละเอียดมากๆแล้ว จนไม่น่าจะสงสัยอะไรอีกเท่าไหร่ หลังไมค์มาก็น่าจะเป็นการเอา reference มาให้ดูมากกว่าว่าถ้าเอาลายนี้ไปสักเด๊ะๆเลยจะเข้าข่ายก็อปมั้ย หรือส่งเฟซ/ไอจีร้านมาให้ดูว่าฝีมือโอเคมั้ย ขอ second opinion อะไรก็ว่าไป ถ้ามาแบบว่า "เราอยู่จังหวัด.....แนะนำร้านสักมินิมัลให้หน่อย" แบบนี้ไม่เอาน้า ต้องหาเอง เราบ่ได้เป็น directory ร้านสักเมืองไทยเน่อ
ปล.1 อย่าสักพระบรมฉายาลักษณ์เลยขอร้อง ถ้าอยากสักจริงๆ ทนไม่ไหว อยากมากๆๆๆ ไป Divine Tattoo ข้าวสารเท่านั้น แพงก็ต้องจ่าย งานเขางามน้ำตาไหลจริงๆ เราเจอช่างอื่นจากร้านที่มีชื่อเสียงเก่าแก่พอสมควรสักพระบรมฉายาลักษณ์ออกมาแล้ว เห็นสภาพแล้ว face palm รัวๆเลยฮะ ไม่ไหวมากๆ อยากล้องห้าย