สำหรับวันหยุดช่วงสั้นๆใครไม่รู้จะไปเที่ยวไหน จขกท.แนะนำให้ทุกคนไปเที่ยวจังหวัดตราด
ถ้าพูดถึงตราดหลายคนก็นึกถึงเกาะช้างเป็นอันดับแรก แต่หารู้มั้ยว่า...ตราดมีของดีมากกว่าที่คิด
DAY 1
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราขับรถไปกันเอง ที่แรกที่เราจะไปคือชุมชนน้ำเชี่ยวเป็นชุมชุน 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม ชุมชนไซน์มินิที่มีทั้งคนไทย จีน มุสลิมอยู่รวมกัน พวกเราถึงบ้านน้ำเชี่ยวประมาณตี 2 OMG!! ผิดแผนแฮะ นั่งรอวนไปค่า รอจนกว่าจะมีคนตื่น
เมื่อผู้คนเริ่มตื่น เราจึงเดินไปแถวมัสยิดอัลกุบรอ(มีอายุกว่า200ปี) (แต่น่าเสียดายวันนั้นมีงานศพเลยไม่ได้เข้าไปข้างใน)
เมื่อท้องฟ้าสว่างเราจึงหาที่นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นและแล้วจึงหันไปเห็นสะพาน เป็นสะพานไม้ที่สูงพอสมควร เมื่อสองขาก้าวไปบนสะพานความกลัวก็เริ่มมา ความมั่นคงอยู่ตรงไหน!!
เมื่อผ่านความเสียวขั้นสุดยอดมาได้
เราก็เดินดูสภาพชุมชน วิถีชีวิตของคนในชุมชนโดยรอบ
วัดจีน
ในตอนแรกเราจะไปที่วัดน้ำเชี่ยวด้วย แต่เมื่อคุยกับแม่ค้าในตลาดเขาบอกให้เรามาวันที่ 17 ต.ค. วันนั้นจะมีงานทำบุญตักบาตรเทโวฯ พวกเราจึงเดินทางข้ามไปเกาะช้างกันก่อน
เราถึงเกาะช้างช่วงบ่ายๆ ก็นำของไปเก็บไว้ที่พัก(อุทยานแห่งชาติเกาะช้าง) แล้วออกไปหาข้าวกิน จากนั้นก็ไปที่น้ำตกคลองพลู ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดทั้งปีช่วงเวลาเปิดทำการคือ 9.00น.-17.00น. เสียค่าเข้าคนละ 40 บาท ++จะบอกว่าน้ำเย็นฉ่ำ นั่งแช่ไปนานๆมีหนาว
DAY 2
วันนี้เราต้องตื่นเช้า ไปดำน้ำดูปะการังกัน(ไม่ได้จองล่วงหน้า) เมื่อไปถึงก็ซื้อตั๋วคนละ 550บาท ไปทั้งหมด 4 เกาะ เจ้าของทัวร์บอกให้เราจอดรถไว้ที่ร้านขายตั๋วแล้วจะมีรถรับส่งถึงท่าเรือฟรี แล้วจะรออะไรหล่ะรีบกระโดดขึ้นรถไปเลย
รถขับเร็วมากแถมยังมีเนินสูงๆโค้งหักศอกอีก เมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลงเรือ จะรอดมั้ยเรา
เมื่อถึงท่าเรือ เราก็เดินหาเรือที่เราจะต้องไปด้วยโอ้พระเจ้าอยู่ท้ายสุดเลย ต้องเดินแบบรีบๆ อาการเมารถก็ยังไม่หาย เดินไปมึนไป
ก่อนเรือออกลูกเรือได้นำยาแก้เมาเรือมาแจก(ดีสุดๆ ดีใจจนน้ำตาไหลนึกว่าจะต้องตายบนเรือ) ภายในเรือก็มีบริการกาแฟ ชาร้อนตลอดการเดินทางใครอยากดื่มไรก็สามารถไปชงได้ตลอดเวลาพักกลางวันก็มีอาหารแบบบุฟเฟ่ให้กิน อาหารว่างก็มีผลไม้ บาร์บีคิวให้กินด้วยค่า
ระหว่างทางก่อนกลับมาที่รถก็มีร้านค้า ร้านของฝากให้เลือกซื้อของไปฝากเพื่อนๆอีกด้วย เผื่อบางคนไม่มีเวลาเพราะว่ากว่าจะกลับจากการดำน้ำก็ปาไป 5 โมงเย็นแล้ว
DAY 3
วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ กทม. พวกเราออกจากเกาะตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เพื่อไปที่วัดน้ำเชี่ยว เพื่อไปร่วมงานทำบุญออกพรรษา งานตักบาตรเทโวโรหณะ
ถึงแม้ว่าวันนั้นฝนจะตก แต่ด้วยพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวบ้านก็อยู่ร่วมงานจนเสร็จสิ้นพิธี
หลังจากทำบุญเสร็จ เราได้รู้ว่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกก็คือ หาดทรายดำ เม็ดทรายสีดำละเอียด ถือเป็นความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และพบได้เพียง 5 แห่งทั่วโลกเท่านั้น คือที่ ไต้หวัน มาเลเซีย ฮาวาย ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย และประเทศไทยที่จังหวัดตราด
สุดท้าย จขกท.อยากบอกทุกคนว่าไม่ว่าเราจะไปเที่ยวไหน การที่เราได้ออกเดินทางถือว่าเป็นการเปิดโลกใบใหม่ให้กับเรา มิตรภาพ ความรู้ และความสุขเกิดขึ้นได้ตลอดการเดินทาง
[CR] ทีอา เอที ตราด!!!
ถ้าพูดถึงตราดหลายคนก็นึกถึงเกาะช้างเป็นอันดับแรก แต่หารู้มั้ยว่า...ตราดมีของดีมากกว่าที่คิด
DAY 1
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราขับรถไปกันเอง ที่แรกที่เราจะไปคือชุมชนน้ำเชี่ยวเป็นชุมชุน 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม ชุมชนไซน์มินิที่มีทั้งคนไทย จีน มุสลิมอยู่รวมกัน พวกเราถึงบ้านน้ำเชี่ยวประมาณตี 2 OMG!! ผิดแผนแฮะ นั่งรอวนไปค่า รอจนกว่าจะมีคนตื่น
เมื่อผู้คนเริ่มตื่น เราจึงเดินไปแถวมัสยิดอัลกุบรอ(มีอายุกว่า200ปี) (แต่น่าเสียดายวันนั้นมีงานศพเลยไม่ได้เข้าไปข้างใน)
เมื่อท้องฟ้าสว่างเราจึงหาที่นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นและแล้วจึงหันไปเห็นสะพาน เป็นสะพานไม้ที่สูงพอสมควร เมื่อสองขาก้าวไปบนสะพานความกลัวก็เริ่มมา ความมั่นคงอยู่ตรงไหน!!
เมื่อผ่านความเสียวขั้นสุดยอดมาได้เราก็เดินดูสภาพชุมชน วิถีชีวิตของคนในชุมชนโดยรอบ
วัดจีน
ในตอนแรกเราจะไปที่วัดน้ำเชี่ยวด้วย แต่เมื่อคุยกับแม่ค้าในตลาดเขาบอกให้เรามาวันที่ 17 ต.ค. วันนั้นจะมีงานทำบุญตักบาตรเทโวฯ พวกเราจึงเดินทางข้ามไปเกาะช้างกันก่อน
เราถึงเกาะช้างช่วงบ่ายๆ ก็นำของไปเก็บไว้ที่พัก(อุทยานแห่งชาติเกาะช้าง) แล้วออกไปหาข้าวกิน จากนั้นก็ไปที่น้ำตกคลองพลู ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดทั้งปีช่วงเวลาเปิดทำการคือ 9.00น.-17.00น. เสียค่าเข้าคนละ 40 บาท ++จะบอกว่าน้ำเย็นฉ่ำ นั่งแช่ไปนานๆมีหนาว
DAY 2
วันนี้เราต้องตื่นเช้า ไปดำน้ำดูปะการังกัน(ไม่ได้จองล่วงหน้า) เมื่อไปถึงก็ซื้อตั๋วคนละ 550บาท ไปทั้งหมด 4 เกาะ เจ้าของทัวร์บอกให้เราจอดรถไว้ที่ร้านขายตั๋วแล้วจะมีรถรับส่งถึงท่าเรือฟรี แล้วจะรออะไรหล่ะรีบกระโดดขึ้นรถไปเลย
รถขับเร็วมากแถมยังมีเนินสูงๆโค้งหักศอกอีก เมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลงเรือ จะรอดมั้ยเรา
เมื่อถึงท่าเรือ เราก็เดินหาเรือที่เราจะต้องไปด้วยโอ้พระเจ้าอยู่ท้ายสุดเลย ต้องเดินแบบรีบๆ อาการเมารถก็ยังไม่หาย เดินไปมึนไป
ก่อนเรือออกลูกเรือได้นำยาแก้เมาเรือมาแจก(ดีสุดๆ ดีใจจนน้ำตาไหลนึกว่าจะต้องตายบนเรือ) ภายในเรือก็มีบริการกาแฟ ชาร้อนตลอดการเดินทางใครอยากดื่มไรก็สามารถไปชงได้ตลอดเวลาพักกลางวันก็มีอาหารแบบบุฟเฟ่ให้กิน อาหารว่างก็มีผลไม้ บาร์บีคิวให้กินด้วยค่า
ระหว่างทางก่อนกลับมาที่รถก็มีร้านค้า ร้านของฝากให้เลือกซื้อของไปฝากเพื่อนๆอีกด้วย เผื่อบางคนไม่มีเวลาเพราะว่ากว่าจะกลับจากการดำน้ำก็ปาไป 5 โมงเย็นแล้ว
DAY 3
วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ กทม. พวกเราออกจากเกาะตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เพื่อไปที่วัดน้ำเชี่ยว เพื่อไปร่วมงานทำบุญออกพรรษา งานตักบาตรเทโวโรหณะ
ถึงแม้ว่าวันนั้นฝนจะตก แต่ด้วยพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวบ้านก็อยู่ร่วมงานจนเสร็จสิ้นพิธี
หลังจากทำบุญเสร็จ เราได้รู้ว่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกก็คือ หาดทรายดำ เม็ดทรายสีดำละเอียด ถือเป็นความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และพบได้เพียง 5 แห่งทั่วโลกเท่านั้น คือที่ ไต้หวัน มาเลเซีย ฮาวาย ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย และประเทศไทยที่จังหวัดตราด
สุดท้าย จขกท.อยากบอกทุกคนว่าไม่ว่าเราจะไปเที่ยวไหน การที่เราได้ออกเดินทางถือว่าเป็นการเปิดโลกใบใหม่ให้กับเรา มิตรภาพ ความรู้ และความสุขเกิดขึ้นได้ตลอดการเดินทาง