คู่ค้าดีๆใครๆอยู่ๆจะขอขึ้นพรวดพราดอย่างนี้
เคยได้อยู่๕% เพิ่มเป็น ๗%  นี่มันเท่ากับเพิ่ม
กำไร (จีพี) ทีเดียว ๔๐%

คู่ค้าดีๆไม่มีใครทำกันอย่างนี้หรอกครับ

พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ตามองหาแต่ฟาร์มเฮ้าส์  ถึงจะวางหลบ  ก็หาซื้อแต่ฟาร์มเฮ้าส์
ถึงฟาร์มเฮ้าส์หมด   ก็ไม่ซื้อเลอแปง

ผมก็แฟนพันธุ์แท้ขนมปังในเซเว่น ขอบอกเลยว่าว่าปังแผ่นออกใหม่ของเลอแปงห่วยแตกมาก

บอกเท่านี้ก่อนนะ เอาไปปรับปรุง อย่าเพิ่งมาเทียบชั้นฟาร์มเฮ้าส์ ห่างอีกเยอะ

อันนี้แอบคิดว่าเจ้าของกระทู้เปนเพื่อนผมในเฟสรึป่าว เพราะที่ผมโพสเรื่อง CP เอา ฟาร์มเฮ้าส์มาเอี่ยวด้วย ดังนี้

เมื่อก่อนที่เซเว่นเปิดแรกๆ กลยุทธ์ของซีพีคือง้อผู้ผลิตสินค้า มาขายในร้านฉันเถอะ ฉันจะขยายทั่วประเทศ คุณกับฉันเราจะรวยไปด้วยกัน

กลยุทธ์ต่อมาเมื่อขยายสาขากระจายทั่วประเทศแล้ว อุ้ย สินค้าอันนั้น Market Value สูงจัง เราเองก็ผลิตได้นี่ กระโดดเข้าไปแจมดีกว่า ต้นทุนเราถูกกว่าด้วย เพราะเราผลิตเอง และไม่ต้องเสียค่าวางบน shelf  ทำให้ต้นทุนต่างจากผู้ผลิตที่นำสินค้ามาวางขายถึง 30-40% เชียวนะ เอาสินค้า House Brand มากระหน่ำโปรดึงคนเข้าร้านได้อีกด้วย เพราะยังไงก็กำไรดี ค่อยๆแทรก Market Share ไปเรื่อยๆ ถ้าหากวันไหน CP อยากจะกำจัดคู่แข่งขึ้นมาโดนแน่นอน กรณีในกลุ่มเสี่ยงนอกจากที่เกิดกับ AIS คือ ฟาร์มเฮ้าส์ เพราะ เลอแปง เป็นของ CP แต่ตอนนี้คนยังติดฟาร์มเฮ้าส์อยู่ CP คงรอจังหวะอยู่เช่นกัน เพราะฉะนั้นสินค้าต่างๆที่วางขายในเซเว่นควรระวังและสร้างช่องทางจำหน่ายของตัวเอง อยู่คิดแต่หวังจะเกาะ7-11 เพราะมันจะถีบเราตกขบวนเมื่อไรก็ไม่รู้ ต้องสร้างแบรนด์ให้แข็งมากๆ เช่น  เลย์ อันนี้ CP ไม่กล้าแหยมด้วย เพราะถ้าเลย์ไม่วางขายใน 7-11 งานี้ 7-11 เดือดร้อนแน่นอน

ถึงตอนนี้ผู้บริโภคทั่วไปอาจจะคิดว่า CP ผลิตสินค้าเขามาขายแข่งก็เป็นเรื่องของเขาสิ เขาทำได้ เขาก็อยากจะทำ แต่มันจะมีผลตามมาครับ
กลยุทธ์ต่อไปคือ เมื่อสินค้าในเซเว่น มีแต่สินค้า House Brand ของตัวเองแล้ว ฆ่าแบรนด์อื่นไปเรียบร้อยแล้ว สินค้าตัวเองติดตลาดกันถ้วนหน้าแล้ว ให้ทายสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นเอ่ยยย??
ปิ๊งป่องงง...ขึ้นราคาไงครับพี่น้อง แบรนด์อื่นไม่มีขายในเซเว่นแล้วนี่ ซื้อไม่สะดวกแล้ว พวกลูกค้าหน้าโง่จะไปซื้อที่ไหนกันนน ขึ้นราคาสักหน่อยยังไงมันก็ต้องซื้อ(อันนี้คนกลุ่มใหญ่เป็นแบบนั้นจริงๆ) อันนี้คือกลยุทธ์ที่มันจะต้องเกิดแน่
  
แล้วถามว่าตอนนี้เราในฐานะผู้บริโภคหรือในฐานะผู้ผลิตสินค้าวางจำหน่ายในเซเว่นทำอะไรได้บ้าง

ตอบเลย...ยากมากครับ
1.ภาครัฐไม่ค่อยกล้าเข้ามายุ่งกับ CP นักหรอก เพราะอะไรครับ?? เพราะ CP แบก GDP ของประเทศไว้เยอะมาก เสียภาษีให้ประเทศทีเป็นพันล้านหรืออาจจะมากกว่านั้น
2.ทีนี้คิดว่าแล้วใครล่ะจะมาสู้กับยักษ์ได้ พอจะมียักษ์อีกตัวที่จะมาสู้กับ CP ได้มั้ย ปิ๊งป่อง...ตระกูลเจ้าสัวเจริญ หรือ ตระกูลจิราธิวัฒน์ พอสู้ได้มั้ย คำตอบคือ พวกนี้เค้าสู้กันไปตามเกมส์ธุรกิจครับ ไม่น่าจะมีใครหวังดีต่อประเทศชาติเท่าธุรกิจของตัวเอง แต่ยังโชคดีที่ยังคานอำนาจกันอยู่พอได้บ้าง เช่น เจ้าสัวเจริญซื้อบิ๊กซีไป ถ้าไม่ซื้อเจ้าตัวคงรู้ว่าเพลี่ยงพล้ำให้ CP คุมตลาดทั้งหมดแน่นอน
3.ผู้ผลิตสินค้าต้องร่วมมือกันกับผู้จัดจำหน่วยสินค้าแบบ traditional  trade หรือร้านโชว์ห่วยต่างๆนั่นเอง แต่คำถามคือ ผู้ผลิตกล้าเสี่ยงมั้ยที่จะทำแบบนั้น เพราะถ้า CP รู้มีสิทธิจะโดนเขี่ยทิ้งแน่นอน เพราะเอ็งกล้าขัดข้อกับอั๊วะหรอ??
4.ถ้าตั้งสมาคมผู้ค้าปลีกหรือสมาคมโชว์ห่วยให้เข้าระบบทั้งประเทศ อันนี้พอมีสิทธิบ้าง ถ้าร้านค้าโชว์ห่วยถูกพัฒนาให้มีระบบที่ทันสมัย มีมาตรฐาน น่าใช้บริการ ราคาไม่แพง มันก็พอจะมีทางสู้ให้พอรอดอยู่บ้าง(ขณะนี้โชว์ห่วยที่ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ค่อยๆตายไปเรื่อยๆ) ถามว่าทำได้ไหม ทำได้...แต่คิดได้แต่ทำยาก(มาก) เพราะถ้าผู้ผลิตสินค้าไม่เล่นด้วย จะทำยังไงได้ นอกจากจะมีผู้อยุ่เบื้องหลังซึ่งต้องใหญ่มากๆๆๆๆ ไปสร้างหลังบ้านเพื่อผลิตสินค้าและส่งต่อให้ร้านโชว์ห่วยในระดับที่สู้กับ CP ได้

แต่ทั้งหมดนี้ ผมคิดว่ามันเกินจะเยียวยาแล้วล่ะ ประเทศนี้ถูกผูกขาดไปแล้ว การแก้ไขที่ผมคิดได้มันก็เท่านั้น แต่มันคงทำจริงไม่ได้หรอก เพราะต่างคนต่างไม่คิดว่าจะสู้กับ CP ได้ และไม่คิดว่าจะตัวเองเข้ามายุ่งทำไม ทำแล้วได้อะไร

สรุปคือ ตามยถากรรมครับพี่น้องชาวไทย เอาตัวเองให้รอดในยุคสมัยนี้ให้ได้ เร่งสร้างรายได้ให้มีกินมีใช้ เมื่อสินค้าแพงขึ้นจะได้ไม่กระทบชีวิตเรามากครับ