คือกับคนที่คุยๆ กันอยู่น่ะค่ะ (แต่ตอนนี้เราไม่ได้คุยมาเกือบๆ จะ 1 สัปดาห์ได้ล่ะค่ะ)
ฝั่งเรา : เงินเดือนของเรามากกว่าเค้า แต่ก็ไม่ได้มากกว่าอะไรมากมายนะคะ
อีกทั้งเราเองก็ยังมีภาระที่ต้องส่งทั้งรถ ทั้งคอนโด เรียกว่าเงินที่จะจับจ่ายในแต่ละเดือนนี่เลี้ยงตัวเองก็พออยู่ในระดับที่เรียกว่าพออยู่ได้ ค่อนไปทางเกือบแย่
มาดูฝั่งทางนั้นบ้าง : เงินเดือนเค้าน้อยกว่าเราประมาณ 4000 บาทค่ะ ไม่มีภาระที่จะต้องจ่ายค่ารถ ค่าคอนโดแบบเรา แต่มีภาระที่ต้องจ่ายบัตรเครดิต เนื่องจากเจ้าตัวเอาไปรูดชื้อกล้อง ชื่อทีวี (ตกๆ เครื่องละ 3-4 หมื่น และเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะจ่ายหมด ยางรายการก็จ่ายหมดแล้ว) และของที่รูดชื้อมาไม่เกี่ยวข้องกับเราเลยค่ะ...เข้าบ้านเค้าอย่างเดียว
เวลาไปไหนมาไหนกัน ไม่ว่าจะเป็นธุระของใครก็ตาม ไม่ว่าจะใกล้ ไกลแค่ไหนก็ตาม เราจะต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าน้ำมันทั้งหมดค่ะ เค้าแทบไม่เคยช่วยออกเลย ถึงช่วยออกก็อยู่แค่ 100 บาทเท่านั้นค่ะ (ในกรณีเดินทางไกลข้ามจังหวัด ส่วนเดินทางไกล้ไม่เคยควักเลย) เราก็เคยแย้งขอให้เค้าช่วยออกบ้าง เค้าก็จะหันมาตวาดใส่ว่าเค้าเป็นคนขับนะ นั่งเฉยๆ ก็ออกค่าน้ำมันไปสิ (เราก็อยากเถียงกลับไปว่า ฉันไม่ได้นั่งเฉยๆ นะ ดู GPS ให้เหมือนกัน แต่ก็นะ ดูไปพาหลงไปก็เลยเถียงไม่ออก)
เวลาไปกินอะไร หลายครั้งก็หารนะคะ แต่ส่วนเกลื่อมล้ำราคาไม่กี่บาท เราก็เป็นคนออก อันนี้ไม่เท่าไหร่ค่ะ เวลามาคอนโดเราเค้าอยากกินอะไรเราก็จะไปชื่อให้ ซึ่งตรงนี้เรามักจะเป็นคนจ่ายค่ะ แต่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 200 บาท
ทั้งหมดที่ทำให้เราอึดอัดจะมีแค่เรื่องค่าน้ำมันอย่างเดียวค่ะ เพราะเค้าชอบไปเดินตลาดนัด เคยแบบ 1 อาทิตย์ไปเดินทุกวันเลยก็มีค่ะ แต่ก็ไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยๆ ครั้งนั้นเราหมดค่าน้ำมันเป็นพันเลยค่ะ...ใน 1 อาทิตย์ ทั้งที่ความจริงวิ่งธรรมดา อาทิตย์ละ 200-300 ก็เอาอยู่
จุดพีคมาอยู่ที่ว่า ช่วงนี้เค้าชอบพาเพื่อนเค้าอีกคนไปด้วยค่ะ และเพื่อนของเค้าคนนี้ไปไหนมาไหนไม่เคยควักเคยจ่ายอะไรเลย กินอะไรก็ไม่จ่าย แม่แต่ในส่วนของตัวเอง เวลากินอิ่มแล้วก็จะบอกว่าไม่มีตังแบบหน้าตาเฉยทุกครั้ง ซึ่งไม่เป็นเราก็เป็นเค้าจะต้องเป็นคนออกในส่วนของเพื่อนคนนี้ทุกครั้งไปค่ะ (แต่ส่วนใหญ่เค้าจะเป็นคนจ่ายนะคะ)
วันที่มีปัญหากันก็เหมือนเคยค่ะ เค้าบอกเราว่าเพื่อนเจ้าปัญหาคนนี้ชวนไปเดินตลาดนัด ถ้าในวันนั้นเราเบี่ยงไปว่ารถไม่อยู่คงไม่มีปัญหาอะไร แต่วันนั้นเรากลับเลือกที่จะถามว่า เราต้องเลี้ยงเพื่อนคนนี้ด้วยรึเปล่า แค่นี้ล่ะค่ะ ถึงขั้นบ้านแตกกันเลย
เค้าบอกว่า เราหน้าเงิน งั้นก็ไปนอนกับเงินเถอะ ไม่อยากรู้จักคนแบบเราอีกแล้ว ให้เราคิดว่าที่ผ่านมาหลงทางมาเจอกันก็แล้วกัน เค้าบอกว่าเห็นมาหลายครั้งแล้ว นิสัยแย่ๆ แบบนี้...คือเราเองก็งงนะ เรานี่แทบไม่เคยบ่นเรื่องนี้เลย จะมีบ่นแค่เรื่องที่ว่าน้องแถวๆ บ้านมายืมเงิน นานมากแล้วก็ไม่ยอมเอามาคืนก็แค่นั้น เค้าอ้างอิงด้วย เราเลยเถียงไปว่า เป็นความผิดที่ไปทวงเงินคนที่ยืมแล้วจ่ายคืนไม่ตรงเวลางั้นเหรอ ซึ่งเค้าก็ไม่ตอบ แต่กลับพาลโวยวายไปว่า นิสัยแย่กันทั้งบ้าน คือลามไปว่าแม่เราด้วย แล้วเค้าก็หายเงียบไปเลย ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่าน ไม่ตอบ มาดูเอาว่าเค้าน่าจะบล็อกไลน์เเรา ไม่ก็ลบไลน์เราออกจะเพื่อนไปแล้ว ( แต่กลับตอบไลน์แม่เราซะงั้น)
เราลองปรึกษาเพื่อนๆ ของเค้าดู (คือเราสนิทกับเพื่อนเค้าแค่ 2 คนน่ะค่ะ ก็ถามเพื่อนเค้าแค่ 2 คนนี้) ทุกคนบอกว่าเค้าก็เป็นแบบนี้แหละ เพื่อนๆ เค้าทุกคนรู้กันหมด ปล่อยทิ้งไว้ซักพักเดี๋ยวก็กลับมาคุยเอง
ที่จริงเราก็เคยโดนเค้าโมโหแบบนี้มาแล้วเหมือนกันครั้งนึงค่ะ กว่าจะกลับมาคุยกันได้ก็ใช้เวลาเดือนครึ่งกันเลย แต่ครั้งนั้นเค้าไม่ได้บล็อกไลร์เรานะคะ ทั้งๆ ที่ดูคราวนั้นเราเองก็มีส่วนที่ผิด แต่คราวนี้คืองงค่ะ
ในเวลาปกติ เค้าก็เรียกว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะคะ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เราคุยกันได้ทุกเรื่อง เรียกว่าเข้ากันได้เลย เป็นคนขยัน รักความก้าวหน้า ไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว แต่ชอบมาขอดมาแคะกะเรา...(แคะแค่เราคนเดียวด้วยน่ะค่ะ)
ตอนนี้คือสับสนค่ะ เลือกไปต่อไม่ถูกว่าจะเอายังไงต่อดี จะง้อเค้าต่อ หรือปล่อยเค้าไปดีน่ะค่ะ เลยอยากลองมาสอบถามความเห็นของคนในพันทิปดูน่ะค่ะ
เพราะในมุมมองของเรา ตอนนี้มันอาจจะเป็นเหมือนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ (ที่ชวนให้อึดอัด) แต่มุมมองของแม่เราคือ คุยมาปีกว่าๆ ยังเอาเปรียบขนาดนี้ ถ้านานกว่านี้จะเอาเปรียบเราขนาดไหน ยอมรับว่าตั้งแต่คุยกัน เราไม่สามารถบริหารการเงินตัวเองได้เลยค่ะ เราก็ไม่อยากจะไปโทษว่าเป็นเพราะเค้าทั้งหมด แต่ช่วงเวลาที่เค้าเข้ามาเป็นช่วงเวลาที่เราออกรถ และมีภาระที่จะต้องส่งรถพอดีด้วยน่ะค่ะ (เราเองก็แจงการเงินเราให้เค้าฟังบ่อยๆ เค้าเองก็รู้นะคะว่าเราต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง หลายๆ ครั้งเค้าก็ชอบหางานออนไลน์มั่ง หุ้นมั่ง อะไรต่อมิอะไรมั่งมาสอนให้เราทำเพื่อหารายได้เพิ่ม แต่มันไม่ยังไม่มากพอที่จะเอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยได้น่ะค่ะ)
ถูกผู้ชายเอาเปรียบเรื่องเงินเล็กๆ น้อยๆ แต่พอไปพูดแล้วเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายผิด
ฝั่งเรา : เงินเดือนของเรามากกว่าเค้า แต่ก็ไม่ได้มากกว่าอะไรมากมายนะคะ
อีกทั้งเราเองก็ยังมีภาระที่ต้องส่งทั้งรถ ทั้งคอนโด เรียกว่าเงินที่จะจับจ่ายในแต่ละเดือนนี่เลี้ยงตัวเองก็พออยู่ในระดับที่เรียกว่าพออยู่ได้ ค่อนไปทางเกือบแย่
มาดูฝั่งทางนั้นบ้าง : เงินเดือนเค้าน้อยกว่าเราประมาณ 4000 บาทค่ะ ไม่มีภาระที่จะต้องจ่ายค่ารถ ค่าคอนโดแบบเรา แต่มีภาระที่ต้องจ่ายบัตรเครดิต เนื่องจากเจ้าตัวเอาไปรูดชื้อกล้อง ชื่อทีวี (ตกๆ เครื่องละ 3-4 หมื่น และเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะจ่ายหมด ยางรายการก็จ่ายหมดแล้ว) และของที่รูดชื้อมาไม่เกี่ยวข้องกับเราเลยค่ะ...เข้าบ้านเค้าอย่างเดียว
เวลาไปไหนมาไหนกัน ไม่ว่าจะเป็นธุระของใครก็ตาม ไม่ว่าจะใกล้ ไกลแค่ไหนก็ตาม เราจะต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าน้ำมันทั้งหมดค่ะ เค้าแทบไม่เคยช่วยออกเลย ถึงช่วยออกก็อยู่แค่ 100 บาทเท่านั้นค่ะ (ในกรณีเดินทางไกลข้ามจังหวัด ส่วนเดินทางไกล้ไม่เคยควักเลย) เราก็เคยแย้งขอให้เค้าช่วยออกบ้าง เค้าก็จะหันมาตวาดใส่ว่าเค้าเป็นคนขับนะ นั่งเฉยๆ ก็ออกค่าน้ำมันไปสิ (เราก็อยากเถียงกลับไปว่า ฉันไม่ได้นั่งเฉยๆ นะ ดู GPS ให้เหมือนกัน แต่ก็นะ ดูไปพาหลงไปก็เลยเถียงไม่ออก)
เวลาไปกินอะไร หลายครั้งก็หารนะคะ แต่ส่วนเกลื่อมล้ำราคาไม่กี่บาท เราก็เป็นคนออก อันนี้ไม่เท่าไหร่ค่ะ เวลามาคอนโดเราเค้าอยากกินอะไรเราก็จะไปชื่อให้ ซึ่งตรงนี้เรามักจะเป็นคนจ่ายค่ะ แต่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 200 บาท
ทั้งหมดที่ทำให้เราอึดอัดจะมีแค่เรื่องค่าน้ำมันอย่างเดียวค่ะ เพราะเค้าชอบไปเดินตลาดนัด เคยแบบ 1 อาทิตย์ไปเดินทุกวันเลยก็มีค่ะ แต่ก็ไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยๆ ครั้งนั้นเราหมดค่าน้ำมันเป็นพันเลยค่ะ...ใน 1 อาทิตย์ ทั้งที่ความจริงวิ่งธรรมดา อาทิตย์ละ 200-300 ก็เอาอยู่
จุดพีคมาอยู่ที่ว่า ช่วงนี้เค้าชอบพาเพื่อนเค้าอีกคนไปด้วยค่ะ และเพื่อนของเค้าคนนี้ไปไหนมาไหนไม่เคยควักเคยจ่ายอะไรเลย กินอะไรก็ไม่จ่าย แม่แต่ในส่วนของตัวเอง เวลากินอิ่มแล้วก็จะบอกว่าไม่มีตังแบบหน้าตาเฉยทุกครั้ง ซึ่งไม่เป็นเราก็เป็นเค้าจะต้องเป็นคนออกในส่วนของเพื่อนคนนี้ทุกครั้งไปค่ะ (แต่ส่วนใหญ่เค้าจะเป็นคนจ่ายนะคะ)
วันที่มีปัญหากันก็เหมือนเคยค่ะ เค้าบอกเราว่าเพื่อนเจ้าปัญหาคนนี้ชวนไปเดินตลาดนัด ถ้าในวันนั้นเราเบี่ยงไปว่ารถไม่อยู่คงไม่มีปัญหาอะไร แต่วันนั้นเรากลับเลือกที่จะถามว่า เราต้องเลี้ยงเพื่อนคนนี้ด้วยรึเปล่า แค่นี้ล่ะค่ะ ถึงขั้นบ้านแตกกันเลย
เค้าบอกว่า เราหน้าเงิน งั้นก็ไปนอนกับเงินเถอะ ไม่อยากรู้จักคนแบบเราอีกแล้ว ให้เราคิดว่าที่ผ่านมาหลงทางมาเจอกันก็แล้วกัน เค้าบอกว่าเห็นมาหลายครั้งแล้ว นิสัยแย่ๆ แบบนี้...คือเราเองก็งงนะ เรานี่แทบไม่เคยบ่นเรื่องนี้เลย จะมีบ่นแค่เรื่องที่ว่าน้องแถวๆ บ้านมายืมเงิน นานมากแล้วก็ไม่ยอมเอามาคืนก็แค่นั้น เค้าอ้างอิงด้วย เราเลยเถียงไปว่า เป็นความผิดที่ไปทวงเงินคนที่ยืมแล้วจ่ายคืนไม่ตรงเวลางั้นเหรอ ซึ่งเค้าก็ไม่ตอบ แต่กลับพาลโวยวายไปว่า นิสัยแย่กันทั้งบ้าน คือลามไปว่าแม่เราด้วย แล้วเค้าก็หายเงียบไปเลย ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่าน ไม่ตอบ มาดูเอาว่าเค้าน่าจะบล็อกไลน์เเรา ไม่ก็ลบไลน์เราออกจะเพื่อนไปแล้ว ( แต่กลับตอบไลน์แม่เราซะงั้น)
เราลองปรึกษาเพื่อนๆ ของเค้าดู (คือเราสนิทกับเพื่อนเค้าแค่ 2 คนน่ะค่ะ ก็ถามเพื่อนเค้าแค่ 2 คนนี้) ทุกคนบอกว่าเค้าก็เป็นแบบนี้แหละ เพื่อนๆ เค้าทุกคนรู้กันหมด ปล่อยทิ้งไว้ซักพักเดี๋ยวก็กลับมาคุยเอง
ที่จริงเราก็เคยโดนเค้าโมโหแบบนี้มาแล้วเหมือนกันครั้งนึงค่ะ กว่าจะกลับมาคุยกันได้ก็ใช้เวลาเดือนครึ่งกันเลย แต่ครั้งนั้นเค้าไม่ได้บล็อกไลร์เรานะคะ ทั้งๆ ที่ดูคราวนั้นเราเองก็มีส่วนที่ผิด แต่คราวนี้คืองงค่ะ
ในเวลาปกติ เค้าก็เรียกว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะคะ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เราคุยกันได้ทุกเรื่อง เรียกว่าเข้ากันได้เลย เป็นคนขยัน รักความก้าวหน้า ไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว แต่ชอบมาขอดมาแคะกะเรา...(แคะแค่เราคนเดียวด้วยน่ะค่ะ)
ตอนนี้คือสับสนค่ะ เลือกไปต่อไม่ถูกว่าจะเอายังไงต่อดี จะง้อเค้าต่อ หรือปล่อยเค้าไปดีน่ะค่ะ เลยอยากลองมาสอบถามความเห็นของคนในพันทิปดูน่ะค่ะ
เพราะในมุมมองของเรา ตอนนี้มันอาจจะเป็นเหมือนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ (ที่ชวนให้อึดอัด) แต่มุมมองของแม่เราคือ คุยมาปีกว่าๆ ยังเอาเปรียบขนาดนี้ ถ้านานกว่านี้จะเอาเปรียบเราขนาดไหน ยอมรับว่าตั้งแต่คุยกัน เราไม่สามารถบริหารการเงินตัวเองได้เลยค่ะ เราก็ไม่อยากจะไปโทษว่าเป็นเพราะเค้าทั้งหมด แต่ช่วงเวลาที่เค้าเข้ามาเป็นช่วงเวลาที่เราออกรถ และมีภาระที่จะต้องส่งรถพอดีด้วยน่ะค่ะ (เราเองก็แจงการเงินเราให้เค้าฟังบ่อยๆ เค้าเองก็รู้นะคะว่าเราต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง หลายๆ ครั้งเค้าก็ชอบหางานออนไลน์มั่ง หุ้นมั่ง อะไรต่อมิอะไรมั่งมาสอนให้เราทำเพื่อหารายได้เพิ่ม แต่มันไม่ยังไม่มากพอที่จะเอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยได้น่ะค่ะ)