Death Note : Light Up the New World :: 10 ปี Death Note ที่มาพร้อมกับ ผมเบี่ยงซ้ายและบิ๊กอายตาโต [SPOIL]

ออกตัวก่อนว่าผมเป็นแฟนเรื่องนี้ในภาคการ์ตูนนะครับ แต่กับหนังและซีรี่ย์ ผมไม่เคยชอบภาคไหนเลยซักกะภาค ชอบแค่คาแรคเตอร์ของมิสะ กับ L ในเวอร์ชั่นหนัง ที่ยังกะเดินออกมาจากหนังสือการ์ตูน และชอบการตีความใหม่ของเนียร์กับเมลโล่ในเวอร์ชั่นซีรี่ย์[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แม้มันจะไม่เหมือนในการ์ตูน แต่ผมชอบ!!

(ปล. ชื่อตัวละครทั้งหมดผมไปเปิดดูจาก IMDb อีกทีนะครับ เพราะผมจำชื่อคนญี่ปุ่นไม่ค่อยได้ ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ)

Death Note :: Light Up the New World จริงๆก่อนดูผมก็ทำใจไว้นิดนึงก่อนแล้วครับว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็น เพราะเค้าก็โปรโมทอยู่ว่าภาคนี้จะเป็นการต่อยอดจากเวอร์ชั่นหนังสองภาคก่อนหน้า ไม่ได้อิงกับในการ์ตูน ดังนั้นผมก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบในการ์ตูนที่ผมเคยอ่าน แต่ก็นั่นแหละ มันก็ยังมีความคาดหวังในความไม่คาดหวังอยู่นิดหน่อยว่ามันต้องดีสิ นี่มันคือครบรอบสิบปีเลยนะเฮ้ย!! และยิ่งเป็นการวางเนื้อเรื่องใหม่ ไม่ยึดกับเวอร์ชั่นการ์ตูนมันยิ่งน่าสนใจในแง่ที่ว่าหนังเค้าก็สามารถใส่อะไรเข้าไปก็ได้แล้ว เพราะว่ามันคือเนื้อเรื่องใหม่ทั้งหมด คือมันก็คาดหวังนิดๆแหละครับว่าคงจะได้เห็นการเล่าเรื่องเดธโน๊ตในมุมใหม่ๆ ซึ่งมันก็ฟังดูน่าสนุกดี


Light Up the New World ชื่อของภาคนี้ มันก็บอกเป็นนัยๆอยู่แล้วว่ามันเป็นการเล่าเรื่องของ "Light ในโลกใหม่" ซึ่งเนื้อเรื่องจริงๆก็เป็นอะไรคล้ายๆแบบนั้นแหละครับ จะบอกว่าเค้าตั้งชื่อหลอกเราก็ไม่ได้ เพราะมันก็เป็นการเล่าเรื่องของคิระ หรือคนที่เคยดูภาคก่อนๆก็น่าจะรู้อยู่แล้วมั้งว่าตัวตนจริงๆของคิระคือ ยางามิ ไลท์ ซึ่งผมขอไม่พูดถึงประวัติของเค้าละกันว่าเค้าเป็นไงมาไง รู้แค่ว่าในภาคก่อนหนัา ตัวละครทั้งหมดตายไปแล้ว เหลือแค่ไม่กี่คน หลักๆก็มีมิสะ ซึ่งโผล่มาแจมในเรื่องนี้ด้วย และตัวละครที่เป็นตำรวจอีกคน ที่ในภาคนี้เป็นคนที่รับผิดชอบโครงการสืบคดีเดธโน๊ตต่อ ซึ่งน่าจะมีเท่านี้ที่พอจะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างภาคนี้กับภาคก่อนหน้า ..อ้อ!! มียมทูตลุคอีก (ตัว,คน,สิ่ง,อัน...เอ๊ะ!!! ยมทูตนี่ต้องใช้ลักษณนามว่าอะไรนะ?) ..นั่นแหละครับมีลุคอีกคนนึง(ละกัน)ที่มาจากภาคเก่า อย่างอื่นก็เพิ่มใส่เข้าไปตามแต่จะจินตนาการกันได้(รวมถึงบิ๊กอายของริวซากิด้วย เห็นแล้วอยากจะไปหยอดน้ำตาเทียมให้ซะเหลือเกิน กลัวตาแห้ง!!)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

จริงๆผมก็เพิ่งทราบว่าเรื่องนี้มีมินิซีรี่ย์แนะนำตัวละครทั้งสามคือ ริวซากิ ชิเงน และมิชิมะ ออกมาก่อนหน้านี้ และผมก็เพิ่งดูจบหลังจากดูหนังไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้อะไรเท่าไร เพราะตัวมินิซีรี่เองก็แค่เหมือนให้เรารู้จักว่าทั้งสามคนมีที่มีที่ไปยังไงเท่านั้นเอง ถ้าใครดูก่อนก็ช่วยให้เข้าใจตัวละครขึ้นนิดนึง แต่ถ้าใครไม่ได้ดูก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรไปหรอก ซึ่งที่ผมคาดหวังคำตอบจากซีรี่ตัวนั้นมันก็ไม่ได้บอกผม คือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


เอาสิ่งที่ชอบก่อนนะครับ
- ผมชอบซีจีของยมทูต ผมชอบการสร้างคาแรคเตอร์ให้ยมทูตอามิ (หรืออามะอะไรซักอย่างผมจำไม่ได้) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

- ผมชอบการเล่นกับสีขาว-ดำของเค้า มันเป็นหนังที่เล่นสีได้สนุกดีนะครับ ภาพออกมาสวยทุกซีนเลย ผมชอบ แม้ว่าถ้ามองในแง่ความเป็นจริงมันจะดูพยายามยัดสีขาวกับสีดำมากเกินพอดีไปหน่อย แต่ในแง่ของงานภาพแล้วผมชอบนะ เวอร์ชั่นก่อนฝั่งเจ้าของโน๊ต(ไลท์)จะเป็นสีดำ ฝั่งนักสืบ( L )เป็นสีขาว มาคราวนี้ฝั่งตัวแทน L เล่นดำมาทุกอย่างเลย ส่วนฝั่งตัวแทนไลท์ก็เล่นสีขาวทั้งชุดเหมือนกัน ผมว่าเค้าเล่นสีขาว-ดำ ได้สนุกดี มีดำบนขาว ขาวบนดำเยอะแยะไปหมด ผมชอบคอนเซปต์อาร์ตโดยรวมของเค้านะครับ

- ชอบพัฒนาการของตัวละครอามาเนะ มิสะ ผมชอบที่เค้าสร้างตัวละครตัวนี้ให้โตตามที่ควรจะเป็น จากเด็กสาวที่เชื่อไลท์ บูชาไลท์ ไลท์พูดอะไรก็ฟังหมด ทำตามหมด แต่มาภาคนี้มิสะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ตามวัย เริ่มใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ เอาจริงๆตอนแรกที่ได้ยินข่าวว่าจะมีตัวละครมิสะด้วย ผมเดาว่ามิสะจะมาอยู่ฝั่งตำรวจจนบังเอิญได้ไปสัมผัสกับโน๊ต ได้ความทรงจำคืน แล้วก็เลยแอบเป็นสปายอยู่ในแก๊งค์ตำรวจซะอีก แต่ไม่เป็นไร เป็นแบบนี้ก็โอเค [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

- ชอบการตีความใหม่ของเนื้อเรื่อง ผมชอบพล็อตเค้านะ แม้ว่าพอเอามาขยายความเป็นเรื่องยาวแล้วผมจะไม่โอเคก็ตาม แต่ผมชอบพล็อตเค้าที่คิดว่าถ้าอยู่ดีๆมีโน๊ตถึง 6 เล่มบนโลก มันคงจะน่าสนุกดีสำหรับคนแบบไลท์ และมันน่าจะปวดหัวมากสำหรับคนแบบ L [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แต่น่าเสียดายที่พอเค้าเอาพล็อตที่น่าสนใจขนาดนี้มาขยายเป็นเรื่องยาวมันกลายเป็นน่าเบื่อไปซะ


..ส่วนที่เหลือทั้งหมด ทั้งเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง เหตุผลในการตาย บิ๊กอายของริวซากิ และการสร้างคาแรคเตอร์ริวซากิให้เหมือน L จนเกินพอดี รวมถึงผมหน้าเบี่ยงซ้ายของชิเงน มันดูน่าหงุดหงิดไปหมด ดูประดิษฐ์ ดูพยายาม ดูเป็นการ์ตูนไปทุกอย่าง ทั้งที่หนังบอกเราเองว่าไม่ยึดตามการ์ตูน แต่หนังพยายามทำตัวเองให้เป็นการ์ตูนไปหมด ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆไปกับอะไรก็ไม่รู้อ่ะครับ จุดไคลแมกซ์ก็ธรรมดา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หนังใช้ประเด็นเรื่องการมีโน๊ต 6 เล่มบนโลกเพื่อเดินเรื่อง แต่แทนที่มันจะทำให้เนื้อเรื่องสนุกขึ้น มันกลับเหมือนเค้าเดินสะดุดขาตัวเองแล้วล้มหน้าทิ่มลงไปฟาดกับรูปปั้นหินอ่อนที่ตัวเองวางไว้แล้วตายไปอย่างสงบ คือมันกลายเป็นส่วนด้อยของหนังให้หนังต้องตามไปเล่าถึงโน๊ตทั้งหมดนั่นอ่ะครับ ซึ่งก็น่าเบื่ออยู่พอสมควร ไอ้ส่วนที่ควรเน้นเช่นความสัมพันธ์ของยมทูตอามิอามะอะไรนั่นกับมนุษย์ หรือการชิงไหวชิงพริบระหว่างฝั่งตัวแทนคิระกับตัวแทน L หรือปมของตัวละครอย่างนานาเสะ หรือแม้แต่อาโออิ(หมายถึงผู้ครอบครองโน๊ตผู้หญิงในตอนแรกนะครับ ไม่ใช่น้องอ้อยโซระ) แต่ไปพะวงอยู่กับอะไรก็ไม่รู้ ยืดเยื้อ เวิ่นเว้อ หาประเด็นไม่เจอ แล้วพอถึงบทจะต้องจบก็จบแบบรีบๆ ให้มันจบๆไป ปมของตัวละครบางตัวมันเลยดูไม่ค่อยเคลียร์ สถานการณ์ในเรื่องก็แปลกๆ ดูไปก็หงุดหงิดไป เพราะมันไม่ใช่เดธโน๊ตในแบบที่เคยรู้จักอ่ะครับ พอหนังจบผมก็เลยลุกออกจากโรงทันทีทั้งที่รู้นะว่ามันจะมีต่อหลัง end credit แต่แค่รู้สึกว่าหนังเค้าทำลายเวลาของผมไปตั้ง 2 ชั่วโมงกว่าๆแล้ว ผมก็ไม่ได้อยากรู้แล้วว่าเค้าจะมีอะไรต่อมั้ย ตอนเวอร์ชั่นซีรี่ย์เมื่อปีก่อนที่ให้ไลท์ไปถือป้ายไฟเต้นแง้วๆอยู่ในคอนเสิร์ตของมิสะว่ารับไม่ได้แล้วยังรู้สึกว่ามันโอเคกว่าเวอร์ชั่นนี้เลย ฮ่าๆๆ ..ว่าแล้วก็กลับไปอ่านการ์ตูนอีกรอบดีกว่า!!!!

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่