สวัสดี.
นี้เป็นกระทู้แรกของเรา อมยิ้ม01 มันเป็นเรื่องที่เราจำฝังใจไม่เคยลืม เรื่องมีอยู่ว่าเรากับเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เตรียมอนุบาล เรียนโรงเรียนเดียวกันมาด้วยกันจนถึงมัธยม ตอนเด็กๆเพื่อนจะชอบล้อว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน เขาก็ชอบแกล้ง ชอบมาแหย่ มาเปิดกระโปรง ดึงเปียผม เวลาทำงานครูก็มักจะให้จับคู่ด้วยกันบ่อยๆ ทำกิจกรรมอะไรหลายๆอย่าง ตอนเด็กๆก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกไม่คิดว่าจะชอบด้วยซ้ำ เพราะเขาชอบแกล้งเราจนร้องไห้ พอขึ้นมัธยมมาเพื่อนๆก็ยังล้อเหมือนเดิม เขาก็ได้แต่ยิ้มเขินอายเวลาที่เพื่อนแซว แล้วเขาก็จะสบตาเราแล้วเอ่ยออกมา " เป็นแฟนกันจริงๆไหม? เขาจะได้หยุดแซวเราสองคน " ประโยคนี้จะหลุดออกจากปากเขาทุกครั้งเวลาที่เพื่อนล้อ เราคิดว่าเขาคงแกล้งเราและคงไม่รู้สึกอะไร ต่างจากเราที่เริ่มรู้สึกว่าเราชอบเขามาก และเราก็ไม่อยากเสียเพื่อน แต่ก็มีเหตุให้เราไม่ได้สานสัมพันธ์ต่อกับเขา เราต้องย้ายไปเรียนต่างจังหวัดแบบกระทันหัน ไม่ได้เอ่ยคำร่ำลา ไม่ได้มองหน้ากันเลยเพราะเขาไม่สบาย ลาป่วยวันที่เราไปลาออก ห่างกันไป 3 ปีเราไม่มีแฟนเลย เหมือนเราฝังใจกับเขาแค่คนเดียวแต่เขากลับคบกับแฟนจนจะแต่งงาน แล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านเขา เราทราบข่าวเราเสียใจนะ ทำใจไม่ได้แต่เรากับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน เราไม่ควรไปหึงไปหวงเขาได้. ช่วงนั้นเราโหมทำแต่งานไม่ได้สนใจใคร และไม่เปิดใจให้ใครเลยทั้งๆทีมีคนเข้าหา จนมาเจอเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกัน เขามาทักทายถามสารทุกข์สุกดิบพอหอมปากหอมคน จุดพีคที่สุดคือเพื่อนสนิทมันมาเล่าให้ฟังว่าเขาโดนแฟนทิ้งไปคบทอม เราอึ้งมากไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กลับเขา ก่อนเพื่อนสนิทเราจะกลับ เราได้มีการแลกไลน์กัน เพื่อนเรามีกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนประถมด้วยกัน มันก็ชวนเราเข้ากลุ่ม เราก็เข้าไปเซอร์ไพรส์ที่สุดคือมีเขาเป็นสมาขชิกในกลุ่มด้วย ใจนี่เต้นรัวๆ หายใจไม่ทั่วท้อง บรรยากาศในกลุ่มไลน์ประมาณกับไปเรียนตอนประถมใหม่ๆ เพื่อนคนอื่นๆก็ล้อเรากับเขาเหมือนเดิม หลายๆคนต่างลุ้นและเชียร์ให้เรากับเขามาคบกัน เราได้แต่เงียบ เขาตอบกลับการสนทนาทางไลน์ขึ้นมาว่า " ลองคบกันไหม? " จากที่ว่าไม่ปกติก็ยิ่งไม่ปกติกว่าเดิม เราได้แต่เงียบเพราะความอาย จนเขาทักไลน์ส่วนตัวมาถามอีกครั้ง "ตกลงจะคบกันไหม? รอมานานล่ะนะ " จะไม่ตอบมันก็ยังไงเราเลยตัดสินใจตอบตกลงเขาไปเป็นตัวสติ๊กเกอร์ เราคุยกันตั้งแต่ตอนนั้นทุกวันก่อนนอน ตื่นนอน กินข้าว อาบน้ำ ทุกๆครั้งที่ว่าง ( ตอนนั้นเรายังทำงานต่างจังหวัดอยู่ ) วิดีโอคอลบ้าง อยู่ไหน ทำอะไรจะถ่ายรูปส่งให้กันดูตลอด ด้วยความที่อยู่ไกลกันเขาก็จะมีงอแงบ้าง อยากให้เราอยู่ใกล้ๆกัน เราก็บอกเขาว่าเราทำเรื่องลาออกงานเพื่อจะย้ายกลับบ้านเหลืออีกแค่สองอาทิตย์ คือแรกๆมันดี แฮปปี้หมดทุกอย่างคุยกันมาได้ครึ่งปี จนวันนึงพ่อของเขาเข้ารพ. ที่บ้านเขามีธุรกิจส่วนตัวทางบ้านขอให้เขากลับมาช่วยกิจการ แต่เชาเลือกที่จะไม่สานต่อเพราะงานที่เขาทำมันก็สร้างรายได้ให้เขาเยอะกว่างานที่บ้าน เขาก็มาปรึกษากับเราว่าจะเอาไงดี (เขาเป็นลูกคนเดียวค่ะ) เราก็เลยพูดเชิงหยอกๆว่าก็กลับไปสานต่อสิ เดี๋ยวยังไงเราจะช่วยเขาเอง พ่อแม่แก่ลงทุกวันนะ ถ้าเขาไม่ทำแล้วใครจะทำ? เขาหายไปสามชั่วโมงแล้วโทรมาหาเรา บอกว่าแม่อยากเจอตัว จะว่างมาหาเขาเมื่อไหร่พ่อกับแม่เขาอยากจะคุยด้วย วินาทีนั้นอึ้งยิ่งกว่ารู้ว่าเขามีแฟนแล้วจะแต่งงานอีก เขาบอกให้เรากลับมาหลังจากที่เราบอกเขาว่าจะออกงาน โดยที่เขาจะขับรถมารับเรากลับบ้านเขาไปไหว้พ่อกับแม่ สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก เขาขับรถมารับเราตามทางที่เราแชร์โลเคชั่นไว้ให้ มาถึงก่อนล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมง ไม่ได้เจอกัน 3 ปีกว่าๆเขากอดเรา หอมแก้มเรา จูงมือเราขึ้นรถพร้อมกับเปิดประตูให้ ระหว่างทางเราได้แต่เขินอาย ไม่กล้าสบตาเขา เขาบอกเราว่าให้ไปรอแม่ที่บ้านเขาเพราะแม่ไปช่วยงานศพญาติที่ต่างอำเภอ เขาจับมือเราเอาไปหอมแล้วถามว่าตื่นเต้นไหม คุยกันเพลินจนไม่รู้ว่าไปถึงบ้านเขาตอนไหน เขายกกระเป๋าเราเข้าบ้านเอาไปไว้ที่ห้องเขา เขาบอกให้เราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวจะพาไปกินข้าวกับเพื่อนเก่า ในใจก็กลัวนะ กลัวว่าเขาจะหลอกให้เราแก้เสื้อผ้าแล้วจะปล้ำหรือเปล่า แต่ไม่เลยเขาไปนั่งรอที่โซฟาหน้าบ้านรอ เราอาบน้ำเสร็จเขาพาเราไปกินข้าวกับเพื่อนเก่า นานๆทีจะเจอกัน ทั้งเหล้าทั้งเบียร์ยัดมันเข้าไปจนเมา ทั้งที่เราหลีกเลี่ยงจะกินให้น้อยที่สุด แต่เราก็เมาหนีไปล้างหน้า ไปล้วงคอจนสร่างเมา เขามาตามเรากลับพอดี สภาพเราตอนนั้นคือดูไม่ได้เลย หัวยุ่งๆคิ้วหาย ตัวเปียก เขาเลยชวนเรากลับบ้าน พอถึงบ้านปุ๊บแม่เขาโทรมาพอดี บอกว่าคืนนี้คงไม่กลับ ฝากดูแลบ้านให้ด้วยนะ
กาลครั้งนึง เมื่อฉันไปนอนบ้านผู้ชายครั้งแรก 18+
นี้เป็นกระทู้แรกของเรา อมยิ้ม01 มันเป็นเรื่องที่เราจำฝังใจไม่เคยลืม เรื่องมีอยู่ว่าเรากับเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เตรียมอนุบาล เรียนโรงเรียนเดียวกันมาด้วยกันจนถึงมัธยม ตอนเด็กๆเพื่อนจะชอบล้อว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน เขาก็ชอบแกล้ง ชอบมาแหย่ มาเปิดกระโปรง ดึงเปียผม เวลาทำงานครูก็มักจะให้จับคู่ด้วยกันบ่อยๆ ทำกิจกรรมอะไรหลายๆอย่าง ตอนเด็กๆก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกไม่คิดว่าจะชอบด้วยซ้ำ เพราะเขาชอบแกล้งเราจนร้องไห้ พอขึ้นมัธยมมาเพื่อนๆก็ยังล้อเหมือนเดิม เขาก็ได้แต่ยิ้มเขินอายเวลาที่เพื่อนแซว แล้วเขาก็จะสบตาเราแล้วเอ่ยออกมา " เป็นแฟนกันจริงๆไหม? เขาจะได้หยุดแซวเราสองคน " ประโยคนี้จะหลุดออกจากปากเขาทุกครั้งเวลาที่เพื่อนล้อ เราคิดว่าเขาคงแกล้งเราและคงไม่รู้สึกอะไร ต่างจากเราที่เริ่มรู้สึกว่าเราชอบเขามาก และเราก็ไม่อยากเสียเพื่อน แต่ก็มีเหตุให้เราไม่ได้สานสัมพันธ์ต่อกับเขา เราต้องย้ายไปเรียนต่างจังหวัดแบบกระทันหัน ไม่ได้เอ่ยคำร่ำลา ไม่ได้มองหน้ากันเลยเพราะเขาไม่สบาย ลาป่วยวันที่เราไปลาออก ห่างกันไป 3 ปีเราไม่มีแฟนเลย เหมือนเราฝังใจกับเขาแค่คนเดียวแต่เขากลับคบกับแฟนจนจะแต่งงาน แล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านเขา เราทราบข่าวเราเสียใจนะ ทำใจไม่ได้แต่เรากับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน เราไม่ควรไปหึงไปหวงเขาได้. ช่วงนั้นเราโหมทำแต่งานไม่ได้สนใจใคร และไม่เปิดใจให้ใครเลยทั้งๆทีมีคนเข้าหา จนมาเจอเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกัน เขามาทักทายถามสารทุกข์สุกดิบพอหอมปากหอมคน จุดพีคที่สุดคือเพื่อนสนิทมันมาเล่าให้ฟังว่าเขาโดนแฟนทิ้งไปคบทอม เราอึ้งมากไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กลับเขา ก่อนเพื่อนสนิทเราจะกลับ เราได้มีการแลกไลน์กัน เพื่อนเรามีกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนประถมด้วยกัน มันก็ชวนเราเข้ากลุ่ม เราก็เข้าไปเซอร์ไพรส์ที่สุดคือมีเขาเป็นสมาขชิกในกลุ่มด้วย ใจนี่เต้นรัวๆ หายใจไม่ทั่วท้อง บรรยากาศในกลุ่มไลน์ประมาณกับไปเรียนตอนประถมใหม่ๆ เพื่อนคนอื่นๆก็ล้อเรากับเขาเหมือนเดิม หลายๆคนต่างลุ้นและเชียร์ให้เรากับเขามาคบกัน เราได้แต่เงียบ เขาตอบกลับการสนทนาทางไลน์ขึ้นมาว่า " ลองคบกันไหม? " จากที่ว่าไม่ปกติก็ยิ่งไม่ปกติกว่าเดิม เราได้แต่เงียบเพราะความอาย จนเขาทักไลน์ส่วนตัวมาถามอีกครั้ง "ตกลงจะคบกันไหม? รอมานานล่ะนะ " จะไม่ตอบมันก็ยังไงเราเลยตัดสินใจตอบตกลงเขาไปเป็นตัวสติ๊กเกอร์ เราคุยกันตั้งแต่ตอนนั้นทุกวันก่อนนอน ตื่นนอน กินข้าว อาบน้ำ ทุกๆครั้งที่ว่าง ( ตอนนั้นเรายังทำงานต่างจังหวัดอยู่ ) วิดีโอคอลบ้าง อยู่ไหน ทำอะไรจะถ่ายรูปส่งให้กันดูตลอด ด้วยความที่อยู่ไกลกันเขาก็จะมีงอแงบ้าง อยากให้เราอยู่ใกล้ๆกัน เราก็บอกเขาว่าเราทำเรื่องลาออกงานเพื่อจะย้ายกลับบ้านเหลืออีกแค่สองอาทิตย์ คือแรกๆมันดี แฮปปี้หมดทุกอย่างคุยกันมาได้ครึ่งปี จนวันนึงพ่อของเขาเข้ารพ. ที่บ้านเขามีธุรกิจส่วนตัวทางบ้านขอให้เขากลับมาช่วยกิจการ แต่เชาเลือกที่จะไม่สานต่อเพราะงานที่เขาทำมันก็สร้างรายได้ให้เขาเยอะกว่างานที่บ้าน เขาก็มาปรึกษากับเราว่าจะเอาไงดี (เขาเป็นลูกคนเดียวค่ะ) เราก็เลยพูดเชิงหยอกๆว่าก็กลับไปสานต่อสิ เดี๋ยวยังไงเราจะช่วยเขาเอง พ่อแม่แก่ลงทุกวันนะ ถ้าเขาไม่ทำแล้วใครจะทำ? เขาหายไปสามชั่วโมงแล้วโทรมาหาเรา บอกว่าแม่อยากเจอตัว จะว่างมาหาเขาเมื่อไหร่พ่อกับแม่เขาอยากจะคุยด้วย วินาทีนั้นอึ้งยิ่งกว่ารู้ว่าเขามีแฟนแล้วจะแต่งงานอีก เขาบอกให้เรากลับมาหลังจากที่เราบอกเขาว่าจะออกงาน โดยที่เขาจะขับรถมารับเรากลับบ้านเขาไปไหว้พ่อกับแม่ สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก เขาขับรถมารับเราตามทางที่เราแชร์โลเคชั่นไว้ให้ มาถึงก่อนล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมง ไม่ได้เจอกัน 3 ปีกว่าๆเขากอดเรา หอมแก้มเรา จูงมือเราขึ้นรถพร้อมกับเปิดประตูให้ ระหว่างทางเราได้แต่เขินอาย ไม่กล้าสบตาเขา เขาบอกเราว่าให้ไปรอแม่ที่บ้านเขาเพราะแม่ไปช่วยงานศพญาติที่ต่างอำเภอ เขาจับมือเราเอาไปหอมแล้วถามว่าตื่นเต้นไหม คุยกันเพลินจนไม่รู้ว่าไปถึงบ้านเขาตอนไหน เขายกกระเป๋าเราเข้าบ้านเอาไปไว้ที่ห้องเขา เขาบอกให้เราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวจะพาไปกินข้าวกับเพื่อนเก่า ในใจก็กลัวนะ กลัวว่าเขาจะหลอกให้เราแก้เสื้อผ้าแล้วจะปล้ำหรือเปล่า แต่ไม่เลยเขาไปนั่งรอที่โซฟาหน้าบ้านรอ เราอาบน้ำเสร็จเขาพาเราไปกินข้าวกับเพื่อนเก่า นานๆทีจะเจอกัน ทั้งเหล้าทั้งเบียร์ยัดมันเข้าไปจนเมา ทั้งที่เราหลีกเลี่ยงจะกินให้น้อยที่สุด แต่เราก็เมาหนีไปล้างหน้า ไปล้วงคอจนสร่างเมา เขามาตามเรากลับพอดี สภาพเราตอนนั้นคือดูไม่ได้เลย หัวยุ่งๆคิ้วหาย ตัวเปียก เขาเลยชวนเรากลับบ้าน พอถึงบ้านปุ๊บแม่เขาโทรมาพอดี บอกว่าคืนนี้คงไม่กลับ ฝากดูแลบ้านให้ด้วยนะ