คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
วิบาก คือการส่งผลขั้นสุดท้ายของกรรม แก้ไม่ได้ มันส่งผลไปแล้วเรียบร้อย...
ก่อนอื่น คุณต้องเข้าใจการส่งผลของกรรม มี ๒ แบบ คือ..
๑. อานิสงส์ คือ ผลกรรมที่ยังส่งต่อไปได้อีกเรื่อยๆๆ ยังไม่สิ้นสุด (consequences)
๒. วิบาก คือ ผลกรรมขั้นสุดท้าย(ending results) .. เมื่อกรรมส่งผลมาถึงขั้นเป็นวิบาก ก็เป็นอันว่าจบ ไม่ส่งผลต่ออีก
.....กรรมที่ส่งผลเป็นวิบากจึงไม่อาจจะแก้ไขได้อีก
.....แต่ การส่งผลของกรรม ในขั้นที่ยังเป็นอานิสงส์ ยังอาจจะมีทางแก้ไขได้ คือ เช่น หาทางสะกัดกั้นให้มันหยุดส่งผลด้วยการทำกรรมที่เป็นปัจจุบันที่เรียกว่า อุปฆาตกรรมมาตัดรอน ให้มันหยุดระงับไป..หรือทำกรรมที่เรียกว่า อุปถัมภกกรรมมาสนับสนุนให้มันส่งผลแรงยิ่งขึ้น..หรือทำกรรมที่เรียกว่า อุปปีฬกกรรมมาเบียดเบียนให้มันส่งผลน้อยลง...
.....ในกรณีของคุณ คงเป็นการรับอานิสงศ์จากอกุศลกรรมชั่วบางอย่างที่ไม่ดีมาจากอดีต เช่น ในอดีตชาติก่อนๆ หรือในอดีตของชาตินี้ คุณอาจจะเคยเป็นคนขี้อิสสาริษยา ชอบแกล้ง ทำลาย ขัดขวางความดีของคนอื่นๆมาก่อน ... กรรมนั้นของคุณก็เลยตามมาส่งผลในปัจจุบันนี้ ให้คุณต้องเจอเหตุการณ์นั้นๆ
....วิธีแก้ คือ
-ทำใจยอมรับผลกรรมหรือวิบากที่คุณกำลังรับอยู่ตอนนี้ ด้วยใจเป็นกลางวางเฉย จนกว่ามันจะสิ้นสุดในอนาคตวันใดวันหนึ่ง
-ทำกรรมใหม่ในปัจจุบันที่เป็นกรรมดีๆ ที่เป็นตรงข้ามกับผลที่ไม่ดีนั้น เช่น อย่ามีจิตอิสสาริษยาใคร แต่มีจิตชื่นชมยินดีเมื่อเห็นใครได้ดี และช่วยให้เขาได้ดียิ่งๆขึ้นไป หรือ เห็นใครตกทุกข์ตกยาก ก็หาทางช่วยเหลือเขาให้พ้นทุกข์ มีความสุข ...คุณก็หมั่นทำกรรมแบบนี้ไปเรื่อยๆๆ บ่อยๆๆ มากๆ ก็จะเป็นอุปฆาตกรรมที่เป็นกรรมดีในปัจจุบัน มาช่วยตัดรอนผลของอกุศลกรรมชั่วที่คุณกำลังได้รับอยู่นั้น ให้เจือจางหรือหายไป..
ก่อนอื่น คุณต้องเข้าใจการส่งผลของกรรม มี ๒ แบบ คือ..
๑. อานิสงส์ คือ ผลกรรมที่ยังส่งต่อไปได้อีกเรื่อยๆๆ ยังไม่สิ้นสุด (consequences)
๒. วิบาก คือ ผลกรรมขั้นสุดท้าย(ending results) .. เมื่อกรรมส่งผลมาถึงขั้นเป็นวิบาก ก็เป็นอันว่าจบ ไม่ส่งผลต่ออีก
.....กรรมที่ส่งผลเป็นวิบากจึงไม่อาจจะแก้ไขได้อีก
.....แต่ การส่งผลของกรรม ในขั้นที่ยังเป็นอานิสงส์ ยังอาจจะมีทางแก้ไขได้ คือ เช่น หาทางสะกัดกั้นให้มันหยุดส่งผลด้วยการทำกรรมที่เป็นปัจจุบันที่เรียกว่า อุปฆาตกรรมมาตัดรอน ให้มันหยุดระงับไป..หรือทำกรรมที่เรียกว่า อุปถัมภกกรรมมาสนับสนุนให้มันส่งผลแรงยิ่งขึ้น..หรือทำกรรมที่เรียกว่า อุปปีฬกกรรมมาเบียดเบียนให้มันส่งผลน้อยลง...
.....ในกรณีของคุณ คงเป็นการรับอานิสงศ์จากอกุศลกรรมชั่วบางอย่างที่ไม่ดีมาจากอดีต เช่น ในอดีตชาติก่อนๆ หรือในอดีตของชาตินี้ คุณอาจจะเคยเป็นคนขี้อิสสาริษยา ชอบแกล้ง ทำลาย ขัดขวางความดีของคนอื่นๆมาก่อน ... กรรมนั้นของคุณก็เลยตามมาส่งผลในปัจจุบันนี้ ให้คุณต้องเจอเหตุการณ์นั้นๆ
....วิธีแก้ คือ
-ทำใจยอมรับผลกรรมหรือวิบากที่คุณกำลังรับอยู่ตอนนี้ ด้วยใจเป็นกลางวางเฉย จนกว่ามันจะสิ้นสุดในอนาคตวันใดวันหนึ่ง
-ทำกรรมใหม่ในปัจจุบันที่เป็นกรรมดีๆ ที่เป็นตรงข้ามกับผลที่ไม่ดีนั้น เช่น อย่ามีจิตอิสสาริษยาใคร แต่มีจิตชื่นชมยินดีเมื่อเห็นใครได้ดี และช่วยให้เขาได้ดียิ่งๆขึ้นไป หรือ เห็นใครตกทุกข์ตกยาก ก็หาทางช่วยเหลือเขาให้พ้นทุกข์ มีความสุข ...คุณก็หมั่นทำกรรมแบบนี้ไปเรื่อยๆๆ บ่อยๆๆ มากๆ ก็จะเป็นอุปฆาตกรรมที่เป็นกรรมดีในปัจจุบัน มาช่วยตัดรอนผลของอกุศลกรรมชั่วที่คุณกำลังได้รับอยู่นั้น ให้เจือจางหรือหายไป..
แสดงความคิดเห็น
วิบาก แก้อย่างไร?
เป็นตัวแทนไปแข่งขัน กลับพบแต่ความผิดหวัง
ทั้งๆที่ควรได้เหรียญรางวัล ทุ่มเทฝึกจนเก่งที่สุด
แต่ดันโชคร้าย มีเหตุการณ์บังคับให้แข่งไม่จบ
ทั้งๆที่น่าจะชนะ แข่งซ้ำก็ไปไม่ทันอีก
วิชาการก็ทำได้ เป็นความหวังไม่แพ้กัน
ความสามารถสูงกว่ารุ่นก่อนๆที่ได้เหรียญรางวัล
แต่กลับใส่ค่าผิดเล็กน้อย พลาดเหรียญไปอีก
ชีวิตเขาแปลกจริงๆ มักหักหลับโชคได้อย่างงดงาม
หักหลบเมนูอาหารอร่อยได้ทุกการสั่ง และหักหลบ
โอกาสดีๆในชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาเป็นคนที่ทักษะดีและฉลาดมากๆคนหนึ่ง
นอกจากนี้เขาเป็นคนดีมาก ช่วยเหลือคนอื่นด้วยใจ
ไม่ทำร้ายคนอื่นแม้คิดและพูดส่อเสียด
สุดท้าย...เขายังพกความเศร้าใจเอาไว้ลึกๆ
ไม่รู้ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้กับเขาคนเดียว
แม้เขาพยายามปล่อยวางก็ทำไม่ได้
ใครพอให้คำแนะนำเขาได้ก็กรุณาด้วยนะครับ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ