ออกตัวก่อนว่าผมเป็นแฟนเรื่องนี้ในภาคการ์ตูนนะครับ แต่กับหนังและซีรี่ย์ ผมไม่เคยชอบภาคไหนเลยซักกะภาค ชอบแค่คาแรคเตอร์ของมิสะ กับ L ในเวอร์ชั่นหนัง ที่ยังกะเดินออกมาจากหนังสือการ์ตูน และชอบการตีความใหม่ของเนียร์กับเมลโล่ในเวอร์ชั่นซีรี่ย์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่ให้เด็กคู่นี้มันกลายเป็นคนเดียวกันไปซะ ให้มันทะเลาะกับตัวเองไป แม้มันจะไม่เหมือนในการ์ตูน แต่ผมชอบ!!
(ปล. ชื่อตัวละครทั้งหมดผมไปเปิดดูจาก IMDb อีกทีนะครับ เพราะผมจำชื่อคนญี่ปุ่นไม่ค่อยได้ ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ)
Death Note :: Light Up the New World จริงๆก่อนดูผมก็ทำใจไว้นิดนึงก่อนแล้วครับว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็น เพราะเค้าก็โปรโมทอยู่ว่าภาคนี้จะเป็นการต่อยอดจากเวอร์ชั่นหนังสองภาคก่อนหน้า ไม่ได้อิงกับในการ์ตูน ดังนั้นผมก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบในการ์ตูนที่ผมเคยอ่าน แต่ก็นั่นแหละ มันก็ยังมีความคาดหวังในความไม่คาดหวังอยู่นิดหน่อยว่ามันต้องดีสิ นี่มันคือครบรอบสิบปีเลยนะเฮ้ย!! และยิ่งเป็นการวางเนื้อเรื่องใหม่ ไม่ยึดกับเวอร์ชั่นการ์ตูนมันยิ่งน่าสนใจในแง่ที่ว่าหนังเค้าก็สามารถใส่อะไรเข้าไปก็ได้แล้ว เพราะว่ามันคือเนื้อเรื่องใหม่ทั้งหมด คือมันก็คาดหวังนิดๆแหละครับว่าคงจะได้เห็นการเล่าเรื่องเดธโน๊ตในมุมใหม่ๆ ซึ่งมันก็ฟังดูน่าสนุกดี
Light Up the New World ชื่อของภาคนี้ มันก็บอกเป็นนัยๆอยู่แล้วว่ามันเป็นการเล่าเรื่องของ "Light ในโลกใหม่" ซึ่งเนื้อเรื่องจริงๆก็เป็นอะไรคล้ายๆแบบนั้นแหละครับ จะบอกว่าเค้าตั้งชื่อหลอกเราก็ไม่ได้ เพราะมันก็เป็นการเล่าเรื่องของคิระ หรือคนที่เคยดูภาคก่อนๆก็น่าจะรู้อยู่แล้วมั้งว่าตัวตนจริงๆของคิระคือ ยางามิ ไลท์ ซึ่งผมขอไม่พูดถึงประวัติของเค้าละกันว่าเค้าเป็นไงมาไง รู้แค่ว่าในภาคก่อนหนัา ตัวละครทั้งหมดตายไปแล้ว เหลือแค่ไม่กี่คน หลักๆก็มีมิสะ ซึ่งโผล่มาแจมในเรื่องนี้ด้วย และตัวละครที่เป็นตำรวจอีกคน ที่ในภาคนี้เป็นคนที่รับผิดชอบโครงการสืบคดีเดธโน๊ตต่อ ซึ่งน่าจะมีเท่านี้ที่พอจะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างภาคนี้กับภาคก่อนหน้า ..อ้อ!! มียมทูตลุคอีก (ตัว,คน,สิ่ง,อัน...เอ๊ะ!!! ยมทูตนี่ต้องใช้ลักษณนามว่าอะไรนะ?) ..นั่นแหละครับมีลุคอีกคนนึง(ละกัน)ที่มาจากภาคเก่า อย่างอื่นก็เพิ่มใส่เข้าไปตามแต่จะจินตนาการกันได้(รวมถึงบิ๊กอายของริวซากิด้วย เห็นแล้วอยากจะไปหยอดน้ำตาเทียมให้ซะเหลือเกิน กลัวตาแห้ง!!)
จริงๆผมก็เพิ่งทราบว่าเรื่องนี้มีมินิซีรี่ย์แนะนำตัวละครทั้งสามคือ ริวซากิ ชิเงน และมิชิมะ ออกมาก่อนหน้านี้ และผมก็เพิ่งดูจบหลังจากดูหนังไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้อะไรเท่าไร เพราะตัวมินิซีรี่เองก็แค่เหมือนให้เรารู้จักว่าทั้งสามคนมีที่มีที่ไปยังไงเท่านั้นเอง ถ้าใครดูก่อนก็ช่วยให้เข้าใจตัวละครขึ้นนิดนึง แต่ถ้าใครไม่ได้ดูก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรไปหรอก ซึ่งที่ผมคาดหวังคำตอบจากซีรี่ตัวนั้นมันก็ไม่ได้บอกผม คือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. ไลท์ไปมีลูกตอนไหน และกับใคร? เพราะเท่าที่จำได้ ไลท์ก็น่าจะคบกับมิสะคนเดียว ทำไมอยู่ดีๆมีลูก?
2. สองภาคก่อนมีพูดถึงสมุด 3 เล่มที่เหลืออยู่บนโลกคือ
- เล่มของไลท์ ลุคเป็นผู้ดูแล ซึ่งลุคได้มาจากยมทูตอีกคน แล้วเอามาทิ้งไว้บนโลก จนไลท์มาเก็บได้
- เล่มของมิสะ เรมเป็นผู้ดูแล ได้มาจากยมทูตที่คลั่งมิสะมาก และยอมตายเพื่อช่วยมิสะ เรมเลยเอามาให้มิสะ
- เล่มของเรม ซึ่งเรมตายไปแล้ว จึงน่าจะต้องมีสมุดของเรมอยู่บนโลก
ดังนั้นทั้ง 3 เล่มนี้น่าจะอยู่ในการดูแลของตำรวจ ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าหนังบอกเรายังไง ตำรวจทำลายทิ้ง หรือมันหายไป และสมุด 6 เล่มที่พูดถึงในภาคนี้ รวม 3 เล่มในภาคก่อนหน้าด้วยหรือเปล่า
3. สมุดเล่มแรกที่ชิเงนได้รับ คือสมุดของใคร? ถ้าเป็นของลุคเอง แล้วทำไมชิเงนถึงบอกว่าเคยเป็นของมิสะ(เพราะหน้าปกเล่มของมิสะจะเขียนอีกแบบนึง ไม่ได้เขียนด้วยภาษาอังกฤษ)
4. มิชิมะ ควรจำเรื่องของโน๊ตได้ตั้งแต่จับสมุดเล่มแรกแล้วหรือเปล่า ไม่ต้องจับเล่มของตัวเองเป็นเจ้าของก็ได้
5. มิชิมะเขียนชื่อริวซากิไปตอนไหน? ..ในมินิซีรี่ย์จะให้เห็นตอนมิชิมะเข้ามาในกองสอบสวนฯ ซึ่งต้องผ่านเครื่องจับเท็จ ทำให้เข้าใจได้ว่าตอนนั้นมิชิมะน่าจะสละโน๊ตไปแล้ว แต่เค้าได้พบหน้าริวซากิหลังจากนั้น และเพิ่งมีความทรงจำกลับคืนมาตอนสัมผัสโน๊ตที่ตึกร้าง ซึ่งเป็นโน๊ตเล่มที่ลุคเป็นเจ้าของ และมันอยู่กับมิสะมาตลอด ถ้าเค้าเคยเป็นเจ้าของโน๊ตเล่มนั้น และตามเหตุผลที่หนังบอกเราว่าต้องสัมผัสกับโน๊ตที่ตัวเองเคยเป็นเจ้าของถึงจะฟื้นความทรงจำได้ แล้วมิชิมะมันไปแอบฟื้นความทรงจำ และเขียนชื่อริวซากิไว้ตอนไหน?
(ซึ่งอันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเค้าได้บอกไว้ในสองภาคก่อนรึเปล่านะครับ ผมอาจจะจำสับสนกับเวอร์ชั่นการ์ตูนด้วย ถ้าใครทราบคำตอบ ก็ช่วยบอกผมทีครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ)
เอาสิ่งที่ชอบก่อนนะครับ
- ผมชอบซีจีของยมทูต ผมชอบการสร้างคาแรคเตอร์ให้ยมทูตอามิ (หรืออามะอะไรซักอย่างผมจำไม่ได้)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่เหตุผลมันแปลกๆในการยอมฆ่าคนอื่นเพื่อช่วยมนุษย์ คือยมทูตคนก่อนทั้งเรม และอีกคนที่เป็นเจ้าของสมุดที่มิสะถือครอง ที่รักมิสะมากก็เลยยอมตาย มันเข้าใจได้ แต่กับอามะอามิอะไรนี่ หนังเค้าไม่ได้ให้เราเห็นความสัมพันธ์ของเค้ากับริวซากิขนาดนั้น มันเลยดูยังไม่เชื่ออ่ะครับว่าเค้าจะยอมตายได้(แต่ก็ช่างเถอะ ผมยังขัดใจเรื่องนี้น้อยกว่าบิ๊กอายของริวซากิ)
- ผมชอบการเล่นกับสีขาว-ดำของเค้า มันเป็นหนังที่เล่นสีได้สนุกดีนะครับ ภาพออกมาสวยทุกซีนเลย ผมชอบ แม้ว่าถ้ามองในแง่ความเป็นจริงมันจะดูพยายามยัดสีขาวกับสีดำมากเกินพอดีไปหน่อย แต่ในแง่ของงานภาพแล้วผมชอบนะ เวอร์ชั่นก่อนฝั่งเจ้าของโน๊ต(ไลท์)จะเป็นสีดำ ฝั่งนักสืบ( L )เป็นสีขาว มาคราวนี้ฝั่งตัวแทน L เล่นดำมาทุกอย่างเลย ส่วนฝั่งตัวแทนไลท์ก็เล่นสีขาวทั้งชุดเหมือนกัน ผมว่าเค้าเล่นสีขาว-ดำ ได้สนุกดี มีดำบนขาว ขาวบนดำเยอะแยะไปหมด ผมชอบคอนเซปต์อาร์ตโดยรวมของเค้านะครับ
- ชอบพัฒนาการของตัวละครอามาเนะ มิสะ ผมชอบที่เค้าสร้างตัวละครตัวนี้ให้โตตามที่ควรจะเป็น จากเด็กสาวที่เชื่อไลท์ บูชาไลท์ ไลท์พูดอะไรก็ฟังหมด ทำตามหมด แต่มาภาคนี้มิสะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ตามวัย เริ่มใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ เอาจริงๆตอนแรกที่ได้ยินข่าวว่าจะมีตัวละครมิสะด้วย ผมเดาว่ามิสะจะมาอยู่ฝั่งตำรวจจนบังเอิญได้ไปสัมผัสกับโน๊ต ได้ความทรงจำคืน แล้วก็เลยแอบเป็นสปายอยู่ในแก๊งค์ตำรวจซะอีก แต่ไม่เป็นไร เป็นแบบนี้ก็โอเค
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รวมถึงเหตุผลที่มิสะฆ่าตัวตายผมก็โอเคนะครับ เพราะถ้าคิดในมุมมิสะ การได้รับรู้เรื่องราวในอดีตที่เจ็บปวดขนาดนั้น เพราะไม่ใช่แค่ไลท์ตาย แต่รวมถึงเรมด้วย ..การใช้โน๊ตฆ่าตัวเองตายซะ ก็น่าจะเป็นทางออกที่สมเหตุสมผลในมุมของมิสะ
- ชอบการตีความใหม่ของเนื้อเรื่อง ผมชอบพล็อตเค้านะ แม้ว่าพอเอามาขยายความเป็นเรื่องยาวแล้วผมจะไม่โอเคก็ตาม แต่ผมชอบพล็อตเค้าที่คิดว่าถ้าอยู่ดีๆมีโน๊ตถึง 6 เล่มบนโลก มันคงจะน่าสนุกดีสำหรับคนแบบไลท์ และมันน่าจะปวดหัวมากสำหรับคนแบบ L
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้และแม้ริวซากิจะอยู่ฝั่ง L เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของ L ในภาคนี้ แต่ริวซากิก็มีโน๊ตอยู่ และมีเพื่อนสนิทเป็นยมทูตซะด้วย แต่น่าเสียดายที่พอเค้าเอาพล็อตที่น่าสนใจขนาดนี้มาขยายเป็นเรื่องยาวมันกลายเป็นน่าเบื่อไปซะ
..ส่วนที่เหลือทั้งหมด ทั้งเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง เหตุผลในการตาย บิ๊กอายของริวซากิ และการสร้างคาแรคเตอร์ริวซากิให้เหมือน L จนเกินพอดี รวมถึงผมหน้าเบี่ยงซ้ายของชิเงน มันดูน่าหงุดหงิดไปหมด ดูประดิษฐ์ ดูพยายาม ดูเป็นการ์ตูนไปทุกอย่าง ทั้งที่หนังบอกเราเองว่าไม่ยึดตามการ์ตูน แต่หนังพยายามทำตัวเองให้เป็นการ์ตูนไปหมด ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆไปกับอะไรก็ไม่รู้อ่ะครับ จุดไคลแมกซ์ก็ธรรมดา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อุตส่าหวังว่าน้องนานาเสะจะมีบทบาทอะไรสำคัญ ก็เปล่า เป็นตัวละครที่เฉลยตัวตนของตัวเองและตายได้ง่อยมาก เบาหวิว ไร้ตัวตน ไร้การจดจำ น่าเสียดายมากที่อุตส่าห์วางคาแรคเตอร์ไว้ซะดิบดี (เอาจริงๆให้ผมนึกตอนนี้ว่าตัวจริงในเรื่อง ที่เค้าบอกว่าเค้าเป็นใคร และเหตุผลที่มาร่วมทีมสืบสวนฯ ผมยังนึกไม่ออกเลย) หนังใช้ประเด็นเรื่องการมีโน๊ต 6 เล่มบนโลกเพื่อเดินเรื่อง แต่แทนที่มันจะทำให้เนื้อเรื่องสนุกขึ้น มันกลับเหมือนเค้าเดินสะดุดขาตัวเองแล้วล้มหน้าทิ่มลงไปฟาดกับรูปปั้นหินอ่อนที่ตัวเองวางไว้แล้วตายไปอย่างสงบ คือมันกลายเป็นส่วนด้อยของหนังให้หนังต้องตามไปเล่าถึงโน๊ตทั้งหมดนั่นอ่ะครับ ซึ่งก็น่าเบื่ออยู่พอสมควร ไอ้ส่วนที่ควรเน้นเช่นความสัมพันธ์ของยมทูตอามิอามะอะไรนั่นกับมนุษย์ หรือการชิงไหวชิงพริบระหว่างฝั่งตัวแทนคิระกับตัวแทน L หรือปมของตัวละครอย่างนานาเสะ หรือแม้แต่อาโออิ(หมายถึงผู้ครอบครองโน๊ตผู้หญิงในตอนแรกนะครับ ไม่ใช่น้องอ้อยโซระ) แต่ไปพะวงอยู่กับอะไรก็ไม่รู้ ยืดเยื้อ เวิ่นเว้อ หาประเด็นไม่เจอ แล้วพอถึงบทจะต้องจบก็จบแบบรีบๆ ให้มันจบๆไป ปมของตัวละครบางตัวมันเลยดูไม่ค่อยเคลียร์ สถานการณ์ในเรื่องก็แปลกๆ ดูไปก็หงุดหงิดไป เพราะมันไม่ใช่เดธโน๊ตในแบบที่เคยรู้จักอ่ะครับ พอหนังจบผมก็เลยลุกออกจากโรงทันทีทั้งที่รู้นะว่ามันจะมีต่อหลัง end credit แต่แค่รู้สึกว่าหนังเค้าทำลายเวลาของผมไปตั้ง 2 ชั่วโมงกว่าๆแล้ว ผมก็ไม่ได้อยากรู้แล้วว่าเค้าจะมีอะไรต่อมั้ย ตอนเวอร์ชั่นซีรี่ย์เมื่อปีก่อนที่ให้ไลท์ไปถือป้ายไฟเต้นแง้วๆอยู่ในคอนเสิร์ตของมิสะว่ารับไม่ได้แล้วยังรู้สึกว่ามันโอเคกว่าเวอร์ชั่นนี้เลย ฮ่าๆๆ ..ว่าแล้วก็กลับไปอ่านการ์ตูนอีกรอบดีกว่า!!!!
Death Note : Light Up the New World :: 10 ปี Death Note ที่มาพร้อมกับ ผมเบี่ยงซ้ายและบิ๊กอายตาโต [SPOIL]
(ปล. ชื่อตัวละครทั้งหมดผมไปเปิดดูจาก IMDb อีกทีนะครับ เพราะผมจำชื่อคนญี่ปุ่นไม่ค่อยได้ ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ)
Death Note :: Light Up the New World จริงๆก่อนดูผมก็ทำใจไว้นิดนึงก่อนแล้วครับว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็น เพราะเค้าก็โปรโมทอยู่ว่าภาคนี้จะเป็นการต่อยอดจากเวอร์ชั่นหนังสองภาคก่อนหน้า ไม่ได้อิงกับในการ์ตูน ดังนั้นผมก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบในการ์ตูนที่ผมเคยอ่าน แต่ก็นั่นแหละ มันก็ยังมีความคาดหวังในความไม่คาดหวังอยู่นิดหน่อยว่ามันต้องดีสิ นี่มันคือครบรอบสิบปีเลยนะเฮ้ย!! และยิ่งเป็นการวางเนื้อเรื่องใหม่ ไม่ยึดกับเวอร์ชั่นการ์ตูนมันยิ่งน่าสนใจในแง่ที่ว่าหนังเค้าก็สามารถใส่อะไรเข้าไปก็ได้แล้ว เพราะว่ามันคือเนื้อเรื่องใหม่ทั้งหมด คือมันก็คาดหวังนิดๆแหละครับว่าคงจะได้เห็นการเล่าเรื่องเดธโน๊ตในมุมใหม่ๆ ซึ่งมันก็ฟังดูน่าสนุกดี
Light Up the New World ชื่อของภาคนี้ มันก็บอกเป็นนัยๆอยู่แล้วว่ามันเป็นการเล่าเรื่องของ "Light ในโลกใหม่" ซึ่งเนื้อเรื่องจริงๆก็เป็นอะไรคล้ายๆแบบนั้นแหละครับ จะบอกว่าเค้าตั้งชื่อหลอกเราก็ไม่ได้ เพราะมันก็เป็นการเล่าเรื่องของคิระ หรือคนที่เคยดูภาคก่อนๆก็น่าจะรู้อยู่แล้วมั้งว่าตัวตนจริงๆของคิระคือ ยางามิ ไลท์ ซึ่งผมขอไม่พูดถึงประวัติของเค้าละกันว่าเค้าเป็นไงมาไง รู้แค่ว่าในภาคก่อนหนัา ตัวละครทั้งหมดตายไปแล้ว เหลือแค่ไม่กี่คน หลักๆก็มีมิสะ ซึ่งโผล่มาแจมในเรื่องนี้ด้วย และตัวละครที่เป็นตำรวจอีกคน ที่ในภาคนี้เป็นคนที่รับผิดชอบโครงการสืบคดีเดธโน๊ตต่อ ซึ่งน่าจะมีเท่านี้ที่พอจะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างภาคนี้กับภาคก่อนหน้า ..อ้อ!! มียมทูตลุคอีก (ตัว,คน,สิ่ง,อัน...เอ๊ะ!!! ยมทูตนี่ต้องใช้ลักษณนามว่าอะไรนะ?) ..นั่นแหละครับมีลุคอีกคนนึง(ละกัน)ที่มาจากภาคเก่า อย่างอื่นก็เพิ่มใส่เข้าไปตามแต่จะจินตนาการกันได้(รวมถึงบิ๊กอายของริวซากิด้วย เห็นแล้วอยากจะไปหยอดน้ำตาเทียมให้ซะเหลือเกิน กลัวตาแห้ง!!)
จริงๆผมก็เพิ่งทราบว่าเรื่องนี้มีมินิซีรี่ย์แนะนำตัวละครทั้งสามคือ ริวซากิ ชิเงน และมิชิมะ ออกมาก่อนหน้านี้ และผมก็เพิ่งดูจบหลังจากดูหนังไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้อะไรเท่าไร เพราะตัวมินิซีรี่เองก็แค่เหมือนให้เรารู้จักว่าทั้งสามคนมีที่มีที่ไปยังไงเท่านั้นเอง ถ้าใครดูก่อนก็ช่วยให้เข้าใจตัวละครขึ้นนิดนึง แต่ถ้าใครไม่ได้ดูก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรไปหรอก ซึ่งที่ผมคาดหวังคำตอบจากซีรี่ตัวนั้นมันก็ไม่ได้บอกผม คือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เอาสิ่งที่ชอบก่อนนะครับ
- ผมชอบซีจีของยมทูต ผมชอบการสร้างคาแรคเตอร์ให้ยมทูตอามิ (หรืออามะอะไรซักอย่างผมจำไม่ได้) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ผมชอบการเล่นกับสีขาว-ดำของเค้า มันเป็นหนังที่เล่นสีได้สนุกดีนะครับ ภาพออกมาสวยทุกซีนเลย ผมชอบ แม้ว่าถ้ามองในแง่ความเป็นจริงมันจะดูพยายามยัดสีขาวกับสีดำมากเกินพอดีไปหน่อย แต่ในแง่ของงานภาพแล้วผมชอบนะ เวอร์ชั่นก่อนฝั่งเจ้าของโน๊ต(ไลท์)จะเป็นสีดำ ฝั่งนักสืบ( L )เป็นสีขาว มาคราวนี้ฝั่งตัวแทน L เล่นดำมาทุกอย่างเลย ส่วนฝั่งตัวแทนไลท์ก็เล่นสีขาวทั้งชุดเหมือนกัน ผมว่าเค้าเล่นสีขาว-ดำ ได้สนุกดี มีดำบนขาว ขาวบนดำเยอะแยะไปหมด ผมชอบคอนเซปต์อาร์ตโดยรวมของเค้านะครับ
- ชอบพัฒนาการของตัวละครอามาเนะ มิสะ ผมชอบที่เค้าสร้างตัวละครตัวนี้ให้โตตามที่ควรจะเป็น จากเด็กสาวที่เชื่อไลท์ บูชาไลท์ ไลท์พูดอะไรก็ฟังหมด ทำตามหมด แต่มาภาคนี้มิสะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ตามวัย เริ่มใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ เอาจริงๆตอนแรกที่ได้ยินข่าวว่าจะมีตัวละครมิสะด้วย ผมเดาว่ามิสะจะมาอยู่ฝั่งตำรวจจนบังเอิญได้ไปสัมผัสกับโน๊ต ได้ความทรงจำคืน แล้วก็เลยแอบเป็นสปายอยู่ในแก๊งค์ตำรวจซะอีก แต่ไม่เป็นไร เป็นแบบนี้ก็โอเค [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ชอบการตีความใหม่ของเนื้อเรื่อง ผมชอบพล็อตเค้านะ แม้ว่าพอเอามาขยายความเป็นเรื่องยาวแล้วผมจะไม่โอเคก็ตาม แต่ผมชอบพล็อตเค้าที่คิดว่าถ้าอยู่ดีๆมีโน๊ตถึง 6 เล่มบนโลก มันคงจะน่าสนุกดีสำหรับคนแบบไลท์ และมันน่าจะปวดหัวมากสำหรับคนแบบ L [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แต่น่าเสียดายที่พอเค้าเอาพล็อตที่น่าสนใจขนาดนี้มาขยายเป็นเรื่องยาวมันกลายเป็นน่าเบื่อไปซะ
..ส่วนที่เหลือทั้งหมด ทั้งเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง เหตุผลในการตาย บิ๊กอายของริวซากิ และการสร้างคาแรคเตอร์ริวซากิให้เหมือน L จนเกินพอดี รวมถึงผมหน้าเบี่ยงซ้ายของชิเงน มันดูน่าหงุดหงิดไปหมด ดูประดิษฐ์ ดูพยายาม ดูเป็นการ์ตูนไปทุกอย่าง ทั้งที่หนังบอกเราเองว่าไม่ยึดตามการ์ตูน แต่หนังพยายามทำตัวเองให้เป็นการ์ตูนไปหมด ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆไปกับอะไรก็ไม่รู้อ่ะครับ จุดไคลแมกซ์ก็ธรรมดา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หนังใช้ประเด็นเรื่องการมีโน๊ต 6 เล่มบนโลกเพื่อเดินเรื่อง แต่แทนที่มันจะทำให้เนื้อเรื่องสนุกขึ้น มันกลับเหมือนเค้าเดินสะดุดขาตัวเองแล้วล้มหน้าทิ่มลงไปฟาดกับรูปปั้นหินอ่อนที่ตัวเองวางไว้แล้วตายไปอย่างสงบ คือมันกลายเป็นส่วนด้อยของหนังให้หนังต้องตามไปเล่าถึงโน๊ตทั้งหมดนั่นอ่ะครับ ซึ่งก็น่าเบื่ออยู่พอสมควร ไอ้ส่วนที่ควรเน้นเช่นความสัมพันธ์ของยมทูตอามิอามะอะไรนั่นกับมนุษย์ หรือการชิงไหวชิงพริบระหว่างฝั่งตัวแทนคิระกับตัวแทน L หรือปมของตัวละครอย่างนานาเสะ หรือแม้แต่อาโออิ(หมายถึงผู้ครอบครองโน๊ตผู้หญิงในตอนแรกนะครับ ไม่ใช่น้องอ้อยโซระ) แต่ไปพะวงอยู่กับอะไรก็ไม่รู้ ยืดเยื้อ เวิ่นเว้อ หาประเด็นไม่เจอ แล้วพอถึงบทจะต้องจบก็จบแบบรีบๆ ให้มันจบๆไป ปมของตัวละครบางตัวมันเลยดูไม่ค่อยเคลียร์ สถานการณ์ในเรื่องก็แปลกๆ ดูไปก็หงุดหงิดไป เพราะมันไม่ใช่เดธโน๊ตในแบบที่เคยรู้จักอ่ะครับ พอหนังจบผมก็เลยลุกออกจากโรงทันทีทั้งที่รู้นะว่ามันจะมีต่อหลัง end credit แต่แค่รู้สึกว่าหนังเค้าทำลายเวลาของผมไปตั้ง 2 ชั่วโมงกว่าๆแล้ว ผมก็ไม่ได้อยากรู้แล้วว่าเค้าจะมีอะไรต่อมั้ย ตอนเวอร์ชั่นซีรี่ย์เมื่อปีก่อนที่ให้ไลท์ไปถือป้ายไฟเต้นแง้วๆอยู่ในคอนเสิร์ตของมิสะว่ารับไม่ได้แล้วยังรู้สึกว่ามันโอเคกว่าเวอร์ชั่นนี้เลย ฮ่าๆๆ ..ว่าแล้วก็กลับไปอ่านการ์ตูนอีกรอบดีกว่า!!!!