อยากแสดงความเห็นว่า  การที่เขาต่อยคู่กรณี  รวมถึงการให้สัมภาษณ์หน้าสถานีตำรวจ  นั่นคือตัวตนจริงๆ เขามากกว่า  คือ เป็นคนห่าม มุทะลุ เห็นแก่ตัว และยึดแต่ตัวเองเป็นหลัก

1. เพราะเมื่อขาดสติ  ก็จะทำในสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคยออกมา ว่าง่ายๆ ลืมสร้างภาพ   เช่น  การต่อยคู่กรณีกลางถนน และบอกให้เขากราบรถ  นั่นหมายถึง นายคนนี้คิด และตั้งใจที่จะให้คู่กรณีเจ็บตัว  และเห็นคุณค่ารถตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด

2. การให้สัมภาษณ์ที่สถานีตำรวจ  นั่นคือสิ่งที่เขาคิด เขารู้สึกจริงๆ  ว่าเขารักรถมาก ให้คู่กรณีขอโทษรถตัวเองด้วย  เพราะถ้าไม่คิดแบบนี้ ก็คงไม่พูดแบบนี้ออกมา  เหตุการณ์ก็ผ่านไปแล้ว  ถ้ามีสติ คิดก่อนพูด    คนปกติก็คงขอโทษ ยอมชดใช้ที่ทำร้ายร่างกายเขา   แต่นี่ดันบอกให้เขามาขอโทษรถอีก   ถ้าเจ้าตัวไม่คิดแบบนั้นจริงๆ ก็คงไม่พูดออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง

และแถมมีทนายที่ไม่เก่ง  เข้าข้างกันเอง  พูดในสิ่งที่อยากพูด  โดยน่าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อมา  แต่ดันพูดออกมา เพราะเป็นคนประเภทเดียวกัน มันก็เลยกลายเป็นแบบนี้


นั่นแสดงให้เห็นว่า  ตัวตนจริงๆ  เขาเป็นคนอารมณ์ร้าย  เห็นแก่ตัว  และเอาแต่ใจ

ที่ทำให้เห็นว่าสุภาพ  แสนดี มาตลอด  นั่นน่ะ ภาพที่สร้างล้วนๆ

ผลของกรรม ทั้งกายกรรม ตอนแรก
กับ วจีกรรม ตอนให้สัมภาษณ์

ดูแต่ละอย่างที่พูดออกมา จากใจ
1. เค้าไม่ขอโทษผมไม่เป็นไร (ผมเป็นคนดีไม่ขอโทษไม่เป็นไร ผมไม่ถือโทษ) ขอโทษรถผมก็ได้ (กราบ)
2. มาหยิบมือถือแล้วปาลงพื้นแล้วเดินหนี คุณคงรู้สึกไม่ต่างกัน .... ตรรกะห่วยมาก ตั้งใจปา กับอุบัติเหตุเฉี่ยวชน
3."อย่าตัดสินผมแค่1นาทีครึ่ง" .... ตัดสินคนที่พฤติกรรมที่เขาทำ เวลาเกี่ยวยังไง ถ้าฆ่าคนแบบเร็วๆ ลักทรัพย์แบบเร็วๆ ก็ตัดสินความผิดไม่ได้ งั้นหรือ
4."ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเขาจะมีมีดมีปืนอะไรหรือเปล่า แต่ผมก็กลัว"..... ไปลากคอเขามา ตบตบตบ นี่อาการกลัว? จินตนาการด้วยว่ากลัวเขามีมีดมีปืน
                                                                                            ถ้ากลัวเขามี กล้าทำอย่างนี้กับเขา?
5.“ตอนนั้นน้องเขาขอโทษแล้วทำไมต้องทำร้ายด้วย" น๊อตกล่าวว่า ใช่ น้องเขาขอโทษ แต่ตอนนั้นมันเร็วมาก ดอกสุดท้ายนั้นไม่ทันจริงๆ
     ..........ตบไม่ยั้งมือ เขาขอโทษก็ไม่สน คนแถวนั้นตะโกนห้ามตั้งหลายรอบก็ไม่สน ตอบมาได้ "มันเร็วมาก" อะไรที่เร็ว  = มือที่ตบเขาไม่ยั้ง

ตอนดูคลิปตบ ก็ว่าแย่แล้ว ยังนึกว่าเดี๋ยวก็ออกมารับผิด
พอให้สัมภาษณ์  รู้สึกเลวร้ายขึ้นไปอีก

อืมมมมมมมมมมมมม รุนแรงแท้

หารายได้กับแกรมมี่ไม่ได้เยอะซินะ เลยตัดกันง่ายๆๆ

คนก่อนๆๆ คดีร้ายแรงเยอะมาก ยังอุ้มกันอยู่เลย

คิดไว้ตั้งแต่แรกล่ะว่าต้องตัดแน่ๆต่อให้แถลงข่าวก็เถอะบทสรุปภายในของค่ายเองก็ต้องตัดทิ้ง กรณีนี้มันไม่ใช่แค่พฤติกรรมส่วนบุคคลเท่านั้น แต่มันกระทบองค์กร
การที่แกรมมี่ตัดขาดเพราะมันส่งผลต่อภาพลักษณ์บริษัทโดยตรง ผลงานตาหมอนั่นส่วนใหญ่จะทำเกี่ยวกับเด็กเยาวชนพวกพิธีกรรายการวัยรุ่นอะไรพวกนั้นซึ่งมันกระทบโดยตรงแน่ๆหากยังเอาคนแบบนี้ทำงานด้านนี้จะเป็นตัวอย่างเยาวชนได้ยังไง
อีกอย่างเป็นเคสที่คนใหญ่คนโตหลายคนก็ออกมาพูดถึงนะถ้าใครติดตามโซเชียล
แกรมมี่อุ้มไม่ได้หรอกกระแสกดดันมันเยอะ อีกอย่างหมอนั่นทำเงินให้บริษัทสักกี่มากน้อยเชียว
บริษัทใหญ่ๆเขาไม่เสี่ยงหรอกนิ้วไหนร้ายก็ตัดทิ้ง จบ องค์กรได้หน้าอีกด้วยที่(ทำ)เสมือนว่ารับผิดชอบต่อสังคม