คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
น้ำเปล่าที่ใช้ต้มสองตัวนี้ดีที่สุด
เพราะคุณคุมปริมาณยา สารเคมีที่ออกมาจากสองอย่างนี้ได้ยาก
หัดนิสัยดื่มน้ำเปล่าจะดีกว่า หัดดืมสองอย่างนี้โดยมีเป้าหมายเป็นยาเบาหวาน
ถ้าดื่มเพราะชอบ หรือเสริมเล็กๆน้อยๆก็ไม่เป็นไร แต่อย่าเอาเบาหวานไปคิดด้วยเพราะมันทำให้ควบคุมยาก
หมอที่รักษาคุณก็ งง ไม่รู้ว่าจะรักษาวินัยคุณอย่างไร คือเบาหวานนี้มันขึ้นกับวินัยมากๆ ในการกำหนดยาให้เหมาะสม
ถ้าจะดื่มเป็นยาเสริม ช่วยลดนิดๆหน่อยๆ จริงๆ ผมไม่ใช้หมอแต่แนะนำว่า
มีวิธีหา คือ รักษาวินัยการกินการใช้ชีวิตให้นิ่งที่สุด กินยาตามปรกติ
เจาะน้ำตาล สอง ชม. หลังอาหาร สาม มื้อ
ทำสัก ห้าวัน เจ็ดวัน จดรายละเอียด หาว่าน้ำตาลมื้อไหนมากกว่ากัน
และต้องมากกว่าค่ากำหนด คือประมาณ 140 ถึงจะกินอย่างอื่นเสริมได้
ถ้าเกิดต่ำอยู่แล้วไปกินยาลดน้ำตาลเพิ่มมันยิ่งอันตราย เสี่ยงต่อค่าน้ำตาลตกได้
คุณจะพบว่าแต่ละคนจะตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน ในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา
ในยาที่มีปริมาณมาตราฐาน ยังตอบสนองไม่นิ่ง ยาที่ไม่นิ่งจะยิ่งให้ผลไม่นิ่ง
แล้วลองดื่ม สักอย่างหนึ่งก่อน แก้วหนึ่ง ในมื้อนั้นๆที่ค่าน้ำตาลสูงที่สุดแค่มื้อเดียว แล้วเจาะ
ดูว่าค่าน้ำตาล สองชมหลังอาหาร ลดไหมเทียบกับไม่ได้กิน สักห้าวัน
ทำสองตัวเลย คุณก็จะพอรู้แล้วว่ามันมีผลจริงๆแค่ไหน คุ้มไหมที่จะกิน
กินแล้วผลลดลงต้องไม่มากเกินไป จนต่ำกว่าค่ามาตราฐาน หรือต่ำกว่าค่าต่ำที่สุดในมื้ออื่นๆที่เคยเจาะมาด้วย
จะได้ไม่มีผลกระทบมากเกินไป
ถ้าจะกินต่อไป ก็ควรกินสลับๆกันในกรณีที่มีผล หรือกินๆหยุดๆบ้าง
เพื่อป้องกันผลกระทบด้านอื่น
อย่ากินมากเกินไปกว่า1แก้วต่อวันแบบที่กินชา กาแฟ หรือนมกล่างหนึ่ง น้ำอัดลมกระป๋องหนึ่ง 350 ml
ต้องชงหรือต้มให้ได้มาตราฐานเท่าๆกันด้วยขนาดกาแฟ ดำ อเมริกาโน่ อย่าเข็มเกินไป
กินแค่มื้อที่น้ำตาลสูงๆที่สุด เช่นทุกวันในมื้อเช้า แนะนำหลังอาหาร จะได้มีน้ำตาลให้ลดแน่ๆ
แล้วพอกินผ่านไปต้องเจาะติดตามผลด้วยสักอาทิตย์ละหน
ถ้าจะกินเกินแก้ว ต้องปรึกษาแพทย์ เอาข้อมูลสถิติที่เจาะไปคุยด้วย
ได้ผลอย่างไรมาเล่าให้อ่านบ้างนะครับ
เพราะคุณคุมปริมาณยา สารเคมีที่ออกมาจากสองอย่างนี้ได้ยาก
หัดนิสัยดื่มน้ำเปล่าจะดีกว่า หัดดืมสองอย่างนี้โดยมีเป้าหมายเป็นยาเบาหวาน
ถ้าดื่มเพราะชอบ หรือเสริมเล็กๆน้อยๆก็ไม่เป็นไร แต่อย่าเอาเบาหวานไปคิดด้วยเพราะมันทำให้ควบคุมยาก
หมอที่รักษาคุณก็ งง ไม่รู้ว่าจะรักษาวินัยคุณอย่างไร คือเบาหวานนี้มันขึ้นกับวินัยมากๆ ในการกำหนดยาให้เหมาะสม
ถ้าจะดื่มเป็นยาเสริม ช่วยลดนิดๆหน่อยๆ จริงๆ ผมไม่ใช้หมอแต่แนะนำว่า
มีวิธีหา คือ รักษาวินัยการกินการใช้ชีวิตให้นิ่งที่สุด กินยาตามปรกติ
เจาะน้ำตาล สอง ชม. หลังอาหาร สาม มื้อ
ทำสัก ห้าวัน เจ็ดวัน จดรายละเอียด หาว่าน้ำตาลมื้อไหนมากกว่ากัน
และต้องมากกว่าค่ากำหนด คือประมาณ 140 ถึงจะกินอย่างอื่นเสริมได้
ถ้าเกิดต่ำอยู่แล้วไปกินยาลดน้ำตาลเพิ่มมันยิ่งอันตราย เสี่ยงต่อค่าน้ำตาลตกได้
คุณจะพบว่าแต่ละคนจะตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน ในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา
ในยาที่มีปริมาณมาตราฐาน ยังตอบสนองไม่นิ่ง ยาที่ไม่นิ่งจะยิ่งให้ผลไม่นิ่ง
แล้วลองดื่ม สักอย่างหนึ่งก่อน แก้วหนึ่ง ในมื้อนั้นๆที่ค่าน้ำตาลสูงที่สุดแค่มื้อเดียว แล้วเจาะ
ดูว่าค่าน้ำตาล สองชมหลังอาหาร ลดไหมเทียบกับไม่ได้กิน สักห้าวัน
ทำสองตัวเลย คุณก็จะพอรู้แล้วว่ามันมีผลจริงๆแค่ไหน คุ้มไหมที่จะกิน
กินแล้วผลลดลงต้องไม่มากเกินไป จนต่ำกว่าค่ามาตราฐาน หรือต่ำกว่าค่าต่ำที่สุดในมื้ออื่นๆที่เคยเจาะมาด้วย
จะได้ไม่มีผลกระทบมากเกินไป
ถ้าจะกินต่อไป ก็ควรกินสลับๆกันในกรณีที่มีผล หรือกินๆหยุดๆบ้าง
เพื่อป้องกันผลกระทบด้านอื่น
อย่ากินมากเกินไปกว่า1แก้วต่อวันแบบที่กินชา กาแฟ หรือนมกล่างหนึ่ง น้ำอัดลมกระป๋องหนึ่ง 350 ml
ต้องชงหรือต้มให้ได้มาตราฐานเท่าๆกันด้วยขนาดกาแฟ ดำ อเมริกาโน่ อย่าเข็มเกินไป
กินแค่มื้อที่น้ำตาลสูงๆที่สุด เช่นทุกวันในมื้อเช้า แนะนำหลังอาหาร จะได้มีน้ำตาลให้ลดแน่ๆ
แล้วพอกินผ่านไปต้องเจาะติดตามผลด้วยสักอาทิตย์ละหน
ถ้าจะกินเกินแก้ว ต้องปรึกษาแพทย์ เอาข้อมูลสถิติที่เจาะไปคุยด้วย
ได้ผลอย่างไรมาเล่าให้อ่านบ้างนะครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อาหารเสริม
โรคเบาหวาน
เป็นเบาหวาน ชาใบหม่อน กับ ปอกะบิด อะไรที่ลดน้ำตาลมากกว่ากันครับและผลข้างเคียง
ผมอ่านค้นๆในเน็ตดูจากการทดลอง ปอกะบิดลดน้ำตาลได้ผลและมีผลกับตับ (ทดลองกับหนู) เลยกลัวๆครับ
ถ้าใบหม่อนลดน้อยกว่าแต่ไม่มีผลต่อตับก็จะได้หันไปกินชาใบหม่อน
รบกวนผู้รู้หน่อยครับ ว่า2ชนิดนี้อันในปลอดภัยกว่ากันครับ