พล็อตเรื่อง 7.5/10
ดร. สตีเฟ่น สเตรนจ์ สุดยอดศัลยแพทย์ผู้หยิ่งผยอง อวดดี ได้ประสบอุบัติเหตุทำให้เขาไม่สามารถใช้มือทั้ง 2 ข้างทำงานละเอียดอ่อนอย่างอาชีพศัลแพทย์ของเขาได้เหมือนเดิม ดร.สเตรนจ์รักอาชีพนี้มากเขาจึงลองใช้ทุกวิธีการรักษาที่มีในโลกเพื่อรักษามือของเขาแต่ก็ยังไม่สำเร็จ จนเขาได้รู้จักกับศาสตร์ของเวทมนตร์และล่วงรู้เรื่องราวของโลกต่างมิติต่างๆอันสุดจินตนาการได้พร้อมกับหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโลก พล็อตเรื่องของหนังมาแนวเดียวกับฉบับการ์ตูนเป๊ะๆ จะแตกต่างกันก็แค่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่น ตัวละครแองเชี่ยนวันที่ในการ์ตูนเป็นผู้ชาย ในหนังเป็นผู้หญิง หรือคุณสมบัติของอุปกรณ์เวทมนตร์บางอย่างถูกปรับให้เข้ากับฉบับภาพยนตร์ ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไรเข้าใจได้และยังคงโครงเรื่องหลักเหมือนเดิม

การดำเนินเรื่อง 9.5/10
หนังเข้าถึงพล็อตเรื่องหลักของหนังเร็วมาก ไม่เสียเวลาไปพูดถึงเรื่องอื่นที่ไม่จำเป็นตามประสาของหนังภาคต้นที่มักจะเกริ่นปมปัญหาหรือชีวิตของพระเอกหรือคนรอบข้างนานเกินไปซึ่งถือเป็นข้อดีมากๆ หนังดำเนินเรื่องราวเรื่อยๆไม่น่าเบื่อ มีมุขตลกสอดแทรกพอดีๆไม่มากเกินไปจนเละเทะหรือแป้กเลย คุมโทนหนังและอารมณ์คนดูได้ดี สิ่งหนึ่งเลยเพราะพลังของนักแสดงล้วนๆและอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นตัวกุมอารมณ์คนดูให้รู้สึกอยากติดตามเรื่องราวและเป็นจุดแข็งที่สุดของหนังนั่นคือเวทมนตร์ เทคนิคพิเศษและจินตนาการของผู้สร้างในการถ่ายทำนั้นน่าทึ่งและสุดยอดมาก การนำเสนอการบิดเบี้ยวของมิติไปมาระหว่างการต่อสู้ดูสนุก ตื่นเต้นและว้าวมากๆ ไม่ค่อยเห็นหนังแนวเวทมนตร์เรื่องไหนที่ถ่ายทำในลักษณะนี้ทั้งรวดเร็วและต่อเนื่องอย่างไม่มีสะดุด special effect ที่สุดยอดสมกับเป็นโลกเวทมนตร์

ในหนังมีฉากที่ดูถ่ายยากอยู่หลายฉากแต่ผลลัพธ์ที่ออกมาแต่ละฉากดูคุ้มค่ามากและยิ่งถ้าดูในโรง IMAX ที่มีฉากสัดส่วนพิเศษเกือบตลอดทั้งเรื่องโดยเฉพาะฉากที่สำคัญๆได้ดูสัดส่วนพิเศษแทบทุกฉากยิ่งส่งเสริมฉากเทคนิคพิเศษเหล่านี้ยิ่งสนุก ยิ่งมันส์มากขึ้นไปอีก ส่วน 3D อยู่ในเกณฑ์ดีเพราะหนังเล่นกับภาพที่มีมิติลึกๆอยู่แล้วภาพจึงออกมาดูดีระดับนึงเลย ตามปกติแล้วการดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้น่าจะได้สัก 8.5 ในส่วนของการดำเนินเรื่องที่น่าสนใจ เข้าใจง่าย ชวนติดตามและมีมุขตลกที่พอดีๆ แต่ด้วยเพราะเรื่องนี้โดดเด่นทั้งการนำเสนอโลกเวทมนตร์และเทคนิคพิเศษที่สุดยอดทำให้ไม่ลังเลเลยที่จะให้ 9.5 แต่บางเรื่องบางราวในหนังก็มีส่วนที่รู้สึกว่าง่ายเกินไปเหมือนกัน เช่น การเรียนรู้เวทมนตร์ของดร. สเตรนจ์ ที่รู้สึกว่าง่ายและเร็วเกินไป เข้าใจว่าเป็นคนเก่ง หัวดีแต่ศาสตร์เวทมนตร์ไม่น่าจะใช่อะไรที่เรียนรู้ได้ง่ายๆในระยะเวลาสั้นๆสำหรับคนธรรมดา

ตัวละคร 8/10
ดร. สเตรนจ์ - เบเนดิคต์ คัมเบอร์แบ็ตช์เหมาะสมกับตัวละครนี้มากที่สุดจริงๆ เคยมีข่าวว่า Marvel Studio ยอมเลื่อนฉายหนังเพื่อรอคิวของคัมเบอร์แบ็ตช์ว่างนั้นนับว่ามองขาดจริงๆ คัมเบอร์แบ็ตช์นอกจากนำเสนอบุคคลิกและมีหน้าตาที่คล้ายกับดร. สเตรนจ์ในฉบับการ์ตูนแล้วเขายังนำเสนอตัวละครตัวนี้ในรูปแบบที่เหมาะสมกับฉบับภาพยนตร์ได้ดีอีกด้วยทั้งในแง่คนเก่ง ฉลาด อวดดี ผยอง มุขตลกมาดกวนๆ เห็นแล้วนึกถึงโทนี่ สตาร์คฉบับศัลแพทย์เพียงแต่อาจจะไม่สุดโต่งเท่าโทนี่แต่โดยรวมแล้วดีงาม ผมคิดว่าคัมเบอร์แบ็ตช์เป็นสัญญลักษณ์ของตัวละครตัวนี้ไปแล้วเหมือนโรเบิร์ต ดาวนี่ จูเนียร์เป็นไอรอนแมนหรือฮิว แจ็คแมนเป็นวูฟเวอรีน ข้อเสียของดร. สเตรนจ์คือผมรู้สึกว่าการเรียนรู้เวทมนตร์ของเขาเร็วเกินไปสำหรับคนธรรมดา ดูกลายเป็นของง่ายเกินไปถึงแม้จะเป็นคนเก่ง หัวดียังไงก็ตาม นี่คือเรื่องเหนือธรรมชาติไม่ใช่เรื่องทั่วไปแต่ถ้าต้องรวบรัดเพื่อให้ดำเนินเรื่องต่อได้ก็พอเข้าใจได้อยู่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรครับ ส่วนเวทมนตร์ของดร. สเตรนจ์ยังมีไม่มากนักดูซ้ำๆเดิมๆ แต่ด้วยเพราะเขาเพิ่งเริ่มเป็นจอมเวทย์ก็พอจะหยวนๆได้

แองเชี่ยนวัน(Ancient One) - ถึงแม้แองเชี่ยนวันฉบับภาพยนตร์จะเป็นผู้หญิงแต่ทิลด้า สวินตันแสดงบทนี้ได้อย่างน่าเกรงขาม น่านับถือและเก่งมากๆ สมกับเป็นครูบาอาจารย์ผู้มีวิชาไม่ธรรมดา ทุกฉากการต่อสู้ที่มีเธอ รู้สึกอยากตั้งใจดูอยากจะรู้ว่าระดับมหาจอมเวทย์ Sorcerer Supreme จะปล่อยของอะไรมาโชว์บ้าง เสียอย่างเดียว....ง่ายไปหน่อยแต่โดยรวมแล้วเจ๋งมาก

แมดส์ มิคเคลเซ็น - แสดงบทเป็นผู้ร้ายได้ดีน่าเกรงขามอีกคนสมกับเป็นระดับปรมาจารย์ ส่วนเรื่องราวของเขามีเหตุมีผลที่พอฟังขึ้น ถึงแม้ภายนอกมันอาจจะดูง่ายแต่ตามพล็อตเรื่องแล้วผมถือว่าสมเหตุสมผลอยู่
หว่อง - เป็นคนตลก
ส่วนตัวละครที่ผมรู้สึกเฉยๆมากที่สุดคือบารอน มอร์โดของชิเวเทล เอ็จอิโอฟอร์ ไม่ใช่ไม่ดีนะครับแต่รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ธรรมดา

สรุป 8.5/10
Doctor Strange เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ในหนังชุด Avengers ที่ผมยกให้เป็นลำดับต้นๆ ด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ ชวนติดตาม การดำเนินเรื่องที่สนุก ไม่น่าเบื่อ มุขตลกสอดแทรกที่พอดีงามไม่เยอะแบบเละเทะเรียกว่าเวิร์คเกือบทุกมุข ได้นักแสดงที่มากฝีมือหลายคนคุมหนังได้อยู่หมัดและที่โดดเด่นที่สุดเลยคือเทคนิคพิเศษและจินตนาการในการสร้างฉากต่อสู้ต่างๆในหนังที่ดูแปลกใหม่มาก เราอาจจะเคยเห็นการบิดโลกใน Inception มาแล้วแต่ว่ามันเป็นการบิดเข้าหามิติเดียวที่ดูตอนนั้นก็ว่าหวือหวาแล้วแต่มาดูเรื่องนี้กลับสุดยอดกว่า ยิ่งหนังฉายในระบบ IMAX พร้อมมีฉากสัดส่วนพิเศษแทบจะทั้งเรื่องและฉากสำคัญๆได้สัดส่วนพิเศษเพิ่มขึ้นมาเกือบทั้งหมด ยิ่งทำให้ได้อรรถรสเข้าไปใหญ่ ส่วน 3D ในหนังก็ใช้ได้เข้ากับการนำเสนอของหนังดี

ผมแนะนำให้ไปดูระบบ IMAX เท่านั้นจะฟินกว่าโรงธรรมดาหลายเท่ามากๆ แถมราคาก็ต่างกันไม่มากยกเว้น IMAX Paragon ที่ราคาจะโดดไปเลย แต่ถ้ามี IMAX 2D ด้วยจะดีมาก หากเทียบกับ Civil War แล้ว Doctor Strange จะเด่นด้านการนำเสนอเทคนิคพิเศษต่างๆในโลกของเวทมนตร์แต่ Civil War เด่นด้านพล็อตเรื่องที่เข้มข้นและการกระจายบทให้ตัวละครมากมายมีบทบาทสำคัญทั้งหมด พูดง่ายๆคือตัวละครเยอะแต่คุมได้อยู่หมัด สุดท้ายนี้หากคุณเป็นแฟน Marvel หรือชื่นชอบหนังซุปเปอร์ฮีโร่ Doctor Strange เป็นเรื่องที่ต้องดูนะครับ ห้ามพลาด

ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ - https://www.facebook.com/NangDMeReview/