วิเคราะห์! ตัวอย่าง Logan บอกอะไรเราบ้าง ที่นี่มีคำตอบ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ในที่สุดภาพยนตร์เรื่อง Logan หรือ Wolverine 3 ก็ได้ฤกษ์ปล่อยตัวอย่างแรกออกมาอวดโฉมแฟน ๆ กันแล้ว ซึ่งทางนิตยสาร Empire ก็ได้สัมภาษณ์ เจมส์ แมนโกลด์ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ถึงตัวอย่างดังกล่าว ประกอบกับเว็บไซต์อีกหลายแห่งที่ลงข้อมูลเอาไว้ ซึ่งเราขอแตกประเด็นเป็นหัวข้อดังนี้ (ผมสรุปไว้ในความเห็น 6 นะครับ)



เพลงประกอบตัวอย่างภาพยนตร์ที่ทำให้ Logan ต่างจากหนังฮีโร่ทั่วไป

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ตอนเทรลเลอร์ได้เล่นขึ้น เราจะได้ยินเพลง Hurt ของ จอห์นนี่ แคช ประกอบฉากตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งเจมส์ แมนโกลด์ ก็เคยฝากผลงานมาแล้วกับ Walk The Line หนังชีวประวัติของแคช ซึ่งเขาก็บอกเหตุผลถึงการใช้เพลงนี้มาประกอบตัวอย่างหนังไว้ว่า

“แน่นอนว่า ผมชื่นชอบและมีความสัมพันธ์กับจอห์นนี่ แคช รวมไปถึงเพลงของเขา แต่สาเหตุจริง ๆ ที่ทำให้เราตัดสินใจใช้เพลงนี้ก็คือต้องการพยายามแยกหนังของเราให้ออกจากหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่น ๆ ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง”

ก่อนที่เจมส์ แมนโกลด์ จะย้ำอีกว่าเขาต้องทำให้แน่ใจว่าหนังของเขาแตกต่างจากหนังฮีโร่เรื่องอื่น ๆ และการใช้เพลงของแคชก็ทำให้ตัวอย่างหนังเรื่องนี้ต่างจากหนังซุปเปอร์ฮีโร่ระเบิดตูมตามทั่วไป


เป็นไทม์ไลน์หลัง Day of Future Past

เป็นที่รู้กันว่าภาพยนตร์แฟรนไชส์ X-Men มีไทม์ไลน์ที่สลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ไหนจะตอนไตรภาคแรก และยังมีการย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตตอน Day of Future Past ด้วย และใน Logan นี้เจมส์ แมนโกลด์ ก็ออกมาพูดถึงไทม์ไลน์ของเรื่องว่า “เราอยู่ในอนาคต เราได้ผ่านเรื่องตอน Day of Future Past มาแล้ว”


ทำไมมิวแทนท์ถึงหายไปไหน ?

ในตัวอย่างนี้เราจะได้ยินชาร์ล ซาเวียร์ถามวูฟเวอร์รีนว่า “โลแกน คุณทำอะไรลงไป” ซึ่งเขาก็ได้คำตอบกลับมาว่า “ชาร์ล โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้มิวแทนท์หมดไปจากโลก” ประเด็นก็คือทำไมมิวแทนท์ถึงหายไป แม้แต่โดนัลด์ เพียร์ซ ที่มีข่าวจะมาเป็นตัวร้ายของเรื่องก็ยังเป็นหุ่นยนต์ และถ้าอ้างอิงในคอมิค Old Man Logan ที่ใช้เป็นเส้นเรื่องในภาคนี้คนที่ทำให้มิวแทนท์หมดบ้านก็คือ วูฟเวอร์รีน เอง เนื่องจากโดนมิสเตริโอสร้างภาพลวงตา ให้วูฟเวอร์รีนเห็นเพื่อนเอ็กซ์เมนเป็นศัตรู

นอกจากนี้ในคอมิคเรื่อง House of M สการ์เลตวิทซ์แม่หมดแห่งจักรวาล Marvel ก็เสกให้มิวแทนท์ทุกคนหายไปโดยการเอ่ยคำว่า “No More Mutants”  หรือไม่ทางค่ายอาจเปลี่ยนให้เป็นจีน เกรย์ เวอร์ชั่นฟินิกส์ มารับหน้าที่นี้แทน เพราะเราก็เห็นเธอจัดการกับอโพคาลิปส์ด้วยตัวคนเดียวมาแล้ว

อีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือมิวแทนท์อาจโดนไลฆ่าโดยมนุษย์เหมือนอย่างที่เราเห็นใน Day of Future Past อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ยังมีมิวแทนท์อยู่อีกคนหนึ่ง นั่นคือ คาลิบาน คนที่จะมาช่วยวูฟเวอร์รีนทำภารกิจ


เรื่องนี้ต้องมีคนตาย

ในเทรลเลอร์มีฉากหนึ่งที่วูฟเวอร์รีนยืนจิบเบียร์ใต้ต้นไม้ใกล้กับหลุมฝั่งศพ เท่านั้นยังไม่พอในตอนท้ายเรายังเห็นวูฟเวอร์รีนยืนถือสิ่งที่คล้ายกับจอบขุดหลุมอีกด้วย ซึ่งสามารถตีความได้ว่าเรื่องนี้เราต้องเห็นใครสักคนจากไปอย่างแน่นอน แต่คำถามก็คือคนนั้นคือใครกันละ

ทางเว็บไซต์ comicbook.com จึงได้วิเคราะห์ตัวละครที่มีแววเด๊ดสะมอเร่มาดังนี้ คนแรกก็คือ ชาร์ล ซาเวียร์ ในเทรลเลอร์จะมีฉากหนึ่งที่ชาร์ลเหมือนโดนคนร้ายเอาปืนจี้หัวอยู่ และได้มีพลังอะไรบางอย่างปล่อยออกมา ซึ่งนั่นอาจเป็นพลังครั้งสุดท้ายของชาร์ล ซาเวียร์ ในการช่วยโลแกน

คนที่สองคือคาลิบาน ถึงแม้จะโผล่มาในตัวอย่างไม่กี่วินาที และไม่มีข้อมูลใด ๆ ยืนยันบทบาทที่แน่นอน มีเพียงข่าวลือที่ว่าเขาจะเป็นคนคอยช่วยเหลือวูฟเวอร์รีนเท่านั้น ซึ่งนี้ก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้คาลิบานมีแววจะเสียชีวิตในภาคนี้ เพื่อเพิ่มความดราม่าให้กับเรื่อง

ความเป็นไปได้สุดท้ายก็คืออาจเป็นคนอื่น ๆ ในทีมเอ็กซ์เมน และอาจเป็นฉากแฟลชแบล็ค อย่างที่ได้บอกไปในหัวข้อก่อนหน้านี้วูฟเวอร์รีนได้บอกชาร์ลว่า “มิวแทนท์ หมดไปจากโลกแล้ว” ซึ่งฉากนี้อาจเป็นฉากย้อนอดีตอธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมมิวแทนท์ถึงหายไป


ฮีลลิ่งแฟคเตอร์ยังทำงานอยู่ แต่จะทิ้งแผลเป็นไว้

ในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราเห็นวูฟเวอร์รีนมีแผลเป็น ซึ่งเจมส์ แมนโกลด์ ก็พูดถึงประเด็นนี้ไว้ว่าพวกเขาไม่อยากจะนำข้อมูลเก่า ๆ มาสร้างใหม่

“เพื่อที่จะทำให้ Logan เป็นหนังที่ไม่เหมือนใครและมีโทนเรื่องที่แตกต่างจากหนังวูฟเวอร์รีน เรารู้สึกว่าคงจะยึดติดกับธรรมเนียมหนังเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว เพราะงั้นเราเลยตั้งคำถามว่าฮีลลิ่งแฟคเตอร์ของวูฟเวอร์รีนจะรักษาตัวเขาเองโดยไม่มีแผลเป็นได้หรือเปล่า เราคิดว่ามันน่าจะไม่มีแผลเป็นได้นะถ้าตอนนั้นเขายังเด็กอยู่ แต่ตอนนี้เขาแก่ขึ้น แล้วก็ป่วยด้วย”

เจมส์ แมนโกลด์ ยังอธิบายต่ออีกว่าตามความคิดของเขาโลแกนยังคงใช้ฮีลลิ่งแฟคเตอร์ได้ เพียงแค่ประสิทธิ์ภาพบางอย่างลดลง “บางทีฮีลลิ่งแฟคเตอร์ของเขาอาจผลิตหนังนุ่ม ๆ แบบเด็กทารกไม่ได้อีกแล้ว เราเลยคิดว่าโลแกนยังรักษาตัวเองได้เร็วอยู่ แต่จะทิ้งร่องรอยแผลเป็นไว้” ซึ่งเขายังบอกอีกว่าไอเดียนี้ก็คือจะให้ร่างกายของโลแกนเริ่มมีแผลเป็นจากการต่อสู้และปัญหาในอดีตที่ผ่านมา


ความแก่ของชาร์ล ซาเวียร์ พร้อมเรื่องราวหลังเกษียณ
  
อย่างที่ผู้กำกับได้บอกไปว่าเหตุการณ์ใน Logan จะเกิดหลัง Day of Future Past และในตัวอย่างก็เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นเวลาที่ล่วงเลยมานาน (มีรายงานมาว่าจะเป็นปี 2024) สังเกตได้จาก ชาร์ล ซาเวียร์ ที่นอนอยู่บนในห้องคล้ายกับซีรีโบ ที่ดูจะทนทุกข์ทรมานกับสังขารของตน

“เราจะให้ตัวละครพวกนี้อยู่ในสถานการณ์ที่สมจริงขึ้นนิดหน่อย จะมีประเด็นเรื่องอายุ ความหว่าเว้ 'ที่ไหนที่ฉันควรอยู่ ? ฉันยังจำเป็นกับโลกนี้อยู่ไหม ?' ผมเห็นว่ามันมีโอกาสที่จะนำเสนอเรื่องเหล่านี้ เราเคยเห็นพวกเขาออกลีลาแอคชั่นช่วยจักรวาลมาแล้ว แต่จะเกิดอะไรขึ้นละหลังจากที่พวกเขาเกษียณอายุและการงานที่เคยทำอยู่ก็ดันมาจบลง

“สิ่งที่น่าสนใจสำหรับผมก็คือความคิดที่ว่ามิวแทนท์ไม่ได้มีประโยชน์กับโลกนี้อีกแล้ว หรือการที่ไม่รู้ว่าพวกเขายังทำในสิ่งที่เคยทำได้หรือไม่ พลังของพวกเขาลดลงไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น”


เด็กสาวปริศนาที่เหมือนวูฟเวอร์รีน
  
หลังจากมีรูปเด็กสาวปริศนาจากกองถ่ายปล่อยออกมา แฟน ๆ ก็วิเคราะห์กันไปในแนวทางเดียวกันว่าอาจเป็น ลอร่า คินนี่ย์ หรือ X-23 ร่างโคลนของวูฟเวอร์รีนที่มีพลังเหมือนกันแทบทุกอย่างทั้งฮีลลิ่งแฟคเตอร์ และกรงเล็บอดาแมนเที่ยม (แต่ของเธอจะมีสองง่าม) ซึ่งพอตัวอย่างปล่อยออกมาก็มีความเป็นไปได้สูงขึ้น เพราะชาร์ล ซาเวียร์ ได้พูดกับโลแกนถึงเด็กคนนี้ไว้ว่า “เธอเหมือนนายมาก เหมือนมากจริง ๆ”

อย่างไรก็ตามเจมส์ แมนโกลด์ ก็ไม่ได้ออกมายืนยันว่าเธอคือใคร เพียงแต่บอกใบ้อ้อม ๆ ว่าสิ่งที่แฟน ๆ คิดมาถูกทางแล้ว “ผมไม่ได้มาให้สัมภาษณ์เพื่อยืนยันหรือปฏิเสธสิ่งต่าง ๆ แต่ผมว่าสิ่งที่ทุกคนคาดการณ์ไว้มันยอดเยี่ยมมาก ๆ และมันก็บ่งบอกว่าคนดู แฟน ๆ เหล่านี้ปราดเปรื่องมากแค่ไหน ผมไม่คิดว่าพวกเขามาผิดทางนะ”

ทั้งนี้ทางช่อง YouTube ที่ใช้ชื่อ That Hashtag Show ได้ให้ข้อมูลของ ลอร่า คินนี่ย์ หรือ X-23 ที่อิงจากแหล่งข่าวในกองถ่ายว่า เป็นเด็กอายุประมาณ 12 - 15 ปี ที่เติบโตขึ้นในห้องขังโดยปราศจากครอบครัว สื่อสารด้วยภาษามือ เมื่อถูกปล่อยออกมาสู่โลกภายนอก ทุกสิ่งทุกอย่างดูใหม่สำหรับเธอ บางสิ่งที่เราเห็นเป็นเรื่องปกติ กลับทำให้เธอกลัว บางอย่างที่ดูน่าสนใจสำหรับเรา กลับทำให้เธอรู้สึกเบื่อ เธอไม่ถูกฝึกให้เข้าสังคม รับประทานดุจสัตว์ป่า และมักเลียนแบบพฤติกรรมคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตามเธอมีไอคิวที่สูง แต่กลับมีอารมณ์ที่ฉุนเฉียว และดุร้าย

  
ผู้ชายใต้ผ้าปิดปาก

ทางเว็บไซต์ Empire ได้ให้ข้อมูลว่าผู้ชายภายใต้ผ้าปิดปากคือ คาลิบาน ที่แสดงโดย สตีเฟน เมอร์ชานต์ ซึ่งเจมส์ แมนโกลด์ ก็พูดถึงนักแสดงคนนี้ไว้ว่า

“ผมมักจะหาสิ่งที่น่าสนใจในตัวนักแสดงอยู่เสมอ สตีเฟนเขาเป็นคนตัวใหญ่ สิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายหนังกับเขาก็คือตัวละครที่เขาเล่นสูงมากกว่าโลแกน 6 นิ้ว (ประมาณ 15 เซนติเมตร) และก็ตัวใหญกว่าแพททริก (รับบทเป็น ชาร์ล ซาเวียร์) เด็กในเรื่องนี่สูงเท่าเข่าเขาได้ มันเป็นสเกลที่ยอดเยี่ยมเอามาก ๆ”

และจากการให้สัมภาษณ์นี้เองทำให้คอหนังอย่างเราตีความได้ว่าตัวละครตัวนี้จะเข้าฉากร่วมกับโลแกน และชาร์ล ซาเวียร์ ซะส่วนใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือมาว่าคาลิบานจะเป็นตัวละครที่มาช่วยโลแกน ดูแลอาการป่วยของชาร์ล

และเมื่ออ้างอิงตามคอมิค คาลิบานปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะมอร์ล็อค เผ่าพันธุ์มิวแทนท์ที่อาศัยอยู่ในท่อระบายน้ำ เขามีความสัมพันธ์กับทีมเอ็กซ์เมนอย่างยาวนาน ความสามารถของคาลิบานคือการติดตามหรือสะกดรอยมิวแทนท์คนอื่น ๆ นอกจากนี้เขายังสามารถเปลี่ยนความรู้สึกอารมณ์รอบตัวให้เป็นพลังทางกายภาพได้อีกด้วย

ทั้งนี้ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์คาลิบานเคยปรากฏตัวไปไม่นานในเรื่อง X-Men: Apocalypse ในฉากที่อโพคาลิปส์ไปหาไซล็อค ซึ่งตอนนั้นคนที่รับบทคาลิบานคือโทมัส เลอมาร์กิ




โดนัลด์ เพียร์ซ และ รีเวอร์

ถึงแม้เจมส์ แมนโกลด์ ผู้กำกับของเรื่องจะไม่ได้ออกมายืนยันว่าใครจะเป็นวายร้ายของภาค แต่น่าจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าวายร้ายหลักก็คือ โดนัลด์ เพียร์ซ เนื่องจากในคอมิคตัวร้ายตัวนี้จะเป็นไซบอร์ก และในตัวอย่างก็มือของเขาก็เป็นหุ่นยนต์อีกด้วย นอกจากนี้ทาง IG ที่ชื่อ wponx ยังได้ปล่อยภาพของ รีเวอร์ ออกมา โดยรีเวอร์นี้ปรากฏตัวครั้งแรกในจักรวาล Marvel จากคอมิค Uncanny X-Men #229 เมื่อปี 1988 ในบทแก๊งทหารหุ่นยนต์รับจ้าง ที่อยู่ในการดูแลของ โดนัลด์ เพียร์ซ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่