ร่วมสำรวจเส้นทางเดินรถก่อนโยกเข้าหมอชิต-สายใต้ (ปิ่นเกล้า)-เอกมัย ความเปลี่ยนแปลงที่คนไทยต้องเตรียมรับมือ
เหลืออีกเพียงไม่กี่วันก่อนถึงวันดีเดย์ 25 ตุลาคม ซึ่งรถตู้โดยสารสาธารณะต่างจังหวัดจำนวน 4,205 คัน จะถูกย้ายจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ หมอชิต สายใต้ใหม่ (ปิ่นเกล้า) และเอกมัย
ตามนโยบายจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะของ คสช. เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ของบริการรถร่วม อาทิ ค่าโดยสารที่ไม่เป็นธรรม ปัญหาความปลอดภัย ปัญหาผู้มีอิทธิพล รวมทั้งแก้การจราจรที่คับคั่งรอบอนุสาวรียฯ
วันนี้ทีมข่าวกระปุกดอทคอมจะพาไปสำรวจกันว่าวินรถตู้รอบอนุสาวรีย์ในแต่ละฝั่งนั้น วมีการให้บริการในเส้นทางใดบ้าง และแต่ละเส้นทางจะถูกย้ายไปยังสถานีขนส่งแห่งไหนกันบ้าง
เดินรถไม่มีระบบ ไร้การจัดระเบียบเส้นทาง จุดเริ่มต้นของปัญหา
เริ่มต้นจากวินใต้ทางด่วนทั้ง 2 ฝั่ง บริเวณนี้จะมีรถตู้ที่ให้บริการทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดอยู่คละกัน ไม่ได้แบ่งจุดจอดรถตามโซนเส้นทาง โดยในฝั่งทางด่วนด้านมุ่งไปแจ้งวัฒนะจะมีความเป็นระเบียบมากกว่า มีการจัดที่นั่งเป็นสัดส่วน และมีจุดจอดรถตู้ที่ไม่กีดขวางเส้นทางจราจร
ส่วนวินรถใต้ทางด่วนฝั่งที่จะไปพระราม 9 พบว่ามีความแออัดอยู่พอสมควร และที่นั่งพักของผู้โดยสารก็มีจำนวนไม่เพียงพอ ส่วนเส้นทางในการเดินรถก็คละกันไปเหมือนฝั่งทางด่วนแจ้งวัฒนะ
สำหรับจุดจอดรถตู้ในฝั่งนี้แม้จะไม่กีดขวางการจราจร แต่จะสร้างปัญหาเวลาที่รถตู้ออกจากท่ารถซึ่งทางออกจะตรงกับทางลงทางด่วนพอดี ซึ่งจะสร้างปัญหาการจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วน
จากนั้นเราเดินต่อไปยังบริเวณเกาะดินแดง โดยหลังจากเดินสำรวจพบว่ามีลักษณะเดียวกับวินรถตู้ใต้ทางด่วนทั้ง 2 ฝั่ง คือ ให้บริการรถตู้จะอยู่คละรวมกันทุกเส้นไม่มีการจัดหมวดหมู่เส้นทางเดินรถอย่างเป็นระบบ และไม่มีที่พักผู้โดยสารอย่างเป็นสัดส่วน โดยจะใช้ที่นั่งพักของ กทม. ร่วมกับผู้ใช้บริการรถเมล์ ขสมก.
เสร็จแล้วเราได้เดินข้ามสะพานไปยังเกาะพญาไทต่อเนื่องไปถึงจุดบริการรถตู้หน้าห้างเซ็นจูรี่ บริเวณนี้มีทั้งจุดจอดรถที่เป็นที่สาธารณะและจุดจอดรถที่เป็นที่ของเอกชน อย่างไรก็ตามทั้งหมดต้องถูกย้ายไปยังสถานีขนส่งเช่นกันไม่มีข้อยกเว้น
ถัดจากนั้นเราเดินวกกลับมาที่อนุสาวรีย์ฯ และข้ามไปที่เกาะราชวิถี ซึ่งอยู่ติดกับโรงพยาบาลราชวิถี บริเวณนี้ผู้ให้บริการรถตู้ทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ จะอยู่ร่วมกับประมาณครึ่งต่อครึ่ง
และหลังจากสอบถามแล้วพบว่า ถึงผู้ให้บริการรถตู้เส้นทางในกรุงเทพฯ จะไม่ถูกย้าย แต่ก็มีความกังวลที่รายได้จะลดลงเช่นกัน เนื่องจากลูกค้าหลักส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าจากรถตู้ต่างจังหวัดที่มาต่อรถเพื่อไปทำงานทุกเช้า-เย็น บางรายคิดว่าถ้าไปไม่รอดจริง ๆ ก็คงต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทนการวิ่งรถ
เกาะพหลโยธินเป็นจุดสุดท้ายที่ทีมข่าวกระปุกลงทำการสำรวจ บริเวณนี้เมื่อเทียบกับบริเวณอื่น ๆ พบว่ามีจำนวนผู้ให้บริการรถตู้ต่างจังหวัดน้อยที่สุด โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ให้บริการรถตู้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากกว่า
โดยปัญหาร่วมที่เราพบ คือ นอกจากจุดจอดบริการใต้ทางด่วนทั้ง 2 ฝั่ง และบริเวณทางเดินห้างเซ็นจูรี่ที่รถตู้ไม่ได้จอดบนเส้นทางจราจรแล้ว
จุดให้บริการรถตู้ 4 จุดที่เหลือ ได้แก่ เกาะดินแดง เกาะพญาไท เกาะราชวิถี และเกาะพหลโยธิน รถตู้ที่ให้บริการบริเวณนี้ทั้งหมดจะจอดอยู่บนเส้นทางสาธารณะด้านในที่ขนานไปกับเส้นทางหลัก
ย้ายเข้าสถานีขนส่งหลัก 3 แห่ง จัดระเบียบเส้นทางให้เหมาะสม
หลังจากที่เราลงพื้นที่สำรวจจุดให้บริการรถตู้ต่างจังหวัดรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่พื้นที่พบว่า ไม่มีการแบ่งเส้นทางเดินรถตามภูมิภาค ไม่ว่าจะภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ต่างอยู่คละกันในทุกๆ บริเวณ
ที่สำคัญ คือ มีการให้บริการทับเส้นทางกันหลายเส้นทาง โดยหลังจากพูดคุยกับผู้ให้บริการรถตู้ ต่างยืนยันว่าตอนนี้อยู่ร่วมกันได้ไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ รถตู้ที่มีเส้นทางวิ่งในภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสาน และภาคตะวันออกบางส่วน ได้แก่ นครนายกและปราจีนบุรี จะถูกย้ายไปยังสถานีขนส่งจตุจักร (หมอชิต)
ส่วนรถตู้ที่วิ่งในเส้นทางภาคตะวันออกจะถูกย้ายไปยังสถานีขนส่งเอกมัย
สำหรับเส้นทางในภาคตะวันตก และภาคกลางบางส่วน เช่น นครปฐมและสุพรรณบุรีบางอำเภอ จะถูกย้ายไปยังสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (ปิ่นเกล้า)
เสนอตั้งสถานีย่อย แก้ปัญหาช่องว่างทางกฎหมาย
ขณะเดียวกันในระหว่างสำรวจพื้นที่เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบการรถตู้ ผู้โดยสาร และผู้ที่เกี่ยวข้อง นโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อตนเองอย่างไรบ้าง
ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้ผู้มีอำนาจทบทวนอีกครั้ง พวกตนพร้อมที่จะปรับตัวตามนโยบายของภาครัฐทุกอย่าง แต่ขอให้ได้อยู่ตรงนี้ เพราะถ้าย้ายไปอยู่ที่สถานีขนส่ง ตนเองไปไม่รอดอย่างแน่นอน ไหนจะค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ไหนจะจำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าลดลงอย่างแน่นอน
และที่กังวลที่สุดคือ จากที่เคยแยกกันทำมาหากินตามจุดต่าง ๆ พอไปอยู่ที่เดียวกันหมดจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน
ทั้งนี้ผู้ให้บริการรถตู้มีมุมมองว่าภาครัฐแก้ปัญหาจราจรไม่ถูกจุด ตอนนี้ปัญหารถติดไม่ได้เกิดจากรถตู้ แต่น่าจะเกิดจากรถจอดแช่ เกิดจากรถที่ไม่เคารพกฎจราจรมากกว่า
กรณีข้อจำกัดด้านกฎหมายการขนส่งทางบก ก็ควรมีการแก้กฎหมาย และส่งเสริมให้จุดนี้เป็นสถานีขนส่งย่อย จึงจะแก้ปัญหาค่าตั๋วหรือเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยได้มากกว่า
เป็นระเบียบแต่ไม่สะดวก เพิ่มภาระค่าเดินทาง เสียงสะท้อนจากประชาชน
สำหรับผู้โดยสารเองต่างก็มีความเห็นสอดคล้องกับผู้ให้บริการรถตู้ คือ ไม่อยากให้ย้ายรถตู้ออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นจุดที่สามารถต่อรถโดยสารสาธารณะได้หลากหลายเส้นทาง
หากย้ายไปยังบริเวณสถานีขนส่งทั้ง 3 จะเป็นการเพิ่มภาระค่าเดินทาง ต้องต่อรถเมล์หลายต่อกว่าจะถึงจุดหมาย ทั้งบางสายยังต้องรอนับชั่วโมง ส่งผลให้ใช้เวลาในการเดินทางมากขึ้น
นอกจากนี้ผู้โดยสารยังให้ความเห็นเพิ่มเติมในเรื่องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจรว่า อาจจะยิ่งไปเพิ่มปัญหาให้บริเวณอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่สถานีขนส่งทั้ง 3 แห่ง ซึ่งปัจจุบันก็มีปัญหาการจราจรคับคั่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งย้ายรถตู้ไปบริเวณดังกล่าวจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาจราจรในพื้นที่ดังกล่าวเสียมากกว่า
อีกส่วนหนึ่งที่ผู้ใช้บริการรถตู้เป็นกังวล คือ กรณีคนสูงอายุ คนพิการ หรือผู้ป่วยที่ต้องมาหาแพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถีหรือโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในเป็นประจำ หากต้องไปต่อรถในพื้นที่ขนส่งทั้ง 3 แห่ง จะยิ่งลำบากในการเดินทางมากขึ้นไปกว่าเดิม
ทั้งนี้มีข้อเสนอจากผู้ใช้บริการว่า หากจะจัดระเบียบรถตู้จริง อยากให้จัดแบ่งโซนเส้นทางเดินรถให้เป็นระเบียบมากกว่า เช่น เส้นทางสายเหนืออยู่เกาะพหลโยธิน เส้นตะวันออกอยู่เกาะดินแดง เส้นสายใต้และตะวันตกอยู่เกาะพญาไทและราชวิถี ตลอดจนให้รถวนมารับส่งเป็นเที่ยว ๆ ตามตารางเวลา อย่างนี้น่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย สุดท้ายตำนานรถตู้ต่างจังหวัดวินอนุสาวรีย์ฯ ก็ต้องสิ้นสุดลงในวันที่ 25 ตุลาคมนี้อย่างแน่นอน และก่อนจะถึงวันนั้น คนไทยเราเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงนี้แล้วหรือยัง
Link :
http://hilight.kapook.com/view/143864
▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ ดีเดย์ 25 ต.ค. ย้ายรถตู้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คนไทยพร้อมแล้วหรือยัง █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂
ร่วมสำรวจเส้นทางเดินรถก่อนโยกเข้าหมอชิต-สายใต้ (ปิ่นเกล้า)-เอกมัย ความเปลี่ยนแปลงที่คนไทยต้องเตรียมรับมือ
เหลืออีกเพียงไม่กี่วันก่อนถึงวันดีเดย์ 25 ตุลาคม ซึ่งรถตู้โดยสารสาธารณะต่างจังหวัดจำนวน 4,205 คัน จะถูกย้ายจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ หมอชิต สายใต้ใหม่ (ปิ่นเกล้า) และเอกมัย
ตามนโยบายจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะของ คสช. เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ของบริการรถร่วม อาทิ ค่าโดยสารที่ไม่เป็นธรรม ปัญหาความปลอดภัย ปัญหาผู้มีอิทธิพล รวมทั้งแก้การจราจรที่คับคั่งรอบอนุสาวรียฯ
วันนี้ทีมข่าวกระปุกดอทคอมจะพาไปสำรวจกันว่าวินรถตู้รอบอนุสาวรีย์ในแต่ละฝั่งนั้น วมีการให้บริการในเส้นทางใดบ้าง และแต่ละเส้นทางจะถูกย้ายไปยังสถานีขนส่งแห่งไหนกันบ้าง
เดินรถไม่มีระบบ ไร้การจัดระเบียบเส้นทาง จุดเริ่มต้นของปัญหา
เริ่มต้นจากวินใต้ทางด่วนทั้ง 2 ฝั่ง บริเวณนี้จะมีรถตู้ที่ให้บริการทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดอยู่คละกัน ไม่ได้แบ่งจุดจอดรถตามโซนเส้นทาง โดยในฝั่งทางด่วนด้านมุ่งไปแจ้งวัฒนะจะมีความเป็นระเบียบมากกว่า มีการจัดที่นั่งเป็นสัดส่วน และมีจุดจอดรถตู้ที่ไม่กีดขวางเส้นทางจราจร
ส่วนวินรถใต้ทางด่วนฝั่งที่จะไปพระราม 9 พบว่ามีความแออัดอยู่พอสมควร และที่นั่งพักของผู้โดยสารก็มีจำนวนไม่เพียงพอ ส่วนเส้นทางในการเดินรถก็คละกันไปเหมือนฝั่งทางด่วนแจ้งวัฒนะ
สำหรับจุดจอดรถตู้ในฝั่งนี้แม้จะไม่กีดขวางการจราจร แต่จะสร้างปัญหาเวลาที่รถตู้ออกจากท่ารถซึ่งทางออกจะตรงกับทางลงทางด่วนพอดี ซึ่งจะสร้างปัญหาการจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วน
จากนั้นเราเดินต่อไปยังบริเวณเกาะดินแดง โดยหลังจากเดินสำรวจพบว่ามีลักษณะเดียวกับวินรถตู้ใต้ทางด่วนทั้ง 2 ฝั่ง คือ ให้บริการรถตู้จะอยู่คละรวมกันทุกเส้นไม่มีการจัดหมวดหมู่เส้นทางเดินรถอย่างเป็นระบบ และไม่มีที่พักผู้โดยสารอย่างเป็นสัดส่วน โดยจะใช้ที่นั่งพักของ กทม. ร่วมกับผู้ใช้บริการรถเมล์ ขสมก.
เสร็จแล้วเราได้เดินข้ามสะพานไปยังเกาะพญาไทต่อเนื่องไปถึงจุดบริการรถตู้หน้าห้างเซ็นจูรี่ บริเวณนี้มีทั้งจุดจอดรถที่เป็นที่สาธารณะและจุดจอดรถที่เป็นที่ของเอกชน อย่างไรก็ตามทั้งหมดต้องถูกย้ายไปยังสถานีขนส่งเช่นกันไม่มีข้อยกเว้น
ถัดจากนั้นเราเดินวกกลับมาที่อนุสาวรีย์ฯ และข้ามไปที่เกาะราชวิถี ซึ่งอยู่ติดกับโรงพยาบาลราชวิถี บริเวณนี้ผู้ให้บริการรถตู้ทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ จะอยู่ร่วมกับประมาณครึ่งต่อครึ่ง
และหลังจากสอบถามแล้วพบว่า ถึงผู้ให้บริการรถตู้เส้นทางในกรุงเทพฯ จะไม่ถูกย้าย แต่ก็มีความกังวลที่รายได้จะลดลงเช่นกัน เนื่องจากลูกค้าหลักส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าจากรถตู้ต่างจังหวัดที่มาต่อรถเพื่อไปทำงานทุกเช้า-เย็น บางรายคิดว่าถ้าไปไม่รอดจริง ๆ ก็คงต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทนการวิ่งรถ
เกาะพหลโยธินเป็นจุดสุดท้ายที่ทีมข่าวกระปุกลงทำการสำรวจ บริเวณนี้เมื่อเทียบกับบริเวณอื่น ๆ พบว่ามีจำนวนผู้ให้บริการรถตู้ต่างจังหวัดน้อยที่สุด โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ให้บริการรถตู้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากกว่า
โดยปัญหาร่วมที่เราพบ คือ นอกจากจุดจอดบริการใต้ทางด่วนทั้ง 2 ฝั่ง และบริเวณทางเดินห้างเซ็นจูรี่ที่รถตู้ไม่ได้จอดบนเส้นทางจราจรแล้ว
จุดให้บริการรถตู้ 4 จุดที่เหลือ ได้แก่ เกาะดินแดง เกาะพญาไท เกาะราชวิถี และเกาะพหลโยธิน รถตู้ที่ให้บริการบริเวณนี้ทั้งหมดจะจอดอยู่บนเส้นทางสาธารณะด้านในที่ขนานไปกับเส้นทางหลัก
ย้ายเข้าสถานีขนส่งหลัก 3 แห่ง จัดระเบียบเส้นทางให้เหมาะสม
หลังจากที่เราลงพื้นที่สำรวจจุดให้บริการรถตู้ต่างจังหวัดรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่พื้นที่พบว่า ไม่มีการแบ่งเส้นทางเดินรถตามภูมิภาค ไม่ว่าจะภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ต่างอยู่คละกันในทุกๆ บริเวณ
ที่สำคัญ คือ มีการให้บริการทับเส้นทางกันหลายเส้นทาง โดยหลังจากพูดคุยกับผู้ให้บริการรถตู้ ต่างยืนยันว่าตอนนี้อยู่ร่วมกันได้ไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ รถตู้ที่มีเส้นทางวิ่งในภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสาน และภาคตะวันออกบางส่วน ได้แก่ นครนายกและปราจีนบุรี จะถูกย้ายไปยังสถานีขนส่งจตุจักร (หมอชิต)
ส่วนรถตู้ที่วิ่งในเส้นทางภาคตะวันออกจะถูกย้ายไปยังสถานีขนส่งเอกมัย
สำหรับเส้นทางในภาคตะวันตก และภาคกลางบางส่วน เช่น นครปฐมและสุพรรณบุรีบางอำเภอ จะถูกย้ายไปยังสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (ปิ่นเกล้า)
เสนอตั้งสถานีย่อย แก้ปัญหาช่องว่างทางกฎหมาย
ขณะเดียวกันในระหว่างสำรวจพื้นที่เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบการรถตู้ ผู้โดยสาร และผู้ที่เกี่ยวข้อง นโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อตนเองอย่างไรบ้าง
ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้ผู้มีอำนาจทบทวนอีกครั้ง พวกตนพร้อมที่จะปรับตัวตามนโยบายของภาครัฐทุกอย่าง แต่ขอให้ได้อยู่ตรงนี้ เพราะถ้าย้ายไปอยู่ที่สถานีขนส่ง ตนเองไปไม่รอดอย่างแน่นอน ไหนจะค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ไหนจะจำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าลดลงอย่างแน่นอน
และที่กังวลที่สุดคือ จากที่เคยแยกกันทำมาหากินตามจุดต่าง ๆ พอไปอยู่ที่เดียวกันหมดจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน
ทั้งนี้ผู้ให้บริการรถตู้มีมุมมองว่าภาครัฐแก้ปัญหาจราจรไม่ถูกจุด ตอนนี้ปัญหารถติดไม่ได้เกิดจากรถตู้ แต่น่าจะเกิดจากรถจอดแช่ เกิดจากรถที่ไม่เคารพกฎจราจรมากกว่า
กรณีข้อจำกัดด้านกฎหมายการขนส่งทางบก ก็ควรมีการแก้กฎหมาย และส่งเสริมให้จุดนี้เป็นสถานีขนส่งย่อย จึงจะแก้ปัญหาค่าตั๋วหรือเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยได้มากกว่า
เป็นระเบียบแต่ไม่สะดวก เพิ่มภาระค่าเดินทาง เสียงสะท้อนจากประชาชน
สำหรับผู้โดยสารเองต่างก็มีความเห็นสอดคล้องกับผู้ให้บริการรถตู้ คือ ไม่อยากให้ย้ายรถตู้ออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นจุดที่สามารถต่อรถโดยสารสาธารณะได้หลากหลายเส้นทาง
หากย้ายไปยังบริเวณสถานีขนส่งทั้ง 3 จะเป็นการเพิ่มภาระค่าเดินทาง ต้องต่อรถเมล์หลายต่อกว่าจะถึงจุดหมาย ทั้งบางสายยังต้องรอนับชั่วโมง ส่งผลให้ใช้เวลาในการเดินทางมากขึ้น
นอกจากนี้ผู้โดยสารยังให้ความเห็นเพิ่มเติมในเรื่องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจรว่า อาจจะยิ่งไปเพิ่มปัญหาให้บริเวณอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่สถานีขนส่งทั้ง 3 แห่ง ซึ่งปัจจุบันก็มีปัญหาการจราจรคับคั่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งย้ายรถตู้ไปบริเวณดังกล่าวจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาจราจรในพื้นที่ดังกล่าวเสียมากกว่า
อีกส่วนหนึ่งที่ผู้ใช้บริการรถตู้เป็นกังวล คือ กรณีคนสูงอายุ คนพิการ หรือผู้ป่วยที่ต้องมาหาแพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถีหรือโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในเป็นประจำ หากต้องไปต่อรถในพื้นที่ขนส่งทั้ง 3 แห่ง จะยิ่งลำบากในการเดินทางมากขึ้นไปกว่าเดิม
ทั้งนี้มีข้อเสนอจากผู้ใช้บริการว่า หากจะจัดระเบียบรถตู้จริง อยากให้จัดแบ่งโซนเส้นทางเดินรถให้เป็นระเบียบมากกว่า เช่น เส้นทางสายเหนืออยู่เกาะพหลโยธิน เส้นตะวันออกอยู่เกาะดินแดง เส้นสายใต้และตะวันตกอยู่เกาะพญาไทและราชวิถี ตลอดจนให้รถวนมารับส่งเป็นเที่ยว ๆ ตามตารางเวลา อย่างนี้น่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย สุดท้ายตำนานรถตู้ต่างจังหวัดวินอนุสาวรีย์ฯ ก็ต้องสิ้นสุดลงในวันที่ 25 ตุลาคมนี้อย่างแน่นอน และก่อนจะถึงวันนั้น คนไทยเราเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงนี้แล้วหรือยัง
Link : http://hilight.kapook.com/view/143864