ประเด็กแรก ผมมองว่าพระเอกที่เป็นคอมพิวเตอร์นั้นตรรกะแกเยอะมากจน จนหลงลืมอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนของมนุษย์ไป ยกตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่อกับคนอื่นตามอำเภอใจ ในมุมมองของมนุษย์เราแล้วเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่อีกนัยหนึ่งถ้ามองในมุมมองของพระเจ้าเอาเป็นว่าผมเรียกว่าภาวะเอกฐานแล้วกัน ก็ไม่จำเป็นต้องสนเรื่องนี้เลยก็ได้ เพราะจุดมุ่งหมายของการกระทำทั้งหมดตามเนื้อหาหนังก็เพื่อความน่าอยู่และความก้าวหน้าของโลกใบนี้ และก็ไม่ได้กลืนกินจิตวิญญาณของคนๆนั้นไป อาจจะงงๆนะครับ เอาเป็นว่า คล้ายๆกับ Dr.manhattan ในหนังเรื่อง watchmen
ที่พอเข้าใจสรรพสิ่งมากเท่ารั่ยความเป็นมนุษย์ก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ มีเพียงจิตวิณญาณที่ยังคงอยู่ที่เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง
ประเด็กที่สอง ตอนจบของหนังจริงๆแล้วผมว่าพระเอกกับนางเอกไม่ตายไปจริงๆซะทีเดียว แต่จิตวิณญาณหรือความทรงจำยังอยู่ในหุ้นนาโนที่ทรงประสิทธิภาพ ลองคิดดูถ้าเป็นผมนะ แค่ไวรัสคอมพิวเตอร์แค่นั้นคงทำอะไรผมไม่ได้แน่นอน เพราะพัฒนาไปไกลถึงระดับควอนตัมแล้ว แต่พระเอกและนางเอกจงใจให้คนทั้งโลกเข้าใจว่าไม่มีตัวตนอยู่แล้ว เพราะเหตุผลที่ว่า "มนุษย์กลัวสิ่งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจ" นั้นเอง
ปล. ในอนาคตเราอาจจะมีชีวิตที่คล้ายกับในหนังเรื่อง Transformer หรือ The Matrix ที่จิตวิณญาณสถิตอยู่ในอะไรสักอย่าง เนื่องด้วยเหตุผลทางภาวะที่ไม่เอื่ออำนวยของธรรมชาติหรือสาเหตุจากตัวมนุษย์เอง
TRANSCENDENCE กับมุมองและสิ่งที่น่าชวนคิด
ที่พอเข้าใจสรรพสิ่งมากเท่ารั่ยความเป็นมนุษย์ก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ มีเพียงจิตวิณญาณที่ยังคงอยู่ที่เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง
ประเด็กที่สอง ตอนจบของหนังจริงๆแล้วผมว่าพระเอกกับนางเอกไม่ตายไปจริงๆซะทีเดียว แต่จิตวิณญาณหรือความทรงจำยังอยู่ในหุ้นนาโนที่ทรงประสิทธิภาพ ลองคิดดูถ้าเป็นผมนะ แค่ไวรัสคอมพิวเตอร์แค่นั้นคงทำอะไรผมไม่ได้แน่นอน เพราะพัฒนาไปไกลถึงระดับควอนตัมแล้ว แต่พระเอกและนางเอกจงใจให้คนทั้งโลกเข้าใจว่าไม่มีตัวตนอยู่แล้ว เพราะเหตุผลที่ว่า "มนุษย์กลัวสิ่งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจ" นั้นเอง
ปล. ในอนาคตเราอาจจะมีชีวิตที่คล้ายกับในหนังเรื่อง Transformer หรือ The Matrix ที่จิตวิณญาณสถิตอยู่ในอะไรสักอย่าง เนื่องด้วยเหตุผลทางภาวะที่ไม่เอื่ออำนวยของธรรมชาติหรือสาเหตุจากตัวมนุษย์เอง