.
ก่อนจะวิเคราะห์อะไร ขอเริ่มจากการมองกันที่ผลงานล่าสุดในลีคนั้น พาเลชเพิ่งสะดุดผ่ายแพ้มา 2 นัดติด ในชณะที่ลิเวอร์พูลกำลังฟอร์มร้อนแรงใชนช่วงหลังชนะ 5 เสมอเพียงนัดเดียวใน 6 นัดล่าสุด
แต่นั้นก็ยังไม่อาจสร้างความมั่นใจให้กับแฟนๆลิเวอร์พูลได้ เพราะ Crystal Palace จัดว่าเป็นทีมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะได้ยากทีมหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการลงแข่งขันในรายการไหน หรือลงเล่นที่บ้านของใครก็ตาม ทุกครั้งที่พบกันทีมปราสาทเรือนแก้วมักสร้างแรงกดดันให้กับหงส์แดงได้ทุกครั้ง ทั้งๆที่ไม่มีผู้เล่นระดับแนวหน้าหรือซุปเปอร์สตาร์เลย นักเตะพาเลชในชุดนี้คนที่มีชื่อเสียงพอเป็นที่รู้จักบ้าง ก็สารภาพตรงๆว่า แทบนึกไม่ออก เอาที่ผมพอจำได้ ก็คงเป็น สก็อต แดน คนเดียวล่ะมั้ง ที่พอคุ้นชื่อคุ้นหูหน่อย
ดังนั้นผลงานการพบกันระหว่างพาเลชกับลิเวอร์พูล ก็คงต้องยกเครดิตไปให้กับตัวผู้จัดการทีมของพาเลช แต่ก็อาจพูดไม่ได้เต็มปากนักว่าจะยกให้ใครดี เพราะ พาเลชเองก็จัดเป็นทีมที่เปลี่ยนผู้จัดการทีมค่อนข้างบ่อย
และที่ผ่านมาทุกคนก็สร้างความอึดอัดใจให้กับลิเวอร์พูลได้ทุกครั้งในยามที่พบกัน โดยเฉพาะคนล่าสุดที่ชื่อ อลัน พาร์ดิวผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน(เข้าคุมทีมตั้งแต่ฤดูกาล 2014-2015) ที่พาทีมลงเล่นกับลิเวอร์พูลมาแล้ว 4 ครั้ง พลัดกันแพ้ชนะเท่ากันฝั่งล่ะ 2 ครั้ง แต่หากดูเฉพาะนัดที่ต้องเล่นที่สนาม เซลเฮิร์สท พาร์ค บ้านของพาเลช 6 นัดล่าสุด ผลงานก็ยังออกมาคู่คี่สูสีกัน
แต่ถึงตอนนี้ พาเลชมีนักเตะระดับแนวหน้า หรือซุปเปอร์สตาร์ประจำทีมแล้ว ซึ่งเขาคนนั้นก็คือ คริสติยอง เบนเตเก้ ชายผู้ซึ่งถูกเจอร์เก้น คล็อป ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลตีตราว่า “
เล่นไม่เข้ากับระบบ” และปล่อยออกจากทีมเมื่อฤดูกาลก่อน แต่พอมาปีนี้ เบนเตเก้กับเข้ากับระบบของ คริสตัน พาเลชได้เป็นอย่างดี ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า
และทำผลงานได้อย่งยอดเยียม ในระบบ 4-2-3-1 ระบบเดียวกันกับตอนที่คล็อปเคยมองว่า เขาไม่สามารถเล่นให้กับลิเวอร์พูลได้
สำหรับ เบนเตเก้ ชื่อของเขาน่ากลัวเสมอเวลาที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับลิเวอร์พูล สมัยที่เขายังอยู่กับแอสตัน วิลล่า ก็มักสร้างความหวาดผวาให้กับแนวรับของทุกทีม โดยเฉพาะกับลิเวอร์พูล
เมื่อเขา ยิง 4 ประตู ใน 5 เกมส์ลีคที่วิลล่าต้องพบกับหงส์แดง และตอนนี้บิ๊คเบนคนนี้ ก็ได้ไปยืนเป็นหน้าเป้าให้กับพาเลช แล้ว ความน่ากลัวเดิมๆจึงกลับมาอีกครั้ง
และดูจะน่ากลัวกว่าทุกครั้ง ถ้าหาก Crystal Palace ของ อลัน พาร์ดิว ใช้พลังที่ขับเคลื่อนด้วยแรงพยาบาทของเบนเตเก้ เข้ารับมือกับลิเวอร์พูล ภายใต้การทำทีมของกุนซืออย่างคล็อปในคืนนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเทียบจุดเด่นจุดด้อยของทั้งสองทีม อาจจะเห็นนัยยะสำคัญอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ เมื่อคริสตัน พาเลช คือทีมที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีที่สุดของลีคตอนนนี้ ในขณะที่ลิเวอร์พูลทำผลงานในด้านนี้ไม่ค่อยดีนักอยุ่ในอันดับที่ 16 ของลีค
ขู่ขวัญแถมอีกสักนิด เมื่อจะบอกว่าคริสตันพาเลสนั้นเล่นลูกกลางอากาศเก่งจริงๆ เมื่อใน จำนวน 12 ประตูที่พาเลชทำได้นั้น มี 6 ประตูที่ได้มาจากลูกโหม่ง
และหากจะมองเป็นรายบุคคล แฟนๆลิเวอร์พูลคงต้องรู้สึกสยองปนเสียดายกันเข้าไปอีกเมื่อ
คริสติยอง เบนเตเก้ คือ ผู้เล่นที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีที่สุด เป็นอันดับหนึ่งของลีคในตอนนี้ ในขณะที่ผุ้เล่นที่คาดการณ์ว่าน่าจะเข้ามารับมือกับลูกกลางอากาศของเบนเต้เก้ อย่าง เดยัน ลอฟเร่น CB ของลิเวอร์พูลนั้น อยู่ในอันดับ 7 แต่ค่าเฉลี่ยต่อเกมส์นั้น ห่างกันถึงครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว เบเตเก้ 9.1 / ลอฟเร่น 4.0
เขียนไปเขียนมากลายเป็น นัดนี้ เบนเตเก้ VS ลิเวอร์พูล ซะแล้ว ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะผมมองว่า Keyman คนสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของพาเลชก็คือ เบนเตเก้นี้แหละ เพราะมองว่าตอนนี้เขามีความกระหายมากพอ ที่จะเค้นแสนยานุภาพในตัวเขาเองออกมาเพื่อแสดงให้คนอย่าง เจอร์เก้น คล็อป ได้รู้ว่า การที่ไม่เห็นค่าคนอย่างเขานั้น นายใหญ่ของหงส์แดงนั้น คิดผิด
และนั้นก็เป็นเพียงจุดเล็กๆจุดหนึ่งในมุมมองผ่านนักเตะคนเดียวก่อนเริ่มเกมส์ ที่หยิบมาเขียนรวมกับการวิเคราะห์วิจารณ์คู่แข่งก็เพราะว่ามันน่าสนใจ แต่ถามว่าจะส่งผลกับเกมส์ในภาพรวมจริงๆมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ออกตัวไว้ก่อน ว่าไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะทั้งทีมพาเลชและเบนเตเก้เองนั้น ก็ยังขาดสิ่งสำคัญที่เรียกว่า “
ความสม่ำเสมอ” เป็นประเภท บทจะเล่นดีก็ดีใจหาย บทจะเล่นแย่ ก็แพ้ได้ทุกทีม
ซึ่งให้ชี้ชัดวัดผล ประเมินแล้ว นัดนี้ พาเลชก็คงไม่ได้เล่นแบบตั้งรับลึก หรือใช้รถบัสสไตล์กับลิเวอร์พูล เพราะนั้นไม่ใช่แนวทางที่พวกเขาถนัด เห็นได้จากเปอร์เซ็นต์การครองบอลที่ผ่านมา 9 นัด มีเพียง 3 นัดเท่านั้น ที่พวกเขาครองบอลได้น้อยกว่าคู่แข่ง(แต่ก็ไม่ได้น้อยกว่าจนน่าเกลียด)
แถมยังเป็นทีมที่สร้างโอกาสการทำประตูได้ดีทีมหนึ่งด้วย อยู่ในอันดับ 7 ของลีคตอนนี้
ซึ่งข้อมูล การครองบอลและโอกาสการทำประตู 2 อย่างนี้เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า
คริสตันพาเลชไม่ใช่ทีมที่เล่นเกมส์อุด และกับการเล่นในบ้านที่มีกองเชียร์ของตัวเองจับจ้องมองอยู่ นั้นยิ่งทำให้พาเลชย่อมคิดที่จะสู้มากกว่าถอย
ดังนั้นรูปเกมส์ที่คาดการณ์ว่าน่าจะเป็น คือพาร์ดิวน่าจะสั่งให้ลูกทีมพาเลช เปิดเกมส์แลก วิ่งไล่เพรสผู้เล่นลิเวอร์พูลตั้งแต่ช่วงต้น และหาโอกาสโจมตีจุดอ่อน ที่ทุกทีมต่างก็รู้กันดีด้วยลูกตั้งเตะ หรือครอสยาวจากด้านหลังให้เบนเตเก้ช่วงชิงความได้เปรียบจากลูกกลางอากาศ หาโอกาสทำประตู หรือสร้างโอกาสให้แนวรุกที่วิ่งตามหลังขึ้นมา ในขณะที่ลิเวอร์พูลของคล็อปก็คงโหมกระหน่ำบุกด้วยศักยภาพของระบบทีมที่กำลังลงตัวกว่า และน่าจะครองบอลได้มากกว่าในช่วงแรก
ซึ่งจุดตัดสินก็คือ ประตูแรกใครทำได้ก่อน ถ้าหากหงส์แดงยิงได้ก่อน ซึ่งเป็นไปได้มากว่าจะทำได้ เพราะแนวรับของพาเลชเองก็เปื่อยยุ่ยไม่ใช่เล่น เสียไปแล้ว 12 ประตูจาก 9 นัด และเสียประตูจากความผิดพลาดกันเองของผุ้เล่นฝ่ายตนเอง สูงถึง 4 ประตู จึงมีโอกาสที่หงส์แดงน่าจะเจาะไข่แดงได้สำเร็จ
แต่หากใช่สถิติในแนวรับแบบนี้ มาวัดผล ลิเวอร์พุลก็ใช่จะดีกว่าสักเท่าไร เมื่อเสียไป 11 ประตู และเสียประตุจากการเล่นผิดพลาดของผุ้เล่นฝ่ายตนเอง สูงไม่น้อย ถึง 3 ประตู นั้นแปลว่า โอกาสของแนวรุกของพาเลชก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ที่จะทำประตูจากลิเวอร์พูลได้
โดยเฉพาะหากนักเตะคนใดของพาเลชนั้นมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำประตูให้ได้ โอกาสทำสำเร็จก็มีสูง
ดังนั้นประตูแรกจึงสำคัญมากในเกมส์นี้ เพราะหากพาเลชโดยเฉพาะเบนเตเก้ หากทำประตูได้จากลิเวอร์พูล กำลังใจจะหลั่งไหลไปทางเจ้าบ้านอย่างแน่นอน เพราะลิเวอร์พูลเอง ก็แสดงอาการหลายครั้งเมื่อยามเสียประตู ที่ลนลานจนรักษารูปเกมส์ของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ซึ่งนัดนี้ก็เช่นกัน หากโดนพาเลชนำก่อนแล้ว “
ตั้งสติ” ไม่ได้ ก็โอกาสกลับบ้านมือเปล่าก็มีสูง
ดังนั้นคู่แข่งคืนนี้ ผมจึงคิดว่า เป็นคู่แข่งที่มีความน่ากลัวเพราะทิฐิมานะของคนๆเดียว และจะน่ากลัวมากขึ้น...
หากคนๆนั้นสามารถทำประตูแล้วเอาชนะลิเวอร์พูลได้ (งานนี้บอร์ดแตกแน่นนวล...)
ป.ล.จริงๆ ผมชอบทัศนะคติของเบนเตเก้นะ และเสียดายมากๆที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากผุ้เล่นคนนี้ได้ จัดว่าเป็นผู้เล่นชั้นดีที่น่าเสียดาย เช่นเดียวกับที่เคยเสียดาย แฮร์รี่ คีเวล หรือ อัลแบร์โต อาควินลานี ที่ย้ายมาแล้วไม่สามารถแจ้งเกิดได้
วิเคราะห์ คู่แข่งหงส์แดงนัดที่ 10 Crystal Palace คู่แข่งประเภทชายเดี่ยว ที่น่ากลัวกว่าเดิมหลายเท่า
ก่อนจะวิเคราะห์อะไร ขอเริ่มจากการมองกันที่ผลงานล่าสุดในลีคนั้น พาเลชเพิ่งสะดุดผ่ายแพ้มา 2 นัดติด ในชณะที่ลิเวอร์พูลกำลังฟอร์มร้อนแรงใชนช่วงหลังชนะ 5 เสมอเพียงนัดเดียวใน 6 นัดล่าสุด
แต่นั้นก็ยังไม่อาจสร้างความมั่นใจให้กับแฟนๆลิเวอร์พูลได้ เพราะ Crystal Palace จัดว่าเป็นทีมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะได้ยากทีมหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการลงแข่งขันในรายการไหน หรือลงเล่นที่บ้านของใครก็ตาม ทุกครั้งที่พบกันทีมปราสาทเรือนแก้วมักสร้างแรงกดดันให้กับหงส์แดงได้ทุกครั้ง ทั้งๆที่ไม่มีผู้เล่นระดับแนวหน้าหรือซุปเปอร์สตาร์เลย นักเตะพาเลชในชุดนี้คนที่มีชื่อเสียงพอเป็นที่รู้จักบ้าง ก็สารภาพตรงๆว่า แทบนึกไม่ออก เอาที่ผมพอจำได้ ก็คงเป็น สก็อต แดน คนเดียวล่ะมั้ง ที่พอคุ้นชื่อคุ้นหูหน่อย
ดังนั้นผลงานการพบกันระหว่างพาเลชกับลิเวอร์พูล ก็คงต้องยกเครดิตไปให้กับตัวผู้จัดการทีมของพาเลช แต่ก็อาจพูดไม่ได้เต็มปากนักว่าจะยกให้ใครดี เพราะ พาเลชเองก็จัดเป็นทีมที่เปลี่ยนผู้จัดการทีมค่อนข้างบ่อย
และที่ผ่านมาทุกคนก็สร้างความอึดอัดใจให้กับลิเวอร์พูลได้ทุกครั้งในยามที่พบกัน โดยเฉพาะคนล่าสุดที่ชื่อ อลัน พาร์ดิวผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน(เข้าคุมทีมตั้งแต่ฤดูกาล 2014-2015) ที่พาทีมลงเล่นกับลิเวอร์พูลมาแล้ว 4 ครั้ง พลัดกันแพ้ชนะเท่ากันฝั่งล่ะ 2 ครั้ง แต่หากดูเฉพาะนัดที่ต้องเล่นที่สนาม เซลเฮิร์สท พาร์ค บ้านของพาเลช 6 นัดล่าสุด ผลงานก็ยังออกมาคู่คี่สูสีกัน
แต่ถึงตอนนี้ พาเลชมีนักเตะระดับแนวหน้า หรือซุปเปอร์สตาร์ประจำทีมแล้ว ซึ่งเขาคนนั้นก็คือ คริสติยอง เบนเตเก้ ชายผู้ซึ่งถูกเจอร์เก้น คล็อป ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลตีตราว่า “เล่นไม่เข้ากับระบบ” และปล่อยออกจากทีมเมื่อฤดูกาลก่อน แต่พอมาปีนี้ เบนเตเก้กับเข้ากับระบบของ คริสตัน พาเลชได้เป็นอย่างดี ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า และทำผลงานได้อย่งยอดเยียม ในระบบ 4-2-3-1 ระบบเดียวกันกับตอนที่คล็อปเคยมองว่า เขาไม่สามารถเล่นให้กับลิเวอร์พูลได้
สำหรับ เบนเตเก้ ชื่อของเขาน่ากลัวเสมอเวลาที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับลิเวอร์พูล สมัยที่เขายังอยู่กับแอสตัน วิลล่า ก็มักสร้างความหวาดผวาให้กับแนวรับของทุกทีม โดยเฉพาะกับลิเวอร์พูล เมื่อเขา ยิง 4 ประตู ใน 5 เกมส์ลีคที่วิลล่าต้องพบกับหงส์แดง และตอนนี้บิ๊คเบนคนนี้ ก็ได้ไปยืนเป็นหน้าเป้าให้กับพาเลช แล้ว ความน่ากลัวเดิมๆจึงกลับมาอีกครั้ง
และดูจะน่ากลัวกว่าทุกครั้ง ถ้าหาก Crystal Palace ของ อลัน พาร์ดิว ใช้พลังที่ขับเคลื่อนด้วยแรงพยาบาทของเบนเตเก้ เข้ารับมือกับลิเวอร์พูล ภายใต้การทำทีมของกุนซืออย่างคล็อปในคืนนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเทียบจุดเด่นจุดด้อยของทั้งสองทีม อาจจะเห็นนัยยะสำคัญอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ เมื่อคริสตัน พาเลช คือทีมที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีที่สุดของลีคตอนนนี้ ในขณะที่ลิเวอร์พูลทำผลงานในด้านนี้ไม่ค่อยดีนักอยุ่ในอันดับที่ 16 ของลีค
ขู่ขวัญแถมอีกสักนิด เมื่อจะบอกว่าคริสตันพาเลสนั้นเล่นลูกกลางอากาศเก่งจริงๆ เมื่อใน จำนวน 12 ประตูที่พาเลชทำได้นั้น มี 6 ประตูที่ได้มาจากลูกโหม่ง
และหากจะมองเป็นรายบุคคล แฟนๆลิเวอร์พูลคงต้องรู้สึกสยองปนเสียดายกันเข้าไปอีกเมื่อ คริสติยอง เบนเตเก้ คือ ผู้เล่นที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีที่สุด เป็นอันดับหนึ่งของลีคในตอนนี้ ในขณะที่ผุ้เล่นที่คาดการณ์ว่าน่าจะเข้ามารับมือกับลูกกลางอากาศของเบนเต้เก้ อย่าง เดยัน ลอฟเร่น CB ของลิเวอร์พูลนั้น อยู่ในอันดับ 7 แต่ค่าเฉลี่ยต่อเกมส์นั้น ห่างกันถึงครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว เบเตเก้ 9.1 / ลอฟเร่น 4.0
เขียนไปเขียนมากลายเป็น นัดนี้ เบนเตเก้ VS ลิเวอร์พูล ซะแล้ว ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะผมมองว่า Keyman คนสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของพาเลชก็คือ เบนเตเก้นี้แหละ เพราะมองว่าตอนนี้เขามีความกระหายมากพอ ที่จะเค้นแสนยานุภาพในตัวเขาเองออกมาเพื่อแสดงให้คนอย่าง เจอร์เก้น คล็อป ได้รู้ว่า การที่ไม่เห็นค่าคนอย่างเขานั้น นายใหญ่ของหงส์แดงนั้น คิดผิด
และนั้นก็เป็นเพียงจุดเล็กๆจุดหนึ่งในมุมมองผ่านนักเตะคนเดียวก่อนเริ่มเกมส์ ที่หยิบมาเขียนรวมกับการวิเคราะห์วิจารณ์คู่แข่งก็เพราะว่ามันน่าสนใจ แต่ถามว่าจะส่งผลกับเกมส์ในภาพรวมจริงๆมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ออกตัวไว้ก่อน ว่าไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะทั้งทีมพาเลชและเบนเตเก้เองนั้น ก็ยังขาดสิ่งสำคัญที่เรียกว่า “ความสม่ำเสมอ” เป็นประเภท บทจะเล่นดีก็ดีใจหาย บทจะเล่นแย่ ก็แพ้ได้ทุกทีม
ซึ่งให้ชี้ชัดวัดผล ประเมินแล้ว นัดนี้ พาเลชก็คงไม่ได้เล่นแบบตั้งรับลึก หรือใช้รถบัสสไตล์กับลิเวอร์พูล เพราะนั้นไม่ใช่แนวทางที่พวกเขาถนัด เห็นได้จากเปอร์เซ็นต์การครองบอลที่ผ่านมา 9 นัด มีเพียง 3 นัดเท่านั้น ที่พวกเขาครองบอลได้น้อยกว่าคู่แข่ง(แต่ก็ไม่ได้น้อยกว่าจนน่าเกลียด)
แถมยังเป็นทีมที่สร้างโอกาสการทำประตูได้ดีทีมหนึ่งด้วย อยู่ในอันดับ 7 ของลีคตอนนี้
ซึ่งข้อมูล การครองบอลและโอกาสการทำประตู 2 อย่างนี้เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า คริสตันพาเลชไม่ใช่ทีมที่เล่นเกมส์อุด และกับการเล่นในบ้านที่มีกองเชียร์ของตัวเองจับจ้องมองอยู่ นั้นยิ่งทำให้พาเลชย่อมคิดที่จะสู้มากกว่าถอย
ดังนั้นรูปเกมส์ที่คาดการณ์ว่าน่าจะเป็น คือพาร์ดิวน่าจะสั่งให้ลูกทีมพาเลช เปิดเกมส์แลก วิ่งไล่เพรสผู้เล่นลิเวอร์พูลตั้งแต่ช่วงต้น และหาโอกาสโจมตีจุดอ่อน ที่ทุกทีมต่างก็รู้กันดีด้วยลูกตั้งเตะ หรือครอสยาวจากด้านหลังให้เบนเตเก้ช่วงชิงความได้เปรียบจากลูกกลางอากาศ หาโอกาสทำประตู หรือสร้างโอกาสให้แนวรุกที่วิ่งตามหลังขึ้นมา ในขณะที่ลิเวอร์พูลของคล็อปก็คงโหมกระหน่ำบุกด้วยศักยภาพของระบบทีมที่กำลังลงตัวกว่า และน่าจะครองบอลได้มากกว่าในช่วงแรก
ซึ่งจุดตัดสินก็คือ ประตูแรกใครทำได้ก่อน ถ้าหากหงส์แดงยิงได้ก่อน ซึ่งเป็นไปได้มากว่าจะทำได้ เพราะแนวรับของพาเลชเองก็เปื่อยยุ่ยไม่ใช่เล่น เสียไปแล้ว 12 ประตูจาก 9 นัด และเสียประตูจากความผิดพลาดกันเองของผุ้เล่นฝ่ายตนเอง สูงถึง 4 ประตู จึงมีโอกาสที่หงส์แดงน่าจะเจาะไข่แดงได้สำเร็จ
แต่หากใช่สถิติในแนวรับแบบนี้ มาวัดผล ลิเวอร์พุลก็ใช่จะดีกว่าสักเท่าไร เมื่อเสียไป 11 ประตู และเสียประตุจากการเล่นผิดพลาดของผุ้เล่นฝ่ายตนเอง สูงไม่น้อย ถึง 3 ประตู นั้นแปลว่า โอกาสของแนวรุกของพาเลชก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ที่จะทำประตูจากลิเวอร์พูลได้ โดยเฉพาะหากนักเตะคนใดของพาเลชนั้นมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำประตูให้ได้ โอกาสทำสำเร็จก็มีสูง
ดังนั้นประตูแรกจึงสำคัญมากในเกมส์นี้ เพราะหากพาเลชโดยเฉพาะเบนเตเก้ หากทำประตูได้จากลิเวอร์พูล กำลังใจจะหลั่งไหลไปทางเจ้าบ้านอย่างแน่นอน เพราะลิเวอร์พูลเอง ก็แสดงอาการหลายครั้งเมื่อยามเสียประตู ที่ลนลานจนรักษารูปเกมส์ของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ซึ่งนัดนี้ก็เช่นกัน หากโดนพาเลชนำก่อนแล้ว “ตั้งสติ” ไม่ได้ ก็โอกาสกลับบ้านมือเปล่าก็มีสูง
ดังนั้นคู่แข่งคืนนี้ ผมจึงคิดว่า เป็นคู่แข่งที่มีความน่ากลัวเพราะทิฐิมานะของคนๆเดียว และจะน่ากลัวมากขึ้น...
หากคนๆนั้นสามารถทำประตูแล้วเอาชนะลิเวอร์พูลได้ (งานนี้บอร์ดแตกแน่นนวล...)
ป.ล.จริงๆ ผมชอบทัศนะคติของเบนเตเก้นะ และเสียดายมากๆที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากผุ้เล่นคนนี้ได้ จัดว่าเป็นผู้เล่นชั้นดีที่น่าเสียดาย เช่นเดียวกับที่เคยเสียดาย แฮร์รี่ คีเวล หรือ อัลแบร์โต อาควินลานี ที่ย้ายมาแล้วไม่สามารถแจ้งเกิดได้