จะ จากไป ใจไทย ยากทนไหว
จด จำได้ พ่อเป็นหลัก เป็นรากฐาน
จำ ว่าพ่อ พาไทยผ่าน วิกฤตการณ์
ทำ ให้ผ่าน ภัยพ้น ทุกข์บรรเทา
ตาม ส่งพ่อ แต่ไม่อาจ ข้ามภพฟาก
คำ พ่อฝาก เก็บไว้ คลายโง่เขลา
สอน ชีวิต จำและทำ กับตัวเรา
พ่อ จะเฝ้า ดูอยู่ คู่ชาติไทย
“ยึดผลประโยชน์มองหาอ้าซ่า จำกัดด้านราคาอลั้นลาช่วยท่านได้”
อย่างที่คุยกันไปในเพื่อนแท้แม่เดือนแรกว่า แม่มณีใช้เวลา 1 เดือนแรกในการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประกันสุขภาพของน้องมะนาว ธิดาด๊าว ด่าว ของแม่มณี เพื่อให้ซื้อได้ทันทีตั้งแต่ครบ 1 เดือน 1 วัน แม่มณีเลยอยากจะปันข้อมูลจากการสรุปเอกสารมากมายหลายกุรุส (1 กุรุส = 12 โหล) ไว้เป็นข้อมูลเลือกประกันให้ลูกสุดที่รัก จะได้ไม่ต้องบอกตัวแทนว่า “เดี๋ยวขอเปรียบเทียบก่อน” ให้เค้าช้ำใจ น้ำตาตกใน แก้ข้อโต้แย้งอะไรไม่ทัน สตั้นท์แล้วก็ไปต่อไม่เป็น ตัวแทนเค้าฝากมาบอก แห่ แห่
ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า แม่มณีมีจุดยืนมุ่งมั่นในการซื้อประกันสุขภาพแยกกับประกันเงินออม เนื่องจากประกันเงินออมแม่มณีชอบสั้นๆ ผลตอบแทนดีๆ ประกันสุขภาพแม่มณีชอบคุ้มครองยาวๆ พอจับมาพ่วงกันแล้วมันหัวมงกุฎ ท้ายมังกร แล้วก็บ่อยครั้งที่ประกันสุขภาพดีๆ กับประกันเงินออมดีๆ ดันอยู่กันคนละค่าย แม่มณีเลยไม่ชอบใจถ้าจะต้องถูกบังคับให้ซื้อพร้อมกัน ดังนั้น ในบทความนี้ก็จะเป็นการเลือกสไตล์แม่มณี คือ เลือกซื้อประกันสุขภาพแบบที่ใส่สัญญาหลักเป็นประกันตลอดชีพให้ราคาถูกที่สุด ไม่มีเงินออม แม่มณีชอบแบบนี้ มันคือ สะตายยยยล์ แม่มณีไม่เคยกลัวเบี้ยจ่ายทิ้ง เพราะประกันคือการจัดการความเสี่ยง เข้าใจมะ ส่วนใครจะซื้อประกบเงินออม ไปเปรียบเทียบกันเอาเอง เธอกับเราคนละรสนิยม
ประกันแบบค่าห้องธรรมดานั้น ถือเป็นประกันรุ่นบรรพบุรุษที่ยังคงขายกันเป็นส่วนใหญ่ในวงการประกันสุขภาพ มีลักษณะการจ่ายเคลมเป็นแบบต่อครั้งต่อโรค มีโควต้าแยกเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งจะแบ่งเป็นประมาณ 9 รายการหลักที่เห็นมีเหมือนๆ กันทุกบริษัท หลายคนสนใจกันแค่ “ค่าห้อง” ว่าเท่าไหร่ แต่จริงๆ ซื้อค่าห้องเท่ากันจาก 2 บริษัท ไม่ได้หมายความว่าจะเคลมได้เท่ากัน เพราะมีความต่างในไส้ใน รายการหลักๆ ที่แม่มณีอยากให้สนใจก็คือ
“ค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ” รวมจิปาถะทั้งค่ายา ทั้งยากิน ยาฉีด ยากลับบ้าน ค่าอุปกรณ์นอกห้องผ่าตัด ค่ารถพยาบาล ค่าตรวจวินิจฉัย กายภาพบำบัดในโรงพยาบาล นอนโรงพยาบาลซัก 1 คืน ค่าใช้จ่ายรายการนี้ก็เกือบๆ จะหมื่นแล้ว โควต้าตัวนี้จึงสำคัญต้องมีเยอะไว้ก่อน
“ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด” คือค่าวิชาชีพหมอกรณีต้องมีการผ่าตัด ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่อาจสูงเป็นแสนเป็นล้าน แล้วเวลาใช้จริง ไม่ใช่ว่าได้ตามตัวเลขนี้ ต้องเอาไปคูณ “ตารางอัตราค่าธรรมเนียมผ่าตัด” ตามความยากง่ายของการผ่าตัดนั้น (ดูตัวอย่างด้านล่างได้) เจ็บหนักได้เลยจากส่วนเกินรายการนี้
แม่มณีเห็นพวกเราส่วนใหญ่สนใจแค่ค่าห้องว่าจะเกินโควต้า เกินค่าห้อง เกินกันเป็นหลักพัน แต่เกินจากสองรายการนี้ น้านนนน เกินเป็นหลักหมื่นหลักแสนหรือหลักล้าน น่าเกรงขามกว่ากันเยอะ
มาดูการเปรียบเทียบกันบ้าง รอบนี้เมืองเทยยักษ์ใหญ่ถูกตัดออกไป เนื่องจากไม่มีข้อมูล บ่าวไพร่ย้ายบริษัทไปแล้วซะงั้น ตอนนี้แม่มณีเลยรับสมัครหากใครมีข้อมูลของเมืองเทยประกัน ส่งในกล่องมาให้แม่มณีได้เลย แม่มณีจะได้เอามาเทียบให้ด้วย ช่วยกันทำมาหากิน รอบนี้เลยจับชน 7 บริษัท มี ปูผ้า จากฝั่งวินาศภัยส่งเข้าประกวดด้วย เนื่องจากแม่มณีได้รับการยืนยันมาว่า ปูผ้า เปลี่ยนนโยบายไม่ปรับเบี้ยตามการเคลมเป็นรายบุคคล จึงได้รับอนุญาตให้เข้ามาร่วมศึกอัศวินดำกับเค้าด้วย ส่วนประกันวินาศภัยเจ้าอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน “แม่มณี จะไม่ยุ่ง”
ด้วยฝีมือการสรุปตารางขั้นเอกอุ แม่มณีแบ่งแยกออกเป็นสองสาย คือ สายแข็ง กับ สายอ่อน เราจะได้ PV จากการจับคู่ผลงานของสายแข็งสายอ่อน บร้า หรา นั่นมันขายตรง !! สายแข็งคือบริษัทที่มั่นคงชัดเจนเน้นขายประกันเด็ก ให้ผลประโยชน์ดีงาม สมควรแก่การกราบกรานห้าวหาญสำหรับตลาดปราบเซียน ประกันเด็กทำง่าย เคลมระเบิด บ่อยครั้งบริษัทประกันก็ขาดทุน ส่วนสายอ่อนก็คือบริษัทที่ดูแล้วผลประโยชน์มาแนว OTOP พื้นๆ บ้านๆ แต่สำหรับท่านๆ ที่อยากได้เบี้ยราคาถูกก็อาจจะเหมาะ
เรามาเริ่มที่สายแข็งกันก่อน มาวินหนักๆ คือ ปูผ้า กับ อ้าซ่า เป็นสองบริษัทที่ยอมให้เด็กซื้อค่าห้องกันถึงห้าพัน หกพัน ในขณะที่ส่วนใหญ่จะขายให้เด็กกันแค่ค่าห้องสองพันกว่าๆ แม่มณีปลงใจรักสองบริษัทนี้ทันทีที่เห็นว่า มีการจ่ายเพิ่มเติมให้อีก 70-80% ของส่วนเกินค่าใช้จ่าย ถ้าของปูผ้าจะจ่ายให้ 80% ของส่วนเกิน ยกเว้นส่วนค่าห้อง ในขณะที่อ้าซ่าจะจ่ายเพิ่มให้ 70% สำหรับค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ และค่าธรรมเนียมผ่าตัด นาทีน้านนน ฉันรักเธอทันใด เพราะว่าเป็นการให้ผลประโยชน์ที่แบ่งเบาภาระส่วนเกินได้ฉมังจริงจังนะเธอ จงทัศนาตามตัวอย่าง
อย่าซีเรียสดราม่าถามรายละเอียดปลีกย่อยการเคลมนะจ้ะ เพราะคนที่ทำเคลมน่ะเป็นบริษัท เราเป็นลูกค้า จิงๆ ไม่ต้องซ่าส์ลงรายละเอียดเยอะขนาดนี้ แต่แม่มณีเพียงแสดงให้ทัศนาว่าการที่ปูผ้า กับ อ้าซ่ามีชดเชยส่วนเกิน 70-80% นั้น มีผลเป็นอันมาก หากเราซวยเคลมหนักๆ อย่างเคสนี้ ลูกเตะบอลล้มแล้วเอ็นเข่าฉีก เจอค่ารักษาแม่คงอยากให้ลูกเลิกเล่นบอลแบบ Whole life เห็นได้ชัดว่าค่ารักษาห้าแสนกว่า ปูผ้าเคลมได้สามแสน อ้าซ่าเคลมได้สามแสนสอง อลั้นลาเคลมได้เจ็ดหมื่นกว่า ตอนซื้อ ซื้อราคาเบี้ยเกือบเท่าๆ กัน คืออ้าซ่า กับ ปูผ้าเบี้ยหมื่นห้า อลั้นลาเบี้ยหมื่นสอง ตอนเคลมถ้าเจอแจคพอตแตก เคลมได้ต่างกันเป็นโยชน์เลยนะฮะ ดังนั้นถ้ามีอัฐพอ พึงดูที่อ้าซ่า หรือ ปูผ้าเป็นตัวเลือกแรกๆ
ทีนี้ระหว่างอ้าซ่า กับ ปูผ้า นอกจากการชดเชยส่วนเกินเพิ่มเติมแล้ว โควต้าอันอื่นๆ อ้าซ่าดูจะให้เยอะกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ปูผ้ารวมค่าแพทย์ผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบเป็นก้อนเดียวแล้วก็ให้เป็นหลักหมื่น แต่อ้าซ่าให้เฉพาะค่าแพทย์ผ่าตัดก็เป็นแสนแล้ว แถมมาดูเบี้ยแล้วยังถูกกว่า ปูผ้าอีกต่างหาก (แม้ว่าปูผ้าจะไม่มีสัญญาหลักก็ตาม) แล้วอ้าซ่ายอมขายค่าห้องให้เด็กถึง 6,200 ในราคาสามหมื่นกว่าๆ ไม่ได้แพงจนเกินไป ตกจ่ายค่าประกันสุขภาพลูกวันละร้อย สำหรับคนมีอัฐก็น่าสนใจมาก หรือจะลดลงมาเป็นค่าห้อง 4,200 ก็พอดีกับโรงพยาบาลเอกชนระดับกลางได้สบาย ดังนั้นแม่มณีฟันธงไว้ ใครที่ไม่ติดเรื่องอัฐ “อ้าซ่า” น่าสนใจ สำหรับเทยประกันมีความเปิ๊ดสะก๊าดที่ให้ค่ารักษา Stem cell สำหรับใช้ได้ตลอดในชาติภพนี้มาทั้งสิ้น 300,000 บาทถ้วน โอกาสที่จะได้ใช้น้อยมาก และถ้าใช้จริงก็ไม่พออยู่ดี เป็นการเปิ๊ดสะก๊าดที่ไม่สมาร์ทเอาเสียเลยสำหรับแม่มณี แม้ไส้ในรายการต่างๆ จะเยอะกว่าค่าเฉลี่ยนิดๆ หน่อยๆ แต่ว่าเทียบกับเบี้ยที่แพงกว่าอย่างกระฉูดแล้ว แม่มณีขออุดหนุนบริษัทประกันของคนไทยในประกันตัวอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประกันเด็กจะดีกว่า (แว่ว ๆ ว่าประกันบำนาญลดหย่อนภาษีค่ายนี้เค้าดีมาก เดี๋ยวจะส่งบ่าวไปสืบมา)
สำหรับสายอ่อน เป็นสายที่ยอมขายค่าห้องเด็กสูงสุดแค่สองพันก่าๆ ถึงสามพันถ้วน ถ้าจะซื้อค่าห้องสองพันกว่าๆ ของอ้าซ่า ผลประโยชน์ดีจริง แต่ต้องโดนต่ำๆ เกือบหมื่นหก นี่คือช่องว่างให้สายอ่อนได้ผงาดในตลาดประกันเด็ก สำหรับคนจะมองหาประกันเด็กราคาไม่แพงนั้น แม่มณีแนะนำว่าอย่างต่ำ ๆ ค่าห้องควรจะสองพัน ร.ศ.นี้ ค่าห้องโรงพยาบาลพันกว่าๆ ไปหาที่ไหนนอน เบี้ยประกันหมื่นต้นๆ ก็ซื้อค่าห้องสองพันกว่าได้ ลองมองหาจากสายอ่อนดูสิ เริ่มจาก F อะไรดี ให้เด็กซื้อได้แค่ค่าห้อง 1,100 กับ 5,500 สายสุดโต่ง ตรงกลางไม่ยอมขาย ดูไม่ค่อยอยากจะขายประกันเด็กหรืออย่างไร ไม่อยากขาย ฉันก็ไม่อยากซื้อ ตัดปายยย ส่วนอลั้นลา และ ไทยสามซุง มีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันมากยังกับลอกกันมา แต่ไทยสามซุงจะให้ผลประโยชน์แต่ละรายการส่วนใหญ่จะมากกว่านิดๆ กะปิ๊ดเดียว แต่เบี้ยแพงกว่าอลั้นลาอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนเอ จาม เอ นั้นแหกคอกกว่าเพื่อน เป็นรูปแบบอะลูมิไลท์ (อะไรไม่รู้) นอกกรอบเพื่อใคร? ไม่ได้ดีกว่าเจ้าอื่นเลย แบ่งเป็นกรณีผ่าตัด กับ ไม่ผ่าตัด แต่ทั้งสองกรณีก็ให้ค่ารักษาน้อยมาก แค่ 10,000 - 20,000 แล้วแต่แผน (ส่วนนี้เพิ่มให้ปีละ 20% สูงสุด 300% เมื่ออายุครบ 11 ปี อะไรก็ไม่รู้ ปฏิณกะ ตะติ๊ มโนสาเหร่ ฉำฉุ่ย จุกจิก หยุมหยิม จู้จี้ แม่มณีขอบาย) หรือไม่งั้นก็ให้เลือกรับเป็นค่าชดเชย ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นด้วย ลูกป่วยตรูมีเรื่องต้องคิดมากอยู่แล้ว ยังต้องมาคิดอีกว่าจะเลือกเคลมแบบไหน ถ้ามีประกันสุขภาพที่อื่นอยู่ แล้วมาซื้ออันนี้เพิ่มยังโอเค เบิกกับบริษัทอื่นแล้วมาเอาค่าชดเชยจากเอจามเอ แต่ถ้าจะยึดเป็นสรณะที่นี่ที่เดียว เห็นทีจะจ่ายส่วนเกินกันลมจับแน่นอน เมื่อพิจารณาจากสายอ่อนทั้งผลประโยชน์และราคาเบี้ยประกันอันเหมาะสมแล้ว อลั้นลาดูท่าจะมีภาษีมากที่สุด ด้วยเบี้ยประกันหมื่นสองนิดๆ ได้ค่าห้อง 2,400 และมีไส้ในแต่ละรายการที่สูงพอสมควร ดูเอาจากตาราง อธิบายนานพาลจะหลับ
ทั้งหมดนี้คือแผนประกันค่าห้องสำหรับเด็กอายุ 1 เดือน 1 วัน - 5 ขวบ พอครบ 6 ขวบก็จะมีตัวเลือกมากขึ้นในแต่ละบริษัท เบี้ยประกันก็จะถูกลงอีกราวๆ 20% เพราะเด็กเริ่มเคลมกันน้อยลงแล้ว ตอนนั้นค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะต่อหรือจะเปลี่ยนไปค่ายไหนดี ทำได้ถ้าสุขภาพลูกเรายังดี ไม่มีโรคประจำตัว
จากเหตุผลทั้งหมด สรุปเป็นศาสตร์แบบฟันธงได้ว่า ถ้ายึดผลประโยชน์ มองที่ “อ้าซ่า” ถ้าติดเรื่องราคา หันหา “อลั้นลา” ค่าห้อง 2,400 ความสำคัญอยู่ที่ ซื้อให้ทันป่วย ร.ศ.นี้ RSV ไม่ปล่อยให้ลูกท่านลอยนวล ต่อให้ซื้อตัวที่ไม่ดี ยังดีกว่าซื้อแบบดีที่หนึ่งแต่ซื้อไม่ทันเคลมนะจ้ะ
[CR] เพื่อนแท้แม่เดือนที่ 2 (เปรียบเทียบประกันสุขภาพเด็ก แบบค่าห้องธรรมดา) โดย Ms.Many เเม่มณี
จะ จากไป ใจไทย ยากทนไหว
จด จำได้ พ่อเป็นหลัก เป็นรากฐาน
จำ ว่าพ่อ พาไทยผ่าน วิกฤตการณ์
ทำ ให้ผ่าน ภัยพ้น ทุกข์บรรเทา
ตาม ส่งพ่อ แต่ไม่อาจ ข้ามภพฟาก
คำ พ่อฝาก เก็บไว้ คลายโง่เขลา
สอน ชีวิต จำและทำ กับตัวเรา
พ่อ จะเฝ้า ดูอยู่ คู่ชาติไทย
“ยึดผลประโยชน์มองหาอ้าซ่า จำกัดด้านราคาอลั้นลาช่วยท่านได้”
อย่างที่คุยกันไปในเพื่อนแท้แม่เดือนแรกว่า แม่มณีใช้เวลา 1 เดือนแรกในการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประกันสุขภาพของน้องมะนาว ธิดาด๊าว ด่าว ของแม่มณี เพื่อให้ซื้อได้ทันทีตั้งแต่ครบ 1 เดือน 1 วัน แม่มณีเลยอยากจะปันข้อมูลจากการสรุปเอกสารมากมายหลายกุรุส (1 กุรุส = 12 โหล) ไว้เป็นข้อมูลเลือกประกันให้ลูกสุดที่รัก จะได้ไม่ต้องบอกตัวแทนว่า “เดี๋ยวขอเปรียบเทียบก่อน” ให้เค้าช้ำใจ น้ำตาตกใน แก้ข้อโต้แย้งอะไรไม่ทัน สตั้นท์แล้วก็ไปต่อไม่เป็น ตัวแทนเค้าฝากมาบอก แห่ แห่
ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า แม่มณีมีจุดยืนมุ่งมั่นในการซื้อประกันสุขภาพแยกกับประกันเงินออม เนื่องจากประกันเงินออมแม่มณีชอบสั้นๆ ผลตอบแทนดีๆ ประกันสุขภาพแม่มณีชอบคุ้มครองยาวๆ พอจับมาพ่วงกันแล้วมันหัวมงกุฎ ท้ายมังกร แล้วก็บ่อยครั้งที่ประกันสุขภาพดีๆ กับประกันเงินออมดีๆ ดันอยู่กันคนละค่าย แม่มณีเลยไม่ชอบใจถ้าจะต้องถูกบังคับให้ซื้อพร้อมกัน ดังนั้น ในบทความนี้ก็จะเป็นการเลือกสไตล์แม่มณี คือ เลือกซื้อประกันสุขภาพแบบที่ใส่สัญญาหลักเป็นประกันตลอดชีพให้ราคาถูกที่สุด ไม่มีเงินออม แม่มณีชอบแบบนี้ มันคือ สะตายยยยล์ แม่มณีไม่เคยกลัวเบี้ยจ่ายทิ้ง เพราะประกันคือการจัดการความเสี่ยง เข้าใจมะ ส่วนใครจะซื้อประกบเงินออม ไปเปรียบเทียบกันเอาเอง เธอกับเราคนละรสนิยม
ประกันแบบค่าห้องธรรมดานั้น ถือเป็นประกันรุ่นบรรพบุรุษที่ยังคงขายกันเป็นส่วนใหญ่ในวงการประกันสุขภาพ มีลักษณะการจ่ายเคลมเป็นแบบต่อครั้งต่อโรค มีโควต้าแยกเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งจะแบ่งเป็นประมาณ 9 รายการหลักที่เห็นมีเหมือนๆ กันทุกบริษัท หลายคนสนใจกันแค่ “ค่าห้อง” ว่าเท่าไหร่ แต่จริงๆ ซื้อค่าห้องเท่ากันจาก 2 บริษัท ไม่ได้หมายความว่าจะเคลมได้เท่ากัน เพราะมีความต่างในไส้ใน รายการหลักๆ ที่แม่มณีอยากให้สนใจก็คือ
“ค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ” รวมจิปาถะทั้งค่ายา ทั้งยากิน ยาฉีด ยากลับบ้าน ค่าอุปกรณ์นอกห้องผ่าตัด ค่ารถพยาบาล ค่าตรวจวินิจฉัย กายภาพบำบัดในโรงพยาบาล นอนโรงพยาบาลซัก 1 คืน ค่าใช้จ่ายรายการนี้ก็เกือบๆ จะหมื่นแล้ว โควต้าตัวนี้จึงสำคัญต้องมีเยอะไว้ก่อน
“ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด” คือค่าวิชาชีพหมอกรณีต้องมีการผ่าตัด ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่อาจสูงเป็นแสนเป็นล้าน แล้วเวลาใช้จริง ไม่ใช่ว่าได้ตามตัวเลขนี้ ต้องเอาไปคูณ “ตารางอัตราค่าธรรมเนียมผ่าตัด” ตามความยากง่ายของการผ่าตัดนั้น (ดูตัวอย่างด้านล่างได้) เจ็บหนักได้เลยจากส่วนเกินรายการนี้
แม่มณีเห็นพวกเราส่วนใหญ่สนใจแค่ค่าห้องว่าจะเกินโควต้า เกินค่าห้อง เกินกันเป็นหลักพัน แต่เกินจากสองรายการนี้ น้านนนน เกินเป็นหลักหมื่นหลักแสนหรือหลักล้าน น่าเกรงขามกว่ากันเยอะ
มาดูการเปรียบเทียบกันบ้าง รอบนี้เมืองเทยยักษ์ใหญ่ถูกตัดออกไป เนื่องจากไม่มีข้อมูล บ่าวไพร่ย้ายบริษัทไปแล้วซะงั้น ตอนนี้แม่มณีเลยรับสมัครหากใครมีข้อมูลของเมืองเทยประกัน ส่งในกล่องมาให้แม่มณีได้เลย แม่มณีจะได้เอามาเทียบให้ด้วย ช่วยกันทำมาหากิน รอบนี้เลยจับชน 7 บริษัท มี ปูผ้า จากฝั่งวินาศภัยส่งเข้าประกวดด้วย เนื่องจากแม่มณีได้รับการยืนยันมาว่า ปูผ้า เปลี่ยนนโยบายไม่ปรับเบี้ยตามการเคลมเป็นรายบุคคล จึงได้รับอนุญาตให้เข้ามาร่วมศึกอัศวินดำกับเค้าด้วย ส่วนประกันวินาศภัยเจ้าอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน “แม่มณี จะไม่ยุ่ง”
ด้วยฝีมือการสรุปตารางขั้นเอกอุ แม่มณีแบ่งแยกออกเป็นสองสาย คือ สายแข็ง กับ สายอ่อน เราจะได้ PV จากการจับคู่ผลงานของสายแข็งสายอ่อน บร้า หรา นั่นมันขายตรง !! สายแข็งคือบริษัทที่มั่นคงชัดเจนเน้นขายประกันเด็ก ให้ผลประโยชน์ดีงาม สมควรแก่การกราบกรานห้าวหาญสำหรับตลาดปราบเซียน ประกันเด็กทำง่าย เคลมระเบิด บ่อยครั้งบริษัทประกันก็ขาดทุน ส่วนสายอ่อนก็คือบริษัทที่ดูแล้วผลประโยชน์มาแนว OTOP พื้นๆ บ้านๆ แต่สำหรับท่านๆ ที่อยากได้เบี้ยราคาถูกก็อาจจะเหมาะ
เรามาเริ่มที่สายแข็งกันก่อน มาวินหนักๆ คือ ปูผ้า กับ อ้าซ่า เป็นสองบริษัทที่ยอมให้เด็กซื้อค่าห้องกันถึงห้าพัน หกพัน ในขณะที่ส่วนใหญ่จะขายให้เด็กกันแค่ค่าห้องสองพันกว่าๆ แม่มณีปลงใจรักสองบริษัทนี้ทันทีที่เห็นว่า มีการจ่ายเพิ่มเติมให้อีก 70-80% ของส่วนเกินค่าใช้จ่าย ถ้าของปูผ้าจะจ่ายให้ 80% ของส่วนเกิน ยกเว้นส่วนค่าห้อง ในขณะที่อ้าซ่าจะจ่ายเพิ่มให้ 70% สำหรับค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ และค่าธรรมเนียมผ่าตัด นาทีน้านนน ฉันรักเธอทันใด เพราะว่าเป็นการให้ผลประโยชน์ที่แบ่งเบาภาระส่วนเกินได้ฉมังจริงจังนะเธอ จงทัศนาตามตัวอย่าง
อย่าซีเรียสดราม่าถามรายละเอียดปลีกย่อยการเคลมนะจ้ะ เพราะคนที่ทำเคลมน่ะเป็นบริษัท เราเป็นลูกค้า จิงๆ ไม่ต้องซ่าส์ลงรายละเอียดเยอะขนาดนี้ แต่แม่มณีเพียงแสดงให้ทัศนาว่าการที่ปูผ้า กับ อ้าซ่ามีชดเชยส่วนเกิน 70-80% นั้น มีผลเป็นอันมาก หากเราซวยเคลมหนักๆ อย่างเคสนี้ ลูกเตะบอลล้มแล้วเอ็นเข่าฉีก เจอค่ารักษาแม่คงอยากให้ลูกเลิกเล่นบอลแบบ Whole life เห็นได้ชัดว่าค่ารักษาห้าแสนกว่า ปูผ้าเคลมได้สามแสน อ้าซ่าเคลมได้สามแสนสอง อลั้นลาเคลมได้เจ็ดหมื่นกว่า ตอนซื้อ ซื้อราคาเบี้ยเกือบเท่าๆ กัน คืออ้าซ่า กับ ปูผ้าเบี้ยหมื่นห้า อลั้นลาเบี้ยหมื่นสอง ตอนเคลมถ้าเจอแจคพอตแตก เคลมได้ต่างกันเป็นโยชน์เลยนะฮะ ดังนั้นถ้ามีอัฐพอ พึงดูที่อ้าซ่า หรือ ปูผ้าเป็นตัวเลือกแรกๆ
ทีนี้ระหว่างอ้าซ่า กับ ปูผ้า นอกจากการชดเชยส่วนเกินเพิ่มเติมแล้ว โควต้าอันอื่นๆ อ้าซ่าดูจะให้เยอะกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ปูผ้ารวมค่าแพทย์ผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบเป็นก้อนเดียวแล้วก็ให้เป็นหลักหมื่น แต่อ้าซ่าให้เฉพาะค่าแพทย์ผ่าตัดก็เป็นแสนแล้ว แถมมาดูเบี้ยแล้วยังถูกกว่า ปูผ้าอีกต่างหาก (แม้ว่าปูผ้าจะไม่มีสัญญาหลักก็ตาม) แล้วอ้าซ่ายอมขายค่าห้องให้เด็กถึง 6,200 ในราคาสามหมื่นกว่าๆ ไม่ได้แพงจนเกินไป ตกจ่ายค่าประกันสุขภาพลูกวันละร้อย สำหรับคนมีอัฐก็น่าสนใจมาก หรือจะลดลงมาเป็นค่าห้อง 4,200 ก็พอดีกับโรงพยาบาลเอกชนระดับกลางได้สบาย ดังนั้นแม่มณีฟันธงไว้ ใครที่ไม่ติดเรื่องอัฐ “อ้าซ่า” น่าสนใจ สำหรับเทยประกันมีความเปิ๊ดสะก๊าดที่ให้ค่ารักษา Stem cell สำหรับใช้ได้ตลอดในชาติภพนี้มาทั้งสิ้น 300,000 บาทถ้วน โอกาสที่จะได้ใช้น้อยมาก และถ้าใช้จริงก็ไม่พออยู่ดี เป็นการเปิ๊ดสะก๊าดที่ไม่สมาร์ทเอาเสียเลยสำหรับแม่มณี แม้ไส้ในรายการต่างๆ จะเยอะกว่าค่าเฉลี่ยนิดๆ หน่อยๆ แต่ว่าเทียบกับเบี้ยที่แพงกว่าอย่างกระฉูดแล้ว แม่มณีขออุดหนุนบริษัทประกันของคนไทยในประกันตัวอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประกันเด็กจะดีกว่า (แว่ว ๆ ว่าประกันบำนาญลดหย่อนภาษีค่ายนี้เค้าดีมาก เดี๋ยวจะส่งบ่าวไปสืบมา)
สำหรับสายอ่อน เป็นสายที่ยอมขายค่าห้องเด็กสูงสุดแค่สองพันก่าๆ ถึงสามพันถ้วน ถ้าจะซื้อค่าห้องสองพันกว่าๆ ของอ้าซ่า ผลประโยชน์ดีจริง แต่ต้องโดนต่ำๆ เกือบหมื่นหก นี่คือช่องว่างให้สายอ่อนได้ผงาดในตลาดประกันเด็ก สำหรับคนจะมองหาประกันเด็กราคาไม่แพงนั้น แม่มณีแนะนำว่าอย่างต่ำ ๆ ค่าห้องควรจะสองพัน ร.ศ.นี้ ค่าห้องโรงพยาบาลพันกว่าๆ ไปหาที่ไหนนอน เบี้ยประกันหมื่นต้นๆ ก็ซื้อค่าห้องสองพันกว่าได้ ลองมองหาจากสายอ่อนดูสิ เริ่มจาก F อะไรดี ให้เด็กซื้อได้แค่ค่าห้อง 1,100 กับ 5,500 สายสุดโต่ง ตรงกลางไม่ยอมขาย ดูไม่ค่อยอยากจะขายประกันเด็กหรืออย่างไร ไม่อยากขาย ฉันก็ไม่อยากซื้อ ตัดปายยย ส่วนอลั้นลา และ ไทยสามซุง มีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันมากยังกับลอกกันมา แต่ไทยสามซุงจะให้ผลประโยชน์แต่ละรายการส่วนใหญ่จะมากกว่านิดๆ กะปิ๊ดเดียว แต่เบี้ยแพงกว่าอลั้นลาอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนเอ จาม เอ นั้นแหกคอกกว่าเพื่อน เป็นรูปแบบอะลูมิไลท์ (อะไรไม่รู้) นอกกรอบเพื่อใคร? ไม่ได้ดีกว่าเจ้าอื่นเลย แบ่งเป็นกรณีผ่าตัด กับ ไม่ผ่าตัด แต่ทั้งสองกรณีก็ให้ค่ารักษาน้อยมาก แค่ 10,000 - 20,000 แล้วแต่แผน (ส่วนนี้เพิ่มให้ปีละ 20% สูงสุด 300% เมื่ออายุครบ 11 ปี อะไรก็ไม่รู้ ปฏิณกะ ตะติ๊ มโนสาเหร่ ฉำฉุ่ย จุกจิก หยุมหยิม จู้จี้ แม่มณีขอบาย) หรือไม่งั้นก็ให้เลือกรับเป็นค่าชดเชย ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นด้วย ลูกป่วยตรูมีเรื่องต้องคิดมากอยู่แล้ว ยังต้องมาคิดอีกว่าจะเลือกเคลมแบบไหน ถ้ามีประกันสุขภาพที่อื่นอยู่ แล้วมาซื้ออันนี้เพิ่มยังโอเค เบิกกับบริษัทอื่นแล้วมาเอาค่าชดเชยจากเอจามเอ แต่ถ้าจะยึดเป็นสรณะที่นี่ที่เดียว เห็นทีจะจ่ายส่วนเกินกันลมจับแน่นอน เมื่อพิจารณาจากสายอ่อนทั้งผลประโยชน์และราคาเบี้ยประกันอันเหมาะสมแล้ว อลั้นลาดูท่าจะมีภาษีมากที่สุด ด้วยเบี้ยประกันหมื่นสองนิดๆ ได้ค่าห้อง 2,400 และมีไส้ในแต่ละรายการที่สูงพอสมควร ดูเอาจากตาราง อธิบายนานพาลจะหลับ
ทั้งหมดนี้คือแผนประกันค่าห้องสำหรับเด็กอายุ 1 เดือน 1 วัน - 5 ขวบ พอครบ 6 ขวบก็จะมีตัวเลือกมากขึ้นในแต่ละบริษัท เบี้ยประกันก็จะถูกลงอีกราวๆ 20% เพราะเด็กเริ่มเคลมกันน้อยลงแล้ว ตอนนั้นค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะต่อหรือจะเปลี่ยนไปค่ายไหนดี ทำได้ถ้าสุขภาพลูกเรายังดี ไม่มีโรคประจำตัว
จากเหตุผลทั้งหมด สรุปเป็นศาสตร์แบบฟันธงได้ว่า ถ้ายึดผลประโยชน์ มองที่ “อ้าซ่า” ถ้าติดเรื่องราคา หันหา “อลั้นลา” ค่าห้อง 2,400 ความสำคัญอยู่ที่ ซื้อให้ทันป่วย ร.ศ.นี้ RSV ไม่ปล่อยให้ลูกท่านลอยนวล ต่อให้ซื้อตัวที่ไม่ดี ยังดีกว่าซื้อแบบดีที่หนึ่งแต่ซื้อไม่ทันเคลมนะจ้ะ