[CR] REVIEW --- หอบสังขาร ไปสังขละ --- ไปกับ " เพื่อน " อะไรก็สนุก

" Beautiful things don't ask for attention
ความงามแท้จริง ไม่เรียกร้องความสนใจ "
Cr. The Secret Life of Walter Mitty

.

.


.

สวัสดีค่ะ อันดับแรกคงต้องเริ่มด้วยประโยคยอดฮิต กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของพวกเรา หลังจากที่แอบแฝงตัวในพันทิปมานาน อ่านกระทู้รีวิวท่องเที่ยวมาก็เยอะ จึงเริ่มมีความคิดที่อยากมีกระทู้ที่ไปเที่ยวกับ " เพื่อน " ไว้เป็นความทรงจำสักครั้งเลยตั้งใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา หวังว่าคงสร้างรอยยิ้มและความสุขให้ทุกคนนะคะ ; ]


--- DAY 1 ---

ในการออกเดินทางครั้งนี้ พวกเรามี Concept เก๋ๆ ที่ว่า Low Price High Experience
พวกเราเลยเลือกเดินทางด้วยรถไฟ ที่มีดีทั้งฟรี และ วิวดีๆระหว่างทาง






เวลา 07.50 น. พวกเรามาถึงสถานีรถไฟธนบุรี หรืออีกชื่อคือ บางกอกน้อย ซึ่งปลายทางครั้งนี้คือ สถานีรถไฟน้ำตก สิ่งสำคัญที่ต้องใช้ในการออกตั๋วรถไฟ คือ บัตรประชาชน บรรยากาศรอบๆคราคร่ำไปด้วยชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มีทั้งเดินทางไปเที่ยว ค้าขาย และกลับบ้าน



การเดินทางครั้งนี้ พวกเราไปทั้งหมด 8 คน เป็นแก๊งค์เพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่ปี 1 ยันปี 4 แต่ยังไม่เคยไปเที่ยวทางไกลด้วยกันสักครั้ง ซึ่งครั้งนี้คงเป็นครั้งที่พิเศษมากๆ ขบวนรถไฟที่ไปยังสถานีน้ำตกมาถึงเวลา 08.30 น. ทุกคนขึ้นไปจับจองที่นั่ง พร้อมหวังใจว่าการออกเดินทางครั้งนี้ ต้องมีเรื่องราวดีๆอย่างแน่นอน





บรรยากาศระหว่างการเดินทางทำให้เราได้พบกับมิตรภาพใหม่ๆทั้งชาวไทยที่เป็นเพื่อนจากมหาวิทยาลัยอื่น และชาวต่างชาติที่หยิบยื่นมิตรภาพด้วยการแบ่งขนมให้กินและพยายามสนทนากัน อาจจะรู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็ได้รอยยิ้มและความประทับใจจากน้ำใจเล็กๆน้อยๆเหล่านี้

นอกจากนี้ยังวิวหลักล้านที่ไม่ออกเดินทางก็คงไม่รู้ ธรรมชาติที่อยู่กันอย่างกลมกลืนและลงตัว วิถีชีวิตระหว่างเส้นทางรถไฟของแต่ละท้องถิ่นและไฮไลท์เด็ดที่ขาดไม่ได้ คือ อาหารการกินบนรถไฟ ที่ขึ้นชื่อลือชาว่าอร่อยมากกกก และได้ฟิลลิ่งที่ต่างจากการกินอาหารบนเครื่องบินหรือรถทัวร์หรูๆ







หลังจากที่อิ่มท้องและอิ่มใจกับอาหารและธรรมชาติกว่า 4 ชั่วโมงแล้ว พวกเราก็เข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี สังเกตุง่ายๆจากจุดเด่นที่หลายๆคนคงรู้จักคือ สะพานแควใหญ่ ที่พาดผ่านแม่น้ำแคว ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งบนรถไฟและบนรถไฟต่างก็ตื่นตาตื่นใจหยิบโทรศัพท์และกล้องถ่ายรูปกันเป็นพัลวัน รถไฟพาเราไปยังเส้นทางรถไฟสายมรณะซึ่งเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดในประเทศไทย ผ่านไปยังถ้ำกระแซและดมองเห็นหุบเหวด้านล่างที่น่าประหลาดใจว่าสร้างกันได้อย่างไรก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานีน้ำตกสถานีที่รอคอย




และแล้วการเดินทางโดยรถไฟก็สิ้นสุดลง พวกเรามาถึงสถานีน้ำตกประมาณ 15.30 น. พร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาต้อนรับนักท่องเที่ยว สถานีมีการจัดแต่งภาพถ่ายประวัติการสร้างรถไฟสายมรณะ มีการบริการสองแถวที่ออกไปส่งยังถนนใหญ่เพื่อต่อรถเมล์ 2 ประตู 36 หน้าต่าง หรือที่เรียกกันว่ารถหวานเย็นเพื่อนั่งรถต่อไปยังสังขละบุรี





พนักงานเก็บตั๋วจะแจ้งว่าเราต้องลงรถที่ทองผาภูมิแล้วต่อรถอีกคันไปยังสังขละบุรี ระหว่างทางจะมีทหารตรวจบัตรประชาชนเป็นระยะเนื่องจากป้องกันคนลักลอบเข้าเมือง รถหวานเย็นพาเราเดินทางไปในเส้นทางที่ค่อนข้างคดเคี้ยวและสูงชัน มีขุนเขาซ้อนทับและหมอกจางๆหลังฝน เรามีไกด์ส่วนตัวที่บังเอิญรู้จักกันบนรถนั่นคือ กระเป๋ารถเมล์ นั่นเอง เขาเล่าเรื่องสถานที่ท่องเที่ยงต่างๆอย่างชำนาญพร้อมเชิญชวนให้ไปเที่ยวและก่อนลงรถเพื่อไปต่อรถอีกคันเขาทิ้งท้ายว่าขับมอไซค์เที่ยวได้ฟิลกว่าเยอะนะ ทำให้เรารู้ว่าแค่ยานพาหนะในการเดินทาง ก็ทำให้เราได้ความสุนทรีย์ที่ต่างกันออกไป




ถึงแล้ว สังขละบุรี เรามาถึงกันเวลาประมาณ  6 โมงเย็น บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย นั่งเที่ยวค่อนข้างบางตา อาจเพราะฝนเพิ่งหยุดตกและวันนี้ไม่มีถนนคนเดิน เราได้สอบถามการเดินทางไปยังที่พักที่จองไว้คือ บ้านทอฝัน ชาวบ้านแนะนำเส้นทางเป็นอย่างเป็นกันเอง แสดงให้ถึงการเป็นเจ้าบ้านที่ดี พวกเราเดินไปยังที่พักใช้เวลาประมาณ 15 นาที ลักษณะบ้านของคนที่นั่นเป็นบ้านเก่า ยังมีการใช้ไม้ไผ่สานเป็นผนังบ้าน และเป็นบ้านไม้ส่วนใหญ่ ทั้งยังสร้างบ้านตามเนินลงไปยังแม่น้ำ มีทั้งชุมชนชาวมุสลิม คริสต์ ไทยพุทธ มอญ และพม่า ที่อยู่รวมกันได้อย่างสันติ เราถึงที่พักพร้อมเช็คอินเกือบจะเป็นกลุ่มสุดท้ายของวันนั้น วันแห่งการเดินทางมาที่นี้จบลงแล้ว พรุ่งนี้เตรียมพบกับการท่องเที่ยวในสังขละในแบบที่แปลกใหม่กันนะคะ

ชื่อสินค้า:   สังขละบุรี, กาญจนบุรี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่