เรื่องเล่าแมว 9 ชีวิตนี้เป็นเรื่องของเสือขาว แมวหนุ่ม อายุย่างเข้า 8 ปี ที่ผ่านประสบการณ์เฉียดตายมายหลายครั้ง
เพื่อเป็นกำลังใจให้ ทาสแมว ที่เลี้ยงกันเหมือนลูก ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากต่างๆ
เกริ่นก่อนเล็กน้อย เสือขาวเป็นแมวที่เก็บมาเลี้ยง เนื่องจากแมวที่บ้านต่างจังหวัดคลอด ประกอบกับ เรามาเรียนที่กรุงเทพ
จึงได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ลืมตา มาเป็นคู่ เสือขาวและคุโร่ ที่เป็นทั้งพี่น้อง และสามีภรรยา(โดยไม่ได้ตั้งใจ)
ตอนมาอยู่ในห้องพักเล็กๆ แต่ด้วยมาตั้งแต่ลืมตา ห้องนี้จึงเป็นโลกทั้งใบ ที่มีกันและกันแค่นี้ ไม่เคยร้องขอออกนอกห้อง
จนอายุถึงวัยก็กลายเป็นสามีภรรยาโดยไม่ได้ตั้งใจ พร้อมลูกเล็กๆ 2 ตัว ที่หาคนอุปการะเรียบร้อยแล้ว
ทุกวันทุกคืน จะมีแค่แมว 2 ตัวและทาสแมว กิน นอน ด้วยกันในห้องเล็กๆ ด้วยความที่เป็นนิสิตเงินน้อย
สมัยนั้นจึงทำได้แค่ซื้ออาหารแมวระดับกลางๆ จนกระทั่งเข้าสู่ การใช้ชีวิตที่ 1
โรคนิ่ว หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
เมื่อกินแต่อาหารที่รสเค็มจัด และคุณภาพไม่ดีนัก จึงเริ่มออกอาการเมื่ออายุ 2-3 ขวบ มีอาการ นั่งฉี่นาน
บางครั้งก็เป็นเลือดปน สังเกตุได้เพราะ แมวขับถ่ายในห้องน้ำ ไม่ได้ใช้กระบะทราย จึงไม่มีกลิ่นเหม็น เพราะเก็บทุกครั้ง
ขับถ่ายเป็นเวลา จึงต้องหอบใส่กระเป๋าใบโต ขับมอเตอร์ไซต์ไปหาหมอ เพราะยังไม่มีรถขับ ทำการผ่าตัดจนหายดี
โดยมีคุโร่คอยเฝ้าเลียตัวให้ตลอดเวลา จนกระทั่งยาสลบหมดฤทธิ์ และกลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง
พร้อมกับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น เพราะต้องเปลี่ยนอาหารเป็นเกรดที่ดีกว่าเดิม
จนกระทั่งทำงาน และพอจะมีฐานะ จึงเริ่มขยับขยายซื้อบ้าน เพื่อจุดประสงค์เดียวคือ อยากให้ลูกมีพื้นที่กว้างๆ
เมื่อย้ายเข้ามาบ้านใหม่ ก็ต้องทำงานมากขึ้น ไม่ได้ออกสาย กลับเร็วเหมือนสมัยเรียน ต้องทำงาน ทำโอที เพื่อหาเงิน
อยากให้ลูกๆ สบาย ซื้อของเล่นแมวอันใหญ่ ปลอกคอ หลากสี เสื้อผ้า เบาะนอน แต่แล้วการใช้ชีวิตที่ 2 ก็มาอยู่ดี
ลูคีเมีย
เนื่องจากอยู่ๆวันนึงก็ป่วย ตัวร้อนไม่มีสาเหตุ จึงพาไปหาคุณหมอ แบบมีรถขับ ไม่ต้องหอบใส่กระเป๋าแล้ว จากที่คิดว่าเป็นไข้ธรรมดา
กลายเป็นภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีปัญหาเม็ดเลือดขาว หรือเรียกง่ายๆก็ ลูคีเมีย ตอนนั้นเสียใจมาก ผลเนื่องมาจาก ตอนเด็กๆ ไม่ได้วัคซีน
เพราะไม่มีเงิน ยังเรียนอยู่ แต่ก็คิดว่าเลี้ยงระบบปิด 100% คงไม่เป็นไร หาข้อมูลต่างๆ มากมาย คิดว่าจะเสียเค้าไปแล้ว
บอกหมอว่าทำยังไงก็ได้ เราจะทำ ยาอะไรดีเราจะจ่าย รู้ว่าไม่หาย แต่เราจะทำทุกทาง
กลับถึงบ้านวันนั้น น้ำตาไหล ทำไมต้องเป็นโรคนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องเข้มแข็ง เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือกำลังใจที่ดี อารมณ์ดี
อาหารดี ช่วงนั้นไปหาหมอแทบทุกอาทิตย์ ค่าเลือดแดงตกลงไปมาก เพราะยืนยันว่าจะไม่แอดมิด ลูกเราเครียดแน่นอน
โชคดีที่เสือขาวตอบสนองต่อยาทุกอย่าง และได้อยู่กับคุโร่ เพราะเราไม่ยอมแยก เราบอกหมอว่ายังไงก็แยกไม่ได้
อยู่กันมา 6-7 ปีมีกันแค่ 2 ตัว แต่ก็พยายามแยกน้ำและอาหาร จนกระทั่งเสือขาวดีขึ้นเรื่อยๆ จนเลือดทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ปกติ
เลยใช้วิธีตรวจเลือดเดือนละครั้งและ 6 เดือนครั้ง
จนกระทั่งวันนึงเมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว อยู่ๆคุโร่ ก็จากไปอย่างกระทันหัน ป่วย 1 วัน เลือดแดงลด ถ่ายเลือดไม่ทัน
แม้แต่เราเองก็ทำใจไม่ได้ เชื่อว่าเสือขาวก็เช่นกัน เพราะโลกทั้งใบของมันก็มีแต่คุโร่ แมวคู่บุญ ที่กินด้วยกัน นอนด้วยกันมา 6-7 ปี
จากนั้นเลยคิดว่าคงเพราะความเครียด เพราะโรคที่ 3 นี้มักเกิดจากความเครียดทำให้ภูมิตก เสือขาวมีอาการท้องป่องแบบผิดสังเกตุ
FIP ชีวิตที่ 3
หลังจากคุโร่ไปแค่ 2-3 อาทิตย์ เสือขาวก็มีอาการท้องป่อง ซึม จึงพาไปหาหมออีกครั้ง คราวนี้หมอบอกว่าน่าจะเป็น FIP
เหมือนโดนทำร้ายซ้ำอีกครั้ง กลับถึงรถน้ำตาไหล รอดจากลูคีเมียมาได้ไม่นาน เรื่องคุโร่ก็ทำใจไม่ได้ เสือขาวก็มาเป็น FIP
วันนั้นเจาะน้ำออกทันที 100 cc บอกหมอทำยังไงก็ได้ รู้ว่าไม่หายแต่จะพยุงให้ดีที่สุด และไม่แอดมิด เพราะถ้าแอดมิดเครียดแน่
วันนั้นกลับมาร้องไห้สุดๆ หลังจากร้องไห้เรื่องคุโร่มาแล้ว เราไม่อยากเสียเค้าไปอีก เราทำใจไม่ได้
สิ่งที่คิดได้ตอนนั้นคือเราน่าจะทำพลาดไป การที่มีบ้านหลังใหญ่ๆ ที่วิ่งมากๆ ไม่ได้ทำให้เค้ามีความสุขมากนัก แต่สิ่งสำคัญ
คือเมื่อก่อน 4-5 ปี เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ทั้งกินทั้งนอน เราเป็นโลกทั้งใบของเค้า แต่พอมีบ้าน เริ่มมีความห่าง เริ่มไม่ให้นอนด้วย
เริ่มทำงานหนัก เหนื่อย ออกเช้า กลับดึก กลับมาถึงก็ขึ้นนอนเลย แยกห้องกันอีก เรานี่เป็นโลกทั้งใบที่ใช้ไม่ได้เลย
ตอนนี้เรากลับมานอนด้วยกันอีกครั้ง อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ดึกแค่ไหนก็ต้องเล่นด้วยกัน แพลนไปเที่ยวของเรายกเลิกทั้งหมด
ตอนนี้ผ่านมา 1 เดือนแล้ว เสือขาวหาหมอทุกอาทิตย์ อาหารเปลี่ยนเป็น premium พร้อมกับต้องกินยาทุกวัน เช้าและเย็น
อาหารมีทุกแบบทั้งเปียก ทั้งเม็ด ทั้งขนม อะไรก็ได้ขอให้เค้ากินได้ เช็ดตัวทุกวัน วัดไข้จดบันทึก เอาไว้ให้หมอพิจารณาร่วมด้วยทุกวัน
ทำทุกอย่างที่พอทำได้ ตอนนี้เสือขาวผอมลงมาก จาก 6.8 เหลือ 5.4 ภายใน 1 เดือน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็จะพยายามอย่างถึงที่สุด
กระทู้นี้ไม่ได้มีสาระมากนักเกี่ยวกับโรค หลายๆที่คงมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อยากจะบอกว่าสำคัญมากๆ คือความเอาใจใส่
เราอาจจะละเลยไปบ้างจากการทำงานหนัก แต่สิ่งที่สำคัญคือในการเกิดโรคแต่ละครั้ง เราสังเกตุได้เร็ว
ตอนแรกหมอไม่ได้มองว่าท้องป่องมาก อาจจะอ้วนเฉยๆ แต่เราจับทุกวัน บอกเลยว่าไม่เหมือนเดิม นำไปสู่การเอ็กสเรย์จึงรู้ผล
หรือตอนเป็นลูคีเมีย ก็ถึงมือหมอได้ไวเพราะตัวร้อนผิดปกติ
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือความเครียดของแมว เพราะเครียดเมื่อไร ภูมิตกทันทีและพร้อมจะเป็นได้หลายๆ โรค ดังนั้นสภาพแวดล้อม
สำคัญมากๆ รวมทั้งความเอาใจใส่ ทุกครั้งที่หาหมอ เราเข้าไปในห้องตรวจ หาข้อมูลมาก่อนบ้าง เพื่อให้คุยกับหมอรู้เรื่อง
ดูภาพเอ็กสเรย์ สังเกตุผลอัลตร้าซาวน์ เพราะคลินิกอาจจะไม่ใช่หมอคนเดิม แต่เราคนเดิม คือคนที่จำได้ เพราะบางครั้งถ้าหมอคนก่อน
บันทึกผลการตรวจไม่ละเอียด เรานี่แหละต้องเป็นคนคุยกับหมด จดจำยาทุกตัวที่ต้องกิน ความสำคัญของยา
ลำดับก่อนหลัง ทำไมต้องกินตัวนี้ตัวนั้น เพราะหลายครั้งเราก็ต้องปรับสูตรเอง ตามเวลาที่สะดวก ไม่ใช่ตามที่หมอสั่งเสมอ
แต่ก็มีการพูดคุยว่ายืดหยุ่นอะไรได้บ้างอะไรไม่ได้ รวมถึงอาหารการกิน เรียกได้ว่าช่วงนี้หายใจเข้าออกคือเสือขาว
ยาอะไรกินตอนไหน กินข้าวได้มั้ย ถ้าไม่ได้ต้องเปลี่ยน กินน้ำไปเท่าไรเทียบกับน้ำหนักตัวไม่งั้นขาดน้ำ ต้องป้อนเพิ่ม
สิ่งที่เราทำคือพยายามทำให้ดีที่สุด และหวังว่าเค้าจะอยู่กับเราไปนานๆ ตอนนี้ดีขึ้นมาก ทั้งผลเลือดและน้ำ ที่ไม่ออกมาก
เท่าเดิมไม่ค่อยเพิ่ม จึงไม่ต้องเจาะอีก ใช้วิธีกินยาแทน และเพราะตอบสนองต่อยาที่กิน ก้เลยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้เลี้ยง อย่าหมดกำลังใจ อย่าท้อ เพราะแมวของเรายิ่งใกล้ชิดมากเท่าไร เค้าจะยิ่งสัมผัสได้ ถ้าเราพยายาม
ในทุกๆวัน เชื่อว่า ลูกของเราก็จะพยายามเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่ชีวิต แต่เราจะดูแลเค้าให้ดีที่สุด
เรื่องเล่าเสือขาว แมว 9 ชีวิต (นิ่ว ลูคีเมีย FIP)
เพื่อเป็นกำลังใจให้ ทาสแมว ที่เลี้ยงกันเหมือนลูก ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากต่างๆ
เกริ่นก่อนเล็กน้อย เสือขาวเป็นแมวที่เก็บมาเลี้ยง เนื่องจากแมวที่บ้านต่างจังหวัดคลอด ประกอบกับ เรามาเรียนที่กรุงเทพ
จึงได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ลืมตา มาเป็นคู่ เสือขาวและคุโร่ ที่เป็นทั้งพี่น้อง และสามีภรรยา(โดยไม่ได้ตั้งใจ)
ตอนมาอยู่ในห้องพักเล็กๆ แต่ด้วยมาตั้งแต่ลืมตา ห้องนี้จึงเป็นโลกทั้งใบ ที่มีกันและกันแค่นี้ ไม่เคยร้องขอออกนอกห้อง
จนอายุถึงวัยก็กลายเป็นสามีภรรยาโดยไม่ได้ตั้งใจ พร้อมลูกเล็กๆ 2 ตัว ที่หาคนอุปการะเรียบร้อยแล้ว
ทุกวันทุกคืน จะมีแค่แมว 2 ตัวและทาสแมว กิน นอน ด้วยกันในห้องเล็กๆ ด้วยความที่เป็นนิสิตเงินน้อย
สมัยนั้นจึงทำได้แค่ซื้ออาหารแมวระดับกลางๆ จนกระทั่งเข้าสู่ การใช้ชีวิตที่ 1
โรคนิ่ว หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
เมื่อกินแต่อาหารที่รสเค็มจัด และคุณภาพไม่ดีนัก จึงเริ่มออกอาการเมื่ออายุ 2-3 ขวบ มีอาการ นั่งฉี่นาน
บางครั้งก็เป็นเลือดปน สังเกตุได้เพราะ แมวขับถ่ายในห้องน้ำ ไม่ได้ใช้กระบะทราย จึงไม่มีกลิ่นเหม็น เพราะเก็บทุกครั้ง
ขับถ่ายเป็นเวลา จึงต้องหอบใส่กระเป๋าใบโต ขับมอเตอร์ไซต์ไปหาหมอ เพราะยังไม่มีรถขับ ทำการผ่าตัดจนหายดี
โดยมีคุโร่คอยเฝ้าเลียตัวให้ตลอดเวลา จนกระทั่งยาสลบหมดฤทธิ์ และกลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง
พร้อมกับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น เพราะต้องเปลี่ยนอาหารเป็นเกรดที่ดีกว่าเดิม
จนกระทั่งทำงาน และพอจะมีฐานะ จึงเริ่มขยับขยายซื้อบ้าน เพื่อจุดประสงค์เดียวคือ อยากให้ลูกมีพื้นที่กว้างๆ
เมื่อย้ายเข้ามาบ้านใหม่ ก็ต้องทำงานมากขึ้น ไม่ได้ออกสาย กลับเร็วเหมือนสมัยเรียน ต้องทำงาน ทำโอที เพื่อหาเงิน
อยากให้ลูกๆ สบาย ซื้อของเล่นแมวอันใหญ่ ปลอกคอ หลากสี เสื้อผ้า เบาะนอน แต่แล้วการใช้ชีวิตที่ 2 ก็มาอยู่ดี
ลูคีเมีย
เนื่องจากอยู่ๆวันนึงก็ป่วย ตัวร้อนไม่มีสาเหตุ จึงพาไปหาคุณหมอ แบบมีรถขับ ไม่ต้องหอบใส่กระเป๋าแล้ว จากที่คิดว่าเป็นไข้ธรรมดา
กลายเป็นภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีปัญหาเม็ดเลือดขาว หรือเรียกง่ายๆก็ ลูคีเมีย ตอนนั้นเสียใจมาก ผลเนื่องมาจาก ตอนเด็กๆ ไม่ได้วัคซีน
เพราะไม่มีเงิน ยังเรียนอยู่ แต่ก็คิดว่าเลี้ยงระบบปิด 100% คงไม่เป็นไร หาข้อมูลต่างๆ มากมาย คิดว่าจะเสียเค้าไปแล้ว
บอกหมอว่าทำยังไงก็ได้ เราจะทำ ยาอะไรดีเราจะจ่าย รู้ว่าไม่หาย แต่เราจะทำทุกทาง
กลับถึงบ้านวันนั้น น้ำตาไหล ทำไมต้องเป็นโรคนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องเข้มแข็ง เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือกำลังใจที่ดี อารมณ์ดี
อาหารดี ช่วงนั้นไปหาหมอแทบทุกอาทิตย์ ค่าเลือดแดงตกลงไปมาก เพราะยืนยันว่าจะไม่แอดมิด ลูกเราเครียดแน่นอน
โชคดีที่เสือขาวตอบสนองต่อยาทุกอย่าง และได้อยู่กับคุโร่ เพราะเราไม่ยอมแยก เราบอกหมอว่ายังไงก็แยกไม่ได้
อยู่กันมา 6-7 ปีมีกันแค่ 2 ตัว แต่ก็พยายามแยกน้ำและอาหาร จนกระทั่งเสือขาวดีขึ้นเรื่อยๆ จนเลือดทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ปกติ
เลยใช้วิธีตรวจเลือดเดือนละครั้งและ 6 เดือนครั้ง
จนกระทั่งวันนึงเมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว อยู่ๆคุโร่ ก็จากไปอย่างกระทันหัน ป่วย 1 วัน เลือดแดงลด ถ่ายเลือดไม่ทัน
แม้แต่เราเองก็ทำใจไม่ได้ เชื่อว่าเสือขาวก็เช่นกัน เพราะโลกทั้งใบของมันก็มีแต่คุโร่ แมวคู่บุญ ที่กินด้วยกัน นอนด้วยกันมา 6-7 ปี
จากนั้นเลยคิดว่าคงเพราะความเครียด เพราะโรคที่ 3 นี้มักเกิดจากความเครียดทำให้ภูมิตก เสือขาวมีอาการท้องป่องแบบผิดสังเกตุ
FIP ชีวิตที่ 3
หลังจากคุโร่ไปแค่ 2-3 อาทิตย์ เสือขาวก็มีอาการท้องป่อง ซึม จึงพาไปหาหมออีกครั้ง คราวนี้หมอบอกว่าน่าจะเป็น FIP
เหมือนโดนทำร้ายซ้ำอีกครั้ง กลับถึงรถน้ำตาไหล รอดจากลูคีเมียมาได้ไม่นาน เรื่องคุโร่ก็ทำใจไม่ได้ เสือขาวก็มาเป็น FIP
วันนั้นเจาะน้ำออกทันที 100 cc บอกหมอทำยังไงก็ได้ รู้ว่าไม่หายแต่จะพยุงให้ดีที่สุด และไม่แอดมิด เพราะถ้าแอดมิดเครียดแน่
วันนั้นกลับมาร้องไห้สุดๆ หลังจากร้องไห้เรื่องคุโร่มาแล้ว เราไม่อยากเสียเค้าไปอีก เราทำใจไม่ได้
สิ่งที่คิดได้ตอนนั้นคือเราน่าจะทำพลาดไป การที่มีบ้านหลังใหญ่ๆ ที่วิ่งมากๆ ไม่ได้ทำให้เค้ามีความสุขมากนัก แต่สิ่งสำคัญ
คือเมื่อก่อน 4-5 ปี เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ทั้งกินทั้งนอน เราเป็นโลกทั้งใบของเค้า แต่พอมีบ้าน เริ่มมีความห่าง เริ่มไม่ให้นอนด้วย
เริ่มทำงานหนัก เหนื่อย ออกเช้า กลับดึก กลับมาถึงก็ขึ้นนอนเลย แยกห้องกันอีก เรานี่เป็นโลกทั้งใบที่ใช้ไม่ได้เลย
ตอนนี้เรากลับมานอนด้วยกันอีกครั้ง อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ดึกแค่ไหนก็ต้องเล่นด้วยกัน แพลนไปเที่ยวของเรายกเลิกทั้งหมด
ตอนนี้ผ่านมา 1 เดือนแล้ว เสือขาวหาหมอทุกอาทิตย์ อาหารเปลี่ยนเป็น premium พร้อมกับต้องกินยาทุกวัน เช้าและเย็น
อาหารมีทุกแบบทั้งเปียก ทั้งเม็ด ทั้งขนม อะไรก็ได้ขอให้เค้ากินได้ เช็ดตัวทุกวัน วัดไข้จดบันทึก เอาไว้ให้หมอพิจารณาร่วมด้วยทุกวัน
ทำทุกอย่างที่พอทำได้ ตอนนี้เสือขาวผอมลงมาก จาก 6.8 เหลือ 5.4 ภายใน 1 เดือน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็จะพยายามอย่างถึงที่สุด
กระทู้นี้ไม่ได้มีสาระมากนักเกี่ยวกับโรค หลายๆที่คงมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อยากจะบอกว่าสำคัญมากๆ คือความเอาใจใส่
เราอาจจะละเลยไปบ้างจากการทำงานหนัก แต่สิ่งที่สำคัญคือในการเกิดโรคแต่ละครั้ง เราสังเกตุได้เร็ว
ตอนแรกหมอไม่ได้มองว่าท้องป่องมาก อาจจะอ้วนเฉยๆ แต่เราจับทุกวัน บอกเลยว่าไม่เหมือนเดิม นำไปสู่การเอ็กสเรย์จึงรู้ผล
หรือตอนเป็นลูคีเมีย ก็ถึงมือหมอได้ไวเพราะตัวร้อนผิดปกติ
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือความเครียดของแมว เพราะเครียดเมื่อไร ภูมิตกทันทีและพร้อมจะเป็นได้หลายๆ โรค ดังนั้นสภาพแวดล้อม
สำคัญมากๆ รวมทั้งความเอาใจใส่ ทุกครั้งที่หาหมอ เราเข้าไปในห้องตรวจ หาข้อมูลมาก่อนบ้าง เพื่อให้คุยกับหมอรู้เรื่อง
ดูภาพเอ็กสเรย์ สังเกตุผลอัลตร้าซาวน์ เพราะคลินิกอาจจะไม่ใช่หมอคนเดิม แต่เราคนเดิม คือคนที่จำได้ เพราะบางครั้งถ้าหมอคนก่อน
บันทึกผลการตรวจไม่ละเอียด เรานี่แหละต้องเป็นคนคุยกับหมด จดจำยาทุกตัวที่ต้องกิน ความสำคัญของยา
ลำดับก่อนหลัง ทำไมต้องกินตัวนี้ตัวนั้น เพราะหลายครั้งเราก็ต้องปรับสูตรเอง ตามเวลาที่สะดวก ไม่ใช่ตามที่หมอสั่งเสมอ
แต่ก็มีการพูดคุยว่ายืดหยุ่นอะไรได้บ้างอะไรไม่ได้ รวมถึงอาหารการกิน เรียกได้ว่าช่วงนี้หายใจเข้าออกคือเสือขาว
ยาอะไรกินตอนไหน กินข้าวได้มั้ย ถ้าไม่ได้ต้องเปลี่ยน กินน้ำไปเท่าไรเทียบกับน้ำหนักตัวไม่งั้นขาดน้ำ ต้องป้อนเพิ่ม
สิ่งที่เราทำคือพยายามทำให้ดีที่สุด และหวังว่าเค้าจะอยู่กับเราไปนานๆ ตอนนี้ดีขึ้นมาก ทั้งผลเลือดและน้ำ ที่ไม่ออกมาก
เท่าเดิมไม่ค่อยเพิ่ม จึงไม่ต้องเจาะอีก ใช้วิธีกินยาแทน และเพราะตอบสนองต่อยาที่กิน ก้เลยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้เลี้ยง อย่าหมดกำลังใจ อย่าท้อ เพราะแมวของเรายิ่งใกล้ชิดมากเท่าไร เค้าจะยิ่งสัมผัสได้ ถ้าเราพยายาม
ในทุกๆวัน เชื่อว่า ลูกของเราก็จะพยายามเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่ชีวิต แต่เราจะดูแลเค้าให้ดีที่สุด