ทริปนี้เกิดจากที่อยากลองไปวิ่งต่างประเทศดูบ้าง และ ก็อยากไป Universal Japan (แน่นอนค่ะ เราเป็นติ่ง Harry Potter ด้วยค่ะ) ดังนั้น Osaka Marathon ก็เป็นคำตอบที่ตรงใจเราที่สุดตอนนี้ และโชคก็เข้าข้างค่ะ เรา Lotto ได้ไปวิ่ง Osaka Marathon ทันทีที่รู้ชำระเงินค่าวิ่ง และซื้อตั๋วเครื่องบิน ได้บินไฟล์ท JAL ออกสุวรรณภูมิ 26 ต.ค. 23.00 น. ถึง สนามบินคันไซ 06.30 รุ่งขึ้นของเวลาท้องถิ่น และกลับเช้ามืดวันที่ 1 พ.ย. 00.50 น. ถึงสุวรรณภูมิตี 5 ด้วยราคา 18,510 บาท (ซื้อผ่าน Expedia)
จากนั้นก็จองโรงแรมผ่าน Agoda โดยเลือกโรงแรม Hotel Fine Garden Osaka Juso โรงแรมและย่านที่ใคร ๆ เค้าบอกว่าคือ Love Hotel นั่นล่ะค่ะ แต่ตอนเลือกก็อ่าน review แล้วนะคะว่ามันก็พักได้เป็นปกติ หลาย ๆ คนไทยก็ไปพักกัน ที่เราเลือกที่นี่คือ มันไม่ได้อยู่ไกลมากจากสถานีรถไฟ และห้องที่พักก็เป็นห้องเดี่ยวที่มีห้องน้ำในตัว ในราคาที่เราพอจะจ่ายไหว เบ็ดเสร็จค่าห้องเดี่ยว รวมอาหารเช้า ตกอยู่ราว ๆ คืนละ 2,000 บาท (ถ้าไม่เอาอาหารเช้า ก็จะเป็นคืนละ 1,800 แต่พอดีเราว่า 200 บาท ค่าอาหารเช้าในญี่ปุ่นก็เป็นราคาที่รับได้ทีเดียวค่ะ)
ต่อมา เราก็ซื้อบัตร USJ พร้อม Express 6 Flying with Dino (คือช่วงที่เราไป express มันเป็น 6 นะคะ แต่ปกติช่วงอื่น หลายคนน่าจะได้ Express7) พร้อม Kansai Thru Pass 3 days เราเลือก KTP เพราะว่า ที่พักเราอยู่ใกล้ สถานี JUSO ต้องใช้รถไฟสาย Hankyu เป็นหลักก็เลยเลือก KTP โดยทั้งหมดนี้เราซื้อผ่าน Agency Sba Travel
คือ ไม่ค่อยได้วางแผนอะไรมากนั่นเอง จากนั้นก็ปล่อยเวลาล่วงเลยไป เพราะคิดว่ามันยังอีกนาน ใช้ชีวิตยุ่ง ๆ วุ่นวายไป จนถึงเวลาใกล้ ๆ หลายอย่างยุ่งวุ่นวาย เหนื่อยจนป่วย ไม่ได้ซ้อมวิ่ง แต่....เงินจ่ายหมดเกือบครบแล้ว เหลือแค่ค่าทาน ก็คงต้องไป (ตอนไปเนี่ย อารมณ์เหมือนจำใจมากค่ะ ฝนก็ตกหนัก) แล้วก็ซื้อ SIM AIS sim2fly 3GB 399 บาท ไปด้วยค่ะ
แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ราบรื่นหมดค่ะ check-in ผ่าน ตม. ทุกอย่างเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีคิว สำหรับไฟล์ทดึก และเช้าเมื่อถึงคันไซ ก็ผ่าน ตม. รับกระเป๋าอย่างรวดเร็ว และจากที่เราวางแผนคร่าว ๆ มาเมื่อคืน เราคิดว่าเราอยากได้บัตร ICOCA ไว้สำหรับวันที่ยังไม่มี Pass และ ซื้อ Kansai Area Pass 1 DAY สำหรับวัดสุดท้ายที่คิดว่าจะไปฮิเมจิ และกลับสนามบินด้วย Haruka
แต่วันนี้ เราเลือกใช้ KTP ค่ะ ออกจากสนามบินขึ้นสาย Nankai ออกมาจากสนามบินช่วง 7 โมงกว่าๆ ตอนออกสนามบินคนในรถไฟก็ยังโล่ง ๆ แต่พอมาเรื่อย ๆ คนแน่นมากค่ะ เป็นเวลาคนไปทำงานกัน เราไปเปลี่ยนสายรถไฟที่สถานี Osaka เพื่อไปสาย Hankyu ที่สถานี Umeda เพื่อไปต่อที่ JUSO เอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรม เสร็จแล้วก็หาอะไรทานที่สถานี JUSO ง่าย ๆ ค่ะ
แล้วเราก็นั่ง Hankyu สาย Kyoto ไปจนสถานี Kawaramachi แล้วเปลี่ยนไปรถไฟสาย Keihan ที่สถานี Gion-Shijo เพื่อไปลง สถานี Fushimi-Inari แล้วเราก็ถึงสถานที่แรกที่เราจะมาแล้วค่ะ ศาลเจ้า ฟูชิมาอินาริ เดินชมโทริอิ สีแดงสักพัก ตอนไปเจอมีซ่อม โทริอิตรงกลาง ๆ ก็เลยมีให้เดินอ้อม ๆ ดูด้วยค่ะ
เสร็จแล้วเราก็ย้อนจากสถานี Fushimi-Inari มาที่สถานี Kiyomizu-Gojo เพื่อจะเดินต่อไปยังเป้าหมายหลักเราค่ะ วัดคิโยมิซึ หรือวัดน้ำใส ทางเดินไปเนี่ย ร้านขายของเยอะมาก แต่นักท่องเที่ยว และนักเรียนทัศนศึกษาก็เยอะเช่นกัน เดิมชมวัดไปจนถึงไปต่อแถว ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สายที่ไหลลงมาจากเขาโอโตวะ สายที่ 1 เรื่องการศึกษา สายที่ 2 เรื่องความรัก สายที่ 3 เรื่องสุขภาพ แหม!! ก็เป็นนักวิ่งสุขภาพก็แข็งแรงแล้วเนอะ ขอเป็นสายที่ 2 ละกัน เผื่อปีถัดๆ ไปจะได้มีคนมาวิ่งเป็นเพื่อนบ้าง
พอเสร็จแล้ว ก็กะว่าจะหาอะไรทาน ก็เดินไปเรื่อย ๆ ร้านไหน ๆ แถวนั้นคนเต็มไปหมด จนเดินไปเรื่อย ๆ เกือบกลับไปถึงสถานี Gion มีร้านขนม ก็เลยเข้าไปนั่ง สั่งไอศกรีมชาเขียวสักถ้วย พร้อมกับวางแผนต่อว่า จะไปไหนดี (อย่างที่บอกค่ะ ไม่ค่อยได้วางแผนเท่าไร) นั่งดูแผนที่แล้ว คิดว่า Arashiyama น่าจะไปง่ายกว่าไปวัดทอง
ก็เดินไปขึ้น Hankyu Kyoto Line ที่สถานี Gion-Shijo และไปเปลี่ยนสายเป็น Arashiyama Line ที่สถานี Katsura แล้วก็ไปถึง Arashiyama รู้สึกชอบตรงแถวนี้มาก น้ำใส ๆ เขาสวย ๆ อากาศสบาย ๆ ก็เดินตามทางไปเรื่อย ๆ เดินข้ามสะพาน โทเง็ตสึเคียว จนไปถึงวัดเท็นริวจิ เดินทะลุไปป่าไผ่ แล้วก็ออกมาเดินเรียบแม่น้ำโฮสุไปเรื่อย ๆ
5 วันในโอซาก้า กับ Osaka Marathon กับเติมความฝันที่ USJ
จากนั้นก็จองโรงแรมผ่าน Agoda โดยเลือกโรงแรม Hotel Fine Garden Osaka Juso โรงแรมและย่านที่ใคร ๆ เค้าบอกว่าคือ Love Hotel นั่นล่ะค่ะ แต่ตอนเลือกก็อ่าน review แล้วนะคะว่ามันก็พักได้เป็นปกติ หลาย ๆ คนไทยก็ไปพักกัน ที่เราเลือกที่นี่คือ มันไม่ได้อยู่ไกลมากจากสถานีรถไฟ และห้องที่พักก็เป็นห้องเดี่ยวที่มีห้องน้ำในตัว ในราคาที่เราพอจะจ่ายไหว เบ็ดเสร็จค่าห้องเดี่ยว รวมอาหารเช้า ตกอยู่ราว ๆ คืนละ 2,000 บาท (ถ้าไม่เอาอาหารเช้า ก็จะเป็นคืนละ 1,800 แต่พอดีเราว่า 200 บาท ค่าอาหารเช้าในญี่ปุ่นก็เป็นราคาที่รับได้ทีเดียวค่ะ)
ต่อมา เราก็ซื้อบัตร USJ พร้อม Express 6 Flying with Dino (คือช่วงที่เราไป express มันเป็น 6 นะคะ แต่ปกติช่วงอื่น หลายคนน่าจะได้ Express7) พร้อม Kansai Thru Pass 3 days เราเลือก KTP เพราะว่า ที่พักเราอยู่ใกล้ สถานี JUSO ต้องใช้รถไฟสาย Hankyu เป็นหลักก็เลยเลือก KTP โดยทั้งหมดนี้เราซื้อผ่าน Agency Sba Travel
คือ ไม่ค่อยได้วางแผนอะไรมากนั่นเอง จากนั้นก็ปล่อยเวลาล่วงเลยไป เพราะคิดว่ามันยังอีกนาน ใช้ชีวิตยุ่ง ๆ วุ่นวายไป จนถึงเวลาใกล้ ๆ หลายอย่างยุ่งวุ่นวาย เหนื่อยจนป่วย ไม่ได้ซ้อมวิ่ง แต่....เงินจ่ายหมดเกือบครบแล้ว เหลือแค่ค่าทาน ก็คงต้องไป (ตอนไปเนี่ย อารมณ์เหมือนจำใจมากค่ะ ฝนก็ตกหนัก) แล้วก็ซื้อ SIM AIS sim2fly 3GB 399 บาท ไปด้วยค่ะ
แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ราบรื่นหมดค่ะ check-in ผ่าน ตม. ทุกอย่างเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีคิว สำหรับไฟล์ทดึก และเช้าเมื่อถึงคันไซ ก็ผ่าน ตม. รับกระเป๋าอย่างรวดเร็ว และจากที่เราวางแผนคร่าว ๆ มาเมื่อคืน เราคิดว่าเราอยากได้บัตร ICOCA ไว้สำหรับวันที่ยังไม่มี Pass และ ซื้อ Kansai Area Pass 1 DAY สำหรับวัดสุดท้ายที่คิดว่าจะไปฮิเมจิ และกลับสนามบินด้วย Haruka
แต่วันนี้ เราเลือกใช้ KTP ค่ะ ออกจากสนามบินขึ้นสาย Nankai ออกมาจากสนามบินช่วง 7 โมงกว่าๆ ตอนออกสนามบินคนในรถไฟก็ยังโล่ง ๆ แต่พอมาเรื่อย ๆ คนแน่นมากค่ะ เป็นเวลาคนไปทำงานกัน เราไปเปลี่ยนสายรถไฟที่สถานี Osaka เพื่อไปสาย Hankyu ที่สถานี Umeda เพื่อไปต่อที่ JUSO เอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรม เสร็จแล้วก็หาอะไรทานที่สถานี JUSO ง่าย ๆ ค่ะ
แล้วเราก็นั่ง Hankyu สาย Kyoto ไปจนสถานี Kawaramachi แล้วเปลี่ยนไปรถไฟสาย Keihan ที่สถานี Gion-Shijo เพื่อไปลง สถานี Fushimi-Inari แล้วเราก็ถึงสถานที่แรกที่เราจะมาแล้วค่ะ ศาลเจ้า ฟูชิมาอินาริ เดินชมโทริอิ สีแดงสักพัก ตอนไปเจอมีซ่อม โทริอิตรงกลาง ๆ ก็เลยมีให้เดินอ้อม ๆ ดูด้วยค่ะ
เสร็จแล้วเราก็ย้อนจากสถานี Fushimi-Inari มาที่สถานี Kiyomizu-Gojo เพื่อจะเดินต่อไปยังเป้าหมายหลักเราค่ะ วัดคิโยมิซึ หรือวัดน้ำใส ทางเดินไปเนี่ย ร้านขายของเยอะมาก แต่นักท่องเที่ยว และนักเรียนทัศนศึกษาก็เยอะเช่นกัน เดิมชมวัดไปจนถึงไปต่อแถว ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สายที่ไหลลงมาจากเขาโอโตวะ สายที่ 1 เรื่องการศึกษา สายที่ 2 เรื่องความรัก สายที่ 3 เรื่องสุขภาพ แหม!! ก็เป็นนักวิ่งสุขภาพก็แข็งแรงแล้วเนอะ ขอเป็นสายที่ 2 ละกัน เผื่อปีถัดๆ ไปจะได้มีคนมาวิ่งเป็นเพื่อนบ้าง
พอเสร็จแล้ว ก็กะว่าจะหาอะไรทาน ก็เดินไปเรื่อย ๆ ร้านไหน ๆ แถวนั้นคนเต็มไปหมด จนเดินไปเรื่อย ๆ เกือบกลับไปถึงสถานี Gion มีร้านขนม ก็เลยเข้าไปนั่ง สั่งไอศกรีมชาเขียวสักถ้วย พร้อมกับวางแผนต่อว่า จะไปไหนดี (อย่างที่บอกค่ะ ไม่ค่อยได้วางแผนเท่าไร) นั่งดูแผนที่แล้ว คิดว่า Arashiyama น่าจะไปง่ายกว่าไปวัดทอง
ก็เดินไปขึ้น Hankyu Kyoto Line ที่สถานี Gion-Shijo และไปเปลี่ยนสายเป็น Arashiyama Line ที่สถานี Katsura แล้วก็ไปถึง Arashiyama รู้สึกชอบตรงแถวนี้มาก น้ำใส ๆ เขาสวย ๆ อากาศสบาย ๆ ก็เดินตามทางไปเรื่อย ๆ เดินข้ามสะพาน โทเง็ตสึเคียว จนไปถึงวัดเท็นริวจิ เดินทะลุไปป่าไผ่ แล้วก็ออกมาเดินเรียบแม่น้ำโฮสุไปเรื่อย ๆ