สมบัติชิ้นสุดท้ายของคุณพ่อและคำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนตาย ผมควรทำอย่างไร

เรื่องราวมีอยู่ว่า พ่อผมเป็นชาวต่างชาติ ได้ซื้อที่ดินไว้ที่ประเทศไทยซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผมในปัจจุบัน แต่ในตอนที่คุณพ่อซื้อที่ดินไว้นั้น ได้ซื้อไว้โดยอาศัยชื่อของลูกบุญธรรมแกที่แกรับเลี้ยงไว้แบบจดทะเบียนรับเป็นลูกบุญธรรม (ภรรยาเก่าของคุณพ่อเป็นคนไทย มีลูกติดภรรยา 1 คน) เพราะชาวต่างชาติ ไม่สามารถซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ รวมถึงภรรยาที่จดทะเบียนก็ไม่สามารถซื้อได้ ลูกบุญธรรมคนนั้น ตอนพ่อผมเจอเธอเป็นเด็กสาว อายุประมาณ 4-5ปี แกป่วย ตาบอด1ข้างและกำลังจะลามไปตาอีกข้างที่ยังไม่บอด พ่อผมเลยตัดสินใจพา ลูกบุญธรรมคนนั้นไปรักษา ยังประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศของพ่อผม นั่นเป็นเหตุผลแรกที่พ่อรับเธอไว้ เป็นบุตรบุญธรรม เพื่อง่ายก็ต่อการทำเรื่องต่างๆ และต่อมาพ่อผมก็เลี้ยงดูเด็กคนนั้น ส่งเสียให้แกไปเรียนอยู่ที่เยอรมัน จนเวลาล่วงเลยมานับสิบกว่าปี พ่อได้เลิกกับภรรยาคนไทยที่เป็นแม่ ของบุตรบุญธรรมคนนี้ ซึ่งต่อมาก็มีภรรยาคนไทยคนใหม่ ซึ่งเป็นแม่ของผม ผมเป็นบุตรโดยสายเลือดของพ่อ ในตอนที่พ่อยังมีชีวิต แกได้โทรศัพท์คุยกับลูกฐุญธรรมคนนี้เป็นประจำ เพื่อขอให้เธอโอนชื่อโฉนดที่ดิน กลับมาให้เป็นของผม ซึ่งลูกบุญธรรมคนนี้ก็ สัญญากับพ่อผมว่าจะคืนให้ แต่รอให้ผมบรรลุนิติภาวะ ก่อน ซึ่งในปัจจุบันนี้ ก็ล่วงเลยเวลามานานมาก ที่ลูกบุญธรรมคนนี้ไม่คืนที่ดินและบ้านให้ผม มีเพียงหลักฐานการสนธนาผ่านทางอีเมล์ ที่พ่อผมบันทึกไว้เป็นหลักฐานรวมกับพินัยกรรมที่แกทำขึ้นโดยมีพยานต์และตราประทับ ของกงศุลที่คอยรับรองให้ และในพินัยกรรม ได้ระบุว่าบ้านและที่ดินดังกล่าวจะไม่มีใครมี สิทธิ์ซื้อขายได้ แต่ในทางกฏหมายประเทศไทย พินัยกรรมนั้นไม่มีผลเพราะ บ้านและที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ ของลูกบุญธรรม ซึ่งทุกวันนี้ ลูกบุญธรรมคนนี้ได้เปลี่ยนชื่อนามสกุล เป็นชาวเยอรมัน และแต่งงานกับชาวเยอะมันและมีบุตร ผมอายุ 29 ปี ลูกบุญธรรมคนนี้ อายุ 50 ปี เมื่อผมยังเป็นเด็กในความความทรงจำเธอยังเป็นพี่สาวที่ดีสำหรับผม แม่ของเธอก็ได้เลี้ยงดูผมในช่วงวัยเยาว์ แต่ความห่างเหินเข้ามาเมื่อ พ่อได้ทวงผืนที่ดินจาก ลูกบุญธรรม บ่อยครั้งที่เหนพ่อคุยโทรศัพท์กับลูกบุญธรรม แล้วคุยเสร็จพ่อก็มีอาการปวดหน้าอกจุกแน่น จนต้องอมยาไว้ไต้ลิ้น (พ่อผมเป็นโรคหัวใจ) จนถึงวันที่พ่อผมเสีย ลูกบุญธรรมก็โทรศัพท์ มาหาผม ขอให้เลื่อนการเผาศพ เพราะอยากเหนพ่อครั้งสุดท้าย ผมก็เลื่อนกำหนดเผา รอแกนั่งเครื่องจากเยอรมันมา พอมาถึงแกก็ร้องไห้ ฟูมฟามมาก เมื่อจบพิธีเผา เสร็จผมก็พาแกไปร้านอาหารกินข้าวกันตามภาษาครอบครัว แล้วแกก็เอ๋ยมาเรื่องบ้านว่าพี่จะขายบ้านนะ ผมอึ้งพูดไม่ออก ผมเอาพินัยที่พ่อเขียนให้เขาอ่าน และเขาก็ไม่ยอมรับเขาพูดเพียงว่าบ้านนี้เป็นของพี่มันชื่อพี่ (พ่อซื้อโดยใช้ชื่อเขา เขาไม่เคยอยู่อาศัยที่บ้านนี้เลย ผมอยู๋มาตั้งแต่เกิด29ปี) และผมเลยไม่คุยกับเขาผมบอกเพียงอย่างเดียวว่า ถ้าอยากคุยกัน คุยกันเรื่องทั่วไปได้ แต่ถ้าจะคุยเรื่องขายบ้าน ผมไม่คุย จนเขาบอกผม เขาจะไม่ขายแต่จะให้ผมอยู่โดยมีข้อแม้ ห้ามแม่ผมมีสามีใหม่
ผมได้ยินแบบนั้นผมก็เชื่อใจแก แม่ผม อายุ52 คงไม่มีใครอยากจะมีสามีใหม่แล้ว เพราะแกเป็นมะเร็งตัดเต้านมทิ้ง และผมได้โทรไปหาน้าของผมซึ่งเป็นน้องชายของพ่อผมที่อยู่เยอรมัน เล่าเรื่องราวที่ลูกบุญธรรมคนนี้คิดจะขายบ้าน เพราะผมคิดว่าน้าผมคงอาจจะช่วยยับยั้งความคิดของลูกบุญธรรมคนนี้เพราะน้าผมเขาก็เลี้ยงดูลูกบุญธรรมคนนี้ตอนที่อาศัยอยู่เยอรมัน แต่พอไม่นาน น้าของผมก็เสียในเดือนสิงหา 59 ที่ผ่านมา ลูกบุญธรรมคนนี้ ก็กลับมาประเทศไทยและได้ทำเรื่องออกโฉนดใบแทน(โฉนดที่ดินตัวจริงอยู่ที่พ่อผมและอยู่ในมือผมในปัจจุบัน) และได้ทำการขายที่ดินบ้านหลังนี้ไปในราคา 2ล้านบาท และในตอนนี้ ผู้ที่ซื้อที่ดินที่ผมอาศัยก็ออกมาเผยตัวแล้ว ผมควรทำอย่างไรดี สู้คดีในชั้นศาลเพื่อเรียกร้องกรรมสิทธิ์บ้านที่ควรเป็นของผมก็เป็นเรื่องยากมาก เพราะพินัยกรรม พ่อผมทำไว้ไม่ได้ทำไว้ที่กรมที่ดินหรือที่ศาล เจ้าหน้าที่กรมที่ดินที่ผมเคยไปปรึกษาเขาก็บอกว่าเรามีโฉนดตัวจริงไว้ในมือ ถ้าเขามาแจ้งใหม่เราก็แจ้งความเขาว่าแจ้งความเทจต่อเจ้าหน้าที่กรมที่ดินเพื่อออกโฉนดใหม่ แต่ในความจริงเขาจะอ้างอย่างไรก็ได้ เพราะหลังโฉนดเป็นชื่อของเขา มีเพียงข้อกฎหมายเดียวที่ทำได้ คือฟ้องร้องในการครอบครองแบบปรปักษ์ ซึ่งผลจะแพ้หรือ ชนะ นั้นก็เป็นอีกเรื่อง ซึ่งในตอนนี้ผมคิดเผื่อใจเอาไว้ว่า จะคุยกับทางผู้ที่ซื้อบ้านไปโดยจะซื้อคืนซึ่งผมก็คงจะไม่มีเงินสด2ล้านไปให้เขาแต่คงผ่านธนาคารและผ่อนธนาคารเอาโดยที่จะต้องเป็นหนี้ในอีกหลายสิบปี ที่ผมเขียนเล่ามาทั้งหมดนี้ ผมอยากจะระบาย และใคร่ขอความคิดเห็นของทุกคนในพันทิปที่ได้เข้ามาอ่าน ว่ามีวิธีที่ดีกว่านี้ หรือ หนทางไหนที่ผมจะสู้คดีเรื่องราวเหล่านี้ได้ บ้าง เพราะผมยังเป็นเพียงคนหาเช้ากินค่ำ เงินเดือนไม่มากนัก และที่สำคัญที่สุดคือคำสัญญาที่ให้กับพ่อไว้ว่าจะรักษาบ้านหลังนี้ไว้ให้ถึงที่สุด ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้ที่เข้ามาอ่าน และ เสนอแนวทางให้ผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่