ขอแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชาของปวงชนชาวไทย


สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อาแห่งห้องคนบ้ามือหมุนที่เคารพรักทั่วโลก
วันนี้ผมจะนำพาไปชมเลนส์รัสเซียขนาดเล็กกะทัดรัดที่โมดิฟายมาจากกล้องที่น่าสนใจกันสักหนึ่งตัวนะครับ
มันเป็นเลนส์ที่ผมไปพบเจอโดยบังเอิญจากการเสิรช์หาในอีเบย์ โดยระบุเพียงคำว่า Russian lens เท่านั้น
มันจึงนำพาผมไปรู้จักกับเลนส์ Industar 30mm f5.6

ความแปลกประหลาดของมันก็คือมันเป็นเลนส์รัสเซียที่ไม่มีรหัสกำกับนะครับ
เพราะโดยปกติเลนส์รัสเซียทุกตัวจะมีรหัสต่อท้ายเป็นตัวเลขเสมอๆ
เช่น Industar-61, Jupiter-9, Kaleinar-5, volna-3, Mir-1, Helios-44 เป็นต้น
แต่กับเจ้านี่มันไม่มีตัวเลขใดๆตามหลังทั้งสิ้นครับ
บอกแค่ว่า Industar 30mm f5.6 เท่านั้น

จากการหาข้อมูลพบว่ามันเป็นเลนส์ที่ประจำการอยู่บนกล้อง C-64 Elka ซึ่งเรียกกันว่าเป็น copy camera
ซึ่งถ้าเราหาข้อมูลก็จะพบว่าหากจะซื้อทั้งชุด มันจะมาพร้อมกับแท่นก๊อปปี้ที่มีขาจับไฟ
เหมือนกับแท่นก๊อปปี้ในยุคก่อน ที่เอาไว้สำหรับถ่ายภาพพระเครื่องหรือการก๊อปปี้ภาพถ่ายนั่นแหละครับ
มันสามารถถอดเลนส์ออกมาได้นะครับ ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเมาท์เลนส์มากกว่าเลนส์ C-mount เล็กน้อย
ผมจึงสั่งนำเข้าราชอาณาจักรไทยทันทีในราคารวมส่งเพียง 1,369 บาทเท่านั้น

ตอนแรกตั้งใจจะแปลงเป็นเมาท์ M39 ครับ แต่ระยะท้ายมันสั้นมาก เลยต้องแปลงลงกล้องที่เราใช้ไปเลย
แต่ทั้งนี้มันก็ยังมีข้อดีอยู่ประการหนึ่งก็คือ ท้ายของเลนส์ตัวนี้มันเป็นเกลียวครับ
จึงสามารถสร้างอแดปเตอร์ให้กับมันได้ทั้ง M4/3 หรือ Fuji FX หรือ Nex โดยการสร้างแหวนหนุนเลนส์ขึ้นมา
แล้วประกบกับอแดปเตอร์ C-mount to M4/3 หรืออื่นๆ ได้ทันที
โดยการสร้างเกลียวเอาไว้ตรงกลางเพื่อจับมันหมุนใส่เข้าไปเท่านั้นเอง
โดยครั้งนี้ผมสร้างเป็น M4/3 ก่อนเพื่อใช้กับ Olympus E-P1 และPanasonic G3
คราวหน้าค่อยให้ช่างอ๋า มือวางอันดับหนึ่งของ PK presicision parts co,LTD. ทำเมาท์ Fuji FX ให้เพื่อใช้กับ Fuji X-E1
ซึ่งครั้งนี้ช่างอ๋าใช้เวลาทั้งสิ้นเพียง 8 นาที กับอีก52 วินาทีเท่านั้นก็สำเร็จเสร็จสิ้นสำหรับ Industar 30mm f5.6 M4/3

ความพิเศษแบบใส่ไข่ของ Industar 30mm f5.6 ตัวนี้ก็คือ มันสามารถโฟกัสได้ใกล้มากเพียง 10 เซนติเมตรเท่านั้น
นี่แหละครับที่ทำให้ใครๆเขาจึงเรียกมันว่า copy camera ที่หมายความว่ามันถูกผลิตขึ้นมาเพื่อการก๊อปปี้ภาพโดยเฉพาะ
มันโฟกัสได้ใกล้กว่า Industar-61L/Z อีกนะครับ

และด้วยความที่มันถูกดีไซน์ขึ้นมาสำหรับการก๊อปปี้ ทำให้ช่องรับแสงกว้างๆจึงหมดความสำคัญลงไป
มันมีช่องรับแสงกว้างสุดเพียง f5.6 ซึ่งถือว่ามืดเกินไปสำหรับเลนส์ในพิกัดแบบนี้นะครับ
แต่ในความเป็นจริง ช่างภาพที่หากินกับการถ่ายภาพก๊อปปี้ย่อมทราบดีแก่ใจครับว่า
การถ่ายภาพลักษณะนี้หากต้องการหวังผลด้านคุณภาพกันจริงๆแล้ว
ต้องใช้ค่าการรับแสงที่ f11 ขึ้นไปทั้งนั้นครับ เชื่อผมสิ!!!
เพราะฉะนั้นค่าเอฟกว้างสุดที่ f5.6 จึงไม่มีข้อติติงด้วยประการทั้งปวงครับ



อีกทั้งการใช้งานถ่ายภาพก๊อปปี้นั้น กล้องจะถูกติดตั้งไว้บนแท่นยึดกล้องเสมอๆครับ
สิ่งนี้จึงไม่ถือว่าเป็นจุดด้อยของเลนส์ตัวนี้แต่อย่างใด เพราะมันถูกดีไซน์ขึ้นมาด้วยเหตุผลเดียวคือ “การก๊อปปี้”
เพราะฉะนั้นการที่เรานำมันมาโมดิฟายใช้กับดิจิตัลคาเมร่านั้น เราต้องยอมรับข้อจำกัดข้อนี้ของมันด้วยครับ


ผมทดสอบ Industar 30mm f5.6 ตัวนี้อย่างจริงจังเป็นที่สุด
โดยการยกทีมกองถ่ายเดินทางไปกลับมากกว่า 1,400 กิโลเมตร เพื่อไปพักค้างอ้างแรมถึงจังหวัดแพร่เป็นเวลาถึง 3 วัน
เพื่อทำความรู้จักกับมันให้มากที่สุด ( โครตเวอร์เลย จริงๆแล้วไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ประจำปีคร๊าบ )
โดยมีจุดโฟกัสอยู่ที่วัดพระธาตุช่อแฮ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองแพร่ที่ทุกคนให้ความเคารพสักการะ




จุดเด่นประการแรกก็คือ “ขนาดและน้ำหนัก” ที่สุดยอดมากๆครับ
ขนาดเล็ก แต่เปี่ยมด้วยความแข็งแกร่ง สีเงินเงาวาววับ เรียกความสนใจจากพี่ยามได้ดีมากๆเวลาเดินผ่านหน้าประตูวัด
จุดเด่นประการที่สองก็คือ “คุณภาพที่ยอดเยี่ยมมากๆ”
ความคมที่เอฟแรก หรือที่ f5.6 นั้นไม่พบอาการฟุ้งให้เห็น
เพียงแต่ผมใช้ค่าเอฟที่ f8.0 เป็นหลักในการทดสอบครั้งนี้ครับ ทำให้ต้องใช้ค่า ISO ระหว่าง 200 ถึง 400
ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่ากล้อง Panasonic G3 ของผมนั้นหากใช้ค่า ISO 400 มันจะไม่ค่อยให้คุณภาพที่น่าพอใจนักครับ
หากเป็น Fuji X-E1 คงให้คุณภาพที่ดีกว่านี้เล็กน้อย ในแง่ของคุณภาพของไฟล์ภาพเท่านั้นนะครับ
และในวันที่ทำการทดสอบปรากฏว่าสภาพแสงไม่ดีนัก มีแดด แต่ก็ถูกปกคลุมด้วยเมฆหนาพอประมาณเป็นระยะ




แต่จากผลที่ได้ก็พบว่าเลนส์ Industar 30mm f5.6 ตัวนี้ให้ผลงานที่น่าพอใจมากๆครับ
ความคมบริเวณกลางภาพยอดเยี่ยมมาก ส่วนขอบภาพก็ถือว่าแทบไม่ปรากฎอาการ Drop ให้เห็น
หากลองซูมเช็คภาพจากจอคอมพิวเตอร์จะเห็นได้ชัดครับว่า “มันคมมากๆ”



ส่วนการถ่ายทอดสีสันก็ทำได้ดีครับ เข้มขรึม ตามสไตล์ แต่ไม่ค่อยสดใสนัก
ภาพที่ได้ยังแสดงความทึบให้เห็น โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อย นุ่มๆนัวๆ
หากสภาพแดดจัด หรือคอนทราสสูงๆ มันจะให้ผลงานที่ดีกว่ามากเลยนะครับ




การนำมาโมดิฟายใช้ร่วมกับกล้อง M4/3 หรือ APSC นั้นมันจะเหมาะกับการเดิน Snap มากๆครับ
ค่าเอฟกว้างสุดที่ถึงแม้อาจดูแคบไปสักนิด แต่กล้องรุ่นใหม่ๆที่สามารถดันค่า ISO ขึ้นสูงๆก็สามารถช่วยได้ครับ
ในสภาพแสงที่มีแดดพอประมาณสามารถใช้ค่า ISO 200 ได้สบายๆ โดยเปิดค่าช่องรับแสงที่ f8.0
แล้วค่าสปีดชัตเตอร์จะอยู่ระหว่าง 1/30 จนถึง 1/500
ซึ่งมันสามารถใช้มือถือกล้องถ่ายภาพได้อย่างสบายๆไม่มีปัญหาแต่อย่างใด




สรุปได้ว่ามันให้ความคุ้มค่าอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวเพียงหนึ่งพันสามร้อยเท่านั้น
แต่แลกมาด้วยเลนส์ระดับมาโครตัวจิ๋ว กะทัดรัดที่ให้คุณภาพที่ยอดเยี่ยม
อีกทั้งยังเป็นเลนส์ติดกระเป๋าสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวแบบเรื่อยเปื่อย
การหมุนหาโฟกัสทำได้ง่าย เข้าเป็นเข้า หลุดเป็นหลุด เหมาะกับการเดิน Snap เป็นอย่างยิ่งครับ
ถ้าหากคุณสามารถโมดิฟายมันได้ ผมขอแนะนำเลยครับ!!!

ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงทั้งครอบครัว เดินทางด้วยความไม่ประมาทเสมอครับ
     สวัสดี!!!