สวัสดีค่ะ อมยิ้ม17 ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะคะ ว่านี่เป็นกระทู้แรก หลังจากที่ติดตาม อ่านข่าวสารจาก pantip. มาโดยตลอด
ถูกผิดบ้าง ไม่ว่ากันเน้าะ สาวแว่น
เรื่องมีอยู่ว่า วันที่ 19 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ดิฉันและเพื่อน สองคนได้บินไปเที่ยวเกาหลี
โดยได้เตรียมแผนการท่องเที่ยว จองตั๋ว จองที่พักไว้ เป็นเดือนๆ เพราะเราทำงานที่โรงพยาบาลค่ะ กว่าจะขอเวรวันหยุดตรงกันได้ จึงต้องเตรียมการไว้แต่เนิ่น
ก็ดุรีวิวจากกระทู้ในพันทิปบ้าง ว่าเค้าไปเที่ยวไหนกัน มีอุปสรรคอะไรมั้ย แน่นอน ที่ทำให้ดิฉันกับเพื่อน รุ้สึกไม่ดี ที่เห็นบางกระทู้ บอกว่าโดน ต.ม เกาหลีกักตัวใบเหลือง ต่างคนต่างให้กำลังใจกัน ว่าเราบริสุทธิ์ใจ ไม่เป็นไรหรอกน่าา เอกสารที่เราเตรียมไปก็ครบ (เอกสารรับรองเงินเดือน+รับรองการทำงาน+บัตรพนักงาน+ตั๋วบินกลับวันที่ 22/10/59 +แผนการท่องเที่ยวตั้งแต่วันไปจนวันกลับ +บุ้คกิ้งที่พัก โดยจ่ายผ่านบัตรเครดิต)ไม่น่าจะมีอะไร เพราะมั่นใจ ก็เราเตรียมตัวมาเกือบเดือน แอปขึ้นรถไฟฟ้า แอปต่างๆนาๆที่จำเป็น ก็โหลดเรียบร้อย พร้อมแล้วลุยเลยย แต่แล้วก้ถึงวันเดินทาง (19/10/59) ก็บินตรงจากดอนเมืองเวลาประมาณ 01:55 เที่ยวบิน XJ 700 เพี้ยนออกทริป ต่างคนต่างตื่นเต้น เพราะเป็นการท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของทั้งสองคน พอใกล้สู่ม่านฟ้าเกาหลี ก็มีกัปตันสุดหล่อ ประกาศว่า ตอนนี้ได้เข้าสู่เกาหลีแล้ว ขอให้ลูกเรือทุกคน รัดเข็มขัดไว้ เพราะกัปตันจะนำเครื่องลงแล้ว เมื่อถึงสนามบินอินชอล ก็มีความตื่นเต้น ที่จะได้เที่ยว ได้ช้อป เอ้อ เวลาที่ถึงอินชอน คือ 9 โมงกว่าๆ ซึ่งเร้วกว่าไทยไป 2 ชม. ค่ะ
วีไอกับเทคนิค หลังจากที่ลงจากเครื่องมาแล้ว ก็ขึ้นรถไฟฟ้า เพื่อไปจุดตรวจ ตม. เกาหลี ซึ่งเมื่อไปถึง โอ้วว แม่เจ้า คนเยอะมากกก ร่วมพันคน
ยืนรอก็นานพอสมควร ระหว่างรอ ดิฉันกับเพื่อนก็มั่นใจสุดๆ ควักเอกสาร เตรียมรอถึงคิวเรา ......
และแล้ว ก็ถึงคิวดิฉัน กะ เพื่อน แต่เข้าคนละล๊อค ซึ่งดิฉันก็ยื่นพาสปอร์ต ให้ จนท. ตม. (ในใจนี่ตื่นเต้นสุดๆ)
จากนั้น จนท. ก็บอกให้มองกล้อง แล้วแสกนนิ้วมือ พอแสกนเสร็จ จนท. ตม. ก็ทำหน้าเฉยๆ และแล้ว
นางก็ไปเรียก จนท. อีกคน แล้วยื่นพาสปอร์ตดิฉันให้ พร้อมกับ พาดิฉันไปยังห้องสอบสวน
ณ วินาทีนั้น จากใจที่ตื่นเต้นก็เปลี่ยนเป็นคำถามในใจต่างๆนาๆ ว่าทำไม เพราะอะไร แต่เพื่อนดิฉันผ่าน ตม. ไปได้ นะคะ พอเห็นดิฉันโดนลากแขนไปยังห้อง
เพื่อนที่รอลุ้นอยู่ข้างหน้า และตื่นเต้นไปตามกัน กลับทำหน้าจะร้องไห้
พอถึงห้องที่รอสืบสวน โอ้โห.. คนที่ติด ก็ไม่ใช่น้อยเลย ทั้งคนไทยและต่างชาติร่วม 50 กว่าคน
จนท. ก็ให้กรอกเอกสารคำถาม เช่น เที่ยวบินที่มา เที่ยวบินที่จะกลับ แผนที่เที่ยวเรา ที่พักเราที่จะพัก
กรอกเสร็จแล้ว ก็นั่งรออยู่พักใหญ่ๆ 2 ชั่วโมงได้มั้งคะ รอแล้วรออีก ว่าเค้าจะทำอะไรกะเราา
มาแล้ววว จนท. ก็เรียกชื่อเรา ซึ่งพูดไม่ชัด เอาซะ จำชื่อตัวเองไม่ได้เลย เรียกแล้ว เราก็ก็ตาม จนท. ไป ซึ่ง จนท. ให้เรายกโทรศัพทืเพื่อคุยกับล่ามไทย
ดิฉัน : ฮัลโหล สวัสดีค่ะ
ล่าม : สวัสดีค่ะ/ ชื่ออะไรคะ
ดิฉัน: ก็ตอบ บลาๆๆ
ล่าม : คุณมาทำไมที่เกาหลีคะ
ดิฉัน : มาเที่ยวค่ะ
ล่าม : คุณมากี่วัน / แล้วพักที่ไหนคะ
ดิฉัน : 4 วันค่ะ พักที่ คิมชี ซินชอล เกสเฮ้าท์ ค่ะ
ล่าม : ขอดูเอกสารการจองที่พักได้มั้ยคะ ดิฉันก็ยื่นให้ จนท. เกาหลี
ล่ามก็ถามต่อ คุณทำงานอะไรคะ
ดิฉัน : นักรังสีการแพทย์ค่ะ พร้อมควักเอกสารรับรองการทำงานให้ จนท. เกาหลี อีกที
ล่าม : คุณมีแผนจะเที่ยวที่ไหนบ้างคะ
ดิฉัน : มหาวิทยาลัย อีฮวา เมียงดง นัมซาน เกาะเชจู พร้อมกับ ควักเอกสาร การท่องเที่ยวให้ จนท. ดูอีกที
ล่าม : คุณแลกเงินมาเท่าไหร่คะ / เงินไทยที่ติดตัวมามีกี่บาท /มีบัตรเครดิตมั้ย /สมุดบัญชีมีมั้ย?
ดิฉัน : แลกมา ห้าล้านวอนค่ะ (แก้ไข* ล้านห้าวอน) เงินไทย 1 หมื่น 5 พัน บาทค่ะ พร้อมกับควักบัตรเครดิตสามใบกับสมัดบัญชีให้ จนท. เกาหลีดุค่ะ
ล่าม : คุณมากับใคร
ดิฉัน :มากับเพื่อนสองคนค่ะ มาแบบ แบ๊คแพ๊ค ค่ะ
ล่าม : ถ้าคุณไม่ผ่านล่ะ จะทำยังไง( โอ้ววว จากนั้นดิฉันเริ่มเครียดละค่ะ )
ดิฉัน : ดิฉันกว่าจะหาวันหยุดที่มาเที่ยวได้มันเสียเวลามากเลยนะคะ ค่าใช้จ่ายที่มาก็ไม่ใช่น้อยๆ และอีกอย่าง ที่พักที่ดิฉันจองไว้ เป็นชื่อดิฉันค่ะ ซึ่งจ่ายเงินไปแล้ว แล้วเพื่อนดิฉันจะเที่ยวยังไง จะพักยังไงคะ ในเกาหลีก็ไม่รู้จักใคร
ล่าม : เพื่อนคุณไม่รอคุณแล้วค่ะ
ดิฉัน : คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าเพื่อนดิฉันไปแล้ว ไม่ว่าใคร หากเพื่อนติดแบบนี้ ก็ต้องรออยู่แล้ว
ล่าม : อย่าพุดมากค่ะ จนท. เค้าไม่ให้คุณผ่าน
ดิฉัน : แล้ว จนท. เอาอะไรมาตัดสินว่าไม่ให้ดิฉันผ่านคะ ยอกเหตุผลหน่อยได้มั้ยคะ
ล่าม : จนท. ไม่ให้คุณผ่านนะ ฟังภาษาคนรู้เรื่องมั้ยคะ หลังจากพูดเสร็จ ก็วางหูใส่ดิฉัน
วินาทีนั้น ดิฉันเครียดมากค่ะ ถึงกะร้องไห้ จนท. ก็ลากตัวออกจากโต้ะที่นั่งสัมภาษไปในห้องกักตัว ซึ่งในห้องนั่น สัญญาณไม่มีเลยค่ะ ติดต่อเพื่อนก็ไม่ได้เลย
ที่สำคัญไปกว่านั้น กักตัวนักท่องเที่ยวมาเยอะเกินจนนั่งอัดกันเป็นปลากระป๋องเลยค่ะ สงสารแค่เด็กไม่ถึงขวบที่ติดกะแม่ค่ะ ข้าวน้ำก็ไม่มีให้กินเลย
หลังจากนั่งอยู่ในห้องนั่นซักครู่ใหญ่ ก็มี จนท. ลากกระเป๋าเรามาให้ค่ะ พร้อมเรียกชื่อ คนไทยกะดิฉันไปประมาณ 10 คน โดยส่งตัวไปยังห้องกักใต้ดินอีกทีค่ะ โดยคำขู่ อย่างไม่ให้เกียรติเราเลยค่ะ กระเป๋าเดินทางแต่ละคน ก็ใบใหญ่ๆทั้งนั้น มันให้ยกค่ะ ยกขึ้นลง บันใดเลื่อน คือ ไม่คิดเลยหรอคะ ว่ามันหนักนะ เราก็ตัวเล็กนิดเดียว ช้าก็ไม่ได้ ด่าค่ะ อีกคนโดนม้วนเอกสารตบหน้าเลยค่ะ แต่เป็นผู้ชายยะคะ ที่โดน ซึ่งพวกมัน กักตัวพวกเราไปอย่างนักโทษคดีฆ่าคนตายอ่าค่ะ ล้อมหน้า ล้อมหลังเลยค่ะ พอถึงชั้นใต้ดิน ก็มีห้องเล็กๆ ที่ดูแล้ว หายใจไม่ออกเลยค่ะ เป็นห้องแยก ชาย/หญิง และในนั้นก็มีหลายคนทั้งไทยทั้งชาติ โดนกักอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ดิฉันก็ถามป้าแก่คนที่เค้าโดนกักค่ะ ว่าพวกมันจะทำอะไรต่อ ซึ่งป้าเค้าก็บอกว่า ป้าเค้าก็ติดอยู่นี่สองวันแล้วแหละ น้ำก็ไม่ได้อาบ ข้าวก็ไม่ได้กิน มีแค่ห้องน้ำเล็กๆให้ โอ้วว นี่อะไรกัน นักโทษดีๆนี่เอง มองไปรอบๆก็มีแต่คนนั่งร้องไห้ ซึ่งไม่ต่างจากตัวเรา มีพี่อีกคน เค้ามีแฟนเป็นคนเกาหลีค่ะ จัดงานแต่งที่เมืองไทยแล้ว จะมาจัดต่อที่เกาหลีอีก แต่ก็ไม่ผ่านเช่นกันค่ะ อยากรุ้จังค่ะ ว่าเค้าใช้อะไรเป็นกฎเกณฑ์ในการตัดสิน แต่ละคน มาสอง มาสาม โดนกัก เดี่ยวหมดเลยค่ะ ดิฉันก็นั่งรอๆๆๆ นอจนจะเป็นง่อยอ่าค่ะ ซักประมาณ หกโมงเย็น พวกมันเรียกให้ไปเอา น้ำโค้กกระป๋องกับเบอร์เกอร์ที่หมาไม่-ให้ค่ะ ซึ่งเวลานั้น หิวยังไง ก็กินไม่ลงจิงๆค่ะ พอค่ำๆ ดิฉันก้อดไม่ได้ที่จะไม่ถาม เลย เดินออกไปถาม จนท. ค่ะ ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับ บางคนก็รู้เรื่อง บางคนก็ไม่รู้เรื่อง ถามเป็นภาษาอังกฤษนะคะ หืมมม คำตอบที่ได้พร้อมผลักตัวดิฉัน ทุมอโลว โอ้แม่เจ้า คิดในใจ ที่นอนก็ไม่มีจะให้กูนอนไหนวะ แต่ละที่ก็มีคนที่มาก่อนจับจองไว้หมดแล้ว ดีนะ ป้าแก่ที่มาพร้อมครอบครัวแต่ดันติด ตม. คนเดียว เค้าขยับให้นอนด้วย ซึ่งดิฉันก็ร้องไห้ บอก กับ จนท. ที่เข้ามาว่า ฉันฉันห่วงเพื่อน ตอนนี้ดิฉันต้องทำยังไงถึงจะติดต่อเพื่อนได้ จนท. คนนั่นก็บอกจ่ายมา 1หมื่นวอน(300กง่าบาทไทย) แล้วฉันจะให้รหัสไวไฟ เวลานั้นจะกี่บาทก็จ่ายค่ะ
เวลาตีสี่ที่นั้น ดิฉันเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ค่ะ ด้วยความเหนื่อย ตกใจตื่นตอน จนท. มาเรียกตอน 6 โมง ดิฉันก็ลุกขึ้นมา อ้าวเห้ยย รองเท้าหายค่ะ พวกคนไทยที่นอนละแวกเดียวกันก็ช่วยหาช่วยค้นทั้งห้องค่ะ ปรากฎว่า ไม่เจอค่ะ เจอแต่รองเท้าเน่าๆที่เอาไว้ใส่ในบ้านอ่าค่ะ ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า เสียงเดียวกันคือ รองเท้าเน่าๆนัาน คือ ของฝรั่งคนนั้น แต่เค้าไปแล้ว ดิฉันก็เดินไปบอก จนท. กะป้าๆที่อยู่ด้วยกัน ว่ารองเท้าไอหาย ที่ได้กลับมาคือ โดนผลักเช่นเคยค่ะ (รองเท้าที่หาย ยี่ห้อ ไนกี้ค่ะ พึ่งถอยออกห้างมาใหม่ ในราคา 5,900 บาทไทย และใส่ครั้งแรก) น่าโมโห น่าเสียดายมั้ยคะ? ยังดีนะคะ ที่ดิฉันเอารองเท้าแตะไปสำรองไว้ พอเวลาสายๆ ประมาน 9 โมงกว่าที่นั้น ก็มี จนท. มาเรียกชื่อ ดิฉันและป้าๆคนไทย รวมกันสี่คนค่ะ เพื่อส่งกลับ คุมตัวอีก คนต่อคนเลยค่ะ คืออะไรกัน ยกกระเป๋าอีกแล้วค่ะ ทรมานจริงๆ พอถึงเกท พวกมันก็นั่งเฝ้าติดๆเลยค่ะ ขอเข้าห้องน้ำ กว่าจะพาไปเข้า ก้ทำเอาเกือบฉี่ราดกันเป็นแถว หิวน้ำ ก็ไม่ให้กิน บอกไปกินบนเครื่อง ตายห่าาสิคะ คือปากแห้ง ปากแตก กันหมดเลยค่ะ กักซะขนาดนี้ ซักพัก ก็มี จนท. มาเรียกเก็บเงินคนละ 75,000 won เราก็ถามว่าเงินค่าอะไร ก็ไม่ตอบ ขุ่เราพร้อมกับทำหน้าไม่เป็นมิตรเลยค่ะ พอเครื่องจะออก พวกมัน ส่งถึงที่นั่งเลยนะคะ วีไอพีมากกกค่ะ เห้ออ ได้บินกลับไทยซักที เวลาที่บินก็ประมานเที่ยงกว่า ถึงดอนเมือง ประมาน 4 โมงกว่า ก็มี จนท. ไทยเค้ามารอรับ เพื่อไปยัง ตม. ไทยอีกค่ะ จากนั้น จนท. ตม. ไทยก็สอบถาม ว่า เค้าทำอะไรกะเราบ้าง ระหว่างที่กักตัว เค้าบอกเหตุผลมั้ยที่เค้าไม่ให้เข้า บลาๆๆๆๆๆ พวกเราสี่คนที่มาด้วยกัน พอออกจาก ตม. มา รีบหาที่กินเลยค่ะ แต่ละคน สั่งมากินเต็มโต้ะค่ะ คือไม่ไหวจิงๆ ปกติเราก็ไม่กินหรอกนะคะ ข้าวในสนามบินเนี่ย 5555+ แต่มันจะเป็นลมให้ได้อะค่ะ แพงช่างมัน สั่งมา ๆ เต้มโต๊ะ
##สิ้นสุดทริปที่
ที่สุดของเกาหลีค่ะ ละเอียดยิบ แต่อาจจะวนไปวนมาบ้าง ก็ขออภัยด้วยนะคะ
อย่างน้อยเราก็ได้มิตรภาพจากคนไทยด้วยกันค่ะ คนไทยใจดี กว่า พวก
เกาหลีเยอะเลยค่ะ ยังไม่พอดูถูกเราด้วย
อีกอย่าง เสียใจ เสียความรุ้สึก ขวัญเสีย ซวยซ้ำซวยซ้อน รองเท้าหายอีก #ชาตินี้ขอไม่ไปเหยียบอีกเลยเกาหลี
อ้อ!!!เพื่อนเราต้องหาที่พักในราคา คืนละ 3 พันบาทไทย พร้อมเลื่อนตั๋วกลับไทยอีกวันเลยค่ะ ทำไงได้อ่าค่ะ วางแผนด้วยกันแล้ว ภาษาอังกฤษเค้าก็ไม่แข็งด้วย เลยทำให้หมด อารมณ์การเที่ยว บินกลับไทยเลยค่ะ ค่าใช้จ่ายที่เสียไป ไม่ต่ำกว่าสี่หมื่น พร้อมตั๋วเครื่องบินไปกลับ นี่ยังไม่รวมที่ต้องขาดทุนเอาเงินไปแลกเป็นเงินบาทอีกนะคะ
เลยอยากจะเตือนเพื่อนๆคนไทยด้วยกัน อยากจะให้ตัดสินใจดีๆก่อนจะไปเที่ยวเกาหลีนะคะ ต่อให้ไปเอง หรือไปกับกรุ๊ปทัวร์ ไปกับครอบครัว โดนหมดค่ะ ไม่มีเกณฑ์ตัดสิน มีแต่ดวงล้วนๆค่ะ คิดเอานะคะ ขนาดเด็กเล็ก เด็กน้อยก็ยังโดนอ่าค่ะ เสียใจ เสียความรู้สึกจิงๆ
ขอบคุณนะคะ ที่สละเวลามาอ่านกระทุ้นี้ อาจจะวกวนไปหน่อย แต่ก็อยากฝากให้ตัดสินใจดีๆก่อนเสียเงินไปเที่ยวค่ะ
*เนื้อหาที่เขียนมาทั้งหมด เป็นเพียงเหตุการณ์ที่เราเจอกับตัวเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาห้ามใครๆไปเที่ยวนะคะ
ปล. 1. รูปภาพไม่มีประกอบค่ะ เพราะ ตม. ห้ามถ่ายอ่าค่ะ บางคนถ่าย มันดึงโทรศัพท์ไปจากมือแล้วลบเลยนะคะ
2. แต่งตัวไม่โป๊ เสื้อยืด+กางเกงยีนส์+ร้องเท้าผ้าใบ ผมดำ ไม่แต่งหน้าจัด!
3. พูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ
ครั้งแรก และครั้งที่ ที่จะเสียเงินไปเที่ยวเกาหลีอีก
ถูกผิดบ้าง ไม่ว่ากันเน้าะ สาวแว่น
เรื่องมีอยู่ว่า วันที่ 19 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ดิฉันและเพื่อน สองคนได้บินไปเที่ยวเกาหลี
โดยได้เตรียมแผนการท่องเที่ยว จองตั๋ว จองที่พักไว้ เป็นเดือนๆ เพราะเราทำงานที่โรงพยาบาลค่ะ กว่าจะขอเวรวันหยุดตรงกันได้ จึงต้องเตรียมการไว้แต่เนิ่น
ก็ดุรีวิวจากกระทู้ในพันทิปบ้าง ว่าเค้าไปเที่ยวไหนกัน มีอุปสรรคอะไรมั้ย แน่นอน ที่ทำให้ดิฉันกับเพื่อน รุ้สึกไม่ดี ที่เห็นบางกระทู้ บอกว่าโดน ต.ม เกาหลีกักตัวใบเหลือง ต่างคนต่างให้กำลังใจกัน ว่าเราบริสุทธิ์ใจ ไม่เป็นไรหรอกน่าา เอกสารที่เราเตรียมไปก็ครบ (เอกสารรับรองเงินเดือน+รับรองการทำงาน+บัตรพนักงาน+ตั๋วบินกลับวันที่ 22/10/59 +แผนการท่องเที่ยวตั้งแต่วันไปจนวันกลับ +บุ้คกิ้งที่พัก โดยจ่ายผ่านบัตรเครดิต)ไม่น่าจะมีอะไร เพราะมั่นใจ ก็เราเตรียมตัวมาเกือบเดือน แอปขึ้นรถไฟฟ้า แอปต่างๆนาๆที่จำเป็น ก็โหลดเรียบร้อย พร้อมแล้วลุยเลยย แต่แล้วก้ถึงวันเดินทาง (19/10/59) ก็บินตรงจากดอนเมืองเวลาประมาณ 01:55 เที่ยวบิน XJ 700 เพี้ยนออกทริป ต่างคนต่างตื่นเต้น เพราะเป็นการท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของทั้งสองคน พอใกล้สู่ม่านฟ้าเกาหลี ก็มีกัปตันสุดหล่อ ประกาศว่า ตอนนี้ได้เข้าสู่เกาหลีแล้ว ขอให้ลูกเรือทุกคน รัดเข็มขัดไว้ เพราะกัปตันจะนำเครื่องลงแล้ว เมื่อถึงสนามบินอินชอล ก็มีความตื่นเต้น ที่จะได้เที่ยว ได้ช้อป เอ้อ เวลาที่ถึงอินชอน คือ 9 โมงกว่าๆ ซึ่งเร้วกว่าไทยไป 2 ชม. ค่ะ
วีไอกับเทคนิค หลังจากที่ลงจากเครื่องมาแล้ว ก็ขึ้นรถไฟฟ้า เพื่อไปจุดตรวจ ตม. เกาหลี ซึ่งเมื่อไปถึง โอ้วว แม่เจ้า คนเยอะมากกก ร่วมพันคน
ยืนรอก็นานพอสมควร ระหว่างรอ ดิฉันกับเพื่อนก็มั่นใจสุดๆ ควักเอกสาร เตรียมรอถึงคิวเรา ......
และแล้ว ก็ถึงคิวดิฉัน กะ เพื่อน แต่เข้าคนละล๊อค ซึ่งดิฉันก็ยื่นพาสปอร์ต ให้ จนท. ตม. (ในใจนี่ตื่นเต้นสุดๆ)
จากนั้น จนท. ก็บอกให้มองกล้อง แล้วแสกนนิ้วมือ พอแสกนเสร็จ จนท. ตม. ก็ทำหน้าเฉยๆ และแล้ว
นางก็ไปเรียก จนท. อีกคน แล้วยื่นพาสปอร์ตดิฉันให้ พร้อมกับ พาดิฉันไปยังห้องสอบสวน
ณ วินาทีนั้น จากใจที่ตื่นเต้นก็เปลี่ยนเป็นคำถามในใจต่างๆนาๆ ว่าทำไม เพราะอะไร แต่เพื่อนดิฉันผ่าน ตม. ไปได้ นะคะ พอเห็นดิฉันโดนลากแขนไปยังห้อง
เพื่อนที่รอลุ้นอยู่ข้างหน้า และตื่นเต้นไปตามกัน กลับทำหน้าจะร้องไห้
พอถึงห้องที่รอสืบสวน โอ้โห.. คนที่ติด ก็ไม่ใช่น้อยเลย ทั้งคนไทยและต่างชาติร่วม 50 กว่าคน
จนท. ก็ให้กรอกเอกสารคำถาม เช่น เที่ยวบินที่มา เที่ยวบินที่จะกลับ แผนที่เที่ยวเรา ที่พักเราที่จะพัก
กรอกเสร็จแล้ว ก็นั่งรออยู่พักใหญ่ๆ 2 ชั่วโมงได้มั้งคะ รอแล้วรออีก ว่าเค้าจะทำอะไรกะเราา
มาแล้ววว จนท. ก็เรียกชื่อเรา ซึ่งพูดไม่ชัด เอาซะ จำชื่อตัวเองไม่ได้เลย เรียกแล้ว เราก็ก็ตาม จนท. ไป ซึ่ง จนท. ให้เรายกโทรศัพทืเพื่อคุยกับล่ามไทย
ดิฉัน : ฮัลโหล สวัสดีค่ะ
ล่าม : สวัสดีค่ะ/ ชื่ออะไรคะ
ดิฉัน: ก็ตอบ บลาๆๆ
ล่าม : คุณมาทำไมที่เกาหลีคะ
ดิฉัน : มาเที่ยวค่ะ
ล่าม : คุณมากี่วัน / แล้วพักที่ไหนคะ
ดิฉัน : 4 วันค่ะ พักที่ คิมชี ซินชอล เกสเฮ้าท์ ค่ะ
ล่าม : ขอดูเอกสารการจองที่พักได้มั้ยคะ ดิฉันก็ยื่นให้ จนท. เกาหลี
ล่ามก็ถามต่อ คุณทำงานอะไรคะ
ดิฉัน : นักรังสีการแพทย์ค่ะ พร้อมควักเอกสารรับรองการทำงานให้ จนท. เกาหลี อีกที
ล่าม : คุณมีแผนจะเที่ยวที่ไหนบ้างคะ
ดิฉัน : มหาวิทยาลัย อีฮวา เมียงดง นัมซาน เกาะเชจู พร้อมกับ ควักเอกสาร การท่องเที่ยวให้ จนท. ดูอีกที
ล่าม : คุณแลกเงินมาเท่าไหร่คะ / เงินไทยที่ติดตัวมามีกี่บาท /มีบัตรเครดิตมั้ย /สมุดบัญชีมีมั้ย?
ดิฉัน : แลกมา ห้าล้านวอนค่ะ (แก้ไข* ล้านห้าวอน) เงินไทย 1 หมื่น 5 พัน บาทค่ะ พร้อมกับควักบัตรเครดิตสามใบกับสมัดบัญชีให้ จนท. เกาหลีดุค่ะ
ล่าม : คุณมากับใคร
ดิฉัน :มากับเพื่อนสองคนค่ะ มาแบบ แบ๊คแพ๊ค ค่ะ
ล่าม : ถ้าคุณไม่ผ่านล่ะ จะทำยังไง( โอ้ววว จากนั้นดิฉันเริ่มเครียดละค่ะ )
ดิฉัน : ดิฉันกว่าจะหาวันหยุดที่มาเที่ยวได้มันเสียเวลามากเลยนะคะ ค่าใช้จ่ายที่มาก็ไม่ใช่น้อยๆ และอีกอย่าง ที่พักที่ดิฉันจองไว้ เป็นชื่อดิฉันค่ะ ซึ่งจ่ายเงินไปแล้ว แล้วเพื่อนดิฉันจะเที่ยวยังไง จะพักยังไงคะ ในเกาหลีก็ไม่รู้จักใคร
ล่าม : เพื่อนคุณไม่รอคุณแล้วค่ะ
ดิฉัน : คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าเพื่อนดิฉันไปแล้ว ไม่ว่าใคร หากเพื่อนติดแบบนี้ ก็ต้องรออยู่แล้ว
ล่าม : อย่าพุดมากค่ะ จนท. เค้าไม่ให้คุณผ่าน
ดิฉัน : แล้ว จนท. เอาอะไรมาตัดสินว่าไม่ให้ดิฉันผ่านคะ ยอกเหตุผลหน่อยได้มั้ยคะ
ล่าม : จนท. ไม่ให้คุณผ่านนะ ฟังภาษาคนรู้เรื่องมั้ยคะ หลังจากพูดเสร็จ ก็วางหูใส่ดิฉัน
วินาทีนั้น ดิฉันเครียดมากค่ะ ถึงกะร้องไห้ จนท. ก็ลากตัวออกจากโต้ะที่นั่งสัมภาษไปในห้องกักตัว ซึ่งในห้องนั่น สัญญาณไม่มีเลยค่ะ ติดต่อเพื่อนก็ไม่ได้เลย
ที่สำคัญไปกว่านั้น กักตัวนักท่องเที่ยวมาเยอะเกินจนนั่งอัดกันเป็นปลากระป๋องเลยค่ะ สงสารแค่เด็กไม่ถึงขวบที่ติดกะแม่ค่ะ ข้าวน้ำก็ไม่มีให้กินเลย
หลังจากนั่งอยู่ในห้องนั่นซักครู่ใหญ่ ก็มี จนท. ลากกระเป๋าเรามาให้ค่ะ พร้อมเรียกชื่อ คนไทยกะดิฉันไปประมาณ 10 คน โดยส่งตัวไปยังห้องกักใต้ดินอีกทีค่ะ โดยคำขู่ อย่างไม่ให้เกียรติเราเลยค่ะ กระเป๋าเดินทางแต่ละคน ก็ใบใหญ่ๆทั้งนั้น มันให้ยกค่ะ ยกขึ้นลง บันใดเลื่อน คือ ไม่คิดเลยหรอคะ ว่ามันหนักนะ เราก็ตัวเล็กนิดเดียว ช้าก็ไม่ได้ ด่าค่ะ อีกคนโดนม้วนเอกสารตบหน้าเลยค่ะ แต่เป็นผู้ชายยะคะ ที่โดน ซึ่งพวกมัน กักตัวพวกเราไปอย่างนักโทษคดีฆ่าคนตายอ่าค่ะ ล้อมหน้า ล้อมหลังเลยค่ะ พอถึงชั้นใต้ดิน ก็มีห้องเล็กๆ ที่ดูแล้ว หายใจไม่ออกเลยค่ะ เป็นห้องแยก ชาย/หญิง และในนั้นก็มีหลายคนทั้งไทยทั้งชาติ โดนกักอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ดิฉันก็ถามป้าแก่คนที่เค้าโดนกักค่ะ ว่าพวกมันจะทำอะไรต่อ ซึ่งป้าเค้าก็บอกว่า ป้าเค้าก็ติดอยู่นี่สองวันแล้วแหละ น้ำก็ไม่ได้อาบ ข้าวก็ไม่ได้กิน มีแค่ห้องน้ำเล็กๆให้ โอ้วว นี่อะไรกัน นักโทษดีๆนี่เอง มองไปรอบๆก็มีแต่คนนั่งร้องไห้ ซึ่งไม่ต่างจากตัวเรา มีพี่อีกคน เค้ามีแฟนเป็นคนเกาหลีค่ะ จัดงานแต่งที่เมืองไทยแล้ว จะมาจัดต่อที่เกาหลีอีก แต่ก็ไม่ผ่านเช่นกันค่ะ อยากรุ้จังค่ะ ว่าเค้าใช้อะไรเป็นกฎเกณฑ์ในการตัดสิน แต่ละคน มาสอง มาสาม โดนกัก เดี่ยวหมดเลยค่ะ ดิฉันก็นั่งรอๆๆๆ นอจนจะเป็นง่อยอ่าค่ะ ซักประมาณ หกโมงเย็น พวกมันเรียกให้ไปเอา น้ำโค้กกระป๋องกับเบอร์เกอร์ที่หมาไม่-ให้ค่ะ ซึ่งเวลานั้น หิวยังไง ก็กินไม่ลงจิงๆค่ะ พอค่ำๆ ดิฉันก้อดไม่ได้ที่จะไม่ถาม เลย เดินออกไปถาม จนท. ค่ะ ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับ บางคนก็รู้เรื่อง บางคนก็ไม่รู้เรื่อง ถามเป็นภาษาอังกฤษนะคะ หืมมม คำตอบที่ได้พร้อมผลักตัวดิฉัน ทุมอโลว โอ้แม่เจ้า คิดในใจ ที่นอนก็ไม่มีจะให้กูนอนไหนวะ แต่ละที่ก็มีคนที่มาก่อนจับจองไว้หมดแล้ว ดีนะ ป้าแก่ที่มาพร้อมครอบครัวแต่ดันติด ตม. คนเดียว เค้าขยับให้นอนด้วย ซึ่งดิฉันก็ร้องไห้ บอก กับ จนท. ที่เข้ามาว่า ฉันฉันห่วงเพื่อน ตอนนี้ดิฉันต้องทำยังไงถึงจะติดต่อเพื่อนได้ จนท. คนนั่นก็บอกจ่ายมา 1หมื่นวอน(300กง่าบาทไทย) แล้วฉันจะให้รหัสไวไฟ เวลานั้นจะกี่บาทก็จ่ายค่ะ
เวลาตีสี่ที่นั้น ดิฉันเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ค่ะ ด้วยความเหนื่อย ตกใจตื่นตอน จนท. มาเรียกตอน 6 โมง ดิฉันก็ลุกขึ้นมา อ้าวเห้ยย รองเท้าหายค่ะ พวกคนไทยที่นอนละแวกเดียวกันก็ช่วยหาช่วยค้นทั้งห้องค่ะ ปรากฎว่า ไม่เจอค่ะ เจอแต่รองเท้าเน่าๆที่เอาไว้ใส่ในบ้านอ่าค่ะ ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า เสียงเดียวกันคือ รองเท้าเน่าๆนัาน คือ ของฝรั่งคนนั้น แต่เค้าไปแล้ว ดิฉันก็เดินไปบอก จนท. กะป้าๆที่อยู่ด้วยกัน ว่ารองเท้าไอหาย ที่ได้กลับมาคือ โดนผลักเช่นเคยค่ะ (รองเท้าที่หาย ยี่ห้อ ไนกี้ค่ะ พึ่งถอยออกห้างมาใหม่ ในราคา 5,900 บาทไทย และใส่ครั้งแรก) น่าโมโห น่าเสียดายมั้ยคะ? ยังดีนะคะ ที่ดิฉันเอารองเท้าแตะไปสำรองไว้ พอเวลาสายๆ ประมาน 9 โมงกว่าที่นั้น ก็มี จนท. มาเรียกชื่อ ดิฉันและป้าๆคนไทย รวมกันสี่คนค่ะ เพื่อส่งกลับ คุมตัวอีก คนต่อคนเลยค่ะ คืออะไรกัน ยกกระเป๋าอีกแล้วค่ะ ทรมานจริงๆ พอถึงเกท พวกมันก็นั่งเฝ้าติดๆเลยค่ะ ขอเข้าห้องน้ำ กว่าจะพาไปเข้า ก้ทำเอาเกือบฉี่ราดกันเป็นแถว หิวน้ำ ก็ไม่ให้กิน บอกไปกินบนเครื่อง ตายห่าาสิคะ คือปากแห้ง ปากแตก กันหมดเลยค่ะ กักซะขนาดนี้ ซักพัก ก็มี จนท. มาเรียกเก็บเงินคนละ 75,000 won เราก็ถามว่าเงินค่าอะไร ก็ไม่ตอบ ขุ่เราพร้อมกับทำหน้าไม่เป็นมิตรเลยค่ะ พอเครื่องจะออก พวกมัน ส่งถึงที่นั่งเลยนะคะ วีไอพีมากกกค่ะ เห้ออ ได้บินกลับไทยซักที เวลาที่บินก็ประมานเที่ยงกว่า ถึงดอนเมือง ประมาน 4 โมงกว่า ก็มี จนท. ไทยเค้ามารอรับ เพื่อไปยัง ตม. ไทยอีกค่ะ จากนั้น จนท. ตม. ไทยก็สอบถาม ว่า เค้าทำอะไรกะเราบ้าง ระหว่างที่กักตัว เค้าบอกเหตุผลมั้ยที่เค้าไม่ให้เข้า บลาๆๆๆๆๆ พวกเราสี่คนที่มาด้วยกัน พอออกจาก ตม. มา รีบหาที่กินเลยค่ะ แต่ละคน สั่งมากินเต็มโต้ะค่ะ คือไม่ไหวจิงๆ ปกติเราก็ไม่กินหรอกนะคะ ข้าวในสนามบินเนี่ย 5555+ แต่มันจะเป็นลมให้ได้อะค่ะ แพงช่างมัน สั่งมา ๆ เต้มโต๊ะ
##สิ้นสุดทริปที่ ที่สุดของเกาหลีค่ะ ละเอียดยิบ แต่อาจจะวนไปวนมาบ้าง ก็ขออภัยด้วยนะคะ
อย่างน้อยเราก็ได้มิตรภาพจากคนไทยด้วยกันค่ะ คนไทยใจดี กว่า พวก เกาหลีเยอะเลยค่ะ ยังไม่พอดูถูกเราด้วย
อีกอย่าง เสียใจ เสียความรุ้สึก ขวัญเสีย ซวยซ้ำซวยซ้อน รองเท้าหายอีก #ชาตินี้ขอไม่ไปเหยียบอีกเลยเกาหลี
อ้อ!!!เพื่อนเราต้องหาที่พักในราคา คืนละ 3 พันบาทไทย พร้อมเลื่อนตั๋วกลับไทยอีกวันเลยค่ะ ทำไงได้อ่าค่ะ วางแผนด้วยกันแล้ว ภาษาอังกฤษเค้าก็ไม่แข็งด้วย เลยทำให้หมด อารมณ์การเที่ยว บินกลับไทยเลยค่ะ ค่าใช้จ่ายที่เสียไป ไม่ต่ำกว่าสี่หมื่น พร้อมตั๋วเครื่องบินไปกลับ นี่ยังไม่รวมที่ต้องขาดทุนเอาเงินไปแลกเป็นเงินบาทอีกนะคะ
เลยอยากจะเตือนเพื่อนๆคนไทยด้วยกัน อยากจะให้ตัดสินใจดีๆก่อนจะไปเที่ยวเกาหลีนะคะ ต่อให้ไปเอง หรือไปกับกรุ๊ปทัวร์ ไปกับครอบครัว โดนหมดค่ะ ไม่มีเกณฑ์ตัดสิน มีแต่ดวงล้วนๆค่ะ คิดเอานะคะ ขนาดเด็กเล็ก เด็กน้อยก็ยังโดนอ่าค่ะ เสียใจ เสียความรู้สึกจิงๆ
ขอบคุณนะคะ ที่สละเวลามาอ่านกระทุ้นี้ อาจจะวกวนไปหน่อย แต่ก็อยากฝากให้ตัดสินใจดีๆก่อนเสียเงินไปเที่ยวค่ะ
*เนื้อหาที่เขียนมาทั้งหมด เป็นเพียงเหตุการณ์ที่เราเจอกับตัวเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาห้ามใครๆไปเที่ยวนะคะ
ปล. 1. รูปภาพไม่มีประกอบค่ะ เพราะ ตม. ห้ามถ่ายอ่าค่ะ บางคนถ่าย มันดึงโทรศัพท์ไปจากมือแล้วลบเลยนะคะ
2. แต่งตัวไม่โป๊ เสื้อยืด+กางเกงยีนส์+ร้องเท้าผ้าใบ ผมดำ ไม่แต่งหน้าจัด!
3. พูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ