สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ในการเปลี่ยนสายงานตอนอายุ 30 และขอคำแนะนำจากเพื่อนๆใน Pantip ด้วยครับ
จากกระทู้เดิมที่ผมเคยตั้งไว้
http://ppantip.com/topic/35131907 ว่าตัวผมเองนั้นจบการศึกษาระดับมัธยมปลายจาก high school เล็กๆจากประเทศสหรัฐอเมริกา จบปริญญาตรีหลักสูตรนานาชาติสาขาวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี และเลือกประกอบอาชีพครูในโรงเรียนเอกชนคาทอลิกขนาดใหญ่พิเศษแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ต่อมาได้รับทุนเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูจนจบการศึกษา ได้เป็นครูถูกต้องตามกฎหมาย ต่อมาพบว่า career path เริ่มนิ่ง รายได้เริ่มนิ่งตาม สอนมา 7 ปีรายได้ยังไม่ค่อยจะแตะ 30,000 บาทสักที ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการรับสอนเสริม (freelance tutor) ครับ และพบว่ารายได้ค่อนข้างดี 35K – 45K ต่อเดือน (สอนทุกวันช่วงเย็น และเสาร์-อาทิตย์เต็มวัน) จนเกิดความคิดว่าจะออกมาเป็น freelance tutor เต็มตัวจะดีไหม (ส่วนแฟนก็ให้ทำงานประจำไป) รายได้น่าจะดีกว่า (เพราะจะได้มีเวลาในการสอนคอร์สต่างๆมากขึ้น และอาจเปิดสอนคอร์สผู้ใหญ่ด้วย) และจะได้มีเวลาเลี้ยงลูกสาวที่กำลังโตด้วย (ตอนนี้ 1 ขวบ 4 เดือนแล้ว) กำลังน่ารักน่าหลงเลย
มาถึงวันนี้ ผมได้ลาออกจากงานครูแล้วครับ และผันตัวมาทำงานเป็น translator (นักแปล) ให้กับบริษัท Logistics ของญี่ปุ่นแห่งหนึ่งย่านนครปฐมครับ ทำมา 1 เดือนเต็มพอดี รายได้อยู่ที่ 37K ซึ่งก็ถือว่า ok ในระดับหนึ่งครับ เนื้องานคือการแปลเอกสารภาษาไทย (จากระดับปฏิบัติการ) เป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้เจ้านายญี่ปุ่นรับทราบและ / หรือ เซ็นอนุมัติครับ งานแปลก็มีหลายแบบ เช่น สัญญาระหว่างบริษัทกับลูกค้า, memorandum หรือเอกสารภายในจากฝ่ายต่างๆที่ต้องการลายเซ็นอนุมัติจากบอสญี่ปุ่น, จัดอบรมคอร์สภาษาอังกฤษให้กับผู้จัดการจากฝ่ายต่างๆ, และมีงานพ่วงเป็นล่ามให้กับบอสญี่ปุ่นตอนเข้าประชุมกับคนไทยครับ เรื่องเวลาการทำงานนั้นทำแค่จันทร์-ศุกร์ ผมเลยมีเวลาว่างช่วงเสาร์อาทิตย์ในการวางแผนสอนเสริมซึ่งเป็นงานที่ผมรักครับ และในที่สุดการวางแผนสอนเสริมของผมก็เป็นจริงขึ้นมาแล้วครับ !!!
ตอนนี้ผมได้เช่าตึก 1 คูหาแห่งหนึ่งไว้ในในย่านฝั่งธนบุรีครับ มีห้องเรียน 2 ห้อง (ห้องใหญ่สำหรับสอน class จุนักเรียนได้ 18 คนห้องนึง และอีกห้องนึงเป็น office ของผมเองเอาไว้นั่งพักและสามารถใช้สอน small group / private ได้ด้วย) ติดเครื่องปรับอากาศใหม่เอี่ยม พร้อมโต๊ะ Lecture พร้อมเสร็จสรรพครับ เปิดสอนเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น วันเสาร์สอนวิทยาศาสตร์หลักสูตร Bilingual สำหรับนักเรียนชั้นม.1 และม.2 (ผมเคยเรียนหลักสูตรปริญญาโททางด้าน Applied Linguistics สาขา English for Science and Technology มา เลยนำเนื้อหาด้านวิทยาศาสตร์ที่จบปริญญาตรีมาปะติดปะต่อกับความรู้ด้านภาษาศาสตร์ นำมาจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ทำให้นักเรียนได้ความรู้ทั้งวิทย์และอังกฤษไปพร้อมๆกันแบบครบถ้วน สอนให้นักเรียนเข้าใจ scientific terms ยากๆในเวลาอันสั้น และสอน basic scientific writing ให้นักเรียนไปพร้อมๆกันด้วยครับ เพื่อเตรียมเข้าคอร์ส IELTS / TOEFL ตอนมอปลาย เพราะนักเรียนมอปลายสาย Bilingual ส่วนใหญ่มักลงเรียน TOEFL IELTS เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์กัน) ถือว่าผมให้อาวุธสำคัญจากสาย technical writing / academic writing ไปด้วยเลยแล้วกัน
ผมสอน Science class ให้นักเรียนม.1 และม.2 ในเวลา 9.00 – 11.00 และ 13.00 – 15.00 ครับ และมีสอน private ช่วงเย็นอีกคลาสนึง สรุปว่าวันเสาร์สอน 6 ชั่วโมง ส่วนวันอาทิตย์เช้า ผมเปิดคอร์ส Mathematics class สำหรับนักเรียนม.3เตรียมตัวสอบเข้าม.4 โรงเรียนชื่อดังครับ คุณครูเป็นเพื่อนของผมเองที่จบปริญญาโทสาขาวิศวกรรมศาสตร์จากประเทศญี่ปุ่น ส่วนตัวผมเองมีคอร์ส private Science ห้องข้างๆ ก็สอนควบคู่กันไป ผมห้องนึง เพื่อนผมห้องนึงครับ สอนกัน 9.00 – 11.00 และช่วงบ่ายวันอาทิตย์ผมมีสอนคอร์ส private อีกคอร์สนึงเวลา 13.00-15.00 ครับ
สรุปแล้วตอนนี้ (หมายถึงภาคเรียนที่ 2 ช่วงเดือนพฤศจิกายน 59 – กุมภาพันธ์ 60) ผมมีนักเรียน 40 คนครับ (หลังจากคอนเฟิร์มเรียบร้อยแล้ว) รายได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย ค่าเช่าตึก ค่าครู (เพื่อนผม) ค่าไฟ จิปาถะแล้ว เป็นรายได้สุทธิอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาทครับ กำลังจะเปิดสอนจริงสัปดาห์หน้า (เสาร์อาทิตย์แรกของเดือนพฤศจิกายน) ครับ
นอกเหนือจากงานด้านการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ช่วงเสาร์-อาทิตย์แล้ว ทางผมยังรับงานด้านการแปลเอกสารไทย – อังกฤษ และการสอน English academic writing ด้วยครับ ควบคู่กันไป ตอนนี้รอให้ plan ที่เตรียมไว้ดำเนินไปก่อนแล้วจะดูอีกทีหนึ่งว่าแนวโน้มของกิจการเป็นอย่างไรบ้าง หากหลายอย่างเข้าที่ก็จะค่อยๆเพิ่ม course ช่วงวันธรรมดาตอนเย็นครับ ถึงตอนนั้นแล้วคงออกมาเป็นนายตัวเองเต็มตัวสักทีครับ
ขอบคุณมากที่ทนอ่านจนจบนะครับ (แอบยาวนะเนี่ย) หากใครมีความคิดเห็น คอมเมนท์ หรือข้อเสนอแนะอื่นๆที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจก็บอกกันได้นะครับ ผมมือใหม่หัดทำธุรกิจครับ
จากครูมาเป็นมนุษย์เงินเดือนและตอนนี้กำลังจะเป็นนายตัวเอง
จากกระทู้เดิมที่ผมเคยตั้งไว้ http://ppantip.com/topic/35131907 ว่าตัวผมเองนั้นจบการศึกษาระดับมัธยมปลายจาก high school เล็กๆจากประเทศสหรัฐอเมริกา จบปริญญาตรีหลักสูตรนานาชาติสาขาวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี และเลือกประกอบอาชีพครูในโรงเรียนเอกชนคาทอลิกขนาดใหญ่พิเศษแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ต่อมาได้รับทุนเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูจนจบการศึกษา ได้เป็นครูถูกต้องตามกฎหมาย ต่อมาพบว่า career path เริ่มนิ่ง รายได้เริ่มนิ่งตาม สอนมา 7 ปีรายได้ยังไม่ค่อยจะแตะ 30,000 บาทสักที ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการรับสอนเสริม (freelance tutor) ครับ และพบว่ารายได้ค่อนข้างดี 35K – 45K ต่อเดือน (สอนทุกวันช่วงเย็น และเสาร์-อาทิตย์เต็มวัน) จนเกิดความคิดว่าจะออกมาเป็น freelance tutor เต็มตัวจะดีไหม (ส่วนแฟนก็ให้ทำงานประจำไป) รายได้น่าจะดีกว่า (เพราะจะได้มีเวลาในการสอนคอร์สต่างๆมากขึ้น และอาจเปิดสอนคอร์สผู้ใหญ่ด้วย) และจะได้มีเวลาเลี้ยงลูกสาวที่กำลังโตด้วย (ตอนนี้ 1 ขวบ 4 เดือนแล้ว) กำลังน่ารักน่าหลงเลย
มาถึงวันนี้ ผมได้ลาออกจากงานครูแล้วครับ และผันตัวมาทำงานเป็น translator (นักแปล) ให้กับบริษัท Logistics ของญี่ปุ่นแห่งหนึ่งย่านนครปฐมครับ ทำมา 1 เดือนเต็มพอดี รายได้อยู่ที่ 37K ซึ่งก็ถือว่า ok ในระดับหนึ่งครับ เนื้องานคือการแปลเอกสารภาษาไทย (จากระดับปฏิบัติการ) เป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้เจ้านายญี่ปุ่นรับทราบและ / หรือ เซ็นอนุมัติครับ งานแปลก็มีหลายแบบ เช่น สัญญาระหว่างบริษัทกับลูกค้า, memorandum หรือเอกสารภายในจากฝ่ายต่างๆที่ต้องการลายเซ็นอนุมัติจากบอสญี่ปุ่น, จัดอบรมคอร์สภาษาอังกฤษให้กับผู้จัดการจากฝ่ายต่างๆ, และมีงานพ่วงเป็นล่ามให้กับบอสญี่ปุ่นตอนเข้าประชุมกับคนไทยครับ เรื่องเวลาการทำงานนั้นทำแค่จันทร์-ศุกร์ ผมเลยมีเวลาว่างช่วงเสาร์อาทิตย์ในการวางแผนสอนเสริมซึ่งเป็นงานที่ผมรักครับ และในที่สุดการวางแผนสอนเสริมของผมก็เป็นจริงขึ้นมาแล้วครับ !!!
ตอนนี้ผมได้เช่าตึก 1 คูหาแห่งหนึ่งไว้ในในย่านฝั่งธนบุรีครับ มีห้องเรียน 2 ห้อง (ห้องใหญ่สำหรับสอน class จุนักเรียนได้ 18 คนห้องนึง และอีกห้องนึงเป็น office ของผมเองเอาไว้นั่งพักและสามารถใช้สอน small group / private ได้ด้วย) ติดเครื่องปรับอากาศใหม่เอี่ยม พร้อมโต๊ะ Lecture พร้อมเสร็จสรรพครับ เปิดสอนเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น วันเสาร์สอนวิทยาศาสตร์หลักสูตร Bilingual สำหรับนักเรียนชั้นม.1 และม.2 (ผมเคยเรียนหลักสูตรปริญญาโททางด้าน Applied Linguistics สาขา English for Science and Technology มา เลยนำเนื้อหาด้านวิทยาศาสตร์ที่จบปริญญาตรีมาปะติดปะต่อกับความรู้ด้านภาษาศาสตร์ นำมาจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ทำให้นักเรียนได้ความรู้ทั้งวิทย์และอังกฤษไปพร้อมๆกันแบบครบถ้วน สอนให้นักเรียนเข้าใจ scientific terms ยากๆในเวลาอันสั้น และสอน basic scientific writing ให้นักเรียนไปพร้อมๆกันด้วยครับ เพื่อเตรียมเข้าคอร์ส IELTS / TOEFL ตอนมอปลาย เพราะนักเรียนมอปลายสาย Bilingual ส่วนใหญ่มักลงเรียน TOEFL IELTS เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์กัน) ถือว่าผมให้อาวุธสำคัญจากสาย technical writing / academic writing ไปด้วยเลยแล้วกัน
ผมสอน Science class ให้นักเรียนม.1 และม.2 ในเวลา 9.00 – 11.00 และ 13.00 – 15.00 ครับ และมีสอน private ช่วงเย็นอีกคลาสนึง สรุปว่าวันเสาร์สอน 6 ชั่วโมง ส่วนวันอาทิตย์เช้า ผมเปิดคอร์ส Mathematics class สำหรับนักเรียนม.3เตรียมตัวสอบเข้าม.4 โรงเรียนชื่อดังครับ คุณครูเป็นเพื่อนของผมเองที่จบปริญญาโทสาขาวิศวกรรมศาสตร์จากประเทศญี่ปุ่น ส่วนตัวผมเองมีคอร์ส private Science ห้องข้างๆ ก็สอนควบคู่กันไป ผมห้องนึง เพื่อนผมห้องนึงครับ สอนกัน 9.00 – 11.00 และช่วงบ่ายวันอาทิตย์ผมมีสอนคอร์ส private อีกคอร์สนึงเวลา 13.00-15.00 ครับ
สรุปแล้วตอนนี้ (หมายถึงภาคเรียนที่ 2 ช่วงเดือนพฤศจิกายน 59 – กุมภาพันธ์ 60) ผมมีนักเรียน 40 คนครับ (หลังจากคอนเฟิร์มเรียบร้อยแล้ว) รายได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย ค่าเช่าตึก ค่าครู (เพื่อนผม) ค่าไฟ จิปาถะแล้ว เป็นรายได้สุทธิอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาทครับ กำลังจะเปิดสอนจริงสัปดาห์หน้า (เสาร์อาทิตย์แรกของเดือนพฤศจิกายน) ครับ
นอกเหนือจากงานด้านการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ช่วงเสาร์-อาทิตย์แล้ว ทางผมยังรับงานด้านการแปลเอกสารไทย – อังกฤษ และการสอน English academic writing ด้วยครับ ควบคู่กันไป ตอนนี้รอให้ plan ที่เตรียมไว้ดำเนินไปก่อนแล้วจะดูอีกทีหนึ่งว่าแนวโน้มของกิจการเป็นอย่างไรบ้าง หากหลายอย่างเข้าที่ก็จะค่อยๆเพิ่ม course ช่วงวันธรรมดาตอนเย็นครับ ถึงตอนนั้นแล้วคงออกมาเป็นนายตัวเองเต็มตัวสักทีครับ
ขอบคุณมากที่ทนอ่านจนจบนะครับ (แอบยาวนะเนี่ย) หากใครมีความคิดเห็น คอมเมนท์ หรือข้อเสนอแนะอื่นๆที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจก็บอกกันได้นะครับ ผมมือใหม่หัดทำธุรกิจครับ