:: ญี่ปุ่น กี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ::

สวัสดีครับ

ไปญี่ปุ่นมาก็หลายครั้ง มีที่นึงที่ผมยังไม่เคยไปเลย เกาะชิโกคุครับ ตอนแรกวางแผนว่าจะไปยาวๆเลย เที่ยวให้ครบทุกเมืองในเกาะ นั่งรถไฟ รถบัสวนรอบสี่จังหวัด แต่มีการเปลี่ยนแผนนิดหน่อย เลยต้องตัดออกเหลือแค่สองเมืองเองครับ แฮะๆ

สรุปคือ ออกจากโตเกียว มุ่งลงตะวันตกไปโผล่ที๋โอซาก้า และนั่งรถบัสยาวๆข้ามไปโคจิ นั่งรถบัสต่อมาลงมัทซึยาม่า วนขึ้นมาที่โอคายาม่า และปิดท้ายด้วยฮิเมจิครับ ยิ้ม

รูปของผมไม่แน่ใจว่าจะถูกใจท่านอื่นๆกันหรือเปล่านะครับ แฮะๆ ผมไม่ได้เน้นถ่ายวิวสวยๆ ถ่ายแต่อะไรเรื่อยเปื่อยครับ แฮะๆ สองอาทิตย์นี่กดไปเกือบแปดร้อยรูป พยายามคัดให้ได้มากที่สุด จนมาลงที่ 21 รูปที่ผมชอบมากที่สุดนะครับ




ตอนที่ผมไปถึงโตเกียวอากาศเย็นแล้วนะครับ กลางวันเดินสบายๆเลย กลางคืนนี่เย็นพอสมควร








พอออกไปถึงคาวากุจิโกะนี่เย็นกว่าเดิมอีกครับ ฮ่าๆๆ ดอกคอสมอสกับใบไม้ร่วงนี่มันเข้ากันมากจริงๆ
แต่เดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวเยอะมากเลยนะครับที่นี่ ป้ายภาษาอังกฤษเต็มไปหมด คนเดินทางสะดวกขึ้นมากเลยครับ คราวหน้าๆจะลองไปทะเลสาปอื่นบ้างแล้วครับ













หลังจากทนนั่นรถมาหกชั่วโมงก็มาถึงโคจิจนได้ครับ ตอนออกจากโอซาก้าราวๆเจ็ดโมงเช้า อุณหภูมิราวๆสิบกว่าๆองศาได้ พอมาถึงโคจิ ... สามสิบองศา
เดินเล่นไปขึ้นปราสาทโคจิครับ ใครร่างกายไม่แข็งแรงไม่ต้องขึ้นนะครับ จริงๆ ฮ่าๆๆๆ ผมว่ามันรู้สึกเหนื่อยกว่าที่อื่นๆที่ผมไปมานะ สังเกตุอาการคุณป้าญี่ปุ่นที่มักจะเดินขึ้นบันไดเป็นว่าเล่นยังหอบนั่งพักริมทางกันหลายคน อาจจะด้วยอากาศร้อนผิดปรกติด้วยครับ แต่พอไปถึงตัวปราสาทเหมือนอยู่คนละโลกเลยครับ ลมดีมากจนอยากจะนั่งหลับในปราสาทเลย



วันรุ่งขึ้นว่างๆเลยเดินไปดูที่อยู่ของตระกูลยามาอุชิต่อ ครับ ไปเพื่อดูจริงๆ ไม่มีอะไรเลยนอกจากที่อยู่ครับ



โคจินี่เป็นบ้านเกิดของคุณซาคาโมโต เรียวมะครับ ชื่อเรียวมะนี่จะเห็นในทุกที่ สนามบิน ร้านอาหาร ร้านเหล้า ฯลฯ แม้กระทั่งรูปหล่อในคาเฟ่บนยอดเขาโกะไดซังก็เป็นคุณเรียวมะ



ถ้าใครไปโคจิลองขึ้นเขาโกะไดซังดูกันได้นะครับ นั่งรถไปครึ่งชั่วโมงจากสถานี JR Kochi เลย ไปดูวิวข้างบน แล้วไปดูวัดจิคุรินจิ หนึ่งใน 88 วัดที่เป็นเส้นทางแสวงบุญบนเกาะชิโกคิครับ มีคนใส่ชุดขาวมาไหว้กันเยอะเลย มีพระแบกเป้เดินเท้าไปเรื่อยๆตามทางวนรอบชิโกคุก็มีครับ



ปราสาทไม่ได้ดูสูงมากนะครับ แต่มันเหนื่อยมาก ฮ่าๆๆ ผมว่าโคจิเป็นเมืองที่ดีนะ น่าเที่ยวพอสมควร คือมีอะไรให้เดินเล่นในเมือง ตลาดปลา ฯลฯ พอให้ได้เดินไปเรื่อยๆได้ ส่วนอาหารนี่ ประทับใจสุดๆครับ คัทซึโอะทาทากิ (ปลาคัทซึโอะลนไฟจากกองฟาง) นี่ลืมที่เคยกินทุกทุกที่บนโลกนี้ไปได้เลยครับ ผมว่าแค่มากินทาทากินี่ก็คุ้มมากแล้วครับ ฮ่าๆๆ อาหารทะเลอื่นๆก็ดีงามตามแบบเมืองติดทะเลครับ ซันมะช่วงนี้นี่ดีงามมากๆ ขนาดทะเลใต้นะครับ ถ้าฮอกไกโดนี่คงฟินกว่านี้อีก





หลังจากที่ผมบ่นกับที่บ้านว่าปราสาทโคจิสูงมาก บลาๆๆ ผมก็ได้มาเจอกับปราสาทที่มัทซึยาม่าครับ เป็นปราสาทที่ทำให้ปราสาทโคจิหรือที่อื่นๆในญี่ปุ่นดูเด็กไปทันที คือจริงๆเค้ามีกระเช้าหรือเก้าอี้แบบลานสกีให้นั้งขึ้นมาจากด้านล่างได้นะครับ แต่ไม่อ่ะ ผมกินเยอะมากทริปนี้ อยากเดินบ้าง

กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปว่าเค้าสร้างกระเช้าเอาไว้ทำไม

ครับ ตลอดทางเดินขึ้นสิบนาทีกว่าๆมาถึงสถานีกระเช้าปลายทาง มีคนเดินสวนผมไปสองสามคน แต่เป็นเดินลง ส่วนเดินขึ้น ไม่มีครับ

แต่มันยังไม่จบครับ มีทางลาดชันขึ้นต่อไปอีกเล็กน้อยราวๆร้อยกว่าเมตรให้คุณป้าที่นั่งกระเช้าสบายๆขึ้นมาได้หอบกันเล็กน้อยก่อนจะถึงตัวปราสาทจริงๆ

แต่ถามว่าคุ้มหรือไม่ ผมว่ามันดีนะ วิวจากด้านบนสวยดีครับ เค้าบอกว่านี่เป็นหนึ่งในสามปราสาทที่สร้างบนยอดเขาที่ปลายเรียบ อีกสองปราสาทคือ โอคายาม่า และฮิเมจิ ... คือฮิเมจินี่ผมเคยไปมาครั้งนึง ทำใจได้ว่ามันไม่ลำบากมาก แต่โอคายาม่านี่ผมกลัวเลย เพราะไม่เคยไป ถ้าเดินขึ้นแบบนี้อีกรอบนี่จะเริ่มไม่แน่ใจขาตัวเองเอา



มัทซึยาม่ามีสถานที่ที่ดังอีกที่นะครับ โดโกออนเซ็น หนึ่งในออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ก็ดีครับ แต่ผมไม่ได้ลงแช่นะ เข้าไปแค่ฟังบรยายห้องอาบน้ำขององค์จักรพรรดิ์กับห้องของบ๊ตจังด้านบนเฉยๆครับ แต่คนเยอะมากครับ ใครไปอย่าไปช่วงก่อนหรือหลังมื้อเย็นนิดหน่อยนะครับ คนล้นออกมาเลย



ตอนลงผมก็เดินลงจากปราสาทมัทซึยาม่ามาที่สวน นี่โนะมารุ ทางด้านล่าง เค้าใช้รากฐานเดิมของส่วนนี้ของปราสาทมาจัดสวน สวยดีครับ แต่ผมถ่ายแต่คอสมอสนะ ฮ่าๆๆ

ทริปนี้ส่วนมากผมอาศัยรถบัสนะ ถูกกว่ารถไฟเยอะอยู่ครับ แต่ถ้าอ่านญี่ปุ่นไม่ได้ผมไม่แน่ใจว่าจะลำบากหรือเปล่า ผมเจอแต่เวปญี่ปุ่นทั้งนั้นเลย หรือจะไปซื้อเอาหน้างานก็น่าจะพอได้อยู่ครับ ชิโกคุคนไม่ค่อยเยอะอยู่แล้ว รถว่างตลอดเลย แต่ถ้าจองในเนตล่วงหน้าจะมีส่วนลดอะไรเฉยๆครับ

คราวนี้ผมมาถึงโอคายาม่า กำลังนั่งกินราเม็งอยู่ ครับ แผ่นดินไหวที่พึ่งออกข่าวกันนี่แหละครับ โดนไปด้วยเลย เมืองโอคายาม่ายังไม่หนักมาก ประมาณระดับ 5 (ตามระบบวัดของญี่ปุ่นมี 7 ระดับครับ) แต่มือถือร้องดังมาก กำลังมองหน้าผู้หญิงคนตรงข้ามอยู่ จู่ๆโลกสั่น ผมนึกว่ามีอะไรต่อกันหรือยังไง อ๋อ เปล่า แผ่นดินไหวใหญ่ คราวนี้มองหน้ากันตาโต ฮ่าๆๆๆ โคมไฟแกว่ง เก้าอี้โยก เสียงเอี๊ยดอ๊าดๆๆจากกำแพง



หลังจากที่หายมึนจากแรงโยกก็ได้เวลาไปปราสาทโอคายาม่าครับ ถือว่าโชคดี ที่ภูเขาที่สร้างปราสาทนั้นน่าจะเรียกว่าเนินมากกว่า บันไดประมาณนี้เองครับ สบายๆ ส่วนปราสาทผมว่าไม่ได้อะไรมากนะ ข้างในทำใหม่มากๆจนผมว่ามันดูไม่ขลัง มันดูสมัยใหม่มากจริงๆ แต่ถ้าไปเพื่อเอาความรู้ก็ดีอยู่นะครับ แต่ที่แปลกกว่าปราสาทอื่นๆในญี่ปุ่นที่ผมเคยไปมาคือ เป็นปราสาทที่อยู่ริมโค้งน้ำพอดีครับ สวยไปอีกแบบ



ใครไปโอคายาม่าช่วงประมาณตุลา พฤศจิกายนนี่อย่าลิมกินองุ่นปิโอเน่นะครับ มันดีมากกก อาจจะไม่หอมเท่าเคียวโฮ แต่มันหวานและอร่อย ไม่ค่อยมีเมล็ด และลูกใหญ่สะใจมากจริงๆครับ โอคายาม่านี่เหมือนพาเฟ่ต์ผลไม้นะครับ เผื่อใครชอบ ยิ้ม



ผมพักโรงแรมไม่ห่างจากปราสาทมาก เค้าให้ห้องชั้นบนสุด ตอนแรกว่าจะขอลงมาชั้นล่างสุดแทน อาฟเตอร์ช๊อคมันมาถี่มากๆจนผมมึนตลอดเวลาไม่ไหว แต่เจอวิวนี่เข้าไปเลยยอมทนละครับ ฮ่าๆๆๆ





ผมมีเวลาที่โอคายาม่าแค่คืนเดียวก็ต้องมาฮิเมจิเพื่อค้างคืนนึงก่อนจะไปสนามบินคันไซต่อครับ คราวก่อนที่ผมมาฮิเมจิคือลงทุนนั่งชินกันเซนมาดูปราสาท โดยที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนญี่ปุ่นจะสามารถสร้างกล่องมหึมาทับปราสาทใหญ่ๆได้เพื่อทำการบูรณะ...เลยได้ไปดูการซ่อมหลังคาปราสาทแทน มาคราวนี้เลยขอมาล้างตาครับ ยอมรับว่าสวยมากจริงๆ และข้างในก็ทำสวยมากๆเช่นกัน คุ้มกับการปิดซ่อมเป็นปีๆครับ ตอนนี้ก็ยังมีส่วนที่ปิดซ่อมนะครับ แต่ไม่ใช่ตัวหอคอยหลักแล้วครับ



การไปเที่ยวสถานที่แบบนี้ไม่ควรไปในวันเสาร์นะครับ ให้ทายว่าผมไปวันไหน ครับ วันเสาร์ครับ คนเยอะจนผมท้อ ฮ่าๆๆ แต่ก็ยังดีที่คนมีระเบียบกันหน่อย เข้าคิวอะไรตามเรื่องก็ไปได้เรื่อยๆครับ ผลัดๆกันดูไปเรื่อยๆ ไม่แย่งอะไรกัน ข้างในแสงสวยมากนะครับ ข้างนอกเมฆเยอะด้วยทำให้แสงนุ่มมากๆ สีไม้ข้างในยิ่งทำให้ถ่ายคนสวยมากๆครับ



เนื่องด้วยเป็นวันเสาร์ ลานหน้าปราสาทตอนค่ำๆมีงานคล้ายๆเทศกาลอาหารอิตาเลียนครับ ก็ดีนะครับ ได้บรรยากาศดี สนุกสนาน มีเพลงมีอาหารมีเบียร์ อากาศเย็นๆ ฟินมากครับ ผมซื้อเบียร์กลับไปนั่งกินกับคนญี่ปุ่นที่เกสเฮาส์ต่อ เป็นการปิดท้ายคืนสุดท้ายในญี่ปุ่นของทริปนี้ของผมที่ดีมากจริงๆ




ผมก็ไม่แน่ใจว่าถ้าอ่านแล้วจะอยากไปชิโกคุกันหรือเปล่าสำหรับคนที่ไม่เคยไป ผมอาจจะบรรยายไม่ดี หรือทำให้ไม่น่าไปเท่าไหร่ แต่ผมอยากให้ลองไปกันดูนะครับ เป็นญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนทางเกาะใหญ่หรือเกาะอื่นๆ อาจจะไม่ได้วิวสวยอาหารดีเหมือนฮอกไกโด หรือออนเซ็นดังแบบคิวชูหรือแถบโทไกกับโทโฮคุ แต่มันเป็นเกาะที่มีเสน่ห์ในตัวของมันเองครับ ทั้งธรรมชาติที่ไม่เหมือนที่อื่นในญี่ปุ่น (บางทีผมนึกว่าอยู่เขาเขียว) อาหาร ที่เที่ยว วัด ฯลฯ เป็นที่ที่ผมว่าคุ้มกับการเดินทางครับ คนในท้องที่อาจจะพูดอังกฤษได้ไม่ดีนักเพราะไม่ใช่เมืองใหญ่ แต่นิสัยดีครับ ใจเย็น และอดทนต่อนักท่องเที่ยวพอสมควร

จบแล้วครับ ขอบคุณมากๆที่อ่านการบรรยายที่ไม่ประติดประต่อหรือเอาสาระอะไรไม่ค่อยได้ของผม รวมถึงดูรูปมาจนถึงตรงนี้ด้วยนะครับ

ขอบคุณมากๆครับ

ขอบคุณพื้นที่จากพันทิพย์ด้วยนะครับ

ขอบคุณ และสวัสดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่